ข้อมูลจาก Web server analytics ของเว็บ 9to5Mac พบว่าแอปเปิลกำลังทดสอบ iOS เวอร์ชัน 8.1, 8.2 และ 8.3 ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งโดยปรกติแล้วแอปเปิลจะเลือกทดสอบ iOS เฉพาะเวอร์ชันถัดไปในแต่ละ release path เท่านั้น (release path ของแอปเปิลมี full, major update และ minor update)

สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวภายในแอปเปิล เผยว่าปัญหา iOS 8.0.1 ที่มีปัญหากับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus นั้น มีความเกี่ยวโยงกับทีมงานแผนกทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ทีมเดียวกับที่ทดสอบ Maps บน iOS 6 ซึ่งมีปัญหามากมายหลังเปิดใช้งานเช่นกัน

Bloomberg ระบุว่าหัวหน้าทีมทดสอบนี้เป็นผู้บริหารระดับกลางในแอปเปิล ซึ่งถูกย้ายออกจากการรับผิดชอบ Maps หลังเกิดปัญหา แล้วมาดูแลการทดสอบตัว iOS แทน

ถ้าไม่นับเรื่องฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ดูเหมือน iOS 8 จะเป็นตัวเลือกที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับการอัพเกรด เพราะนอกจากจะเพิ่งเกิดปัญหาจากอัพเดต iOS 8.0.1 ไปแล้ว ตัว iOS 8 เองยังเสถียรน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าอีกด้วย

จากรายงานของ Crittercism บริษัทผู้พัฒนาโซลูชันสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพให้แอพบนมือถือระบุว่า iOS 8 จากที่เก็บข้อมูลในสัปดาห์แรกมีอัตราการแครช (หรือแอพเด้ง) มากกว่า iOS 7 เกือบเท่าตัว โดยเพิ่มขึ้นจากราว 2% ไปเป็น 3.56% ในรุ่นปัจจุบัน

เมื่อสักครู่นี้แอปเปิลได้ปล่อยอัพเดต iOS เวอร์ชัน 8.0.2 แล้วเพื่อแก้ปัญหาใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในอัพเดตเวอร์ชัน 8.0.1 ซึ่งทำให้ iPhone 6 หลายเครื่องไม่สามารถใช้งาน Touch ID และรับคลื่นโทรศัพท์มือถือได้ โดยอัพเดตตัวนี้ยังได้รวมการแก้ปัญหาที่เวอร์ชัน 8.0.1 ควรแก้ให้แต่แรกเข้ามาด้วย

รีบอัพเดตเลยครับ (ถ้ากล้า)

ที่มา - MacRumors

ทีมงาน Tom's Guide (เครือเดียวกับ Tom's Hardware) รีวิว iPhone 6/iPhone 6 Plus และพบอาการ "กล้องม่วง" เป็นครั้งเป็นคราว แยกเป็น 2 อาการคือ

• ระบบตรวจสอบ white balance ของกล้องอาจทำงานผิดพลาด จนให้ภาพทั้งภาพติดโทนม่วง (purple/magenta) เล็กน้อย
• บางครั้งเจออาการขอบของภาพติดสีออกม่วง

Tom's Guide บอกว่าไม่พบอาการนี้กับ iPhone 5/5s ที่ใช้ iOS 7 แต่พออัพเกรดเป็น iOS 8 ก็พบปัญหาลักษณะเดียวกัน จึงน่าจะเกิดจากซอฟต์แวร์มากกว่าฮาร์ดแวร์ และเกิดอาการนี้กับบางสภาพแสงเท่านั้น ไม่ได้เป็นตลอด

ทีมงาน Tom's Guide ส่งข้อมูลเรื่องนี้ให้แอปเปิลตรวจสอบแล้ว ต้องรอดูว่าแอปเปิลจะแก้ไขปัญหาอย่างไร (ภาพตัวอย่างอื่นๆ ดูได้จากลิงก์ที่มา)

ใน iOS 8 ทาง Apple ได้ปรับปรุงคีย์บอร์ดใหม่ให้มีฟีเจอร์ QuickType ซึ่งสามารถเดาคำและแนะนำได้ว่าคำที่เราจะพิมพ์ต่อไปคือคำว่าอะไร ซึ่งหลักการทำงานของระบบนี้คือการเก็บคำที่ผู้ใช้เคยพิมพ์ไว้ในฐานข้อมูลเพื่อเอามาวิเคราะห์ว่าผู้ใช้พิมพ์คำไหนบ่อยๆ และถ้าหากพิมพ์คำนี้แล้วจะพิมพ์คำไหนต่อ

