กรรมการกำกับดูแลการขนส่งทางบกฟิลิปปินส์ (Land Transportation Franchising and Regulatory Board - LTFRB) ออกจดหมายสั่งให้หยุดบริการ GrabBike ในฟิลิปปินส์เพราะไม่ได้รับอนุญาตบริการขนส่งสาธารณะก่อนเปิดให้บริการ

อย่างไรก็ดี ตอนนี้ GrabBike ยังให้บริการในฟิลิปปินส์อยู่เพราะจดหมายส่งไปยังบริษัท MyTAXI.PH ที่ให้บริการ GrabTaxi และ GrabCar ส่วนบริการ GrabBike นั้นแม้จะใช้แพลตฟอร์มเดียวกันแต่ให้บริการโดย Grab Bike Inc. ที่เป็นคนละนิติบุคคล และยังไม่ได้รับจดหมายแจ้งให้หยุดบริการ

GrabTaxi เปลี่ยนชื่อใหม่ใช้ชื่อว่า Grab พร้อมเปลี่ยนโลโก้ใหม่

วันนี้ Grab ได้จัดงานแถลงข่าวเรื่องการเปลี่ยนชื่อบริษัทนี้ที่สิงคโปร์ประเทศแม่ สำหรับการให้บริการในไทย Grab ก็จะยังคงมี 4 บริการเรียกรถที่ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานได้ภายในแอพเดียว ทั้ง GrabTaxi, GrabCar, GrabBike และ GrabExpress

ทั้งนี้คาดว่าสาเหตุหลักที่เปลี่ยนชื่อจาก GrabTaxi มาเป็น Grab นั้นก็เพื่อลบภาพลักษณ์เดิมที่เน้นให้บริการรถแท็กซี่แต่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากในปัจจุบันได้เพิ่มการให้บริการการขนส่งโดยสารหลากหลายรูปแบบกว่าแต่ก่อนนั่นเอง

ที่มา - @GrabTH

ราวกับดิ อเวนเจอร์ส เมื่อมีข่าวว่าแอพให้บริการรถยนต์โดยสารอย่าง Lyft จากสหรัฐฯ, Ola จากอินเดีย, Didi Kuaidi จากจีน และ GrabTaxi จากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงนามร่วมกันว่าจะร่วมใช้กลยุทธ์และเทคโนโลยี ที่จะทำให้ผู้ใช้แต่ละรายใช้แอพของตัวเอง เรียกรถของอีกค่ายเมื่ออยู่ต่างถิ่นได้ โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2016 นี้เลย

โดยกลุ่มแอพทั้งสี่เจ้าระบุว่า แต่ละแอพจะแชร์เส้นทาง แผนที่ และการคิดราคาค่าโดยสารผ่าน API ที่ปลอดภัยหากันและกัน โดยยังคงการเป็นเอกเทศในการให้บริการแต่ละประเทศซึ่งมีสภาพตลาดไม่เหมือนกัน ยังไม่มีแผนที่ควบรวมหมด ที่ดีลนี้เกิดขึ้นได้เพราะแอพแต่ละรายมีผู้ลงทุนรายเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ Didi Kuaidi ที่นับเป็นพี่ใหญ่ ลงเงินให้กับแอพทั้งสาม

GrabTaxi เปิดตัวบริการ GrabHitch ที่ให้ผู้ใช้รถทั่วไปสามารถนำรถส่วนตัวมาใช้งานแบบคาร์พูล คือหาเพื่อนมาร่วมทางหารค่าใช้จ่ายกัน (หารค่าน้ำมัน, ได้เพื่อนใหม่, ได้ช่วยลดมลพิษ) เริ่มแล้วที่สิงคโปร์ในแบบทดลองใช้

ฟังก์ชั่น GrabHitch จะเป็นเพิ่มอีกหนึ่งปุ่มในแอพ ผู้ใช้ที่เป็นคนขับตั้งข้อมูลที่ตัวเองจะเดินทางไปยังสถานที่ใด เวลาไหน จากนั้นก็เลือกเพื่อนที่ร่วมเดินทางด้วย ซึ่งดูได้ด้วยว่าผู้โดยสารที่จะมานั่งด้วย มี Mutual Friend ใน Facebook หรือไม่ จ่ายเงินเป็นบัตรเครดิต ค่าบริการคิดตามระยะทาง ขนาดรถ จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางไปด้วย

