หลังเปิดตัวเวอร์ชันใหม่บน PC/PS3 มาได้สามปีกว่า (PS4 มาในปี 2014) จนถึงวันนี้ หนึ่งในคำถามที่ถูกแฟนเกมถามกันมาตลอดคือ ฝั่ง Xbox จะได้เล่นเกมนี้กับเขาด้วยหรือไม่ ล่าสุดที่งาน E3 2016 Naoki Yoshida ผู้กำกับเกมภาคนี้ก็มีคำตอบในเรื่องนี้ออกมาเรียบร้อย

Naoki ระบุว่าเดิมทีแล้ว Square Enix และทีม XIV มีแผนจะนำ Final Fantasy XIV: A Realm Reborn ลง Xbox One เช่นกัน แต่เนื่องจากนโยบายของไมโครซอฟท์ที่ไม่เปิดให้เกมสามารถเล่นข้ามแพลตฟอร์มกันได้ แผนทั้งหมดจึงถูกล้มไป แต่หลังจากที่ไมโครซอฟท์ประกาศเปลี่ยนนโยบายและจุดยืนใหม่โดยการสนับสนุนเกมข้ามแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่แค่ Windows 10 มากขึ้น บริษัทจึงเข้าไปเสนอนำเกมลง Xbox One ให้ไมโครซอฟท์ฟังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกจาก Trailer ใหม่พร้อมโหมด VR และการโชว์การต่อสู้กับ Titan ที่บูธ Square Enix ฮาจิเมะ ทาบาตะ ได้ขึ้นนำเสนอข้อมูลพิเศษ is Leading Edge ซึ่งแนะนำระบบใหม่ของเกมที่จะได้เห็นกันเพิ่มเติมในเวอร์ชันขายจริง ซึ่งของใหม่ที่ถูกนำเสนอมีดังนี้

• ผู้เล่นสามารถควบคุมรถ Regalia ได้อย่างอิสระ โดยเมื่ออยู่บนถนน ระบบจะนำทางไปตามถนนโดยอัตโนมัติ แต่หากต้องการเปลี่ยนเส้นทางก็สามารถทำได้ด้วยการคุมรถให้เลี้ยวไปเส้นทางอื่นเองได้
• ระหว่างการซ่อมรถ Regalia จะมี Side-quest ให้ทำเพื่อรอซ่อมทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการหาของป่า การล่ามอนสเตอร์ หรือการตั้งแคมป์เป็นต้น
• รถ Regalia ใช้น้ำมัน เมื่อน้ำมันหมด รถจะไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าจะนำรถไปเติมน้ำมันอีกครั้ง
• ในแผนที่จะมีหินธาตุให้ผู้เล่นสามารถเก็บ "พลังงานธาตุ" เพื่อเอาไปทำของ หรือใช้เป็นเวทมนตร์ได้
• ระบบต่อสู้ปรับให้เน้น Link Tactic มากขึ้น

ที่งานแถลงข่าวของโซนี่เช้าวันนี้ Square Enix นำ Trailer ของเกม Final Fantasy XV ตัวใหม่มาให้ชมกัน โดย Trailer ตัวนี้จะเน้นแสดงให้เห็นถึงระบบการขี่นกโจโคโบะ ระบบการต่อสู้ (คนละตัวกับที่แสดงในงานไมโครซอฟท์) และระบบอื่นๆ ที่จะได้เล่นกันในตัวเกมของจริง

ของแถมท้าย Trailer คือการประกาศเปิดตัว Final Fantasy XV: VR Experience หรือโหมด VR ให้กับ PlayStation VR โดยเฉพาะ ซึ่งโหมดนี้ผู้เล่นจะได้เล่นเป็น Prompto (Noctis กลายเป็น AI) และมีรูปแบบการบังคับเหมือนเกม FPS ทุกประการ

