Xiaomi เปิดตัวชิปของตัวเองตัวแรกในชื่อรุ่น Surge S1 เป็นชิป Cortex-A53 8 คอร์ ทำงานที่สัญญาณนาฬิกาสูงสุด 2.2 GHz พร้อมกราฟิก Mali-T860

ตัวชิปผลิตด้วยเทคโนโลยี 28 นาโนเมตร มีตัวประมวลผลเสียง 32 บิตในตัว และส่วนประมวลผลภาพที่ความละเอียดสี 14 บิต, พร้อมกับความสามารถในการอัพเกรดซอฟต์แวร์ใน baseband, และระบบรักษาความปลอดภัยในชิป

โทรศัพท์ตัวแรกที่จะใช้ Surge S1 คือ Mi 5c โดย 4 คอร์แรกทำงานที่ 2.2 GHz และอีกสี่คอร์ทำงานที่ 1.4 GHz หน้าจอ 5.15 นิ้วความสว่าง 550 nit แรม 3 GB หน่วยความจำ eMMC 64 GB กล้อง 12 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.25 ไมครอน แบตเตอรี่ 2860 mAh ราคา 1,499 หยวน (ประมาณ 8,000 บาท)

ที่มา - MIUI

Digitimes รายงานว่า ตอนนี้ Xiaomi เตรียมตัวที่จะขยายไลน์การผลิตสินค้าของตัวเอง เพื่อแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่สัญชาติเดียวกันอย่าง Huawei, Oppo หรือ Vivo

ก่อนหน้านี้ ภายใต้การนำของ Hugo Barra ตำแหน่งรองประธาน Xiaomi Global ทางบริษัทตั้งใจจะทำให้มือถือมีราคาถูก, มีไลน์สินค้าน้อย และขายได้แต่ละรุ่นนาน ๆ แต่ตอนนี้ Xiaomi กำลังจะปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยจะเปิดตัวสินค้ามากขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าน่าจะเป็นการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับกลางและระดับสูงเป็นจำนวนมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ตามทันผู้ผลิตรายอื่นจากจีน

ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนท็อปๆ ของตลาดทั้งแอปเปิลและซัมซุง ต่างก็พัฒนาชิปเซ็ตของตัวเองขึ้นมาใช้เอง ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนร่วมชาติอย่าง Huawei ก็มีชิปเซ็ต Kirin ทำให้ Xiaomi ที่ต้องการจะแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก Huawei ในจีนรวมถึงมีพื้นที่บนตลาดสมาร์ทโฟนโลก เตรียมจะเปิดตัวชิปเซ็ตที่พัฒนาขึ้นเองภายในเดือนหน้า

Wall Street Journal รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ว่า ชิปเซ็ตของ Xiaomi มีชื่อว่า Pinecone เพื่อมาใช้แทนชิปเซ็ตจาก Qualcomm สำหรับรุ่นท็อปและ MediaTek สำหรับรุ่นกลางและล่างในระยะยาว ซึ่งหาก Xiaomi เข็นชิปเซ็ตของตัวเองออกมาจริง อย่างน้อยๆ จะช่วยให้สามารถตีตลาดอินเดียได้อีกครั้ง หลังอินเดียมีปัญหาด้านสิทธิบัตรกับ Qualcomm ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปๆ ไม่สามารถนำเข้าไปขายได้

Hugo Barra พูดไว้ในโพสต์ อำลาตำแหน่งรองประธาน Xiaomi Global ว่า "ผมสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า Xiaomi เป็นเสมือนเด็กคนแรกที่ผมทำให้เขาได้เติบโตในตลาดโลก"

ตั้งแต่ปี 2012-2015 ยอดขายสมาร์ทโฟน Xiaomi โตขึ้นหกเท่า โดยใช้กลยุทธ์ขายบนออนไลน์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ในปี 2014-2015 บริษัทมียอดขายในประเทศจีนสูงเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อ Barra เข้ามา เขาก็หวังว่าจะส่งออกแบรนด์ Xiaomi ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก โดยตั้งเป้าที่อินเดียและบราซิลก่อน

