หลังเปิดตัวแอพ Fleet ที่เป็น IDE ขนาดเบามาแข่งกับ VS Code ผ่านมาเกือบ 1 ปีเต็ม JetBrains ก็เพิ่งเปิดให้คนทั่วไปดาวน์โหลด Fleet แบบ Public Preview มาทดลองใช้งานกัน (หน้าดาวน์โหลด)
Fleet เป็นการนำเอนจินเบื้องหลังของ IntelliJ Platform มาใส่ UI ใหม่ และปรับสถาปัตยกรรมของแอพมาเป็นแบบ distributed ให้สามารถรัน Fleet แบบรีโมทได้ง่าย
ยุคสมัยที่ของแพงทุกหย่อมหญ้า ล่าสุด JetBrains ประกาศขึ้นราคาค่าสมาชิก IDE และเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัทยกแผง
JetBrains บอกว่าไม่ขึ้นราคามานาน 7 ปี ตอนนี้จำเป็นต้องขึ้นราคาแล้ว ราคาใหม่จะมีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2022 ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อแพ็กเกจราคาเก่าสะสมไว้ได้นานถึง 3 ปี (เท่ากับซื้อก่อน 1 ตุลาคม ได้ราคาเดิมไปอีก 3 ปี แต่ต้องจ่ายก้อนใหญ่ตั้งแต่แรกทั้งหมด)
จากการสำรวจราคาบนหน้าเว็บ JetBrains ซอฟต์แวร์ยอดนิยมคือ IntelliJ IDEA รุ่น Ultimate ราคาเก่าคือ 149 ดอลลาร์ต่อปี ราคาใหม่ขึ้นเป็น 169 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนแพ็กเกจใหญ่ครบเซ็ตคือ All Products Pack (ได้ IDE ครบทุกตัวของบริษัท) ขึ้นราคาจาก 249 ดอลลาร์ต่อปีเป็น 289 ดอลลาร์ต่อปี
JetBrains ออก IntelliJ IDEA 2022.1 เป็นเวอร์ชันใหญ่ตัวแรกของปี 2022 มีฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ Dependency Analyzer ช่วยจัดการและวิเคราะห์แพ็กเกจซอฟต์แวร์ (ในที่นี้รองรับ Maven และ Gradle) เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเวอร์ชันทับซ้อน (conflict resolution และ configurations correction)
นอกจากประเด็นเรื่องเวอร์ชันแล้ว IntelliJ ยังสามารถตรวจเช็คช่องโหว่ความปลอดภัยของแพ็กเกจที่เรียกใช้ได้ด้วย (ผ่านฐานข้อมูล Checkmarx Software Composition Analysis) โดยฟีเจอร์นี้ต้องเป็น IntelliJ IDEA Ultimate แบบเสียเงินถึงใช้งานได้
JetBrains ประกาศหยุดรองรับระบบปฏิบัติการ 32 บิต (ทั้งลินุกซ์และวินโดวส์) กับ IDE ทุกตัวของบริษัท ได้แก่ AppCode, Clion, DataGrip, GoLand, IntelliJ IDEA, PhpStorm, PyCharm, Rider, RubyMine, WebStorm
IDE ที่อิงอยู่บน IntelliJ เวอร์ชัน 2021.1 ถือเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่ยังรองรับระบบปฏิบัติการ 32 บิต ถัดจากนี้ไปคือเวอร์ชัน 2021.2 จะใช้งานไม่ได้แล้ว
JetBrains บอกว่าระบบปฏิบัติการ 32 บิตมีคนใช้งานน้อยลงมากแล้ว จึงตัดสินใจหยุดรองรับ เพื่อนำทรัพยากรไปรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ๆ เช่น AArch64 (ARM64) แทน
Android Studio ประกาศปรับระบบเลขเวอร์ชันใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้เลขเวอร์ชัน "ปี.เวอร์ชัน" ลักษณะเดียวกับ IntelliJ IDEA ที่ใช้เป็นฐานตัว IDE ของ Android Studio อยู่แล้ว
เลขเวอร์ชันแบบใหม่มี 4 ชุด เช่น 2020.3.1.1 โดยเลขสองชุดหน้าเรียกตาม IntelliJ (Year of IntelliJ Version.IntelliJ major version) ส่วนสองชุดหลังเป็นเลขของ Android Studio เอง (Studio major version.Studio minor/patch version)
ชุมชนโปรแกรมเมอร์ภาษา Go เผยผลสำรวจข้อมูลของนักพัฒนาสาย Go ประจำปี 2019 ซึ่งมีผู้ตอบมา 10,975 คน ทำให้เราเห็นทิศทางของ Go ว่าใครใช้ทำอะไรกันบ้าง
Snyk บริษัทด้านค้นหาช่องโหว่ของซอร์สโค้ด ออกรายงานสำรวจข้อมูลของนักพัฒนาซอฟต์แวร์สาย Java จำนวนประมาณ 2,000 คน ประจำปี 2020 มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
ภาษา Kotlin ได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก ถึงแม้นักพัฒนา 86.9% ยังเขียนภาษา Java เป็นหลัก แต่ Kotlin ก็เติบโตจาก 2.4% เมื่อปีก่อนมาเป็น 5.5% และกลายเป็นภาษายอดนิยมอันดับสอง เหนือกว่า Clojure หรือ Scala แล้ว - อ้างอิง
เมื่องาน Google Cloud Next รอบเดือนเมษายน Google เปิดตัว Cloud Code ปลั๊กอินบน VS Code และ IntelliJ เพื่อการทำงานกับคลาวด์ที่ง่ายขึ้น เวลาผ่านมาประมาณครึ่งปี ปลั๊กอินตัวนี้เข้าสถานะตัวจริง (general availability หรือ GA)