แต่แล้วความหายนะก็บังเกิด เมื่อมีคนไปพบว่าคีย์บอร์ดเดาคำตัวใหม่นี้มันเก็บรหัสผ่านที่เคยกรอกในหน้าล็อกอินเว็บไซต์ แถมยังโชว์รหัสผ่านออกมาให้เห็นกันโต้งๆ เมื่อพิมพ์แค่ชื่อผู้ใช้ลงในหน้าล็อกอินของเว็บไซต์ใหม่ด้วย

เมื่อคืนนี้ แอปเปิลออก iOS 8.0.1 ซึ่งมีบั๊กทำให้เชื่อมกับเครือข่ายโทรศัพท์ไม่ได้และ Touch ID ไม่ทำงาน จนต้องหยุดการอัพเดต

ล่าสุดเอกสารของแอปเปิลระบุว่ากำลังแก้บั๊กเหล่านี้ใน iOS 8.0.2 ที่จะออกตามมาในเร็วๆ นี้ ส่วนคนที่พลาด กดอัพเดต 8.0.1 ไปแล้ว แอปเปิลแนะนำให้ติดตั้ง iOS 8.0 ใหม่ (reinstall) โดยเชื่อมต่อผ่าน iTunes รายละเอียดอ่านกันเองตามลิงก์ที่มา

ที่มา - Apple Support via MacRumors

Apple ได้ออกอัพเดท iOS เวอร์ชัน 8.0.1 เพื่อแก้ปัญหา Wi-Fi สัญญาณวูบและแบตเตอรี่หมดเร็ว และปรับปรุงความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์คีย์บอร์ดจากผู้ผลิตรายอื่น ให้กับอุปกรณ์ทุกตัวที่รองรับ iOS 8
แต่แล้วไม่นานทางเว็บไซต์ข่าวไอทีหลายเจ้า ได้ออกมาเตือนผู้ใช้ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เรื่องปัญหาใหม่ที่ตามมาจากการอัพเดท iOS 8.0.1 นั่นคือภายหลังจากการอัพเดท iOS 8.0.1 แล้ว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ไม่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเสาสัญญาณโทรศัพท์ได้ และปัญหาเรื่องของ TouchID ไม่ทำงาน

ตามธรรมเนียมของการอัพเกรดระบบปฏิบัติการรุ่นใหญ่ที่ย่อมมีบั๊กประปรายอยู่เสมอ (รับน้อง iOS 8 พบปัญหาแบตเตอรี่หมดไว และ Wi-Fi ไม่เสถียร) ตอนนี้เริ่มมีข้อมูลว่าแอปเปิลจะออก iOS 8.0.1 รุ่นแก้บั๊กในเร็วๆ นี้

เว็บไซต์ MacRumors ได้ข้อมูลมาว่า iOS 8.0.1 จะแก้บั๊กที่เกี่ยวกับ Address Book, Keyboard มีบั๊กขณะป้อน Keychain, Safari ขณะเล่นวิดีโอ, AirDrop เมื่อใช้กับ Passbook และปัญหาเกี่ยวกับ VPN ส่วนการแก้บั๊กอื่นๆ อาจมีเพิ่มเติมเข้ามาด้วย

ตอนนี้เริ่มมีทราฟฟิกจาก iOS 8.0.1 โผล่เข้ามาในเว็บไซต์ต่างๆ แล้ว คาดว่าอีกไม่นานแอปเปิลคงออก iOS 8.0.1 ตัวจริงตามมาครับ

หลังจากที่ปล่อยให้ดาวน์โหลดไปไม่กี่วันก่อน ตอนนี้อุปกรณ์ของแอปเปิลที่รัน iOS 8 ครองสัดส่วนไปแล้วถึง 46% ถึงแม้ในเบื้องต้นจะประสบปัญหาว่ามีคนอัพเดตน้อยกว่า iOS 7 ในช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม

ด้วยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของ iOS 8 นี้ทำให้สัดส่วนของ iOS 7 ลดลงไปอยู่ที่ 49% จากที่เคยสูงถึงกว่า 90% ขณะที่เวอร์ชันที่เก่ากว่านี้อยู่ที่ประมาณ 5%

