ยาฮูรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองของปีนี้ มีรายได้รวม 1.218 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิ 228.5 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4% โดยซีเอฟโอ Tim Morse กล่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมายาฮูได้ทำข้อตกลงร่วมกับพันธมิตรหลายรายทั้ง Alibaba, Facebook ตลอดจน CNBC, Clear Channel และ Spotify
ในช่วงแถลงผลประกอบการกับนักวิเคราะห์นั้น ซีอีโอใหม่หนึ่งวัน Marissa Mayer ยังไม่ได้มาร่วมแถลงแต่อย่างใด โดยซีเอฟโอ Morse บอกว่าทางยาฮูต้องการให้ Mayer ได้ใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจองค์กรเสียก่อน ฉะนั้นยาฮูก็จะยังไม่มีการประเมินผลประกอบการในอนาคตสำหรับช่วงนี้
ท่าทางข่าวช็อควงการไอทีวันนี้ ยาฮูได้ซีอีโอคนใหม่แล้ว - Marissa Mayer จากกูเกิล จะยังช็อกไม่พอ เพราะล่าสุดมีข่าวว่า Marissa Mayer กำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนี้!
เรื่องนี้ตัวเธอยืนยันกับ Fortune เอง กำหนดคลอดของเธอคือวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ที่สำคัญนี่เป็นท้องแรกของเธอเสียด้วย (สามีของเธอคือ Zachary Bogue เป็นทนายที่ปัจจุบันหันมาเป็นนักลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพ)
ตัว Mayer เองยอมรับว่าคิดถึงเรื่องลูกเป็นอย่างแรกเมื่อได้รับโทรศัพท์จากยาฮู และเธอก็เปิดเผยเรื่องนี้กับคณะกรรมการสรรหาซีอีโอของยาฮู ซึ่งก็ไม่มีคณะกรรมการคนไหนเห็นว่าเป็นปัญหา เธอบอกว่าจะลาคลอดไม่นาน (a few weeks) และระหว่างนั้นเธอจะทำงานไปด้วย
ยาฮูประกาศวันนี้ว่า Marissa Mayer จะมาเป็นซีอีโอคนใหม่และนั่งตำแหน่งในบอร์ดบริหารควบด้วย ทำให้ในที่สุดยาฮูก็ได้ซีอีโอคนที่ 3 ในรอบหนึ่งปี นับตั้งแต่ Carol Bartz ที่ถูกไล่ออก จนถึง Sco
Yahoo! Voices ซึ่งเป็นระบบจัดการงานเขียนออนไลน์ ที่ใช้ส่งงานเขียนไปยังบริการต่างๆ ของยาฮู อาทิเช่น Yahoo! News ได้ถูกแฮกเกอร์ผู้ไม่ประสงค์ออกนามเจาะระบบและเปิดเผยรหัสผ่านมากกว่า 450,000 บัญชีผู้ใช้บนเว็บไซต์แห่งหนึ่ง จุดประสงค์เพื่อเป็นการเตือนยาฮูให้ปิดช่องโหว่ที่เกิดขึ้น แถมยังทิ้งท้ายว่ายังมีช่องโหว่อีกจำนวนมากบนเว็บเซิร์ฟเวอร์ของยาฮู ที่สามารถสร้างความเสียหายได้รุนแรงกว่านี้
รายการรหัสผ่านที่ถูกเปิดเผยนั้น ไม่ได้มีแต่บัญชีรายชื่อของยาฮูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีของผู้ให้บริการอีเมลเจ้าอื่นๆ อีกด้วย อาทิเช่น Gmail ของกูเกิล และ Hotmail ของไมโครซอฟท์ เนื่องจากยาฮูได้อนุญาตให้ผู้ใช้ล็อกอินเข้าสู่ระบบโดยใช้บัญชีรายชื่อและรหัสผ่านของผู้ให้บริการอีเมลเจ้าอื่นๆ ได้
