วันนี้ Tesla Motors มีมูลค่าตลาดแซง GM (General Motors) ขึ้นเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐแล้ว (อันดับหนึ่งของโลกยังคงเป็น Toyota อยู่) หลังจากที่เพิ่งจะแซง Ford ที่เป็นอันดับสองมา หลังจากการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
หนึ่งในปัจจัยที่ดันให้ Tesla มี Market Cap แซงได้เนื่องมาจากยอดขายในไตรมาสแรกของทั้ง Ford และ GM ดูไม่ค่อยดีนัก ในขณะที่ยอดขาย Tesla Model S และ Model X ยังเป็นไปได้ดี นอกจากนั้นยังคาดว่าจะเริ่มขาย Model 3 ซึ่งเป็นรุ่นที่ราคาถูกสุดได้ภายในสิ้นปีนี้อีกด้วย
Tesla เพิ่งปล่อยซอฟต์แวร์อัพเดตเวอร์ชัน 8.1 ออกมา มีการปรับปรุงฟีเจอร์ Autopilot และ UI จำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ Tesla ได้เพิ่ม Easter Egg หรือลูกเล่นขำๆ มาในอัพเดตนี้ด้วย
Easter Egg อันใหม่นี้คือ "โปรแกรมวาดรูป" สามารถเข้าถึงได้ด้วยการแตะที่โลโก้ตัว T บนหน้าจอ 3 ครั้งแล้วทั้งหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งจอ มีเพียงแถบเลือกสีปากกาและยางลบเท่านั้น และหลังวาดเสร็จสามารถส่งรูปกลับไปให้ Tesla ได้ด้วย โดยตามข่าวระบุว่ารูปวาดของเราจะถูกส่งออกไปจริงๆ
Elon Musk ซีอีโอของบริษัทยังได้ทวีตรูปที่เขาวาดขึ้น 2 รูปด้วย ดูได้ท้ายข่าว
หลังจากที่ Elon Musk เคยทวีตไว้ว่าจะปล่อยซอฟต์แวร์อัพเดตเวอร์ชัน 8.1 ให้รถยนต์ Tesla ในวันที่ 28-29 มีนาคม ล่าสุดผู้ใช้รถเริ่มได้รับอัพเดตดังกล่าวแล้ว
ซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 8.1 โฟกัสไปที่การปรับปรุงฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการขับอัตโนมัติ 2 อย่าง และต้องบอกก่อนว่า 2 อย่างนี้อัพเดตให้เฉพาะรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 เท่านั้น โดยเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมฮาร์ดแวร์ Autopilot รุ่นใหม่ที่รองรับการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบในอนาคต เรียกว่า Autopilot 2.0 แต่จนถึงตอนนี้มีความสามารถ 2 อย่างนี้ด้อยกว่าฮาร์ดแวร์เก่า (Autopilot 1.0) อัพเดตนี้จึงเป็นการเพิ่มความสามารถให้เท่าฮาร์ดแวร์เก่า
เมื่อกลางปีที่แล้ว Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Model S 60 และ 60D ซึ่งเป็นรุ่นความจุแบตเตอรี่ต่ำสุด (60 กิโลวัตต์ชั่วโมง) เพื่อให้ขายได้ราคาถูก นับว่าเป็นรถยนต์ Tesla ราคาถูกที่สุดที่ซื้อได้ในปัจจุบัน (ประมาณ 2.5 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม Tesla ได้ส่งจดหมายข่าวแจ้งลูกค้าว่าตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนเป็นต้นไปจะปิดไม่ให้สั่งรถยนต์รุ่นนี้ได้อีก
Tesla ชี้แจงว่าสุดท้ายแล้วลูกค้าส่วนใหญ่ก็ขยับไปซื้อรถรุ่น Model S 75 กันหมด จึงตัดสินใจยกเลิกรุ่น 60 เพื่อเป็นการ "ลดความซับซ้อนของการสั่งรถ"
ที่จริงแล้ว แบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ใน Model S 60 เป็นแบตเตอรี่ขนาด 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่ใช้ซอฟต์แวร์ล็อกไว้ให้ใช้งานได้แค่ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งผู้ใช้สามารถจ่ายเงินซื้ออัพเดตเพื่อปลดล็อกความจุได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องนำรถเข้าศูนย์บริการแต่อย่างใด โดยหลังปลดล็อกแล้วจะขับได้ไกลขึ้นราว 60 กิโลเมตร
ที่มา - Electrek