ตัวเกมหลักจะวางขายก่อนในวันที่ 30 กันยายนตามที่ได้ประกาศไปเมื่อต้นปี ส่วนโหมด VR Square Enix ยังไม่ได้แจ้งว่าจะขายเพิ่มเป็น DLC หรือไม่อย่างไร และจะเปิดขายพร้อมกับการวางจำหน่าย PlayStation VR ในเดือนตุลาคมหรือไม่

ที่มา - PlayStation E3 Media Briefing

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถูกเปิดตัวในงาน E3 เมื่อปีที่แล้ว และก็หายเงียบไปตามสายลม โผล่มาอีกครั้งในงาน E3 ปีนี้ Square Enix เลยจัดเซอร์ไพร์สด้วยการประกาศวางจำหน่าย World of Final Fantasy อย่างเป็นทางการซะเลย

กำหนดการวางจำหน่ายเกมนี้แบ่งออกเป็น 3 วัน คือ 25 ตุลาคม ในอเมริกาเหนือ, 27 ตุลาคมในญี่ปุ่น และ 28 ตุลาคมในยุโรป ทิ้งห่างจากกำหนดวางจำหน่ายเกม Final Fantasy XV ไปเกือบหนึ่งเดือน โดยผู้ที่สั่งซื้อตัวเกมล่วงหน้าจะได้รับ Summon Sephiroth (Final Fantasy VII) เป็นของแถมด้วย

ในรอบปีที่ผ่านมาเราเห็น Square Enix ประกาศรีเมค/รีมาสเตอร์เกมตระกูล Final Fantasy กันหลายภาค ไม่ว่าจะเป็น Final Fantasy VII, Final Fantasy Adventure และ Final Fantasy XI ที่ทำร่วมกับ Nexon ล่าสุดในวันนี้ก็มีอีกหนึ่งภาคที่ประกาศรีมาสเตอร์อีกเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ Final Fantasy XII ที่มาในชื่อใหม่เอี่ยม Final Fantasy XII: The Zodiac Age

รายละเอียดเบื้องต้นคือเกมนี้จะเป็นการนำเกม Final Fantasy XII และ Final Fantasy XII: International Zodiac Job System ซึ่งเป็นเกมตัวสุดท้ายของเครื่อง PlayStation 2 มาลง PlayStation 4 ทั้งหมด โดยจะมีการปรับปรุงงานกราฟิกให้เข้ากับเครื่องรุ่นปัจจุบัน ปรับปรุงระบบตัวเกมใหม่ และเพิ่มเติมในส่วนเนื้อเรื่องที่ยังขาดหายไปเป็นการเพิ่มเติม

เบื้องต้น Square Enix ระบุว่าเกมนี้จะลงให้กับ PlayStation 4 เครื่องเดียวในปี 2017 ก่อน (Xbox One ยังไม่ยืนยัน) รายละเอียดอื่นๆ คาดว่าในงาน E3 สัปดาห์หนัา ทาง Square Enix น่าจะออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

ที่มา - Gematsu

ถ้ายังจำกันได้ Square Enix ประกาศแผนรีเมค Final Fantasy XI ในชื่อ Vana'diel Project หนึ่งในนั้นมี Final Fantasy XI ที่เป็นภาคหลักถูกรีบูตให้กลายเป็นเกมออนไลน์โดยมี Nexon เป็นผู้พัฒนา ล่าสุด Nexon ได้จัดงาน Developer Conference ขึ้นที่เกาหลีใต้ พร้อมเผยความคืบหน้าของเกมภาคนี้ออกมาเรียบร้อยแล้ว

ตัวเกม Final Fantasy XI ในเวอร์ชันนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้เอนจิน Unreal Engine 4 ของค่าย Epic Games ในการพัฒนาเป็นหลัก และมีเนื้อหาที่สอดคล้องไปกับตัวเกมเดิมครบทุกส่วน สิ่งที่เปลี่ยนไปจากภาคหลักคือกราฟิกในเกมจะถูกเพิ่มความเป็นแฟนตาซีให้มากขึ้น ปรับปรุงระบบจัดปาร์ตี้ใหม่ ลดความยากของตัวเกมลงเพื่อให้สามารถเล่นคนเดียวได้ ปรับปรุงระบบการต่อสู้ใหม่หมด และปรับให้ตัวเกมรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในเกมจากผู้ให้บริการในอนาคตได้