หลังจากเปิดให้บริการรถรับส่งระดับพรีเมียม GrabCar ในกทม. เมื่อช่วงต้นปี เพื่อตอบสนองกับความต้องการด้านการเดินทางระดับภูมิภาค GrabTaxi จึงประกาศขยายบริการดังกล่าวออกไปยังต่างจังหวัดอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มให้บริการที่จังหวัดภูเก็ตเป็นแห่งที่สองในประเทศไทย

บริการ GrabCar ในจังหวัดภูเก็ตจะใช้อัตราค่าบริการเท่ากับที่เปิดให้บริการในกทม. เริ่มต้นที่ 75 บาท และในระยะ 10 กิโลเมตรแรกจะคิดค่าบริการ 12.5 บาทต่อกิโลเมตร และ 13.5 บาทต่อกิโลเมตร เมื่อพ้นระยะ 10 กิโลเมตร โดยในช่วงเปิดตัวจะมีโปรโมชันราคาเดียว 250 บาท เมื่อใส่รหัส "HELLOGC" สำหรับการเดินทางครั้งแรกเท่านั้นจนถึงวันที่ 7 ตุลาคมนี้

ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์

GrabTaxi แอพเรียกรถแท็กซี่ออกเวอร์ชันใหม่ 3.0 ที่ปรับหน้าตาของแอพไปจากของเดิม (ดูเป็น Material Design มากขึ้น) และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาดังนี้

• ปุ่มบันทึกเส้นทางการเดินทางที่ใช้บ่อย
• ระบบ inbox แนะนำข่าวสารที่น่าสนใจของ GrabTaxi
• ระบบบอกต่อ GrabTaxi ให้เพื่อน
• อธิบายความแตกต่างของบริการในเครือ เช่น GrabTaxi, GrabCar, GrabBike

แอพเวอร์ชัน Android อัพเดตเรียบร้อยแล้ว ส่วน iOS ต้องรอเดือนกันยายนครับ

GrabTaxi สตาร์ตอัพจากมาเลเซียที่กำลังเป็นดาวรุ่งแห่งเอเชีย ประกาศรับเงินลงทุนเพิ่มอีก 350 ล้านดอลลาร์ โดยรอบนี้มีหน่วยงานหลายแห่งเข้าร่วมลงทุนด้วย ที่น่าสนใจคือกองทุนความมั่งคั่งของรัฐบาลจีน China Investment Corporation (CIC) และบริษัทแอพเรียกรถแท็กซี่รายใหญ่ของจีน Didi Kuaidi

กรณีของ Didi Kuaidi ถือว่าน่าสนใจเพราะเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Uber ในจีน ส่วน GrabTaxi ก็แข่งขันกับ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน ความร่วมมือของ Didi Kuaidi กับ GrabTaxi จึงถือเป็นการสร้างพันธมิตรเพื่อต่อกรกับ Uber ในฝั่งเอเชีย

ตัวแทนของ GrabTaxi ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีแผนขายกิจการทั้งหมดให้ Didi Kuaidi และยังเน้นเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น

GrabTaxi เปิดให้บริการ GrabBike บริการรถจักรยานยนต์เพื่อรับส่งผู้โดยสาร หรือเอกสารและพัสดุต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร, นนทบุรี และสมุทรปราการ ด้วยค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท

GrabBike เป็นบริการรถจักรยานยนต์ที่เริ่มให้บริการในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียและนครโฮจิมินห์ของเวียดนามมาก่อน โดยในส่วนของประเทศอินโดนีเซียนั้นได้รับความนิยมเรียกใช้บริการเกินกว่า 500,000 ครั้งแล้วนับตั้งแต่เริ่มให้บริการเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ในช่วงการถาม-ตอบ กับผู้บริหารในงานเปิดตัว GrabCar ที่ประเทศไทยวันนี้ มีคำถามจากผู้สื่อข่าวว่าทำไมแอพ GrabTaxi บนแพลตฟอร์ม Windows Phone จึงถูกเอาออกจากสโตร์ไป โดยผู้บริหารตอบว่า ได้ยุติการพัฒนาแอพไปแล้ว