เกาหลีใต้เริ่มมุ่งสู่การใช้งานนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว โดยจังหวัด Gyeonggi ซึ่งตัวจังหวัดล้อมรอบกรุงโซล คล้ายปริมณฑลของกรุงเทพ ประกาศแนวทางการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ด้วย 3 มาตรการหลัก
เป้าหมายของจังหวัดคือมีรถยนต์ไฟฟ้า 50,000 คันภายในปี 2020 โดยตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 448 คัน
กระทรวงคมนาคมของดูไบเซ็นสัญญาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S และ X รวมกันจำนวน 200 คันเพื่อให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Dubai Future Foundation ที่ต้องการให้รถยนต์ในเมืองจำนวน 25% เป็นแบบไร้คนขับภายในปี 2030 ซึ่ง Tesla ก็ประกาศเปิดขายรถยนต์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันเดียวกัน
Tesla ระบุว่ารถยนต์ที่สั่งซื้อทั้งหมดจะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ Autopilot รุ่นที่ 2 ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว โดยจะสามารถใช้งานแบบไร้คนขับโดยสิ้นเชิงได้ในอนาคต และรถยนต์ทั้ง 200 คันจะเข้าเป็นสมบัติของบริษัทแท็กซี่นครดูไบ หรือ Dubai Taxi Corporation
นอกจากการเร่งสร้างโรงงาน Gigafactory แล้ว Tesla ยังเดินหน้าขยายตลาดออกไปอีกหลายประเทศ ล่าสุดมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ได้ทวีตถามไปยัง Elon Musk ซีอีโอของบริษัทฯ ว่ามีแผนจะเข้ามาทำตลาดที่ประเทศอินเดียหรือไม่ และจะเข้ามาเมื่อใด Elon ก็ทวีตตอบว่าเขา "หวังว่า" จะเข้าไปทำตลาดได้ภายในฤดูร้อนปีนี้ (ราวปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป)
นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว Tesla ก็ทำตลาดอยู่ในยุโรป ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก การเข้าประเทศอินเดียครั้งนี้จึงถือเป็นตลาดใหญ่มากอีกแห่งที่ไม่ใช่ประเทศจีนซึ่งทำตลาดอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การประกาศครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเมื่อเดือนกันยายนปี 2015 นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ก็เคยเข้าเยี่ยมชมโรงงานของ Tesla ที่เมือง Fremont แล้ว และ Jay Vijayan ซีไอโอของ Tesla ก็เคยเปิดเผยไว้ว่า Tesla จะเข้าทำตลาดอินเดียหลังเปิดตัว Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำสุดของบริษัทฯ
เราเริ่มเห็นข่าวเมืองต่างๆ นำรถบัสหรือรถชัทเทิลไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมาทดสอบให้บริการกันมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเป็นคิวของกรุงปารีส ที่เริ่มทดสอบให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา และจะทดสอบเป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 เดือน
รถบัสเป็นรรถบัสขนาดเล็กจุคนได้ประมาณ 10 คน มีเลนวิ่งเป็นของตัวเองเพื่อความปลอดภัย วิ่งเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟ 2 สถานี ทางตะวันออกของเมือง โดย Elisabeth Borne หัวหน้าฝ่ายเครือข่ายคมนาคมของปารีสยอมรับว่า ในระยะยาวอยากเห็นรถบัสไร้คนขับนี้ วิ่งรับส่งประชาชนในย่านชานเมืองกับสถานีรถไฟ ในการเดินทางเข้ามาทำงาน ซึ่งสามารถเรียกให้รถไปรับที่บ้านได้แบบ on-demand
