หลายคนคงพอทราบว่า Firebug เครื่องมือช่วยดีบั๊กเว็บอันโด่งดังของ Firefox จะหยุดพัฒนาแล้ว เหตุผลสำคัญคือ Firebug ถูกออกแบบขึ้นสมัยที่ Firefox ทำงานแบบโพรเซสเดียว แต่เมื่อ Firefox เริ่มเปลี่ยนมาทำงานแบบหลายโพรเซสด้วยโครงการ e10s ส่งผลให้ Firebug ไม่สามารถทำงานกับสถาปัตยกรรมแบบใหม่ของ Firefox ได้
ทีมงาน Firebug หารือกันแล้วพบว่าการเขียนใหม่ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล จึงตัดสินใจหยุดพัฒนา Firebug รุ่นใหญ่รุ่นถัดไป (Firebug 3.0) แล้วเปลี่ยนมาเป็นการพัฒนาฟีเจอร์ให้กับ Firefox DevTools ที่ติดมากับตัว Firefox แทน โดยจะยังออก Firebug 2.x รุ่นแก้บั๊กให้ต่อไป
Mozilla ประกาศพบช่องโหว่สำคัญเกี่ยวกับฟังก์ชัน SVG ใน Firefox ซึ่งถูกใช้งานโจมตีเบราว์เซอร์ Tor (ที่พัฒนาขึ้นบน Firefox) เพื่อค้นหาตัวตนของผู้ใช้งานแล้ว
รูปแบบการโจมตีคือแฮ็กเกอร์จะหลอกผู้ใช้ Tor ให้เข้าเว็บเพจที่มีไฟล์ SVG ฝังไว้ ไฟล์นี้จะอาศัยช่องโหว่ตัวนี้เก็บค่า IP และ MAC ของผู้ใช้ ส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮ็กเกอร์ได้ ทาง Mozilla ระบุว่าการโจมตีลักษณะนี้คล้ายกับเทคนิคที่ FBI เคยใช้ตามหาผู้ใช้ Tor และมีคนตั้งข้อสงสัย (แต่ไม่มีหลักฐาน) ว่าเป็นไปได้ที่คนใช้ช่องโหว่นี้คือ FBI
Mozilla ได้ทำเบราว์เซอร์ใหม่สำหรับ iOS แยกออกมาจาก Firefox ปกติในชื่อ Firefox Focus โดยตัวเบราว์เซอร์นี้ชูจุดเด่นในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยจะมีการบล็อกโฆษณาและคุกกี้ในตัว รวมถึงมีการลบประวัติการเข้าชมหลังจากจบเซสชั่น
ตัวเบราว์เซอร์ Firefox Focus นี้จะมีแค่ address bar เท่านั้น เปิดมาก็ให้ผู้ใช้พิมพ์เพื่อค้นหาได้ทันที รวมถึงยังชูจุดเด่นด้านการดาวน์โหลดที่เร็ว แม้ว่าจะมีการบล็อกโฆษณา เนื่องจากเบราว์เซอร์ที่มีการบล็อกโฆษณาหลายตัวนั้น มักจะส่งผลต่อประสิทธิภาพด้วย
Mozilla ออก Firefox 50 รุ่นฉลองครบครึ่งร้อย (และเป็นรุ่นเสถียรตัวสุดท้ายของปีนี้) ของใหม่บนเวอร์ชันพีซีได้แก่
ส่วนเวอร์ชัน Android ปรับอินเทอร์เฟซเล็กน้อย โดยรวมหน้า Recent Tabs และ History เข้าด้วยกัน
ที่มา - Mozilla
Mozilla ประกาศทำโครงการ Project Quantum เอนจินเบราว์เซอร์ตัวใหม่ของ Firefox ที่จะใช้แทนเอนจิน Gecko ในปัจจุบัน
Project Quantum เป็นโครงการใหญ่ที่ประกอบด้วยหลายส่วนประกอบ ซึ่งรวมเอา Project Servo ระบบเอนจินตัวใหม่ที่เขียนด้วยภาษา Rust ซึ่ง Mozilla เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2013
