Chrome 52 เข้าสถานะเสถียร (stable) รุ่นนี้มีของใหม่หลายอย่าง ดังนี้

• ปรับหน้าตามาใช้ Material Design ถัดจาก Chrome OS เวอร์ชันนี้เป็นคิวของแมค
• ยกเลิกการกดปุ่ม Backspace เพื่อถอยหลังกลับหนึ่งหน้าจอ ลดปัญหาการกรอกแบบฟอร์มแล้วกด Backspace โดยบังเอิญ ข้อมูลในฟอร์มหายหมด
• รองรับ CSS containment ฟีเจอร์ใหม่ของ CSS ที่นักพัฒนาควบคุมการแสดงผลของ element ได้
• รองรับมาตรฐาน VAPID (Voluntary Application Server Identification) สำหรับการยืนยันตัวตนของเซิร์ฟเวอร์ในการพุชข้อมูลมายังผู้ใช้
• อุดช่องโหว่ความปลอดภัย 48 จุด

Microsoft ได้เพิ่ม Windows Tips ชุดใหม่บน Windows 10 โดยจะเป็นการเตือนผู้ใช้ว่า เบราว์เซอร์ Google Chrome หรือ Mozilla Firefox นั้นกินแบตเตอรี่ของแล็ปท็อป และแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้โดยการไปใช้ Microsoft Edge แทน

ผู้ค้นพบ Windows Tips นี้คือ Rudy Huyn นักพัฒนาแอพบน Windows Phone โดยเขาพบขณะที่กำลังใช้ Chrome อยู่ ซึ่งเมื่อได้ถามไปยัง Microsoft ก็ได้รับคำยืนยันว่าเมื่อใช้งาน Firefox ก็จะขึ้นเตือนแบบนี้เช่นกัน และเพิ่งเปิดใช้งาน Tips เหล่านี้เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งก็เป็นช่วงหลังจากที่ Microsoft เผยผลการทดสอบ Edge ประหยัดพลังงานที่สุด โดยนำมาเทียบกับ Chrome, Firefox, Opera

Google เปิดตัว Google Cast for Education สำหรับภาคการศึกษา โดยจะใช้งานได้เฉพาะผู้ที่ใช้ Google Apps for Education เท่านั้น

จุดแตกต่างระหว่าง Google Cast for Education และ Google Cast ทั่วไปคือครูผู้สอนจะเป็นผู้ควบคุมการ cast หน้าจอไปยังโปรเจ็คเตอร์ภายในห้องเรียน ครูผู้สอนสามารถกำหนด access ของนักเรียนแต่ละคนได้ว่าสามารถ cast หน้าจอได้ตามต้องการ หรือต้องขอ request ไปยังครูผู้สอนก่อน หรือแม้แต่จะ cast ได้ก็ต่อเมื่อได้รับคำเชิญ (invite) จากครูเท่านั้น

กูเกิลเปิดให้ทดสอบกระบวนการแลกเปลี่ยนกุญแจในการเข้ารหัส (key exchange algorithm) ที่มีชื่อว่า “New Hope” แล้ว ผ่านทาง Google Chrome Canary

การใช้งานเว็บเข้ารหัสเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย แต่นโยบายองค์กรจำนวนมากก็ต้องบันทึกข้อมูลเข้าออกทุกอย่างเอาไว้ ทำให้ต้องติดตั้ง CA ขององค์กรเพื่อดักฟัง รวมถึงซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจำนวนหนึ่งก็อาจจะติดตั้งพรอกซี่ไว้ในเครื่องเพื่อตรวจไวรัสก่อนที่จะให้ผู้ใช้เปิดเว็บ แต่แนวทางเช่นนี้เป็นดาบสองคมคือกรณีมัลแวร์ดักฟังข้อมูลไป ผู้ใช้ก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังมีคนมาดักคั่นกลางการเชื่อมต่ออยู่ ตอนนี้แพตช์ชุดใหม่ของ Chrome เสนอแนวทางแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อเปิด Developer Tools ขึ้นมาใช้งาน

Chrome ยังคงแสดง URL เป็นสีเขียวปกติต่อไป แต่การแจ้งเตือนจะแสดงสัญลักษณ์สีเทาว่ามีการข้ามการล็อกกุญแจเข้ารหัสจากการใช้ CA ที่ติดตั้งเอง