ที่อินเดีย Xiaomi สามารถทำยอดขายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และข้อมูลจาก Counterpoint Research ระบุว่าส่วนแบ่ง Xiaomi สูงเป็นอันดับสามของอินเดีย

Hugo Barra อดีตผู้บริหารระดับสูงฝั่ง Android ของ Google ที่ย้ายไปดำรงตำแหน่งรองประธานของ Xiaomi Global ตั้งแต่ปี 2013 ไม่กี่วันมานี้เองมีข่าวลาออกและจะกลับมาอยู่ซิลิคอนวัลเล่ย์ช่วงกุมภาพันธ์นี้

Mark Zuckerberg โพสต์ Facebook วันนี้ว่า Hugo Barra จะเข้ามาร่วมทีม Facebook ดูแลงานด้าน VR ทั้งหมด เขายังบอกด้วยว่ารู้จัก Barra มานานแล้ว โดย Barra เสนอไอเดียกับเขาว่า VR และ AR จะเป็นแพลตฟอร์มหลักในไม่ช้า เขารอไม่ไหวแล้วที่จะได้ร่วมงานกัน ใต้ข้อความยังมีรูปเซลฟี่เขากับ Barra ในรูปแบบ VR ด้วย

Hugo Barra ยังมาคอมเมนท์ใต้โพสต์ของ Mark Zuckerberg ด้วยว่า ขอบคุณและรอไม่ไหวที่จะได้ทำงานด้วยเช่นกัน เขาฝันอยากจะทำ VR/AR มานานตั้งแต่สิ่งเหล่านี้ยังอยู่ในเรื่องไซไฟ เขายังได้เรียนรู้จาก Lei Jun ซีอีโอ Xiaomi ว่า ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่าเทคโนโลยีก้าวหน้า และสามารถทำมันออกมาให้ใช้ได้กับคนจำนวนมาก

Hugo Barra อดีตผู้บริหารระดับสูงฝั่ง Android ของกูเกิล ซึ่งย้ายไปดำรงตำแหน่งรองประธานของ Xiaomi Global ตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจุบัน ประกาศลาออกจาก Xiaomi แล้ว

Barra ประกาศผ่านหน้าเฟซบุ๊กของตนว่าจะลาออกจาก Xiaomi และย้ายกลับมาอยู่ที่ Silicon Valley โดยเขาบอกว่าระยะเวลา 3 ปีครึ่งที่ผ่านมาเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่และท้าทายที่สุดในชีวิตของเขา และขณะนี้ Xiaomi อยู่บนจุดสำคัญในการขยายออกสู่ตลาดโลก

อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานได้ส่งผลต่อสุขภาพของเขา จึงอาจเป็นเหตุผลในการลาออกคราวนี้

ปี 2016 ไม่ใช่ปีที่ดีนักของ Xiaomi แต่ล่าสุดซีอีโอ Lei Jun เขียนโน้ตถึงพนักงาน บอกว่าช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดได้ผ่านไปแล้ว (the worst is over)

Lei Jun ยอมรับว่าในปีก่อนๆ Xiaomi ผลักดันตัวเองเร็วเกินไป (pushed ahead too fast) และในปีนี้ บริษัทจะชะลอจังหวะการเดินในบางด้าน เพื่อปรับปรุงธุรกิจให้ยั่งยืนมากขึ้น เขาบอกว่า Xiaomi จะเปลี่ยนโมเดลการขายมือถือ จากเดิมที่ขายออนไลน์อย่างเดียว ให้มีช่องทางการขายผ่านร้านค้าปลีกออฟไลน์เพิ่มเข้ามาด้วย

ในช่วงหลังมานี้ ยอดขายโทรศัพท์ของ Xiaomi ถือว่าลดลงมาก โดยจากรายงานของ IDC เผยว่า Xiaomi นั้นพลาดเป้ายอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกในปีที่แล้วไป 12% ส่วนในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ร่วงลงไป 45% ซึ่งทำให้นักลงทุนหลายคนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัท

Hugo Barra ผู้บริหารของ Xiaomi จึงได้ให้สัมภาษณ์กับ Reuters โดยกล่าวว่า โมเดลธุรกิจของทางบริษัทนั้นไม่ได้ขึ้นกับเงินที่สร้างได้จากการขายอุปกรณ์พกพาเพียงอย่างเดียว และจะยังไม่มีการเพิ่มทุนใด ๆ และบอกว่าปกติแล้ว Xiaomi ขายอุปกรณ์ให้โดยไม่ได้ทำเงิน แต่สนใจการทำเงินที่จะเกิดขึ้นมาอีกในหลายปีข้างหน้ามากกว่า ดังนั้นทางบริษัทก็จะสามารถขายสมาร์ทโฟนหมื่นล้านเครื่องแต่ก็ไม่ได้สร้างเงินจากการขายเลยก็ได้

ผู้ผลิตมือถือยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Xiaomi เปิดตัว Mouse ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Wireless และ Bluetooth ในตัวเดียวกัน ทำให้สามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องพร้อมๆ กัน

สเปคคร่าวๆ ดังนี้

• ความแม่นยำมากกว่า 95% (1200dpi)
• การเชื่อมต่อแบบ Wireless และ Bluetooth
• วัสดุเป็น aluminum alloy + ABS โดย Xiaomi เคลมว่าตรงฝาด้านบนเป็นวัสดุเดียวกับ Macbook
• น้ำหนัก 77.5 กรัม

Xiaomi เปิดตัว Toy Block ตัวต่ออัจฉริยะที่รองรับการสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน โดยชุดตัวต่อจะมีชิ้นส่วนมาให้หลากหลาย ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนจักรกลอย่างล้อ เฟือง โซ่ เป็นต้น

Xiaomi บอกว่าตัวต่อมาพร้อมกับชิปเซ็ต ARM Cortex-M3 และเซ็นเซอร์ Gyroscope ที่ตรวจจับการหมุนและทิศทางของตัวต่อแบบ 3 แกน ขณะที่โครงสร้างของตัวต่อรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 3 กิโลกรัม

ขณะที่แอพควบคุมรองรับทั้งการสั่งงานเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์และการกำหนดรูปแบบการเคลื่อนไหวล่วงหน้า พร้อมสามารถระบุตำแหน่งและเส้นทางการเคลื่อนที่ของตัวต่อด้วย

Toy Block จะวางจำหน่ายวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ สนนราคาอยู่ที่ 499 หยวนหรือราว 2,500 บาท

Xiaomi เปิดตลาดในสิงคโปร์มาได้พักใหญ่ๆ ผ่านการขายออนไลน์ mi.com/sg ล่าสุดก็ได้ตั้งร้านค้าในชื่อ Mi Store เพื่อเป็นที่ให้ลูกค้าได้ทดลองใช้และเลือกซื้อสินค้าของ Xiaomi ผ่านหน้าร้านนั่นเอง

** คำเตือน : รูปภาพเยอะมาก **

Hugo Barra แห่ง Xiaomi ให้สัมภาษณ์กับ Engadget ถึงแผนการวางขายสมาร์ทโฟนในตลาดสหรัฐที่พูดกันมานานว่า ปีนี้ Xiaomi เริ่มทดสอบอุปกรณ์ตัวเอง (เป็น Mi 5 และ Mi Note 2 รุ่นพิเศษ) กับเครือข่ายโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐแล้ว ถือเป็นก้าวแรกๆ ของบริษัทในการเตรียมพร้อมสู่เปิดตัวสินค้าขายจริงในอนาคต

Barra บอกว่าการนำสมาร์ทโฟนมาขายในสหรัฐต้องระวังเรื่องความเข้ากันได้ของเครือข่ายด้วย ซึ่งเขายกตัวอย่างสมาร์ทโฟนยี่ห้อหนึ่ง (คาดกันว่าเป็น OnePlus X) ที่นำเข้าจากจีนมาขายในสหรัฐ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่รองรับคลื่น Band 17 ที่เครือข่าย LTE ของ AT&T ใช้งาน