Mozilla บอกว่า Project Quantum จะให้ประสบการณ์ใช้งานที่เร็วและลื่นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (quantum leap) ทั้งบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์พกพา ปัญหาเรื่องการโหลดหน้าจอ การเลื่อนหน้าจอ แอนิเมชันและการตอบสนองที่ช้าหรือกระตุก จะหมดไป
ดูเหมือนว่าฟีเจอร์ประหยัดพลังงานจะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่เบราว์เซอร์หลักในตลาดให้ความสำคัญไปซะแล้ว เมื่อดูจากที่ทั้ง Microsoft Edge, Opera และ Google Chrome ต่างก็ออกผลทดสอบซึ่งแสดงความสามารถในการประหยัดพลังงานของเบราว์เซอร์ของค่ายตนเองกันเกือบครบทุกเจ้า
และล่าสุดก็เป็นทางฝั่งไมโครซอฟท์ที่ออกมาโชว์ผลการทดสอบอีกหนเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการปรับปรุงการใช้พลังงานของ Microsoft Edge บน Windows 10 Anniversary Update ไปอีกขั้น ซึ่งก็ส่งให้ Microsoft Edge ได้รับตำแหน่งเบราว์เซอร์ประหยัดพลังงานอันดับหนึ่งไปอีกครั้ง
Mozilla ประกาศทำโครงการ Mortar เพื่อให้ Firefox สามารถนำปลั๊กอินบางตัวของ Chrome มาใช้งานได้ เพื่อลดภาระการดูแลโค้ดของทีมงาน Mozilla ลง
ในอดีต เว็บเบราว์เซอร์มีระบบปลั๊กอินที่เรียกว่า NPAPI ที่ใช้กันมานานมากแล้ว (ใช้กันมาตั้งแต่ยุค Netscape) ส่งผลให้ปลั๊กอินยอดนิยมทั้ง Flash หรือ Java ต่างก็สื่อสารกับเบราว์เซอร์ด้วยวิธีนี้ แต่ปลั๊กอินแบบนี้ล้าสมัยและมีปัญหาหลายอย่าง ส่งผลให้ Chrome พยายามผลักดันระบบปลั๊กอินแบบใหม่ PPAPI (หรือ Pepper) มาตั้งแต่ปี 2013 และปัจจุบันปลั๊กอินอย่าง Flash หรือตัวอ่าน PDF ของ Chrome ก็ใช้ระบบ PPAPI ทั้งหมด
Mozilla ออก Firefox 49 รุ่นเสถียร ของใหม่ในรุ่นนี้ได้แก่
กูเกิลเริ่มโครงการฟอร์แมตวิดีโอ WebM และรูปภาพ WebP มาได้นานพอสมควรแล้ว ถึงแม้ฟอร์แมตทั้งสองตัวมีจุดเด่นเรื่องขนาดไฟล์หลังการบีบอัด แต่ที่ผ่านมายังมีเฉพาะ Chrome เท่านั้นที่รองรับฟอร์แมตเหล่านี้ ทำให้การใช้งานยังไม่แพร่หลายมากนัก
ช่วงหลังเราเริ่มเห็นแนวร่วมของ WebP มากขึ้น เช่น Safari ที่เริ่มทดสอบฟีเจอร์นี้แล้ว และเบราว์เซอร์รายล่าสุดที่ทดลองพัฒนาฟีเจอร์ WebP คือ Firefox
สถานของการรองรับ WebP ใน Firefox ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ตอนนี้มีแพตช์ที่พัฒนาให้อ่านไฟล์ภาพ WebP ได้แล้ว แต่ก็ยังต้องรอตรวจสอบคุณภาพแพตช์กันต่อไป (Bugzilla)
Mozilla ประกาศถอดฟีเจอร์ Firefox Hello การสนทนาด้วยเสียง-วิดีโอบนเทคโนโลยี WebRTC ที่ใส่เข้ามาใน Firefox 34 เมื่อปลายปี 2014
การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นใน Firefox 49 รุ่นหน้า โดยผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม Hello จะถูกถอดออกโดยอัตโนมัติ และ Mozilla แนะนำให้ย้ายไปใช้ซอฟต์แวร์แชทผ่าน WebRTC ตัวอื่นแทน เช่น Talky, Cisco Spark, Appear.in, Jitsi Meet
Mozilla ไม่ได้ให้เหตุผลของการถอดฟีเจอร์ครั้งนี้ แต่เราก็คงรู้ๆ กันว่าเป็นฟีเจอร์ที่ไม่มีใครใช้ (เอาแค่พูดถึงหรือรู้จัก ก็ยังแทบไม่มีเลย)
Firefox 48 ออกแล้ว การเปลี่ยนแปลงสำคัญของรุ่นนี้คือเป็นรุ่นแรกที่ Mozilla เริ่มกระบวนการแยกโพรเซสของเบราว์เซอร์และเนื้อหาเว็บเพจออกจากกัน (หลังจากพัฒนามานานหลายปีจนคิดว่าจะไม่ทำซะแล้ว) ภายใต้ชื่อโครงการที่เรียกว่า Electrolysis หรือ e10s
แต่การแยกโพรเซสของ Firefox จะมีหลายขั้นตอน (กว่าจะทำได้เท่ากับพวก Chrome) ขั้นแรกคือ Firefox จะถูกแยกออกเป็น 2 โพรเซสคือตัวเบราว์เซอร์กับเนื้อหาก่อน (แต่ละแท็บยังเป็นโพรเซสเดียวกันหมด) เมื่อเปลี่ยนผ่านกระบวนการเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้ว ในอนาคตถึงค่อยแยกโพรเซสของแต่ละแท็บอีกทีหนึ่ง ซึ่งยังไม่ระบุช่วงเวลาชัดเจนว่าเมื่อใด โดย Mozilla บอกว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ก็น่าจะทำได้ภายในครึ่งแรกของปี 2017
Mozilla ได้ออกอัพเดต Firefox เวอร์ชัน 5.0 บน iOS โดยรอบนี้ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มฟีเจอร์หลายอย่าง
Mozilla ได้เผยแผนการเตรียมการเลิกใช้ Flash ใน Firefox ในอนาคต เพราะ Firefox มี Web API ที่จะสามารถทดแทนปลั๊กอิน Flash ได้แล้ว ซึ่งหลังจากที่เว็บไซต์เปลี่ยนจาก Flash ไปใช้ปลั๊กอินเว็บอื่น ๆ พบว่ายอดการแครชของปลั๊กอินลดลงอย่างมาก ซึ่ง Mozilla ได้ประกาศแผนที่จะให้ Firefox ค่อย ๆ ลดการใช้งาน Flash ลงเรื่อย ๆ
ในช่วงแรกคือเดือนสิงหาคมนี้ Firefox จะเริ่มบล็อกเนื้อหา Flash ที่ไม่จำเป็นกับประสบการณ์ผู้ใช้ แต่ก็ยังสนับสนุนคอนเทนต์จาก Flash อยู่ โดยคาดว่าน่าจะช่วยลดการแครชและแฮงค์ได้ถึง 10% โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มใช้กับรายการเนื้อหา Flash ที่แทนที่ด้วย HTML ได้
Microsoft ได้เพิ่ม Windows Tips ชุดใหม่บน Windows 10 โดยจะเป็นการเตือนผู้ใช้ว่า เบราว์เซอร์ Google Chrome หรือ Mozilla Firefox นั้นกินแบตเตอรี่ของแล็ปท็อป และแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้โดยการไปใช้ Microsoft Edge แทน