ที่มา - GSMArena

เป็นธรรมเนียมของแอปเปิลไปเสียแล้วที่มักจะมีปัญหาตามมาหลังการอัพเดตครั้งใหญ่ของ iOS หลังจากเปิดให้อัพเดต iOS 8 ไปได้ราวสัปดาห์ก็เริ่มมีผู้ใช้หลายรายแจ้งปัญหาที่พบมาบ้างแล้ว

จากปัญหาที่พบโดยผู้ใช้ที่ไปโพสต์พูดคุยตามฟอรัมต่างประเทศหลายแห่ง สองประเด็นใหญ่ๆ ที่พบใน iOS 8 ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ และความเร็ว Wi-Fi โดยกรณีของแบตเตอรี่นั้นมีผู้ใช้แจ้งในฟอรัมของ Apple Support ว่าหลังการอัพเดตแล้วแบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว จาก 100% เหลือ 0% ภายในเวลาเพียง 4 ชั่วโมงแม้ว่าจะใช้งานเพียงเล็กน้อย โดยเป็นกับทั้งรุ่นเก่าอย่าง iPhone 5 และ 5s รวมถึงของใหม่อย่าง iPhone 6 ด้วย

สไกป์ได้อัพเดต Skype for iPhone เป็นรุ่น 5.5 ซึ่งมากับการรองรับการแจ้งเตือนบนล็อกสกรีนและ notification center ที่ผู้ใช้ iOS 8 สามารถโต้ตอบได้ทันที โดย

แอปเปิลมักได้รับคำชมอยู่เสมอ เมื่อพูดถึงการอัพเดตซอฟต์แวร์ให้กับอุปกรณ์ในเครือของตัวเองอย่างยาวนาน ตัวอย่างที่ดีคือ iPhone ซึ่งมักจะได้อัพเดตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเปิดตัวไปแล้วกี่ปีก็ตาม เช่นเดียวกับ iPhone 4s สมาร์ทโฟนที่เปิดตัวมาเกือบสามปี แต่ก็ยังได้อัพเดต iOS 8 ที่เป็นรุ่นล่าสุดกับเขาด้วย

ที่ผ่านมา แอปเปิลทำผลงานได้ค่อนข้างดีกับการนำระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่มารันบนฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าจากผลงานของ iOS 6 บน iPhone 3GS ก่อนจะแผ่วลงมากับ iOS 7 บน iPhone 4 มาถึงคราวของ iOS 8 บน iPhone 4s ก็มีรายงานมาให้คิดกันก่อนว่าควรจะอัพเดตหรือไม่ครับ

หลังจากผ่านพ้น 24 ชั่วโมงแรกที่ Apple เปิดให้ดาวน์โหลด iOS 8 ก็เริ่มมีรายงานเกี่ยวกับการปรับใช้ (adoption) ของ iOS 8 ออกมาบ้างแล้ว โดยระบุว่ายอดการปรับใช้/อัพเกรดอุปกรณ์ไปใช้ iOS 8 กลับมีอัตราที่น้อยลงกว่าที่คาดไว้

พร้อมกับการปล่อยอัพเดต iOS 8 วันนี้ เป็นนิมิตหมายสำหรับนักพัฒนาที่ทำแอพมารองรับฟีเจอร์ใหม่เพื่อสุขภาพอย่าง HealthKit ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างนั้น หลังจากแอปเปิลจัดการเอาแอพที่รองรับ HealthKit ทั้งหมดลงจาก AppStore ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้ใช้งานเสียแล้ว

แอพที่อยู่ในข่ายโดนเก็บมีตั้งแต่แอพออกกำลังกาย Carrot Fit, แอพนับแคลอรี่ MyFitnessPal และแอพเพื่อสุขภาพอย่าง WebMD ที่ถูกเอาออกไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ยังมีแอพในกลุ่มเดียวกันอีกหลายตัวที่แอปเปิลติดต่อไปให้หยุดการรองรับ HealthKit ไว้ก่อน อันเนื่องมาจากว่าแอปเปิลไปเจอบั๊กใน HealthKit ก่อนจะเปิดตัวจริงไม่นาน และปัญหาต่างๆ ไม่ได้เกิดจากฝั่งนักพัฒนาแต่อย่างใด

แอปเปิลออก iOS 8 ตัวจริงให้อัพเกรดตามสัญญา โดยอุปกรณ์ที่สามารถอัพเกรดได้คือ iPhone 4S, iPad 2 และ iPod touch (5th gen) ขึ้นไป สามารถดาวน์โหลดผ่าน OTA หรือ iTunes ได้แล้ววันนี้