หลัง Faraday Future เกทับในงาน CES 2017 ด้วย FF91 ที่ทำความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.39 วินาทีบนเวที (มีการใช้ Tesla Model S P100D เปรียบเทียบบนเวทีด้วย) ล่าสุด Elon Musk ทวีตแย้มว่าโหมด Ludicrous (โหมดบ้าบิ่น) ใหม่ น่าจะสามารถทำความเร็วเท่ากันภายในระยะเวลา 2.34 วินาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Musk ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ระบุแต่เพียงว่าโหมด Ludicrous ใหม่ที่เริ่มปล่อยอัพเดต OTA ไปให้ลูกค้าบ้างแล้วนั้น น่าจะสามารถทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายใน 2.34 วินาทีได้ อย่างน้อยๆ ภายใต้การทดสอบของ Motor Trend
ขณะที่แคลิฟอร์เนียดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและทดสอบรถไร้คนขับ แต่ทว่าลาส เวกัส มหานครแห่งแสงสีเสียงกลายเป็นแห่งแรกที่เริ่มนำรถชัทเทิลบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติมาทดสอบให้บริการในย่าน Fremont East ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาไปจนถึงวันที่ 20 มกราคมนี้ ตั้งแต่ 10 โมงถึง 6 โมงเย็น
รถชัทเทิลคันนี้ถูกเรียกว่า Arma พัฒนาโดยบริษัท Navya จากฝรั่งเศส ที่ร่วมมือกับ Keolis บริษัทด้านยานพาหนะขนส่งสาธารณะ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ราว 12 คน สามารถวิ่งทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 27 ไมล์ต่อชั่วโมง (แต่ตอนทดสอบวิ่งทำความเร็วแค่ 12 ไมล์ต่อชั่วโมง) โดยรองประธานของบริษัท Navya เผยว่าค่าใช้จ่ายในการให้บริการรถชัทเทิลคันนี้อาจสูงถึงราว 10,000 เหรียญต่อเดือนเลยทีเดียว
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Tesla ประกาศว่าผู้ที่ซื้อรถยนต์ใหม่จะไม่ได้รับสิทธิ์ชาร์จไฟฟรีไม่อั้นจากเครือข่าย Supercharger ตลอดชีพแล้ว แต่จะให้เครดิตชาร์จไฟฟรีปีละ 400 กิโลวัตต์ชั่วโมงแทน ล่าสุด Tesla ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มแล้ว
Tesla บอกว่าหนึ่งในสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากที่สุดคือการขยายเครือข่ายสถานี Supercharger เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งลูกค้าเดิม และผู้สนใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าว่าจะสามารถเดินทางไกลได้เหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน อย่างไรก็ตาม บริษัทอยากแบ่งเบาภาระค่าตั้งสถานีชาร์จบางส่วน จึงจำเป็นต้องเก็บเงินค่าชาร์จจากลูกค้า โดยผู้ที่จองรถหลังวันที่ 15 มกราคม 2017 (กำหนดการเดิมคือ 1 มกราคม 2017) จะได้รับเครดิตชาร์จไฟฟรีปีละ 400 กิโลวัตต์ชั่วโมง (วิ่งได้ประมาณ 1,600 กิโลเมตร) หากชาร์จเกินกว่านั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Ranault เปิดตัวรถไฟฟ้า POM ที่ไม่ใช่แค่รถรุ่นใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่เป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สที่เปิดให้นักพัฒนาสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้เอง
POM พัฒนาต่อยอดมาจากรถไฟฟ้าสองที่นั่งของ Renault รุ่น Twizy ที่วางขายอยู่ในราคาเริ่มต้น 6,995 ปอนด์ (ราวสามแสนบาท) โดยพิมพ์เขียวจจะมีสองรุ่น POM 45 สำหรับรุ่นความเร็วสูงสุด 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ POM 80 ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โครงการนี้ทาง Renault ร่วมมือกับทาง ARM เพื่อพัฒนา และหลังจากนี้ทางบริษัท OSVehicle ได้เข้าไปเป็นพันธมิตรเพื่อให้บริการด้านวิศวกรรมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งจากพิมพ์เขียวเดิม
ตอนนี้พิมพ์เขียวยังไม่เปิดออกมา แต่เปิดให้ลงทะเบียนแสดงความสนใจไว้ก่อนได้