ผู้ค้นพบ Windows Tips นี้คือ Rudy Huyn นักพัฒนาแอพบน Windows Phone โดยเขาพบขณะที่กำลังใช้ Chrome อยู่ ซึ่งเมื่อได้ถามไปยัง Microsoft ก็ได้รับคำยืนยันว่าเมื่อใช้งาน Firefox ก็จะขึ้นเตือนแบบนี้เช่นกัน และเพิ่งเปิดใช้งาน Tips เหล่านี้เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งก็เป็นช่วงหลังจากที่ Microsoft เผยผลการทดสอบ Edge ประหยัดพลังงานที่สุด โดยนำมาเทียบกับ Chrome, Firefox, Opera
Mozilla ประกาศสร้างระบบแนะนำเว็บไซต์ชื่อ Context Graph เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเว็บไปอีกขั้น
Mozilla บอกว่าการท่องเว็บในปัจจุบันมักตั้งต้นจาก search เพื่อค้นหาเว็บที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม Back เพื่อกลับไปยังหน้าเดิม สิ่งที่เราแทบไม่ได้ใช้เลยคือปุ่ม Forward ดังนั้นถ้า Mozilla สามารถแนะนำได้ว่าเราควรไปยังหน้าไหนต่อ (โดยอิงจากข้อมูลของคนที่เคย search แบบเดียวกันมาก่อนเรา และลองผิดลองถูกมาก่อนเรา) ย่อมจะส่งผลให้การท่องเว็บเปลี่ยนโฉมไปมาก (และไม่ต้องพึ่งพา Google/Facebook มากเกินไป)
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรตอบคำถามทางอีเมลถึงแผนพัฒนา Firefox บน Windows 10 Mobile แล้ว ณ เวลานี้บริษัทไม่มีแผนพัฒนาเบราว์เซอร์บนแพลตฟอร์มดังกล่าว และสามารถอ้างอิงข้อมูลนี้ว่ามาจากโฆษกของบริษัทได้
ปัจจุบันนี้ เบราว์เซอร์จากนักพัฒนาภายนอกบน Windows 10 Mobile มีแค่ UC Browser และ Opera Mini ครับ
ที่มา: Nokiapoweruser
เมื่อเร็วๆ นี้เราเห็นวิวาทะระหว่าง Microsoft Edge และ Opera ว่าใครเป็นเบราว์เซอร์จอมประหยัดพลังงานกว่ากัน ปัญหาของผลการทดสอบทั้งสองชุดคือวัดผลโดยบริษัทต้นสังกัดเอง จึงมีข้อกังขาเรื่องความน่าเชื่อถือ
นิตยสาร PCWorld ในฐานะคนกลางจึงพยายามทดสอบเรื่องนี้ โดยใช้ชุดทดสอบชื่อ EMBC ที่รันเว็บเพจในสภาพแวดล้อมจำลอง (เบราว์เซอร์ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์จำลองที่ปลอมตัวเป็นเว็บเพจจริง มีการเซ็ตแบนด์วิดท์ให้คงที่ จำลองการเลื่อนหน้าจอขึ้นลง เพื่อตัดปัจจัยผันแปรออกจากการทดสอบออกให้หมด)
ดูเหมือนกว่าโหมดประหยัดพลังงานของ Opera ที่ช่วยประหยัดแบตถึง 50% จะไม่ได้เจ๋งที่สุดเสียแล้ว
เมื่อไมโครซอฟท์เทียบการใช้พลังงานของเบราว์เซอร์ชั้นนำสี่ตัว คือ Microsoft Edge, Chrome, Firefox และ Opera ในสามรูปแบบ ผลการทดสอบโดยไมโครซอฟท์นี้ก็แสดงให้เห็นว่า Microsoft Edge ชนะในทุกกรณี
Firefox กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ คือฟีเจอร์การแสดงตัวตนที่แตกต่างกัน (different identities) ภายในเบราว์เซอร์เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถล็อคอินบัญชีใน social network ค้างไว้ได้หลาย ๆ บัญชีโดยไม่ต้องใช้เบราว์เซอร์หลายตัว และป้องกันการติดตามโฆษณาได้ในระดับหนึ่ง