เบื้องต้น Nexon ระบุแผนว่าจะเปิดให้บริการจริงภายในปีนี้ ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อเมริกาเหนือ ยุโรป และบางประเทศในทวีปเอเชีย

ที่มา - Gematsu, Kotaku

ข่าวใหญ่ในวงการเกมรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการประกาศวางจำหน่าย Final Fantasy XV ในวันที่ 30 กันยายน หลังจากรอกันมาเกือบๆ 10 ปีเต็ม (Final Fantasy Versus XIII เปิดตัวปี 2006) นิตยสาร Famitsu เลยได้เข้าไปสัมภาษณ์ผู้กำกับ ฮาจิเมะ ทาบาตะ เป็นการเพิ่มเติมเพื่อถามว่าวันวางขายดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร

ผู้กำกับทาบาตะกล่าวว่าวันวางจำหน่ายดังกล่าว (30 กันยายน 2016) เป็นวันที่เขาเขียนขึ้นและประกาศเพื่อให้รับทราบกันภายในทีม__ตั้งแต่วันแรกที่ได้ขึ้นเป็นผู้กำกับในปี 2013__ โดยสาเหตุหลักมาจากความล่าช้าในการพัฒนาเกม และทรัพยากรที่ใช้ในการพัฒนา (เวลา ต้นทุน และทรัพยากรบุคคล) ดังนั้นเขาจึงกำหนดวันแบบสุ่มๆ ขึ้นมาไม่ได้ แต่เลือกที่จะตัดสินใจเลยว่า "เกมต้องออกวันนี้เท่านั้น"

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้กำกับ ฮาจิเมะ ทาบาตะ ออกมาเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยของ Final Fantasy XV โดยตัวเขาระบุว่า เนื้อเรื่องหลักในเกมภาคนี้ จะมีความยาวกว่า 40-50 ชั่วโมง ประกอบกับมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกมากมาย

นอกจากนี้ทาบาตะยังพูดถึงเรื่องของเรือบินว่าจะมีเข้ามาในเกมอย่างแน่นอน และทีมงานรู้แล้วด้วยว่าจะใส่เพิ่มเข้ามาอย่างไร และมอนสเตอร์เอกลักษณ์ของ Final Fantasy อย่างกระบองเพชร Cactuars ก็จะมีเข้ามาในเกมด้วยเช่นกัน แต่เพื่อคงคความเป็นเอกลักษณ์ Cactuars จะมีความรวดเร็วชนิดที่สามารถหลบสกิล Warp Strike ของ Noctis ได้ทั้งหมด ซึ่งผู้เล่นต้องวางแผนในการรับมือกับมอนสเตอร์ตัวนี้ให้ดี ถึงจะสามารถล้มมันได้

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้กำกับฮาจิเมะ ทาบาตะ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Game Informer ถึงความคืบหน้าล่าสุดของ Final Fantasy XV ซึ่งกำลังพัฒนาขั้นสุดท้าย การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับฉากจบ (Ending) ของเกม

วันนี้ Square Enix ใช้เวทีงาน Taipei Game Show 2016 เผยความคืบหน้าล่าสุดของเกม Final Fantasy XV รอบนี้นำเสนอระบบการต่อสู้ที่ปรับปรุงจากเดโม Episode Duscae ไปมากพอสมควร

ระบบล่าสุดรองรับการสับเปลี่ยนอาวุธด้วยปุ่ม D-Pad และเน้นการลอบสังหารมากขึ้น แต่เมื่อเข้าโหมดต่อสู้จริงๆ จังๆ จะกลับไปเน้นความเป็นแอคชันของเกมตามปกติ