Google Cloud Code คือส่วนขยายของ IDE ยอดนิยม 2 ตัวคือ VS Code และ IntelliJ ให้สามารถแก้ไขไฟล์กำหนดค่าทรัพยากรของ Kubernetes ได้ง่ายขึ้นจากตัว IDE โดยตรง ลดจำนวนเครื่องมือที่ต้องใช้งาน และสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ของ IDE (เช่น code completion หรือ snippet) ในการแก้ไขไฟล์คอนฟิกเหล่านี้ได้ด้วย
Google เปิดตัว Cloud Code ในงาน Google Cloud Next โดย Cloud Code นี้คือเซ็ทของปลั๊กอินสำหรับ IntelliJ และ VS Code เพื่อช่วยให้ระบบพัฒนาเป็น automate มากขึ้น สามารถคุม software development lifecycle ได้ดีขึ้นผ่านเครื่องมือที่ผู้ใช้ใช้งานอยู่แล้ว
Google ระบุว่า Cloud Code เวอร์ชันแรกนี้ จะโฟกัสที่การพัฒนาแอปสำหรับรันบน Kubernetes (รวม GKE) ซึ่งปลั๊กอินนี้จะต่อขยายให้ IDE ทั้งสองตัวสามารถใช้พัฒนาแอปแบบ cloud-native Kubernetes ได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีเบื้องหลังเป็นเครื่องมืออย่างเช่น Skaffold, Jib หรือ Kubectl รันอยู่เบื้องหลัง
สายสัมพันธ์ของกูเกิลกับบริษัท JetBrains เจ้าของ IntelliJ แนบแน่นมาตั้งแต่เริ่มทำ Android Studio ที่พัฒนาจาก IntelliJ IDEA
ล่าสุดกูเกิลจึงออกปลั๊กอินให้ IntelliJ IDEA ให้สามารถเชื่อมต่อกับบริการบน Google Cloud ได้โดยตรง ปลั๊กอินตัวนี้ชื่อว่า Cloud Tools for IntelliJ สามารถเชื่อมกับ API ของ Google Cloud ได้หลากหลาย เช่น ใช้ Cloud Translation API เพื่อแปลภาษาได้ เป็นต้น
ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วไป ยังสามารถเขียนโค้ดใน IntelliJ IDEA แล้วดีพลอยขึ้น App Engine ได้ทันที หรือจะฝากซอร์สโค้ดไว้ใน Google Cloud Source Repositories แล้วเรียกเข้าตัว IDEA ก็ได้เช่นกัน
หลังจากที่เปิดให้ทดสอบ Team Foundation Version Control (TFVC) ระบบจัดการซอร์สแบบรวมศูนย์ของไมโครซอฟท์กับ Android Studio และ IntelliJ ผ่านปลั๊กอิน Visual Studio Team Services มาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2016
เมื่อเดือนที่แล้วไมโครซอฟท์ก็ได้ปลดสถานะพรีวิวให้กับการรองรับ TFVC และออกอัพเดตปลั๊กอินให้นักพัฒนาสาย Android และนักพัฒนาที่ใช้ IDE จากค่าย JetBrains เช่น IntelliJ IDEA และ Rider EAP สามารถใช้งาน TFVC เป็นที่เรียบร้อย
กูเกิลเตือนให้นักพัฒนาที่ใช้ Android Studio รีบอัพเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ 2.1.1 เพื่อความปลอดภัย
อัพเดตตัวนี้ต่อเนื่องมาจากข่าว IntelliJ พบช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรง ส่งผลให้ Android Studio ที่พัฒนาต่อมาจาก IntelliJ ต้องอัพเดตตามด้วย
ถ้าใครใช้ Android Studio อยู่แล้วสามารถกดอัพเดตจากตัวโปรแกรมได้เลย หรือสามารถดาวน์โหลดใหม่ได้จากหน้าเว็บ Android Studio
ทีมงาน JetBrains ส่งอีเมลถึงผู้ที่ใช้งานให้รีบอัพเดต IDE สาย IntelliJ ของ JetBrains โดยเร็ว แม้ยังไม่มีรายงานการถูกโจมตีผ่านทางช่องโหว่ระดับรุนแรงที่เป็นที่มาของการอัพเดตครั้งนี้ก็ตาม
ช่องโหว่นี้พบในเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่มาพร้อม IDE สามารถเป็นช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีใช้เทคนิค CSRF (cross-site request forgery) เพื่อเข้าถึงแฟ้มข้อมูลระบบได้ รวมถึงช่องโหว่ในส่วนควบคุม CORS ทำให้เข้าถึง API ภายใน หรือแม้แต่ข้อมูลที่จัดเก็บโดย IDE ได้
กูเกิลเปิดตัว Android Studio ครั้งแรกในงาน Google I/O 2013 หรือประมาณหนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ หลังจากการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุด Android Studio ก็มาถึงเวอร์ชัน 1.0 ครับ ฟีเจอร์ใหม่ได้แก่
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม (เมื่อวาน) ที่บล็อกของนายอิกอร์ มาลิเชฟ มีข่าวประกาศว่า IntelliJ เวอร์ชั่น 9 จะมีการแยกออกเป็นสองตัวคือ Community กับ Ultimate โดยที่รุ่น Community นั้นเป็นรุ่นที่ให้ฟรีภายใต้ Apache License 2.0 โดยเราสามารถดาว์นโหลดซอร์สโค้ดของมันได้ที่ http://git.jetbrains.org/