เมื่อเร็วๆ นี้เราเห็นวิวาทะระหว่าง Microsoft Edge และ Opera ว่าใครเป็นเบราว์เซอร์จอมประหยัดพลังงานกว่ากัน ปัญหาของผลการทดสอบทั้งสองชุดคือวัดผลโดยบริษัทต้นสังกัดเอง จึงมีข้อกังขาเรื่องความน่าเชื่อถือ

นิตยสาร PCWorld ในฐานะคนกลางจึงพยายามทดสอบเรื่องนี้ โดยใช้ชุดทดสอบชื่อ EMBC ที่รันเว็บเพจในสภาพแวดล้อมจำลอง (เบราว์เซอร์ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์จำลองที่ปลอมตัวเป็นเว็บเพจจริง มีการเซ็ตแบนด์วิดท์ให้คงที่ จำลองการเลื่อนหน้าจอขึ้นลง เพื่อตัดปัจจัยผันแปรออกจากการทดสอบออกให้หมด)

ที่ผ่านมา Chrome รองรับการส่งภาพขึ้นจอผ่านส่วนขยาย Google Cast ที่ต้องติดตั้งเพิ่มเอง แต่ใน Chrome 51 เป็นต้นไป ฟีเจอร์นี้จะถูกผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Chrome แล้ว

เดิมทีส่วนขยาย Google Cast จะมีปุ่ม Cast ที่ทูลบาร์ แต่ฟีเจอร์ของ Chrome ตัวหลักจะไม่มีปุ่มนี้ ต้องสั่งผ่านเมนูแทน (อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ใช้ยังอยากให้มีปุ่มบนทูลบาร์ก็สามารถติดตั้งส่วนขยายได้เช่นกัน)

นอกจากนี้ ฟีเจอร์ Cast ของ Chrome 51 ยังสามารถแสดงเนื้อหาในแท็บปัจจุบันไปยังห้องประชุมใน Google Hangout ได้ด้วย ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนที่อยากประชุมทีมผ่าน Hangout แล้วแชร์หน้าจอให้เห็นภาพตรงกัน

จากการที่ Google เปิดตัวแพลตฟอร์ม VR ในงาน Google I/O ที่ผ่านมา แอพของ Google ที่รองรับ VR ณ ตอนนั้นมีเพียง YouTube, Street View, Google Play Movies และ Google Photos ล่าสุดดูเหมือนบริษัทพยายามจะทำให้ Chrome บนแอนดรอยด์รองรับความสามารถนี้ด้วยเช่นกัน

เว็บ Road to VR รายงานว่า Chrome Beta และ Chrome Dev บนแอนดรอยด์เวอร์ชันล่าสุดนั้นรองรับความสามารถในการแสดงผลแบบ VR ขณะเดียวกัน Google ก็ได้ปล่อย WebVR API สำหรับเจ้าของเว็บที่ต้องการทำให้เว็บไซต์ของตัวเองรองรับ VR ด้วยเช่นกัน

พบบั๊กใหม่ของ Google Chrome ที่อนุญาตให้สามารถคัดลอกคอนเทนต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังจาก Netflix, Amazon Prime หรือวิดีโอแบบ exclusive ของ YouTube ที่กำลังถอดรหัสเพื่อเล่นบนเบราว์เซอร์ให้ออกมาเป็นไฟล์ได้ ผ่านระบบ DRM (Digital Right Management: การจัดการลิขสิทธิ์ดิจิทัล) ใน Chrome ที่ชื่อว่า Widevine

David Livshits จาก Cyber Security Research Center ที่ Ben-Gurion University ในประเทศอิสราเอล และ Alexandra Mikiyuk จาก Telekom Innovation Laboratories ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีเป็นผู้ค้นพบปัญหานี้

ผู้อ่าน Blognone อาจจะทราบแล้วว่า Google จะทำให้ Chrome OS สามารถรันแอพของ Android ได้ และปล่อยอัพเดตที่มีคุณสมบัติดังกล่าวแล้วลง Dev channel ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

คำถามอันหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้คือมันใช้งานได้ดีแค่ไหน หรือมีข้อจำกัดอะไรบ้าง ผมมีโอกาสได้ลองใช้คุณสมบัตินี้หลังจากอัพเดตถูกติดตั้งบน Chromebook Flip เลยนำมาเขียนเป็นรีวิวสั้นๆ เผื่อท่านผู้อ่านที่กำลังสนใจว่าความสามารถนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะกับผู้อ่านที่กำลังคิดจะซื้อ Chromebook

