Google ประเทศไทยจัดกิจกรรม Safer Songkran ระหว่างวันที่ 3-6 เมษายน ที่สามย่านมิตรทาวน์ ภายใต้โครงการ Safer with Google ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 พร้อมประกาศความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในการเสริมสร้างความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้กับคนไทยผ่านฟีเจอร์และแคมเปญใหม่ ได้แก่

กูเกิลประกาศหยุดรองรับ Android 4.4 KitKat บน Google Play Services ทำให้มือถือและอุปกรณ์รุ่นเก่ามากๆ เหล่านี้จะไม่สามารถรันแอพที่ต้องพึ่งพา Google Play Services เวอร์ชันใหม่ๆ ได้อีกต่อไป

ณ ตอนนี้ แอพเดิมจะยังทำงานได้ต่อไปตามปกติ แต่ไม่มีอะไรการันตีว่า หากแอพเหล่านี้มีอัพเดตในอนาคต และต้องการ Google Play Services ใหม่กว่า 23.30.99 แล้วจะทำงานได้เหมือนเดิม

เหตุผลของกูเกิลคือ KitKat ออกมาได้นาน 10 ปีพอดี และมีสัดส่วนการใช้งานไม่ถึง 1% ของอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ว

จากการเปิดตัว Huawei Mate 30 Series ที่ใช้ Google Mobile Services (GMS) ไม่ได้แล้วเปลี่ยนมาใช้ Huawei Mobile Service (HMS) ที่ Huawei เป็นผู้พัฒนาด้วยตัวเองนั้น เป็นความพยายามสร้าง Services ขึ้นมาใช้ด้วยตัวเองเหมือนกับที่บริษัทดัง ๆ เคยพยายามทำแอนดรอยด์ในเวอร์ชั่นของตัวเองมาก่อน วันนี้เราจะมาย้อนรอยกันว่ามีบริษัทไหนบ้างที่พยายามทำแอนดรอยด์เวอร์ชั่นของตัวเองมาก่อน แล้วปัจจุบันนี้ยังอยู่หรือเปล่า?

ประเด็นสำคัญของ Huawei Mate 30 ที่เปิดตัวเมื่อคืนนี้ คือไม่มีแอพและบริการของกูเกิลติดมากับรอม EMUI ด้วย เนื่องจากโดนสหรัฐอเมริกาแบนไม่ให้ทำการค้ากับบริษัทสหรัฐ

ผู้ที่ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว Mate 30 ที่มิวนิคก็ได้ลองติดตั้งแอพของกูเกิล เช่น YouTube หรือ Google Play ด้วยวิธีการ sideloading หรือติดตั้งไฟล์ APK โดยตรง (ที่ดาวน์โหลดจากเว็บดังๆ อย่าง APKMirror) ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่คาดเดาได้คือ ติดตั้งได้ แต่รันแอพไม่ได้ เพราะไม่มีส่วนประกอบสำคัญอย่าง Google Play Services ด้วยนั่นเอง

ARCore เป็นแบรนด์ที่กูเกิลใช้ทำตลาดด้าน AR (augmented reality) แต่ล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยกูเกิลเปลี่ยนชื่อ แอพ ARCore บน Android เป็นชื่อ Google Play Services for AR

คำอธิบายใน Play Store ระบุว่า Google Play Services for AR เป็นแพ็กเกจของ Android สำหรับใช้งานแอพกลุ่ม AR ที่พัฒนาด้วย ARCore SDK นั่นเอง (แต่ไอคอนของแอพยังเป็นโลโก้ของ ARCore เหมือนของเดิม)

Google Play Services ประกาศหยุดซัพพอร์ต Android API level 14-15 หรือ Android 4.0 Ice Cream Sandwich (ICS)

เหตุผลคือผู้ใช้งาน ICS ลดน้อยลงเหลือไม่ถึง 1% ของผู้ใช้ Android ทั้งหมดแล้ว (ICS เองก็มีอายุ 7 ปีแล้ว) ส่งผลให้กูเกิลตัดสินใจหยุดรองรับ ICS และแนะนำให้นักพัฒนาแอพขยับเวอร์ชัน API เป็น 16 (Android 4.1 Jelly Bean) แทน