ฟีเจอร์ของ iOS 8 สามารถอ่านได้จาก ข่าว แอปเปิลเปิดตัว iOS 8 ไม่มุ่งเน้นทำสิ่งใหม่ แต่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และข่าวในหมวด iOS 8 ครับ โดยรวมแล้ว iOS 8 หน้าตาเหมือน iOS 7 เกือบหมด แต่ปรับปรุงฟีเจอร์และประสิทธิภาพให้ดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ในสายแอปเปิลเองได้ดีขึ้น (Continuity) และเปิดให้ใช้งานแอพคีย์บอร์ดจากบริษัทอื่นๆ สักที

ตามธรรมเนียมของ Blognone หลังแอปเปิลเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ก็ได้เวลาของบทวิเคราะห์ที่มาที่ไปและผลกระทบต่ออุตสาหกรรมครับ (ฉบับปีก่อน บทวิเคราะห์ iPhone 5 - จังหวะการเดินที่ช้าลงของแอปเปิล)

ต้องออกตัวอีกเช่นเคยว่าบทวิเคราะห์นี้เขียนขึ้นบนฐานจากข้อมูลในงานเปิดตัวของแอปเปิลเมื่อคืนนี้เท่านั้น อาจมีข้อมูลบางส่วนที่ขาดไป (ซึ่งอาจจะมาจากรายละเอียดเพิ่มเติมของแอปเปิลเอง หรือการจับ/ทดสอบเครื่องจริง) และอาจทำให้การวิเคราะห์ไม่แม่นยำได้

ในที่สุด แอปเปิลก็ยอมทำมือถือจอใหญ่

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนโดดเด้งที่สุดของ iPhone คือเรื่อง "ขนาด" ผลสรุปของมันคือในที่สุดแล้ว แอปเปิลก็ยอมทำมือถือจอใหญ่สักที (เว้ยเฮ้ย)

แอปเปิลประกาศแผนการอัพเดต iOS 8 รุ่นจริง โดยจะเปิดให้ดาวน์โหลดในวันที่ 17 กันยายนนี้ อุปกรณ์ที่จะได้อัพเป็น iOS 8 ได้แก่

• iPhone 4S
• iPhone 5
• iPhone 5c
• iPhone 5s
• iPod touch (5th gen)
• iPad 2
• iPad with Retina display (iPad 3/4)
• iPad Air
• iPad mini
• iPad mini with Retina display (iPad mini 2)

ก่อนงานเปิดตัวของแอปเปิลสัปดาห์หน้า ซึ่งน่าจะเป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่มากับ iOS8 ตัวจริงแล้ว ตอนนี้แอปเปิลก็เริ่มอัพเดตแนวทางการส่งแอพพลิเคชั่นขึ้น AppStore โดยมีหัวข้อที่เพิ่มมาตาม API ใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น เช่น HomeKit, Extensions, HealthKit, และ TestFlight

ข้อหนึ่งที่เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่กำลังเป็นประเด็นกันตอนนี้ คือ แอปเปิลห้ามเก็บข้อมูลสุขภาพจาก HealthKit ลง iCloud นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวอีกหลายข้อ เช่น ห้ามส่งข้อมูลให้บุคคลที่สามก่อนขออนุญาต, ห้ามเก็บข้อมูลไปใช้อย่างอื่นต่อ, ต้องระบุชัดเจนว่ากำลังใช้งาน HealthKit, หากมีการวินิจฉัยโรค จะต้องส่งเอกสารว่าได้รับอนุญาตไปให้แอปเปิลก่อน

เมื่อคืนนี้แอปเปิลได้ปล่อยอัพเดตล่าสุดสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 8 Beta และ Yosemite Developer Preview เวอร์ชัน 5 โดยนักพัฒนาที่ได้ลงทะเบียนไว้กับแอปเปิลสามารถเริ่มดาวน์โหลดตัวอัพเดตได้ทันที

สำหรับสิ่งที่มาใหม่ใน iOS 8 Beta 5 นี้ได้แก่หน้าต่าง Pop-up “SMS Relay” ที่ให้ผู้ใช้เลือกว่าจะให้ Mac เข้าถึงการรับส่ง SMS ของไอโฟนเครื่องที่ได้เชื่อมต่อไว้กับ Mac เครื่องนั้นหรือไม่, ไอคอน iCloud ใหม่, Wi-Fi Calling และการปรับปรุงแอนิเมชั่นในส่วนของคีย์บอร์ดและ Spotlight เล็กน้อย ที่เหลือเหมือนจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งาน มากกว่าการอัพเดต UI