ในฟีเจอร์ตัวตนที่แตกต่างกันของ Firefox นี้จะมี container tab มีตัวตนให้เลือก 4 แบบสำหรับใช้งานในแต่ละโอกาส (ส่วนตัว, ทำงาน, ช้อปปิ้ง, ทำธุรกรรมทางการเงิน) ซึ่งทุกแบบจะเก็บคุกกี้, IndexedDB, แคช และข้อมูลที่เก็บบนตัวเครื่องของตัวเอง
Firefox 47 ออกแล้วทั้งบนพีซีและบน Android ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของเวอร์ชันพีซีมี 2 อย่าง
ส่วน Firefox บน Android จะเลิกแสดง favicon ของเว็บไซต์ในช่อง URL bar เพื่อป้องกันปัญหาเว็บไซต์ประสงค์ร้าย สร้าง favicon เป็นรูปกุญแจ HTTPS หลอกผู้ใช้ว่าเว็บไซต์นี้ปลอดภัย
StatCounter บริษัทที่เก็บสถิติด้านการเข้าเว็บของอินเทอร์เน็ต เปิดเผยว่าตอนนี้ยอดการเข้าชมเว็บไซต์บนเดสก์ท็อปผ่าน Firefox นั้นมากกว่าทั้ง Microsoft Edge และ Internet Explorer รวมกันแล้ว ส่วน Chrome ยังคงเป็นอันดับ 1 อยู่
จากข้อมูลของ StatCounter ระบุว่า Chrome นั้นมีผู้ใช้นับพันล้านคนทุกแพลตฟอร์ม คิดเป็นยอด 60.5% ของ StatCounter แต่สิ่งที่น่าสนใจในสถิติรอบนี้คือ Firefox อยู่ที่ 15.6% แซง Microsoft Edge และ Internet Explorer ที่คิดรวมกันเป็น 15.5% ไปอย่างฉิวเฉียด และตามมาห่างๆ ด้วย Safari และ Opera
ในอดีต Mozilla เคยมีโครงการ Test Pilot เก็บสถิติการใช้งานเพื่อปรับปรุงโปรแกรม ล่าสุดโครงการ Test Pilot กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ในฐานะโครงการทดลองฟีเจอร์ใหม่ๆ ก่อนนำมาใส่ใน Firefox เวอร์ชันปกติ
เบื้องต้น Test Pilot จะทดสอบ 3 ฟีเจอร์ใหม่ของ Firefox ดังนี้
Mozilla ประกาศข้อตกลงกับ Canonical ว่า Firefox จะยังเป็นเบราว์เซอร์หลักของ Ubuntu ต่อไป (ไม่เปิดเผยระยะเวลาและรายละเอียดว่ามีเรื่องเงินด้วยหรือไม่)
นอกจากนี้ Mozilla ยังประกาศสนับสนุน snap ระบบแพ็กเกจแบบใหม่ของ Ubuntu ว่า Firefox จะออกแพ็กเกจแบบ snap ให้ภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการอัพเดต Firefox ของระบบปฏิบัติการ Ubuntu เวอร์ชันเก่าๆ ได้ง่ายขึ้น
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Firefox ออกเวอร์ชัน 45 ทั้งบนเดสก์ท็อปและบน Android
ของใหม่ของ Firefox เวอร์ชันเดสก์ท็อปได้แก่
ส่วน Firefox for Android จัดหน้าจอ Settings ใหม่ และเพิ่มตัวเลือกโหลดไฟล์ภาพบนเว็บเพจกรณีต่อเน็ต Wi-Fi เท่านั้น สำหรับคนที่ต้องการประหยัดเน็ตผ่านมือถือ