ดูเหมือนกว่าโหมดประหยัดพลังงานของ Opera ที่ช่วยประหยัดแบตถึง 50% จะไม่ได้เจ๋งที่สุดเสียแล้ว

เมื่อไมโครซอฟท์เทียบการใช้พลังงานของเบราว์เซอร์ชั้นนำสี่ตัว คือ Microsoft Edge, Chrome, Firefox และ Opera ในสามรูปแบบ ผลการทดสอบโดยไมโครซอฟท์นี้ก็แสดงให้เห็นว่า Microsoft Edge ชนะในทุกกรณี

Google ได้ออก Chrome เวอร์ชัน 51 บน Android ตามหลังจากที่ออกเวอร์ชันเดสก์ท็อป โดย Chrome 51 สำหรับ Android จะเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและมีฟีเจอร์คล้ายๆ กับ Chrome 51 บนเดสก์ท็อปที่เพิ่งอัพเดตไป

ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Chrome 51 บน Android ได้แก่

หนึ่งในปัญหาสำหรับคนไทยที่อาจจะอยู่ต่างประเทศและต้องใช้เครื่องที่ไม่รองรับภาษาไทย หรือไม่ก็ใช้แป้นที่ไม่มีสกรีนภาษาไทยที่ทำให้การพิมพ์มีความผิดพลาดเพราะจำนวนอักขระ รวมถึงสระที่มีอยู่เยอะมาก ทำให้หลายคนแก้ไขปัญหาด้วยการพิมพ์ภาษาไทยแบบคาราโอเกะ (เช่น Pim Thai Mai Dai Krub Proa Mai Mee Phan+ Bhasa Thai) แต่ล่าสุดปัญหาเหล่านี้กำลังจะหมดไป เมื่อ Google ประเทศไทย ปล่อยส่วนเสริมสำหรับ Chrome, Google Drive และ Gmail เพื่อให้พิมพ์ภาษาไทยได้อย่างถูกต้องจากแป้นภาษาอังกฤษ

กูเกิลออก Chrome 51 รุ่นเสถียร ฟีเจอร์ใหม่ในรุ่นนี้คือ Credential Management API ที่ช่วยให้เว็บไซต์สามารถสื่อสารข้อมูลล็อกอินกับตัว Chrome ได้ง่ายขึ้น สามารถใช้บริการอย่าง Google Smart Lock ของ Android เพื่อช่วยยืนยันตัวตนกับเว็บไซต์ได้

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ประกาศไปแล้วคือ Chrome 51 Beta ปรับปรุงการเรนเดอร์เพจที่อยู่นอกจอ ประหยัดแบตได้ถึง 30% และอุดช่องโหว่ความปลอดภัยอีก 42 จุด

หนึ่งในคุณสมบัติใหม่ที่ Google เปิดให้กับ Chrome OS ก็คือการทำให้แอพ Android ขึ้นมาทำงานบน Chrome OS อย่างเต็มที่พร้อมกับ Play store ซึ่งแม้เบื้องหน้าจะดูเหมือนว่าเป็นการต่อยอดจากโครงการเมื่อปี 2014 (ข่าวเก่า) แต่เบื้องหลังกลับเป็นการเปลี่ยนแนวทางใหม่ทั้งหมด ทำให้แอพ Android ขึ้นมาทำงานบน Chrome OS ได้

ช่วงที่ผ่านมา เราอาจจะรู้จัก Chromebook หรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Chrome OS ว่ามีราคาถูกและหาซื้อได้ไม่ยากนัก (ยกเว้น Chromebook Pixel) แต่ที่งาน Google I/O ประจำปีนี้ ตัวแทนของ Google ออกมาระบุบนเวทีว่าเตรียมที่จะร่วมมือกับพันธมิตร เปิดตัว Chromebook ที่จับตลาดระดับบนและมีราคาแพงขึ้น