แอพพลิเคชันช่วยจำรหัสผ่าน 1Password รองรับความสามารถ App Extension ใน iOS 8 ทำให้ตัว 1Password สามารถช่วยเติมรหัสผ่านโดยไม่ต้องสลับแอพพลิเคชันแล้ว

เมื่อสั่งล็อกอินด้วย 1Password ผู้ใช้จะต้องยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมืออีกครั้ง ตัว 1Password จึงมาเติมชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านให้

LastPass บนแอนดรอยด์มีความสามารถแบบเดียวกันนี้ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ที่มา - AgileBits

ในการอัพเดต iOS 8 beta 3 ล่าสุด ทางแอปเปิลได้เพิ่มความสามารถให้แอพ Health ให้สามารถตรวจจับก้าวเดินได้โดยตรง จากชิปประมวลผล M7 และเพิ่มคาเฟอีนเข้าไปในหมวดสารอาหารด้วยเช่นกัน

ความสามารถใหม่นี้ทำให้ iPhone สามารถตรวจจับก้าวเดินได้โดยไม่พึ่งพาอุปกรณ์หรือแอพภายนอก โดยภายหลังการทดลองใช้พบว่าตรวจจับได้ค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว รวมไปถึงคำนวณระยะทางที่เดินมาให้ พร้อมทั้งสามารถแชร์ข้อมูลของจำนวนก้าวเดินให้กับแอพอื่นๆ ได้ด้วย ขณะเดียวกันการอัพเดตนี้ได้เพิ่มตัวเลือกของ คาเฟอีน ในกลุ่มสารอาหารด้วยเช่นกัน

ทิ้งช่วงราวหนึ่งเดือนตั้งแต่ปล่อย beta 2 มา ล่าสุดแอปเปิลปล่อย iOS 8 beta 3 พร้อมกับปรับปรุงประสิทธิภาพ และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาหลายอย่างดังนี้ครับ

การเปลี่ยนแปลงหนึ่งใน iOS 8 ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่อาจยิ่งใหญ่มากกว่าที่คิดคือการเปลี่ยนข้อมูลในแอพ Weather จากเดิมใช้ข้อมูลยาฮู มาใช้ข้อมูลของ Weather Channel แทน

Kara Swisher แห่ง Re/code รายงานว่าดีลนี้เกิดขึ้นจาก David Kenny ซีอีโอ Weather Channel ซึ่งอดีตเคยเป็นบอร์ดบริหารยาฮู ได้เข้าไปเสนอให้แอปเปิลเปลี่ยนมาใช้ข้อมูลสภาพอากาศจาก Weather Channel แทน โดยให้สาเหตุว่าปัจจุบันยาฮูก็ใช้ข้อมูลสภาพอากาศจากบริษัทอยู่แล้ว แต่หากใช้ข้อมูลจาก Weather Channel โดยตรง จะให้ข้อมูลที่ละเอียดกว่า เช่นเพิ่มพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเป็น 9 วัน หรือการรายงานสภาพอากาศระบุพิกัดได้ละเอียดกว่าเดิม

ผู้ใช้ iPhone ส่วนมากน่าจะคุ้นเคยกับการใช้งานกล้องซึ่งแทบจะอัตโนมัติไปเสียทุกกระบวนท่า แม้ว่าจะผ่านมาหลายเวอร์ชันแล้ว แต่ฟังก์ชันที่ปรับได้ในแอพกล้องก็มีเพียง HDR, ปุ่มสลับกล้องหน้า-หลัง และสลับไปโหมดวิดีโอ แต่ในคีย์โน้ตของ iOS 8 มีการพูดถึงระบบควบคุมกล้องด้วยมือขึ้นมาเป็นครั้งแรก

การควบคุมกล้องด้วยมือ (manual control) บน iOS 8 จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ในกล้องได้ตามใจตั้งแต่ ISO (ค่าความไวแสง), ความเร็วชัตเตอร์, รูรับแสง, การโฟกัสภาพ หรือแม้แต่ตั้งสมดุลแสงขาวเองด้วยแผ่นสีเทา ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับนักถ่ายภาพมืออาชีพ