ดูน่าจะตอบโจทย์ปัญหาคนขับรถตู้ซิ่ง วิ่งเร็วและหลับในที่กำลังเป็นกระแสในบ้านเราได้เป็นอย่างดีด้วยคอนเซ็ปของ I.D. Buzz รถมินิบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ จากค่ายรถยนต์เยอรมัน Volkswagen ที่ถูกนำมาโชว์ภายในงาน North American International Auto Show ในดีทรอยท์
I.D. Buzz เป็นรถมินิบัสที่มีแรงขับ 369 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (มอเตอร์ 2 ตัว) สามารถวิ่งได้ราว 270 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รองรับผู้โดยสารได้ 8 คน โดยเก้าอี้ภายในห้องโดยสารสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางหรือองศาได้ตามใจชอบ ขณะที่ฝั่งคนขับค่อนข้างจะล้ำเหมือนออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟเล็กน้อย ด้วยระบบการแสดงผล HUD แบบ Augmented Reality บนพวงมาลัย พร้อมรองรับระบบสัมผัส
อย่างที่ทราบกันว่านิสสัน ค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถไร้คนขับ ที่กำลังจะมีบทบาทบนท้องถนนในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างเร็ว และบนเวที CES 2017 นิสสันก็ประกาศความร่วมมือกับโครงการ 100 Resilient Cities โครงการไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อวางรากและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับรถไร้คนขับและรถไฟฟ้า
Carlos Ghosn ซีอีโอนิสสันขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ว่า การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดจากตัวรถหรือบริษัทรถยนต์ แต่เป็นประชากรและตัวเมือง ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการเปลี่ยนผ่านนี้จะเกิดขึ้นได้ บริษัทรถยนต์หรือเทคโนโลยีจะต้องทำงานร่วมกับเมือง เพื่อให้เทคโนโลยีและแผนนโยบายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ค่ายรถยนต์ Nissan ประกาศเตรียมวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยม Nissan Leaf รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ProPilot ในอนาคตอันใกล้
ProPilot เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Nissan ที่เคยเปิดตัวบนรถมินิแวน Serena ในญี่ปุ่นในช่วงกลางปีที่แล้ว โดยยังสามารถใช้งานได้เฉพาะบนทางหลวงก่อนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Nissan ไม่ได้ให้รายละเอียดถึงเวลาวางจำหน่ายและราคาของ Nissan Leaf ครับ
ที่มา - The Verge
ภายในงาน CES 2017 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีอย่าง Hyundai ได้เผยโฉมพร้อมเปิดให้สื่อได้ทดลองนั่งรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับของตัวเองเป็นครั้งแรก โดยรถยนต์ที่นำมาดัดแปลงเป็นรุ่น Iconiq รถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว
รถยนต์ Iconic มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 28 kWh วิ่งได้ประมาณ 250 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ขณะที่รถยนต์ไร้คนขับนี้ทาง Hyundai ระบุว่าได้ใช้เซ็นเซอร์ที่ถูกกว่า รวมถึงไม่ได้มาพร้อมกับระบบประมวลผลที่จัดเต็มเหมือนเจ้าอื่นๆ ทำจะทำให้เมื่อวางจำหน่ายจริง ราคาค่าตัวของรถไร้คนขับจากค่ายเกาหลี จะมีราคาถูกกว่ายี่ห้ออื่น
Volkswagen ได้เปิดตัวคอนเซปต์รถยนต์ไฟฟ้า I.D. ในงาน Paris Motor Show มาแล้ว โดยโฆษณาว่าจะวิ่งได้ไกล 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว รวมถึงอาจตั้งราคาได้ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ และตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ปล่อยภาพคอนเซปต์เกี่ยวกับตัวรถยนต์ในตระกูล I.D. ออกมาอีกครั้ง