Barra ยังไม่บอกว่า Xiaomi จะขายในสหรัฐเมื่อไรกันแน่ บอกแค่ว่าจะขาย "เมื่อพร้อม"

ที่มา - Engadget

นอกจาก Mi Note 2 และ Mi MIX แล้ว วันนี้ Xiaomi ยังเปิดตัว Mi VR แว่นตาเฮ้ดเซ็ต Virtual Reality ของตัวเองพร้อมแพลตฟอร์ม MIUI VR

Xiaomi ระบุว่า Mi VR มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในตัว พร้อม Inertial Motion Controller แบบ 9 แกน ทำให้มีค่า latency ที่ต่ำถึง 16ms ช่วยลดอาการวิงเวียนขณะสวมแว่นและรองรับการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ส่วน MIUI VR ณ ตอนนี้มีแอพ VR อยู่อย่างน้อย 30 แอพและวิดีโออย่างน้อย 500 วิดีโอ

Mi VR รองรับเฉพาะ Mi Note 2, Mi 5s, Mi 5s Plus และ Mi 5 วางจำหน่ายในราคา 199 หยวนหรือประมาณ 1,000 บาท

Xiaomi เปิดตัวโทรศัพท์เพิ่มอีกรุ่น คือ Mi MIX จุดเด่นสำคัญอยู่ที่หน้าจอ 6.4 นิ้วกินพื้นที่ด้านหน้าโทรศัพท์เกือบทั้งเครื่อง คิดเป็นพื้นที่ 91.3% ของด้านหน้าโทรศัพท์ทั้งหมด

การออกแบบเช่นนี้ทำให้ไม่สามารถวางเซ็นเซอร์และไมโครโฟนตามปกติได้ ทาง Xiaomi เลือกใช้เซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิคแทนเซ็นเซอร์ proximity และตัวลำโพงเป็นแบบเซรามิกซ่อนไว้ในเครื่อง พร้อมกับโมดูลกล้องหน้าขนาดเล็กพิเศษวางอยู่ด้านล่าง

ซีพียูเป็น Snapdragon 821 แบตเตอรี่ 4400mAh

รุ่นแรม 4GB หน่วยความจำแฟลช 128GB ราคา 3,499 หยวน และรุ่นแรม 6GB หน่วยวามจำแฟลช 256GB ราคา 3,999 หยวน

Xiaomi เปิดตัว Mi Note 2 จุดเด่นสำคัญคือจอโค้งแบบเดียวกับโทรศัพท์ตระกูล Edge ของซัมซุง โดยทาง Xiaomi ระบุว่าเทคโนโลยีภายในคือจอภาพโค้งงอได้

การออกแบบจอโค้งเช่นนี้ทำให้พื้นที่แสดงผลบนตัวโทรศัพท์สูงถึง 77.2% ตัวจอแสดงสีได้ถึง 110% ของ NTSC garmut ซีพียูใช้ Snapdragon 821 แรม 6GB แบตเตอรี่ 4070mAh รองรับ Quick Charge 3.0

อุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ NFC, ตัวถอดรหัสเสียง 192kHz/24bit และ SAP GPS ที่ Xiaomi ระบุว่าแม่นยำกว่าปกติถึงสี่เท่าตัว กล้องหลัง 22.56 ล้านพิกเซลพร้อมระบบกันสั่น สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลพร้อมระบบออโต้โฟกัส

อัพเดต ข่าวซ้ำนะครับ

เรามักจะรู้จัก Yi จาก Xiaomi ในฐานะกล้อง action camera ที่ราคาไม่แพง ล่าสุด Xiaomi ได้เปิดตัวกล้อง mirrorless ที่มาพร้อมราคา 330 ดอลลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 11,500 บาท) ในชื่อรุ่น M1

กล้อง M1 มาพร้อมเซนเซอร์ Sony IMX269 Micro Four Thirds ขนาด 20 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ขนาด 12-40 มิลลิเมตร รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth LE สำหรับซิงก์ภาพและกดถ่ายรูปผ่านแอพ Yi บนโทรศัพท์ รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K แบบ 30 เฟรมต่อวินาที ตัวกล้องมี 2 สี ได้แก่สีเงิน Ice Silver และสีดำ Storm Black