ผู้บริหารของ GrabTaxi ระบุว่า เหตุผลในการยุติพัฒนาแอพบนแพลตฟอร์ม Windows Phone เกิดจากการที่ผู้ใช้มีจำนวนลดลงและเป็นอัตราส่วนที่น้อย ทำให้ไม่คุ้มค่าในการลงทุนนั่นเอง อย่างไรก็ตามหากผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone เพิ่มมากขึ้น อาจจะพิจารณากลับมาทำแอพใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ที่มา - งานเปิดตัว GrabCar

หลังจากที่เปิดทดลองให้บริการมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว วันนี้ GrabTaxi จัดแถลงข่าวเปิดตัวบริการ GrabCar ในกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ

วิธีการเรียกรถสามารถทำได้โดยผ่านแอพ GrabTaxi แล้วเลือกชนิดรถเป็น GrabCar ได้เลย ซึ่งทาง GrabTaxi ระบุว่าจะมีรถอย่าง Toyota Camry, Nissan Teana, Honda Accord, Toyota Fortuner และ Mercedes-Benz (ไม่ระบุรุ่น) ให้บริการ

GrabTaxi อีกหนึ่งบริษัทให้บริการเรียกรถโดยสารผ่านทางแอพ ได้เพิ่มทางเลือกแก่ผู้ใช้ด้วยบริการใหม่ชื่อ GrabXL ที่ให้ผู้ใช้สามารถเรียกรถตู้ขนาด 12 ที่นั่ง ประเดิมวันแรกศุกร์ 13 กุมภาพันธ์นี้

รถตู้ของ GrabXL นั้นเป็นรถ Toyota รุ่น Commuters คิดค่าบริการเริ่มต้นที่ 150 บาท โดยคิดเพิ่มตามระยะทางอีกกิโลเมตรละ 20 บาท และคิดตามเวลาที่ใช้บริการอีกนาทีละ 3 บาท (ไม่รวมค่าผ่านทางต่างๆ) ทั้งนี้หากผู้ใช้ต้องการว่าจ้างรถตู้สำหรับการเดินทางไกลและค้างคืน ผู้ใช้ต้องออกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคนขับ (เช่นค่าอาหาร, ที่พัก)

ดูเหมือนความยิ่งใหญ่ของ Uber จะสั่นคลอนวงการจนทำให้รายเล็กกว่าเริ่มจะอยู่ไม่ได้ ล่าสุดมีรายงานว่าบรรดาผู้ให้บริการแอพเรียกรถแท็กซี่กำลังจะรวมพลังกันเพื่อล้ม Uber แล้ว

ข้อมูลดังกล่าวออกมาจากสองบริษัทผู้ให้บริการแอพเรียกรถแท็กซี่อย่าง OlaCabs จากอินเดีย และ GrabTaxi ที่ให้บริการหลายประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งทั้งคู่เข้าไปมีส่วนร่วมกับธุรกิจแท็กซี่เดิม แต่ไม่ได้ให้บริการกับรถส่วนตัวอย่างที่ Uber ทำใน UberX

งานนี้นอกจากจะมีฝั่งแอพเรียกรถแล้ว ฝั่งลงเงินอย่าง Softbank Capital ก็มีส่วนมาเอี่ยวกับแผนการสร้างพันธมิตรแอพเรียกรถระดับโลกด้วย ซึ่งนอกจากสองรายที่ว่ามาตอนแรกแล้ว ยังมีอีกรายอย่าง Flywheel จากสหรัฐฯ ที่ถูกเอ่ยถึงในแผนนี้เช่นกัน

GrabTaxi บริการเรียกรถแท็กซี่จากมาเลเซีย ระดมทุนรอบใหม่จำนวนสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์จาก SoftBank ยักษ์ใหญ่ของวงการไอทีญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นยอดสูงสุดของการระดมทุนสตาร์ตอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