ข้อมูลจาก Android Platform Versions ในตอนนี้ มีผู้ใช้งาน Android เวอร์ชันเก่าดังนี้

ต่อจากข่าว พบอุปกรณ์กลุ่ม Chromecast มีปัญหา ทำให้เราเตอร์ Wi-Fi สัญญาณหายเป็นระยะ

กูเกิลประกาศข้อมูลบนหน้า Google Home Help ว่ารับทราบปัญหาแล้ว อาการเกิดจากการส่งแพกเกตผ่านเครือข่าย Wi-Fi จำนวนมากผิดปกติ ซึ่งจะเกิดกับวง Wi-Fi ที่มีอุปกรณ์ Android เท่านั้นในเราเตอร์บางรุ่น และบางสถานการณ์

กูเกิลจะออกอัพเดตผ่าน Google Play Services ในวันที่ 18 มกราคม (ตามเวลาสหรัฐ) วันพรุ่งนี้เราน่าจะได้เห็นอัพเดตกัน

ที่ผ่านมา เราเห็นแอพของกูเกิลหลายตัวฉลองยอดดาวน์โหลดเกิน 1 พันล้าน (นับจำนวนเครื่อง ไม่ใช่ครั้ง) แต่ล่าสุดมีแอพตัวแรกที่ทะลุกำแพง 5 พันล้านดาวน์โหลดได้แล้ว

แอพตัวนี้คือ Google Play Services ที่ผู้ใช้หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่จริงๆ แล้วมันคือบริการที่เป็นส่วนหนึ่งของ Google Android (ที่ไม่มีใน Android Open Source Project หรือ AOSP) และกูเกิลใช้วิธีอัพเดตบริการตัวนี้ผ่าน Play Store โดยอัตโนมัติ

เราพอสรุปง่ายๆ จากตัวเลขนี้ว่ามีคนใช้งาน Android ไปแล้ว 5 พันล้านล็อกอิน (จำนวนเครื่องจริงอาจน้อยกว่านั้น เพราะหนึ่งเครื่องฮาร์ดแวร์ อาจถูกใช้งานหลายบัญชี ซึ่งนับการดาวน์โหลดแยกกัน)

ข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Nokia เครื่องหิ้วโมเดล TA-1000 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะอัพเดทรอบเดือนกรกฎาคม (July Update) จะปลดล็อคฟีเจอร์ (ตัวเลือกเสริมที่ไม่อยู่ใน Change Log) ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง Google Play Store และ Google Play Services จากเดิมที่บริการเหล่านี้ถูกบล็อคไว้โดยตรงที่ Bootloader

นั่นหมายความว่า Nokia 6 รุ่นที่ทำตลาดในสาธารณรัฐประชาชนจีน จะรองรับการดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชันต่าง ๆ โดยตรงจาก Google Play Store

เฟิร์มแวร์รหัส 00CN_3_31A มีขนาด 380 MB ซึ่งรวมไปถึงการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัย การแสดงผลในภาษาอารบิกในแอพกล้องถ่ายภาพ และอื่น ๆ ตามที่มา

Google ประกาศว่า Google Play Services 10.0.0 และ Firebase 10.0.0 ไคลเอนท์ไลบราลี่สำหรับ Android จะเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่จะรองรับ Android API ตั้งแต่ level 9 จนถึง 13 โดยไลบรารีเวอร์ชันถัดไปคือตั้งแต่ 10.2.0 ที่จะออกในต้นปี 2017 จะรองรับ Android API เฉพาะ level 14 ขึ้นไปเท่านั้น

หมายความว่า หากผู้ใช้ต้องการอัพเดต Google Play Services 10.2.0 หรือใหม่กว่า จำเป็นต้องใช้ Android 4.0 Ice Cream Sandwich หรือใหม่กว่าเท่านั้น ทำให้ Android 2.3 Gingerbread และ Android 3.0, 3.1, 3.2 Honeycomb ไม่รองรับไลบรารีรุ่นใหม่นี้

ทั้งนี้ หากนักพัฒนาเลือกที่จะพัฒนาแอพให้รองรับ API ที่รองรับ level ที่ขนาดต่ำกว่า 14 ก็สามารถทำได้อยู่ โดยใช้โค้ดดังนี้