ก่อนหน้านี้ Facebook กับ Yahoo! มีคดีฟ้องร้องกันในชั้นศาลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรเกี่ยวกับเครือข่ายสังคมออนไลน์และเทคโนโลยีโฆษณา ล่าสุดดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะเข้าใจกันดีแล้ว และได้เซ็นสัญญาให้สิทธิแลกใช้สิทธิบัตรกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากเรื่องสิทธิบัตร ทั้งสองฝ่ายยังได้ตกลงที่จะขายโฆษณาร่วมกันอีกด้วย นี่อาจจะแสดงให้เราเห็นว่าการฟ้องร้องกันในบางครั้งสุดท้ายก็ทำให้เกิด "ความเข้าใจ" กันก็เป็นได้
ที่มา - Engadget
Yahoo! ประกาศความร่วมมือกับคลังภาพถ่ายอย่าง Getty Images ให้ระบบการค้นหาของ Yahoo! สามารถค้นหาภาพและวิดีโอจากคลังภาพได้
ระบบค้นหาของ Yahoo! จะเข้าถึงคลังภาพทั้งหมดของ Getty Images โดยจะมีภาพใหม่เพิ่มเข้ามาประมาณวันละ 25,000 ภาพ คนที่ต้องการซื้อภาพจาก Getty Images ก็สามารถเข้ามาใช้ระบบค้นหานี้ได้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
นอกจากนี้ Yahoo! ยังปรับปรุงระบบค้นหาภาพของตัวเองให้ดีขึ้น แสดง thumbnail เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ มีระบบพรีวิวและ badge สำหรับภาพคุณภาพสูงด้วย
ที่มา - Yahoo! Search Blog
Eric Jackson ผู้ก่อตั้งสถาบัน Ironfire Capital ได้ออกมาพูดในรายการ Squawk on the Street ช่อง CNBC ว่า "ในอนาคตนี้ Facebook จะหายไปจากโลกอินเทอร์เน็ตเหมือนที่ Yahoo ได้หายไป" … "แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม Yahoo ก็ยังสามารถทำเงินได้และก็ยังมีพนักงานกว่า 13,000 คน ถึงแม้ว่ามันจะมีมูลค่าเพียงแค่ 10% จากราคาตลาดสมัยที่ Yahoo รุ่งที่สุดเมื่อปี 2000"
สำหรับสาเหตุที่เขาเชื่อว่า Facebook จะหายไปนั้น เขาบอกว่าบนตลาดมือถือ Facebook ยังไม่สามารถปรับตัวได้ และโลกเราก็หมุนเร็วกว่าเดิม การแข่งขันก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ที่เคยครองตลาดในโลกเทคโนโลยีในเจอเนอเรชั่นก่อนหน้า มักจะมีปัญหาในการก้าวข้ามไปเจอเนอเรชั่นต่อไปเสมอ
เมื่อปีที่แล้ว ยาฮูออกแอพ Livestand สำหรับอ่านแมกกาซีนบนแท็บเล็ต ปรากฏว่าเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ยาฮูตัดสินใจหยุดพัฒนามันต่อแล้ว
ข่าวเหนือความคาดหมายประจำวันคือยาฮูหันมาทำเว็บเบราว์เซอร์กับเขาบ้างในชื่อ Axis
Axis ไม่ได้เป็นเบราว์เซอร์เต็มรูปแบบเหมือนกับ Chrome แต่มันเป็นแอพบน iPad/iPhone (เวอร์ชัน Android กำลังตามมา) ที่เรียกใช้เอนจิน WebKit ของแอปเปิลอีกทีหนึ่ง
จุดขายสำคัญของ Axis อยู่ที่ไอเดียครับ แนวคิดของมันคือตั้งคำถามว่าทำไมตอนเราค้นข้อมูลในเว็บ เราต้องเด้งไปที่หน้าผลการค้นหา (ที่เต็มไปด้วยลิงก์) ก่อนแล้วถึงค่อยเข้าไปยังหน้าเว็บที่ต้องการ ดังนั้น Axis จะรวมเอาหน้าผลการค้นหามาอยู่ในตัวเบราว์เซอร์เลย (แน่นอนว่าใช้ระบบค้นหาของยาฮู) มีพรีวิวของเว็บปลายทางมาให้ดูก่อนกดลิงก์ด้วยในตัว หรือในบางกรณีก็แสดงข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการหา เช่น สภาพอากาศ หรือ แผนที่ ให้เลยด้วยซ้ำ