การระดมทุนครั้งนี้ทำให้ SoftBank กลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของ GrabTaxi ส่วนมูลค่าบริษัทตามราคาหุ้น (valuation) นั้นไม่เปิดเผย แต่รวมแล้วน่าจะเกิน 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว

ปีนี้ GrabTaxi ระดมทุนไปแล้ว 4 รอบ ได้เงินรวม 320 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันบริษัทเปิดเผยยอดผู้ใช้เฉลี่ย 5 แสนรายต่อเดือน มีคนขับแท็กซี่ในเครือข่าย 60,000 ราย

ที่มา - TechCrunch

จากกรณีที่กรมการขนส่งทางบกระบุว่าการชำระค่าโดยสารรถแท็กซี่ด้วยบัตรเครดิตถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัย มาวันนี้ก็เลยมีข่าวผ่าประเด็นนี้แบบจังๆ มาฝากกันครับ

โดย ธนาคารกสิกรไทย ได้ประกาศความร่วมมือกับ GrabTaxi เพื่อติดตั้ง K-PowerP@y (mPOS) ซึ่งเป็นระบบรับชำระค่าบริการด้วยบัตรเครดิตผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต บนรถแท็กซี่ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก GrabTaxi หรือรถ GrabCar เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า GrabTaxi สามารถใช้บัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดชำระค่าโดยสารรถแท็กซี่ได้ทุกธนาคาร

วานนี้ ทางการสิงคโปร์โดยกรมการขนส่งทางบก (LTA: Land Transport Authority) ประกาศว่าจะมีการนำกรอบการควบคุมพื้นฐาน (basic regulatory framework) เข้ามาบังคับใช้กับแอพเรียกรถโดยสาร หรือบริการรถโดยสารที่ต้องเรียกผ่านแอพ อย่างเช่น Uber หรือ GrabTaxi ตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปีหน้าเป็นต้นไป

Uber เริ่มมีคู่แข่งแล้ว เมื่อ GrabTaxi ผู้ให้บริการเรียกแท็กซี่ผ่านแอพ (ต้นกำเนิดมาจากมาเลเซีย) ประกาศเปิดบริการเรียกรถลีมูซีน GrabCar ในกรุงเทพแล้ว

GrabTaxi เปิดตัวบริการ GrabCar ไปเมื่อเดือนที่แล้ว (ข่าวเก่า) โดยเริ่มจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เป็นที่แรก กระบวนการเรียกรถลีมูซีนสามารถกดจากแอพ GrabTaxi ตัวหลักได้เลย แต่ต้องระบุประเภทของรถเป็น GrabCar ในตัวเลือก

GrabTaxi ผู้ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ผ่านแอพ ซึ่งมีให้บริการในกลุ่มประเทศเขตอาเซียนรวมทั้งประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว ได้เพิ่มบริการ GrabCar ซึ่งจะให้บริการโดยสารรถลิมูซีนคล้ายกับที่ Uber กำลังให้บริการในกรุงเทพมหานครอยู่ในขณะนี้

แต่เดิมผู้ที่ใช้บริการ GrabTaxi จะสามารถเรียกรถแท็กซี่ (ซึ่งเป็นรถที่ให้บริการรับจ้างโดยสารสาธารณะอยู่แล้ว) ให้มารับเพื่อพาไปส่งยังที่หมายได้โดยการเรียกผ่านแอพ ทว่าในตอนนี้ GrabTaxi ได้เพิ่มการให้บริการด้วยรถลิมูซีนด้วยเช่นกัน โดยประเดิมที่แรกในประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นบ้านเกิดของ GrabTaxi

GrabTaxi ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบริษัทลูกของ Temasek อีกมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ เตรียมขยายบริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เงินทุนดังกล่าวมาจาก Vertex Ventures ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Temasek ที่เป็นบริษัทลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ โดย Anthony Tan ผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอของ GrabTaxi ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจน เพียงแต่บอกใบ้ว่าเม็ดเงินดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านดอลลาร์