กูเกิลอัพเดต Google Play Services เป็นเวอร์ชัน 9.0 ในงาน Google I/O ของใหม่ได้แก่

• โฆษณาแบบใหม่ที่เรียกว่า Native Ads Express สามารถใส่ CSS กำหนดฟอร์แมตให้โฆษณาได้เอง
• ปรับปรุงวิธีการค้นหา Bluetooth LE ใกล้ตัว (Nearby Messages)
• ปรับปรุงตัวเก็บสถิติเกม Player Stats API
• Video recording API ช่วยให้แอพสามารถถ่ายวิดีโอแล้วแชร์ขึ้น YouTube ได้ง่ายขึ้น

ที่มา - Android Developers Blog

กูเกิลออก Google Play Services 8.4 คล้อยหลังเวอร์ชัน 8.3 เพียงเดือนเดียว ของใหม่ในเวอร์ชันนี้ได้แก่

พบกันทุกสองสามเดือนกับ Google Play Services เวอร์ชันใหม่ รอบนี้กูเกิลปรับเลขเวอร์ชันกระโดดจาก 8.1 มาเป็น 8.3 เลย

ของใหม่ในเวอร์ชันนี้เน้นระบบยืนยันตัวตน โดยปรับปรุง Sign In with Google API ใหม่ให้ใช้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องขอสิทธิของ device account อีกต่อไป และปรับหน้าตาของปุ่มล็อกอินมาใช้โลโก้ใหม่ของกูเกิลด้วย นอกจากนี้กูเกิลยังปรับ Smart Lock API ให้ใช้ง่ายขึ้นอีกเช่นกัน

ฟีเจอร์อื่นที่ได้รับการปรับปรุงคือ App Invites สำหรับชวนเพื่อนมาใช้แอพ, Player Stats API สำหรับเกม, Data API สำหรับอุปกรณ์แบบสวมใส่ได้

กูเกิลเริ่มปล่อยอัพเดต Google Play services 8.1 อย่างเป็นทางการ (ข่าวการอัพเดตก่อนหน้านี้) โดยประกาศชัดเจนว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับ Android 6.0 Marshmallow

ของใหม่ได้แก่

มีผู้ใช้พบว่ากูเกิลเริ่มอัพเดต Google Play Services เวอร์ชัน 8.1 อย่างเงียบๆ (เวอร์ชันล่าสุดก่อนหน้านี้คือ 7.8) การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือเตรียมความพร้อมสำหรับ Android Pay แล้ว

เว็บไซต์ Android Police ลองแกะข้อมูลในไฟล์ APK พบว่ากูเกิลเพิ่มหน้าจอเซ็ตอัพ Android Pay เข้ามาแล้ว ผู้ใช้จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอพ Google Wallet จาก Play Store ก่อน จากนั้นเป็นการกรอกข้อมูลบัตรเครดิต และตั้งค่าความปลอดภัยต่างๆ อย่างไรก็ตาม หน้าจอนี้ยังใช้งานจริงไม่ได้เพราะ Android Pay ยังไม่เปิดให้บริการนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลของ Kid Accounts หรือบัญชีสำหรับเด็กที่กูเกิลยังไม่เปิดตัว และยังไม่มีข้อมูลว่าจะได้ใช้งานกันเมื่อไรครับ

Google Play Services ออกเวอร์ชัน 7.8 เพิ่ม API ใหม่อีกสองตัว

เครื่องมือแปลงโค้ดแอพแอนดรอยด์ให้สามารถรันได้บน Windows 10 Mobile หลุดกันมาได้ไม่นาน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ นั่นคือไม่สามารถติดตั้ง Google Play Services ได้ จนกระทั่งเมื่อวานนี้มีมือดีจากชุมชน XDA รายหนึ่งนามว่า Karov_mm ไปทำการแฮกให้สามารถติดตั้งได้ผ่านทาง adb shell และทำให้ตัวบริการอย่าง Google Play Store สามารถทำงานได้โดยตรงจากตัวอุปกรณ์

นอกจากตัวระบบปฏิบัติการ Android M กูเกิลยังออกคู่แฝดคนละฝา Google Play Services เวอร์ชันใหม่ 7.5 ด้วย ของใหม่ได้แก่