WSJ รายงานข้อมูลโดยอ้างแหล่งข่าวคนสนิทของ Scott Thompson อดีตซีอีโอของ Yahoo! ที่เพิ่งลาออกไปว่าสาเหตุที่ Thompson ลาออกนั้นไม่ใช่ประเด็นวุฒิการศึกษา แต่เป็นเพราะเขาตรวจพบมะเร็งต่อมไทรอยด์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ Thompson ได้แจ้งข่าวดังกล่าวกับบอร์ดบริหารและเพื่อนร่วมงานคนสนิทเพื่อขอลาออกจากตำแหน่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้เริ่มเข้ารับการรักษาแล้วแต่เขาขอให้ไม่มีการเปิดเผยสาเหตุนี้ในการลาออกต่อสาธารณะ
ก็ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้คุณ Thompson ผ่านพ้นโรคร้ายนี้ไปด้วยดีครับ
หลังจากซีอีโอ Scott Thompson ได้ออกมาขอโทษเรื่องปัญหาวุฒิการศึกษาแต่ยังไม่ลาออก ส่วนบอร์ดก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวน วันนี้ยาฮูได้ประกาศสั้นๆ ว่า "Ross Levinsohn ได้มารับตำแหน่งชั่วคราว แทน Thompson ที่ได้ออกจากบริษัทไปแล้ว โดยให้มีผลทันที" โดยไม่ได้ระบุว่า Thompson ได้ลาออกเองหรือถูกไล่ออกกันแน่
มีความคืบหน้าเรื่องปัญหาวุฒิการศึกษาของ Scott Thompson ซีอีโอ Yahoo! ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เรียกร้องให้บอร์ดมีข้อสรุปในวันจันทร์ที่ผ่านมาครับ โดยล่าสุด Thompson ได้ออกอีเมลถึงพนักงานอีกฉบับ มีใจความสำคัญดังนี้
ข่าวนี้เป็นความคืบหน้าเรื่องปัญหาวุฒิการศึกษาของ Scott Thompson ซีอีโอ Yahoo! ซึ่งต้องบอกว่าประเด็นที่เป็นปัญหานั้นไม่ใช่เรื่องเขาไม่ได้จบสาขาด้านคอมพิวเตอร์แล้วจะบริหาร Yahoo! ไม่ได้นะครับ แต่เป็นปัญหาที่ว่า Thompson นั้นทำให้คนเชื่อว่าเขาเรียนจบด้านคอมพิวเตอร์ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ซึ่งถือเป็นปัญหาด้านธรรมาภิบาลของบริษัทมหาชนในตลาดหุ้นอย่าง Yahoo!
เรื่องนี้เริ่มต้นจาก Dan Loeb ผู้บริหารกองทุน Third Point ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Yahoo! ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงบอร์ดบริหารว่าเขาพบว่าประวัติซีอีโอ Scott Thompson ที่แจ้งต่อคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ซึ่งระบุว่าจบการศึกษาสาขาบัญชีและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จาก Stonehill College นั้นไม่ถูกต้อง โดยการสืบค้นข้อมูลพบว่า Thompson มีวุฒิการศึกษาในสาขาบัญชีเท่านั้น ความเกี่ยวโยงกับสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์นั้นมีเพียงวิชา Intro to Computer Science ที่เขาเคยลงทะเบียนเรียนระหว่างศึกษาอยู่ที่นั่น
หลังจากเหตุการณ์ที่มีการพบช่องโหว่ร้ายแรงบนบริการของ Hotmail และได้รับการแก้ไขแล้ว ในช่วงเช้าของวันนี้มีการแจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องโหว่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันบนบริการของ Hotmail, Yahoo! และ AOL ซึ่งช่องโหว่นี้ได้รับการเผยแพร่แล้วโดยยังไม่ได้รับการป้องกันหรือแก้ไขจากทางบริษัทเจ้าของบริการเลย
