Google Fi บริการเครือข่ายไร้สายแบบเสมือน (MVNO) ของกูเกิล ประกาศรีแบรนด์ใหม่อีกครั้งในชื่อ Google Fi Wireless ทั้งนี้กูเกิลเริ่มให้บริการเครือข่าย MVNO ในสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2015 ในชื่อ Project Fi และเปลี่ยนเป็น Google Fi ในปี 2018

ในประกาศชื่อบริการใหม่นี้ Google Fi Wireless ยังเพิ่มบริการใหม่หลายอย่าง ได้แก่ เพิ่มการเชื่อมต่อของสมาร์ทวอทช์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รองรับ Pixel Watch และสมาร์ทวอทช์ของซัมซุง

กูเกิลประกาศเข้ารหัสแบบ end-to-end การโทรศัพท์ผ่านเครือข่าย Google Fi ซึ่งเป็นเครือข่าย MVNO ของกูเกิลในสหรัฐ

แนวคิดของ Google Fi เป็นการโทรผ่านบริการ data บนเครือข่ายมือถือ (ที่กูเกิลเช่า MVNO) หรือ Wi-Fi โดยแอพ Fi จะสลับเครือข่ายให้อัตโนมัติ เมื่อข้อมูลการโทรวิ่งผ่านระบบของกูเกิลอยู่แล้ว กูเกิลจึงสามารถเข้ารหัสการโทรศัพท์ทั้งหมดได้หากเป็นการโทรระหว่าง Fi ด้วยกัน ไม่มีใครสามารถดักฟังข้อมูลกลางทางได้ (ระหว่างการโทรจะเห็นไอคอนแจ้งเตือนว่า encrypted ตามภาพ)

Project Fi บริการเครือข่ายเสมือน (MVNO) ของกูเกิล ที่ให้บริการในสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2015 ประกาศรีแบรนด์ตัวเองใหม่เป็น Google Fi พร้อมเปลี่ยนโลโก้ใหม่

แนวคิดของ Project Fi คือการเช่าเครือข่ายของโอเปอเรเตอร์หลายรายในสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณที่ดีที่สุดในพื้นที่นั้น ผนวกกับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ด้วยอีกทางหนึ่ง ผนวกมาเป็นบริการมือถือที่คิดเงินแบบตรงไปตรงมา (20 ดอลลาร์ คุย-ส่งข้อความไม่จำกัด และคิดค่าข้อมูล 10 ดอลลาร์ต่อ 1 GB)

ที่ผ่านมา ข้อจำกัดของ Project Fi คือต้องใช้สมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับเท่านั้น ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่รุ่นคือ Nexus/Pixel ของกูเกิลเอง และมือถือจาก Motorola/LG อีกไม่กี่รุ่น

จากที่มีข่าวหลุด Moto X4 Android One วันนี้ข่าวเป็นทางการมาแล้วครับ

ประกาศของกูเกิลคือ Moto X4 Android One จะวางขายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น สเปกเหมือนกับ Moto X4 รุ่นปกติทุกประการ ขายในราคา 399 ดอลลาร์เท่ากัน จุดที่น่าสนใจคือกูเกิลนำ Moto X4 Android One ไปผูกกับ Project Fi บริการ MVNO ของกูเกิลเอง ดังนั้นการจะซื้อ Moto X4 Android One จำเป็นต้องใช้กับเครือข่าย Project Fi ด้วย

บริการ Project Fi ของกูเกิล ใช้การผสานเครือข่าย LTE จากหลายโอเปอเรเตอร์ ร่วมกับเครือข่าย Wi-Fi แบบเปิดเพื่อใช้เชื่อมต่อเน็ตได้เยอะที่สุดในทุกพื้นที่

ล่าสุดกูเกิลแยกฟีเจอร์ Wi-Fi Assistant ที่ช่วยหาเครือข่าย Wi-Fi ที่กูเกิลรับรอง มาให้ผู้ใช้ Nexus ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของ Project Fi ใช้งานได้ด้วย