นอกจากนี้ยังเปิดตัวอุปกรณ์เสริมอย่าง เลนส์ 42.5 มิลลิเมตร, แบตเตอรี่, กระเป๋า, เลนส์กรองแสง UV เริ่มวางจำหน่ายแล้ว ผ่าน Aliexpress

ที่มา - Yi via Neowin

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Xiaomi จะวางขายกล่องทีวี Mi Box ในสหรัฐอเมริกา วันนี้ข่าวอย่างเป็นทางการมาแล้ว โดย Mi Box เวอร์ชันอเมริกาวางขายแล้ววันนี้ผ่านเว็บ Mi.com ในราคา 69 ดอลลาร์ และจะวางขายผ่านร้าน Walmart ด้วย

Mi Box รองรับความละเอียด 4K ที่ 60 fps และมีโหมดแสดงผลตามมาตรฐาน HDR10 ใช้ระบบปฏิบัติการ Android TV และที่สำคัญคือผูกกับบริการของกูเกิลอย่างแนบแน่น ไม่ว่าจะเป็น Google Play, Google voice search, Google Cast สเปกละเอียดอ่านได้จาก ข่าวเก่า

นอกจากสมาร์ทโฟน Mi 5s และ Mi 5s Plus แล้ว Xiaomi ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีก 1 รุ่นพร้อมกันคือสมาร์ททีวี Mi TV 3 แยกเป็นรุ่นใหญ่ 65 นิ้ว และรุ่นเล็ก 55 นิ้ว

Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ Mi 5s และ Mi 5s Plus ซึ่งเป็นเรือธงรุ่นล่าสุดประจำครึ่งหลังของปีนี้

เริ่มจากสเปกของ Mi 5s ดังนี้

• หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdraon 821 รุ่นใหม่ล่าสุด สัญญาณนาฬิกา 2.15GHz
• หน้าจอ 5.15" ความสว่างสูงถึง 600 nit โดยใช้ไฟ LED 16 ดวง
• กล้องที่ใช้ CMOS ขนาด 1/2.3" มีความไวแสงสูง และเซ็นเซอร์ Sony IMX378
• ตัวสแกนลายนิ้วมือด้วยคลื่นเสียง ultrasonic ให้ความแม่นยำมากกว่าตัวสแกนลายนิ้วมือในท้องตลาด
• บอดี้โลหะทั้งตัว, แบตเตอรี่ 3200 mAh พร้อม Quick Charge 3.0
• สตอเรจแบบ UFS 2.0, USB Type C

Xiaomi ได้เปิดตัว Mi Box เซ็ตท็อปบ็อกซ์ที่รัน Android TV ของตัวเองไปในงาน Google I/O ที่ผ่านมา ซึ่งก็ดูจะได้รับความสนใจค่อนข้างมาก แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยวันที่วางจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการ

ล่าสุดเว็บไซต์ TechCrunch รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในของ Xiaomi ว่า Mi Box จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเร็วที่สุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งก็คือเดือนตุลาคม ในสหรัฐและอีกหลายประเทศ โดยราคาค่าตัวคาดว่าไม่น่าจะเกิน 100 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3,500 บาท

ที่มา - TechCrunch

Xiaomi ยังคงเดินหน้าแผนการขยายอาณาจักรเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ภายใต้ Mi Ecosystem (หรือที่เรียกในจีนว่า Mijia) ด้วยผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่าง Mi Robot Vacuum

Mi Robot Vacuum มาพร้อมกับระบบ Laser Distance Sensor (LDS) สำหรับการตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบตัว ซึ่งสามารถสแกนได้ 1,800 รอบต่อวินาที โดยทาง Xiaomi ระบุว่าเป็นเทคโนโลยีที่คล้ายกับที่ใช้ในรถยนต์ไร้คนขับเลยทีเดียว พร้อมด้วยอัลกอริทึมและโปรเซสเซอร์สำหรับวาดแผนที่และคำนวนเส้นทางสำหรับการทำความสะอาด