เมื่อเวลา 16:30 นี้ได้รับการยืนยันว่าช่องโหว่นี้ไม่สามารถใช้งานได้แล้วครับ อีกไม่นานคงมีประกาศจากทางต้นสังกัดของบริการออกมายืนยันในเรื่องผลกระทบและการแก้ไขครับ ผู้อ่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องโหว่นี้ได้ในแหล่งที่มาครับ
ยาฮูรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2012 มีรายได้อยู่ที่ 1.221 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 286 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% โดยซีอีโอ Scott Thompson กล่าวว่านี่เป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กร ที่ทำให้การตัดสินใจในการดำเนินงานรวดเร็วขึ้น จนส่งผลดีต่อตัวเลขการดำเนินงานดังที่ปรากฏ
จากข่าวเก่า Yahoo! สู้อีกครั้ง ปรับทัพในองค์กรครั้งใหญ่ ที่มีการคาดเดาถึงผู้ที่จะมานั่งบริหาร Commerce Unit กลุ่มธุรกิจที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ โดยคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็น Sam Shrauger ลูกน้องเก่าของซีอีโอ Scott Thompson สมัยทำงานอยู่กับ PayPal
Yahoo! ออกแถลงเมื่อวานนี้ว่า Sam Shrauger มาร่วมงานกับ Yahoo! อย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะมาเป็นผู้บริหาร Commerce Unit ร่วมกับ Mollie Spilman ซึ่งทั้งสองคนจะได้รับตำแหน่งรองประธานอาวุโส (Senior Vice President) และทั้งคู่จะรายงานตรงกับซีอีโอ Scott Thompson
ต้องมาติดตามดูกันต่อไปว่าการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ครั้งนี้ จะสามารถแก้ไขวิกฤติของ Yahoo! ได้มากน้อยแค่ไหน
หลังจาก Yahoo! ปลดพนักงานกว่า 2,000 ตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Scott Thompson ซีอีโอก็เผยถึงแผนการยกเครื่องครั้งใหญ่ของ Yahoo! โดยจะมุ่งเน้นไปที่การบริการเนื้อหาให้กับลูกค้าทั่วไปเป็นหลัก
แผนการปรับปรุง Yahoo! ครั้งใหญ่นี้ จะมีการจัดกลุ่มการบริหารงานภายในใหม่ด้วย โดยแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มธุรกิจดังนี้
จากข่าวลือก่อนหน้านี้ ว่า Yahoo!
จากข่าว Yahoo! ฟ้อง Facebook ฐานละเมิดสิทธิบัตรทั้งสิ้น 10 รายการ ตอนนี้ทาง Facebook ฟ้องกลับข้อหาละเมิดสิทธิบัตร 10 รายการเท่ากัน
ตัวอย่างสิทธิบัตรที่ Facebook ใช้ฟ้องกลับ ได้แก่ การสร้าง feed ของสมาชิกในเครือข่ายสังคม, การแท็กบุคคลในสื่อดิจิทัล, อัลกอริทึมในการเลือกโพสต์ที่เป็นหัวข่าว headline เป็นต้น สิทธิบัตรบางรายการมีชื่อ Mark Zuckerberg เป็นผู้คิดค้นด้วย แต่หลายรายการก็เป็นสิทธิบัตรที่ Mark Zuckerberg เพิ่งกว้านซื้อมาเร็วๆ นี้
ไม่รู้ว่างานนี้ Yahoo! ไปปลุกยักษ์ให้ตื่นขึ้นมาหรือเปล่า
Facebook ซึ่งก่อนหน้านี้มีสิทธิบัตรเพียง 56 ชิ้นเท่านั้น ยืนยันว่าได้ซื้อสิทธิบัตรบางส่วนจาก IBM แล้ว
แม้จะไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่สำนักข่าว Bloomberg เชื่อว่าการซื้อขายครั้งนี้ อาจมีจำนวนสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องมากถึง 750 ชิ้นเลยทีเดียว