ฟีเจอร์ Wi-Fi Assistant ใช้ได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Nexus ที่รัน Android 5.1 ขึ้นไป โดยต้องเปิดใช้งานเองใน Settings > Google (ไม่ได้เปิดเป็นดีฟอลต์) และยังจำกัดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศนอร์ดิกเท่านั้น

ที่มา - +Nexus

กูเกิลเปิดตัว Project Fi บริการ MVNO แนวใหม่เมื่อเดือนเมษายน 2015 โดยจำกัดการใช้งานแบบ invite-only เท่านั้น เวลาผ่านมาเกือบปี ในที่สุดกูเกิลก็ขยาย Project Fi สำหรับคนทั่วไปแล้ว (แน่นอนว่ายังใช้ได้เฉพาะในสหรัฐ)

ค่าใช้งาน Project Fi คิดราคาเริ่มต้น 20 ดอลลาร์ต่อเดือน ได้ค่าโทรและส่งข้อความไม่จำกัด จากนั้นซื้อแพ็กเกจข้อมูลเพิ่มอีก 10 ดอลลาร์ต่อ 1GB ถ้าใช้งานไม่หมดก็เก็บไปใช้ต่อเดือนหน้าได้ และถ้าเดินทางไปต่างประเทศ กูเกิลไม่คิดค่า data roaming ถือว่าหักจากโควต้าที่เรามีไปเลย

เครือข่าย Project Fi ของกูเกิลดูเหมือนจะมีของขวัญส่งไปให้ลูกค้าเรื่อยๆ และในช่วงหยุดยาวปีนี้กูเกิลก็ส่งของขวัญชิ้นใหม่ไปให้ผู้ใช้แล้ว

ของขวัญชิ้นใหม่ที่ว่านี้คือตัวต่อเลโก้ตามสีของ Project Fi ที่สามารถนำไปประกอบเป็นแท่นวางสมาร์ทโฟนได้ โดยข้อกำหนดที่จะได้รับของขวัญวันหยุดนี้จะต้องเป็นลูกค้าที่สั่งซื้อซิมก่อนวันที่ 8 พฤศจิกายน และเปิดใช้งานก่อนวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถ้าสั่งรุ่น Nexus 5X หรือ 6P จะมีสาย USB Type-C แถมมาให้อีกเส้นด้วย

กูเกิลออกมาโชว์ผลงานการแปลงเสียงพูดเป็นข้อความ (transcription) ที่ใช้กับบริการ Voice Mail ใน Google Voice และ Project Fi ว่ามีความแม่นยำเพิ่มขึ้น ข้อผิดพลาดลดลงจากเดิม 49%

เทคนิคที่กูเกิลใช้คือ long short-term memory deep recurrent neural network โดยขอไฟล์ตัวอย่าง Voice Mail จากผู้ใช้งานมาเป็นข้อมูลจริงสำหรับการวิเคราะห์

กูเกิลไม่ได้อธิบายรายละเอียดของเทคนิคดังกล่าว แต่ก็ถือเป็นผลดีสำหรับผู้ใช้ที่ได้ระบบแปลงเสียงพูดที่แม่นยำยิ่งขึ้นครับ

ที่มา - Google Blog

Project Fi เครือข่าย MVNO ของกูเกิลที่มีจุดเด่นที่ราคา และความสามารถในการสลับเครือข่ายได้ตามคุณภาพสัญญาณ แต่มีข้อจำกัดว่ารองรับแค่ Nexus 6 และต้องส่งคำขอไปรับเทียบเชิญจากกูเกิลเสียก่อน