กูเกิลปล่อย Google Play services 7.0 เพิ่ม API ชุดใหม่อีกหลายตัวนับแต่การหาตำแหน่ง, โฆษณา, และเกม โดยตัวหลักๆ เช่น

กูเกิลปล่อย Google Play Services 6.5 ปรับปรุงหลังปล่อย Lollipop รายการเปลี่ยนแปลงได้แก่

กูเกิลเริ่มปล่อยอัพเดต Google Play Services 5.0 ที่เปิดตัวในงาน Google I/O แล้ว

ของใหม่ที่สำคัญใน Play Services 5.0 คือการรองรับ Android Wear, ปรับปรุง Google Play Games, ผนวก Google Cast SDK และ Analytics, เพิ่ม App Indexing API เป็นต้น

นักพัฒนาสาย Android ท่านใดที่สนใจ สามารถอ่านรายละเอียดได้ตามลิงก์ที่มา

Android L เพิ่งเปิดตัวเมื่อคืนที่ผ่านมา มีฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายตัวแม้ว่าส่วนมากจะเป็นการปรับแต่งไม่ใหญ่นัก ตอนนี้บล็อก Android Developers ก็ออกมาเขียนรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว โดยฟีเจอร์ที่ไม่ได้พูดในงานเปิดตัวของ Android L ได้แก่

ก่อนหน้านี้เราเพิ่งมีข่าวลือของ Google Fit ออกมา ตอนนี้เริ่มมีข้อมูลเพิ่มเติมออกมาเรื่อยๆ ครับ

เว็บไซต์ Android Police ให้ข้อมูลว่ากูเกิลน่าจะเลือกใช้ชื่อ Google Play Fitness ทำตลาดแทน Google Fit เพื่อให้สอดคล้องกับบริการอื่นๆ อย่าง Google Play Games ที่มีรูปแบบคล้ายๆ กันคือเชื่อมข้อมูลเกม ถ้วยรางวัล การจับคู่แข่งขันกับเพื่อน ฯลฯ ซึ่ง Google Play Fitness ก็จะมีฟีเจอร์แบบเดียวกันแต่เป็นเรื่องการออกกำลังกายแทน

Android Police คาดว่า Play Fitness จะมีทั้งแอพแยกเฉพาะ และบริการออนไลน์ที่อยู่บน Google Play Services เพื่อซิงก์ข้อมูล ซึ่งเราน่าจะเห็นกูเกิลเปิดตัวพร้อม Android Wear ในงาน Google I/O ปลายเดือนนี้

เว็บไซต์ Android Police รายงานข่าววงในว่ากูเกิลเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของแอนดรอยด์ที่ใช้ชื่อว่า Nearby โดยมันจะเป็นส่วนหนึ่งของ Google Play Services รุ่นหน้า (น่าจะเปิดตัวที่งาน I/O ปลายเดือนนี้)

ความสามารถของ Nearby คือบอกว่าอุปกรณ์พกพาของเรานั้นอยู่ใกล้กับคน สิ่งของ สถานที่ใดบ้าง เพื่อให้บริการหรือแอพสามารถทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น เปิด Bluetooth/Wi-Fi เมื่อไปยังสถานที่ที่กำหนด จุดเด่นของ Nearby คือมันสามารถบอกได้ว่าอุปกรณ์สองชิ้นมาอยู่ใกล้กันแค่ไหน เพื่อจะติดต่อสื่อสารกันได้เองโดยอัตโนมัติ

การเปิดใช้ Nearby จะต้องเปิดใช้ Location History และ Location Reporting ของแอนดรอยด์ด้วย ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ในหน้า Settings > Location

หลังจากที่ Google ปล่อยอัพเดต Google Play Service เวอร์ชัน 4.4 เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้หลายรายได้รายงานว่าพบปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็วมาก โดยสาเหตุหลักเกิดจากแอพ Google Play Service ทำงานตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะปิดหน้าจอ ปิด GPS และไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายใดๆ แม้จะมีข้อมูลว่า Google Play Service เวอร์ชันล่าสุดคือ 4.4.52 ที่ออกมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมได้แก้ปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็วแล้ว แต่จากที่ผมได้เจอมาก็พบว่ายังมีปัญหาอยู่ดี (ดูภาพประกอบได้ในข่าว)