บริษัทที่ถูกระบุว่าเป็นพันธมิตรในความร่วมมือดังกล่าวคือ Samsung ซึ่งกำลังทำงานกับบริษัทในการสร้าง Chromebook เพื่อจับตลาดบน เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะการที่ Chrome OS รองรับแอพของ Android ที่ต้องมีการใช้ความสามารถต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าว่าจะเปิดตัวและวางจำหน่ายได้ภายในสิ้นปีนี้

StatCounter บริษัทที่เก็บสถิติด้านการเข้าเว็บของอินเทอร์เน็ต เปิดเผยว่าตอนนี้ยอดการเข้าชมเว็บไซต์บนเดสก์ท็อปผ่าน Firefox นั้นมากกว่าทั้ง Microsoft Edge และ Internet Explorer รวมกันแล้ว ส่วน Chrome ยังคงเป็นอันดับ 1 อยู่

จากข้อมูลของ StatCounter ระบุว่า Chrome นั้นมีผู้ใช้นับพันล้านคนทุกแพลตฟอร์ม คิดเป็นยอด 60.5% ของ StatCounter แต่สิ่งที่น่าสนใจในสถิติรอบนี้คือ Firefox อยู่ที่ 15.6% แซง Microsoft Edge และ Internet Explorer ที่คิดรวมกันเป็น 15.5% ไปอย่างฉิวเฉียด และตามมาห่างๆ ด้วย Safari และ Opera

หลังจาก Chrome ไม่เล่นไฟล์ Flash บนแบนเนอร์โฆษณา รวมถึงประกาศไม่รับแบนเนอร์แบบ Flash ไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ล่าสุด Google ประกาศว่าจะเปลี่ยนตัวเล่นวิดีโอแบบดีฟอลต์ให้เป็น HTML 5 ในช่วงปลายปีนี้ครับ

อย่างไรก็ตาม Chrome ยังคงรองรับ Flash ต่อไป โดยหากเจอเว็บไซต์ที่ยังใช้ Flash เบราว์เซอร์จะแสดงหน้าต่างให้ผู้ใช้เลือกเปิดใช้งาน โดยทาง Google จะมีอันดับไวท์ลิสต์ ยกเว้นเว็บที่ยังรันด้วย Flash ที่คนเข้าเยอะที่สุดไว้ในช่วงแรกด้วย ซึ่งอันดับนี้จะมีอายุเพียง 1 ปี

ที่มา - Venturebeat

ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นผู้ผลิตจากหลากหลายค่าย ต่างเปิดตัวคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก (ขนาดประมาณแท่งขนมช็อคโกแลตอย่าง Mars) แต่เสียบใช้งานกับทีวีหรือจอที่รองรับ HDMI แล้วกลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้ หนึ่งในนั้นคือ Chromebit ผลิตโดย ASUS ที่เปิดตัวไปเมื่อเมษายนและวางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

ผมมีโอกาสได้สั่งมาจาก Amazon เพื่อลองเล่นดูว่า Chromebit จะเป็นอย่างไรบ้างในการใช้งานจริงครับ ทั้งนี้ราคาปัจจุบันที่จำหน่ายใน Amazon อยู่ที่ 84.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (สั่งกลับไทยมีภาษีเพิ่มที่ 52.95 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นมัดจำ ถ้าไม่เก็บก็ได้คืน) ส่วนสเปกอ่านจากข่าวเก่าครับ

ทีมพัฒนา Chrome ออกมาประกาศว่า Chrome 52 (ตอนนี้สถานะยังเป็นรุ่นทดสอบ) จะรองรับมาตรฐาน ECMAScript (ชื่ออย่างเป็นทางการของ JavaScript) เวอร์ชัน 6 และ 7 แล้ว

สเปก ECMAScript 6 ผ่านเป็นมาตรฐานเมื่อกลางปีที่แล้ว สถานะของ Chrome 52 สามารถผ่านชุดทดสอบมาตรฐานได้ 98% แล้ว เบราว์เซอร์อีกตัวที่ได้คะแนนระดับเดียวกันคือ Safari Technology Preview ทำคะแนนได้ 99% ส่วน Edge และ Firefox อยู่ที่ 90% ใครสนใจตามไปดูตารางคะแนนกันได้

กูเกิลออก Chrome 51 Beta การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือปรับวิธีการเรนเดอร์เว็บเพจใหม่ โดยวิดีโอหรือ social widget จากเว็บอื่นที่ฝังมาบนเพจ (cross-origin) และไม่ถูกแสดงผลบนจอภาพในตอนนั้น (offscreen) จะไม่ถูกเรนเดอร์จนกว่าจะเรียกใช้งาน