เป็นที่น่าสังเกตว่าการซื้อขายได้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนหลังจากที่ถูกฟ้องโดย Yahoo! และทรัพย์สินทางปัญญาที่ IBM ถือครองนั้นบางส่วน ก็ได้อนุญาตให้ Yahoo! ใช้งานด้วย
เชื่อว่าการซื้อขายสิทธิบัตรรั้งนี้ จะทำให้ Facebook มีอำนาจต่อรองกับ Yahoo! มากขึ้น
ที่มา BBC
ตลาดโฆษณาออนไลน์มีแนวโน้มชัดเจนว่ากูเกิลกินส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะฝั่งของแบนเนอร์ (display ad) ที่กูเกิลรุกหนักมากในช่วงหลัง
บรรดาคู่แข่งของกูเกิลจึงต้องผนึกกำลังกันเพื่อความอยู่รอด โดย Microsoft Media Network เป็นหัวหอก ร่วมกับ AOL Advertising.com และ Yahoo! Network Plus จับมือใช้ฐานข้อมูลโฆษณาร่วมกัน ประมูลตำแหน่งโฆษณาข้ามกันได้ทั้งหมด เพื่อให้โฆษณาภายในเครือข่ายมีคุณภาพและความหลากหลายมากขึ้น สร้างอำนาจต่อรองให้กับเว็บไซต์ได้มากขึ้น
ตัวเลขส่วนแบ่งตลาดโฆษณาแบบแบนเนอร์ในสหรัฐเมื่อไตรมาสแรกของปี 2011 กูเกิลนำเป็นที่หนึ่งด้วยส่วนแบ่ง 13.3% ตามด้วยยาฮู 12.3% ไมโครซอฟท์ 6.5% ส่วนเฟซบุ๊กก็มาแรงที่ 8.8% (ตัวเลขเก่าเกือบหนึ่งปีแล้วนะครับ)
เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ Yahoo! ได้เตือน Facebook ว่ากำลังละเมิดสิทธิบัตรของตนเองอยู่ พร้อมทั้งเสนอทางเลือกให้ว่าจะยอมจ่าย หรือให้ฟ้อง นาทีนี้คงไม่ต้องคิดแล้วว่า Facebook เลือกแบบไหน เพราะว่าทาง Yahoo! ได้เดินเรื่องฟ้องศาลประจำรัฐแคลิฟอร์เนียไปแล้ว
เอกสารฟ้องร้องของ Yahoo! มีความยาวทั้งสิ้น 19 หน้า ครอบคลุม 10 สิทธิบัตรที่ Yahoo! อ้างว่าถูก Facebook ลอกเลียนไปใช้ในบริการของตัวเองเช่น หน้ารวมฟีดข่าวเด่น วิธีการจัดการโฆษณา การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ทั้งหมดนั้น Yahoo! เคยทำมาก่อนทั้งสิ้น และบอกว่า Facebook กำลังทำนาบนหลังคนอยู่
เว็บไซต์ AllThingsD อ้างแหล่งข่าววงในหลายราย บอกว่า Scott Thompson ซีอีโอคนใหม่ของบริษัท เตรียม "จัดหนัก" ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยจะปลดพนักงานเป็นหลักพัน (Yahoo! มีพนักงานจำนวน 14,100 ราย)
The New York Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า Yahoo! ได้เจรจากับ Facebook เมื่อวานนี้โดย Yahoo! แจ้ง Facebook ว่าบริษัทกำลังละเมิดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางเว็บของ Yahoo! ราว 10-20 รายการ อาทิ ระบบจัดการโฆษณา, การปรับแต่งหน้าเว็บส่วนตัว และการส่งข้อความ โดย Yahoo! ยื่นข้อเสนอกับ Facebook ว่าจะยอมจ่ายค่าธรรมเนียมหรือว่าจะให้ Yahoo! ฟ้องร้องแล้วไปลุ้นผลที่ศาลเอา
ตัวแทนของ Yahoo! ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง และทั้งหมดทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ถือหุ้น ขณะที่ตัวแทนของ Facebook บอกว่าทาง Yahoo! ได้ติดต่อมาจริงแต่ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ในตอนนี้