ด้วยความที่ Project Fi รองรับแค่ Nexus 6 เพียงรุ่นเดียว ผู้ที่อยากใช้ Project Fi แต่ไม่มีเครื่องอยู่ก่อนจึงต้องสั่ง Nexus 6 มาด้วย และแม้ว่าค่าบริการเครือข่ายจะไม่แพง แต่ราคาเครื่องยังสูงเอาเรื่อง เพื่อรับขวัญผู้ใช้รายแรกๆ ที่เข้ามาใช้เครือข่าย Project Fi พร้อมซื้อ Nexus 6 กูเกิลจึงมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ติดไปด้วย

ช่วงหลังเราเห็นข่าวลือเรื่องบริการ MVNO ของกูเกิลกันถี่มาก วันนี้กูเกิลหันมาลุยตลาดโอเปอเรเตอร์อย่างเป็นทางการแล้ว โดยใช้ชื่อบริการ MVNO แนวใหม่นี้ว่า Project Fi (อ่านว่า "ไฟ")

ข้อมูลของ Project Fi ก็ตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ทุกประการ

เมื่อไม่นานมานี้ในงาน MWC กูเกิลเพิ่งออกมายืนยันแผนการให้บริการโครงข่ายไร้สายแบบ MVNO พร้อมกับใบ้ไว้คร่าวๆ จะเปิดตัวในไม่กี่เดือนข้างหน้า ล่าสุดหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ออกมารายงานว่าเครือข่ายดังกล่าวจะเปิดให้บริการในวันพรุ่งนี้แล้ว

รายละเอียดเพิ่มเติมของแผนดังกล่าวคล้ายกับรายงานที่ออกมาก่อนหน้า โดยใช้เครือข่ายของ T-Mobile และ Sprint ซึ่งสามารถปรับย้ายไปมาได้ตามคุณภาพสัญญาณ และรองรับเพียง Nexus 6 เท่านั้น

ช่วงนี้ยังมีข้อมูลวงในของเครือข่าย MVNO ที่กูเกิลจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ออกมาเรื่อยๆ โดยข้อมูลล่าสุดคือกูเกิลตั้งใจให้ลูกค้า MVNO (ซึ่งอยู่ในสหรัฐ) ที่เดินทางออกไปนอกประเทศจ่ายค่าบริการตามปกติ ไม่ต้องเสียค่าโรมมิ่งราคาแพง

แหล่งข่าวของหนังสือพิมพ์ Telegraph ระบุว่ากูเกิลกำลังเจรจากับ Hutchison Whampoa กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมจากฮ่องกง (เจ้าของเดิมของ Hutch ในบ้านเรา) ซึ่งปัจจุบันให้บริการในแบรนด์ 3 ในหลายประเทศ และกำลังอยู่ระหว่างการซื้อบริษัท O2 ของสหราชอาณาจักรด้วย

ที่มา - Telegraph

มีคนไปพบโค้ดใน Android 5.1 Lollipop ว่ามีแอพตัวใหม่ชื่อ Google Connectivity Services หลบซ่อนอยู่ สามารถเรียกได้จากคำสั่ง ADB เท่านั้น เมื่อเรียกแอพตัวนี้ขึ้นมาจะพบข้อความ Google VPN และคำอธิบายว่ามันจะช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้เวลาส่งผ่าน Wi-Fi

โค้ดของแอพตัวนี้ยังมีส่วนที่เขียนถึง "Nova" ซึ่งเป็นโค้ดเนมของโครงการ MVNO ของกูเกิลดวย คาดว่าหลักฐานชุดนี้เป็นการบ่งชี้ว่าแผนการทำ MVNO ของกูเกิลจะใช้ทั้งเครือข่ายมือถือและ Wi-Fi ร่วมกัน โดยกูเกิลจะหันมาเป็นผู้ให้บริการ VPN กับลูกค้ารายย่อยทั่วไปด้วยตัวเอง

เมื่อไม่กี่วันก่อน Sundar Pichai ผู้บริหารของกูเกิลเพิ่งออกมายืนยันว่ากำลังจะเปิดธุรกิจ MVNO ในสหรัฐฯ อยู่จริง ล่าสุดมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ชุดแรกที่จะใช้งานกับเครือข่ายนี้ว่าจะมีเพียง Nexus 6 เท่านั้นที่จะใช้งานได้ตามฟีเจอร์ที่วางแผนไว้