เทคนิคการเรนเดอร์แบบนี้เรียกว่า render pipeline throttling ซึ่งกูเกิลลองทดสอบบน Nexus 6P และพบว่าบางเว็บเพจสามารถประหยัดพลังงานลงได้สูงถึง 30% เลยทีเดียว

ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างคือเปิดให้เว็บเพจสามารถเชื่อมต่อกับ Credential Management API ของตัวเบราว์เซอร์ได้ ช่วยให้ล็อกอินเข้าเว็บโดยไม่ต้องใส่รหัสผ่านของเว็บไซต์นั้น (อนุมัติสิทธิจากตัวเบราว์เซอร์แทน) ช่วยลดการใช้รหัสผ่านลงได้

กูเกิลพยายามหลอมรวม Chrome OS ให้ทำงานร่วมกับแอนดรอยด์มาเป็นเวลานาน ปีที่แล้วกูเกิลเปิดตัว App Runtime for Chrome (ARC) ทำให้แปลงไฟล์ APK จากแอนดรอยด์ไปเป็นแอปโครมได้ ตอนนี้ดูเหมือนกูเกิลจะกำลังพยายามฝัง Google Play เข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของ Chrome OS โดยตรง

ผู้ใช้ reddit ชื่อว่า TheWiseYoda ระบุว่าเขาพบหน้าจอถามว่าต้องการติดตั้ง Google Play บนเครื่อง Chrome OS หรือไม่

หน้าจอเหล่านี้มาจากซอร์สโค้ดของ Chorme OS เอง โดยผมสำรวจซอร์สโค้ดดูพบว่าโค้ดเหล่านี้เพิ่มเข้ามาวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา

เราเห็นข่าว กูเกิลกำลังปรับหน้าตาของ Chrome ให้เป็น Material Design กันมาสักระยะ ล่าสุดใน Chrome 50 กูเกิลเริ่มเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบใหม่นี้แล้ว แต่ยังจำกัดเฉพาะบน Chrome OS เท่านั้น

Chrome เวอร์ชัน Material Design มีหน้าตาเปลี่ยนจาก Chrome ในปัจจุบันไม่เยอะนัก ตำแหน่งของปุ่มทั้งหมดยังเหมือนเดิม แต่ปรับปรุงสไตล์ สีสัน และไอคอน ให้เข้ามาตรฐาน Material ไปบางส่วน (จุดที่เห็นชัดที่สุดคือเมนูสามขีดด้านขวาบน กลายเป็นสามจุดเหมือนบน Android) ในภาพรวมคืออินเทอร์เฟซดูแบนลง[ได้]อีก และปรับขอบโค้งมนให้ดูแหลมคมมากขึ้น

กูเกิลออกส่วนขยายของ Chrome ชื่อ Save to Google เพื่อบันทึกเว็บไซต์ที่ชื่นชอบหรือต้องการอ่านทีหลัง (แบบเดียวกับ Pocket หรือฟีเจอร์ Saved ของ Facebook) สามารถใส่แท็กเพื่อแยกแยะหมวดหมู่ได้ เว็บไซต์ที่บันทึกไว้จะอยู่ที่ google.com/save (แต่ตอนนี้เข้าแล้วยังเจอ 404 นะครับ)

ผู้ใช้ Chrome สามารถลองเล่นได้ที่ Save to Google

วันนี้ Google ได้ปล่อย Chrome 50 ออกมา ซึ่งตอนนี้มีรายงานว่า Chrome 50 จะเลิกรองรับ Windows และ OS X รุ่นเก่าๆ แล้ว ตามที่ Google ประกาศไว้ในช่วงปลายปีที่แล้ว

สำหรับ Chrome 50 นี้ จะเลิกรองรับบน Windows XP, Windows Vista, Mac OS X 10.6 Snow Leopard, Mac OS X 10.7 Lion และ OS X 10.8 Mountain Lion ทั้งหมด ซึ่งถ้าผู้ใช้ต้องการใช้ Chrome จำเป็นต้องติดตั้ง Windows 7 หรือใหม่กว่า หรือ OS X 10.9 Mavericks หรือใหม่กว่าเท่านั้น

ที่มา - VentureBeat