เพิ่งจะมีข่าวภาพหลุดเรื่องหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นไปเมื่อวาน วันนี้ปุบปับ Xiaomi ก็มาประกาศข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีกกลุ่ม นั่นคือนาฬิกาอัจฉริยะ Amazfit Watch โดยจะเริ่มขายในจีนตั้งแต่วันพรุ่งนี้ สนนราคาเรือนละ 799 หยวน

สำหรับชื่อ Amazfit นั้นเดิมทีเปิดตัวมาตั้งแต่ปีก่อนในฐานะชื่อผลิตภัณฑ์สวมใส่จำพวกเครื่องประดับอัจฉริยะที่ใช้ห้อยคอหรือสวมใส่เป็นสายรัดข้อมือก็ได้ การเพิ่มนาฬิกาข้อมือเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ก็น่าจะทำให้จับตลาดผู้ซื้อได้กว้างกว่าเดิม

ตัว Amazfit Watch นั้นผลิตโดย Huami บริษัทย่อยของ Xiaomi ซึ่งเป็นผู้ผลิตสายรัดข้อมือ Mi Band นั่นเองโดยได้รับความร่วมมือในการพัฒนานาฬิกาจาก Sony, Broadcom และ JDI ด้วย

มีภาพถ่ายส่วนหนึ่งที่หลุดมาชี้ให้เห็นว่า Xiaomi แบรนด์ดังจากจีนกำลังซุ่มทำหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นและพร้อมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในอีกไม่นานนี้แล้ว ซึ่งอาจเร็วถึงขนาดเปิดตัวกันในสัปดาห์นี้

ภาพที่หลุดมา 2 ภาพแรกนั้น เป็นภาพกล่องกระดาษคราฟท์วางเรียงกันอยู่ 3-4 ใบ โดยจะสังเกตเห็นสัญลักษณ์แบรนด์ของ Xiaomi อย่างชัดเจนที่บริเวณด้านข้างกล่องแต่ละใบ ทั้งนี้มีกล่องหนึ่งใบที่หันด้านหลังออกมาก็เผยภาพอุปกรณ์ที่หน้าตาก้ำกึ่งว่าจะเป็นหม้อปรุงอาหารแบบใช้ไฟฟ้า หรือไม่ก็หุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่น

เมื่อวานนี้ Xiaomi ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมจากจีน ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของตัวเอง Redmi Note 4 รุ่นต่อจาก Redmi Note 3 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว (ยังไม่ครบปี)

คุณสมบัติหลักเด่นๆ นอกจากปรับปรุงการออกแบบ (ลองดูภาพที่ท้ายข่าว) ก็เป็นการปรับสเปกให้ทันสมัยขึ้นกว่าเดิม (เช่น เปลี่ยนไปใช้ MediaTek Helio X20) ปรับแบตเตอรี่ให้ใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย (สเปกเต็มท้ายข่าว)

Xiaomi เปิดตัวรอม MIUI 8 เวอร์ชันจีนไปเมื่อเดือนพฤษภาคม วันนี้รอม MIUI 8 เวอร์ชัน Global ได้ฤกษ์ออกรุ่น Stable แล้ว

อุปกรณ์ที่รองรับได้แก่ Redmi 1S, Redmi 2, Redmi 2 Prime, Redmi Note 3 Qualcomm, Redmi Note 3 Special Edition, Redmi Note 2, Redmi Note 3G, Redmi Note 4G, Redmi Note Prime, Redmi 3, Redmi 3S/Prime, Mi 2/2S, Mi 3, Mi 4, Mi 4i, Mi 5, Mi Note, Mi Max 32GB

อุปกรณ์บางรุ่นจะเริ่มได้อัพเดตผ่าน OTA เป็นกลุ่มแรกวันนี้คือ Redmi 1S, Mi 2/2S, Mi 4i, Redmi Note 3G, Redmi Note 4G หรือสามารถดาวน์โหลดไฟล์ไปแฟลชกันเองได้ตามลิงก์