ตามรายงานชิ้นอื่นๆ ที่ออกมา เครือข่ายของกูเกิลออกแบบมาให้อุปกรณ์ที่ใช้งานสามารถโยกไปใช้เครือข่ายที่สัญญาณดีที่สุด ณ จุดนั้น (ในที่นี้คือ Sprint และ T-Mobile) ซึ่งจะรวมถึง Wi-Fi ด้วย ซึ่งต้องการการทำงานร่วมกับระหว่างผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ซึ่งการมาจากแผนนี้ยังช่วยชี้นำให้บรรดาผู้ผลิต และผู้ให้บริการเครือข่ายมาเรียนรู้ว่าระบบปฏิบัติการนั้นทำงานแบบใด

เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีข่าวลือว่า กูเกิลสนใจทำธุรกิจโทรคมนาคมโดยเป็น MVNO ตอนนี้ข่าวนี้ถูกยืนยันแล้วโดย Sundar Pichai เอง

Pichai ไปพูดที่งาน Mobile World Congress และบอกว่าเราจะได้เห็นธุรกิจ MVNO ของกูเกิลเปิดบริการ "อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า" ในสหรัฐอเมริกา เขายังไม่เผยรายละเอียดของแผนการมากนัก แต่ใช้วิธีเปรียบเทียบว่าโครงการ Android ช่วยให้กูเกิลสร้างนวัตกรรมจากฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์พร้อมๆ กัน การมาทำธุรกิจ MVNO ถือเป็นการขยายพรมแดนนวัตกรรมไปยัง "เครือข่าย" เพิ่มอีกอย่างหนึ่ง ตัวอย่างฟีเจอร์ที่ Pichai พูดถึงคือการผสานเครือข่าย Wi-Fi และโทรศัพท์เข้าด้วยกัน

ยังมีข่าวลือต่อเนื่องจากที่ The Wall Street Journal เคยออกมาเผยข้อมูลวงในว่ากูเกิลกำลังจะกลายเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายแบบ MVNO จากทั้ง Sprint และ T-Mobile วันนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้ว

รายงานชิ้นใหม่ระบุว่า อุปกรณ์ที่วางขายผ่านบริษัทที่จะใช้เปิดให้บริการเครือข่าย MVNO นี้จะรองรับคลื่นความถี่ของทั้ง Sprint และ T-Mobile อย่างสมบูรณ์ และเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตลอดเวลา โดยจะเปลี่ยนไปเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่สัญญาณดีกว่าอยู่เสมอ

หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่า กูเกิลเตรียมขยายสายธุรกิจของตัวเองมาทำตัวเป็น "โอเปอเรเตอร์" หรือผู้ให้บริการโทรคมนาคมในสหรัฐอเมริกา โดยจะอยู่ในรูป mobile virtual network operator (MVNO) ที่เช่าโครงข่ายของ Sprint และ T-Mobile อีกทีหนึ่ง

Wall Street Journal ระบุว่ากูเกิลเรียกโครงการนี้ด้วยโค้ดเนม "Nova" ส่วนเว็บไซต์ Android Police ก็อ้างแหล่งข่าวของตัวเองว่าโครงการนี้จะเกี่ยวข้องกับ Google Voice โดยกูเกิลน่าจะให้บริการข้อมูลเพียงอย่างเดียว และไม่จำกัดปริมาณข้อมูลด้วย

ที่ผ่านมากูเกิลมักมีปัญหากับโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐในหลายประเด็น การที่กูเกิลลงมาทำธุรกิจโอเปอเรเตอร์เองจึงน่าจะช่วยให้กูเกิลนำเสนอผลิตภัณฑ์-บริการในแบบที่ตัวเองต้องการได้ง่ายขึ้น