นอกจากการเปิดเผยภาพคอนเซปต์ใหม่ Volkswagen ได้เผยด้วยว่าตัวรถยนต์ I.D. จะออกแบบไว้สำหรับรองรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคตด้วย โดยจะใช้งานระบบ Modular Electric Drive Kit (MEB) โดยออกแบบไว้ว่าถ้าผู้ใช้ต้องการเปิดใช้งานระบบ เพียงแค่แตะปุ่มโลโก้ Volkswagen ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติก็พร้อมทำงานทันที
Lucid Motors สตาร์ทอัพด้านรถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่ได้เผยโฉม Lucid Air รถยนต์ซีดานไฟฟ้าคันแรกในงาน LA Motor Show พร้อมแบตเตอรี่จาก Samsung SDI ขนาด 100kWh สามารถวิ่งได้ราว 400 ไมล์ (ประมาณ 640 กม.) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
Lucid อ้างด้วยว่า Lucid Air มีเครื่องยนต์แรงถึง 1,000 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0 ถึง 65 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 2.5 วินาที พร้อมฮาร์ดแวร์ที่รองรับระบบไร้คนขับอย่างกล้อง, เรดาร์ระยะใกล้/ไกล และเซ็นเซอร์ LIDAR และระบบ In-car entertainment ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
Lucid Air จะเริ่มการผลิตในปี 2018 เบื้องต้นถูกตั้งราคาไว้อยู่ที่ราว 100,000 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ Lucid Motors มีแผนจะออกรถยนต์รุ่นเล็กที่ราคา 65,000 เหรียญด้วย
Tesla มีเครือข่ายสถานีชาร์จแรงสูง Supercharger ของตนกระจายอยู่ทั่วโลกในประเทศที่รถยนต์ Tesla วางจำหน่ายอยู่ โดยผู้ใช้ทุกคนชาร์จไฟได้ฟรีเพื่อให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกล แต่เมื่อเป็นของสาธารณะก็ย่อมหลีกเลี่ยงพฤติกรรมแย่ๆ ไม่ได้ ปัญหาใหญ่ของสถานี Supercharger คือมีพวกชอบจอดรถแช่ไว้แม้จะชาร์จเต็มแล้วก็ตาม
ล่าสุด Tesla ได้ประกาศเก็บเงินค่าจอด หลังรถรถยนต์คันไหนชาร์จไฟเต็ม 100% และผ่านไป 5 นาทีแล้วยังไม่เลื่อนรถไปจอดที่อื่น จะถูกเก็บเงิน 0.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 นาที (ราวนาทีละ 14 บาท) โดย Tesla บอกว่านี่เป็นการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าโดยรวม และไม่เคยอยากทำเงินจากตรงนี้ อย่างไรก็ตาม หากช่องจอดอื่นในสถานีนั้นยังว่างอยู่หลายช่อง ก็สามารถจอดแช่ได้โดยไม่ถูกเก็บเงินแต่อย่างใด
ที่มา - Tesla
อาจจะไม่เป็นไปตามข่าวก่อนหน้านี้และ Faraday Future สตาร์ทอัพด้านรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะสามารถเปิดตัวและผลิตรถยนต์คันแรกทันปีหน้าก็ได้ เมื่อล่าสุดบริษัทออกมาเผยโฉมทีเซอร์แรกของรถยนต์โปรโตไทป์ ด้วยการแข่งกับ Bentley, Ferrari และ Tesla แล้ว
ตัวทีเซอร์มีความยาวเพียง 17 วินาทีเท่านั้น โดยรถยนต์ของ Faraday Future ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าคลุม ทำให้ไม่ได้เห็นตัวรถกันตรงๆ รวมถึงบอกให้ติดตามผลการแข่งครั้งนี้ด้วย ซึ่งคาดว่าการเผยทีเซอร์นี้อาจจะเป็นการใบ้ว่างาน CES ต้นปีหน้า หลังจากที่เคยโชว์เพียงภาพคอนเซ็ปต์เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากจะเร่งสร้างโรงงาน Gigafactory 1 เพื่อรองรับการผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์จำนวนมาก Tesla ยังค่อยๆ ขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ อยู่เรื่อยๆ ล่าสุดได้ขยายไปยังประเทศสเปนแล้ว
Tesla จะเปิดศูนย์บริการและโชว์รูมที่สองเมืองหลักของประเทศสเปน คือมาดริด และบาร์เซโลนา ซึ่งสเปนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในยุโรปตะวันตกที่ Tesla ไม่ได้ทำตลาดอยู่ก่อนหน้านี้
ผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาขายก็มีครบหมด คือรถยนต์ Tesla Model S และ X, แบตเตอรี่สำหรับบ้าน Tesla Powerpack, กระเบื้องหลังคาผสานโซลาร์เซลล์ Solar Roof รวมถึงยังเปิดให้จอง Model 3 ในราคา 1,000 ยูโร
ขณะนี้ลูกค้าชาวสเปนสามารถสั่งรถทางเว็บไซต์ Tesla ได้เลย และมีกำหนดรับรถเร็วสุดภายในไตรมาสแรกของปี 2017
ตลอดปี 2016 ที่ผ่านมา Tesla ได้เปิดตลาดใหม่ถึง 5 ประเทศ คือเม็กซิโก, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, นิวซีแลนด์ และไอร์แลนด์
ที่มา - Electrek
Faraday Future สตาร์ทอัพพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้ LeEco บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากจีนมาร่วมลงทุน น่าจะประสบปัญหาเปิดตัวและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของบริษัทไม่ทันกำหนดปี 2017
ปัญหาสำคัญของความล่าช้านี้เกิดจากโรงงานในรัฐเนวาด้ายังไม่เสร็จเรียบร้อยและระงับการก่อสร้างมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจาก Faraday Fututure ยังไม่ได้จ่ายเงินให้กับบริษัทก่อสร้างที่เป็นพาร์ทเนอร์ โดยปัญหาเงินสดขาดมือนี้ส่วนหนึ่งมาจากผู้ลงทุนอย่าง LeEco ที่กำลังประสบปัญหาการเงินเช่นกัน
จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ Tesla ใช้โฆษณาสินค้าของตนอยู่เสมอคือการชาร์จไฟจากเครือข่ายสถานี Supercharger ฟรีไม่อั้นตลอดชีพ ซึ่งเป็นสถานีชาร์จแรงสูงที่ใช้เวลาชาร์จเพียงครึ่งชั่วโมงก็วิ่งได้ไกลถึง 273 กิโลเมตร ล่าสุด Tesla ประกาศยกเลิกโครงการนี้แล้ว
Tesla โพสต์บนบล็อกของบริษัทฯ ว่าลูกค้าที่ซื้อรถตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2017 เป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิ์ชาร์จไฟจากสถานี Supercharger ฟรีไม่อั้นตลอดชีพแล้ว แต่จะได้เครดิตชาร์จฟรีปีละ 400 กิโลวัตต์ชั่วโมงเท่านั้น (คิดเป็นระยะทางเพียง 1,609 กิโลเมตร) หากชาร์จเกินกว่านั้นต้องเสียค่าใช้จ่าย "เล็กน้อย" ซึ่ง Tesla ยืนยันว่ายังถูกกว่าค่าน้ำมันในรถยนต์ระดับเดียวกันแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าปัจจุบันทั้งหมดและลูกค้าที่สั่งซื้อรถก่อนวันที่ 1 มกราคม 2017 ยังได้รับสิทธิ์ชาร์จไฟฟรีตลอดชีพเหมือนเดิม
นิสสันประกาศเปิดตัว e-POWER เทคโนโลยีแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ ที่สามารถชาร์จไฟได้ด้วยตัวเอง จากเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Gasoline Engine) ที่ติดตั้งมาสำหรับตัวแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้า Nissan LEAF และจะช่วยแก้ปัญหาการหาสถานีชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไปได้
Toyota Motor เตรียมจะเพิ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากที่มีรถยนต์ไฮบริด (น้ำมัน/ไฟฟ้า) และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel-cell Vehicles) อยู่แล้ว จากการตั้งเป้าวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ในช่วงประมาณปี 2020
Toyota เล็งจะพัฒนาให้รถยนต์ไฟฟ้าของตน สามารถวิ่งเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งหนึ่งในแผนของ Toyota ตอนนี้คือนำแพลตฟอร์มรถยนต์ในปัจจุบันอย่าง Prius หรือ Corolla มาพัฒนาต่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่ว่าแผนสุดท้ายจะเป็นอย่างไร Toyota ก็เตรียมจะตั้งทีมพัฒนาในช่วงต้นปีหน้านี้แล้ว