มีเรื่องราวน่าสนใจของวงการวิ่งมาราธอนรายหนึ่งในสหรัฐฯ มีเหตุของนักวิ่งหญิงการศึกษาสูงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์และนักเขียนให้เว็บไซต์ใหญ่หลายแห่ง เธอวิ่งเข้าเส้นได้รับรางวัลที่สองในรายการนั้น ปรากฏว่ามีคนจับผิดว่าเธอวิ่งไม่ครบระยะจากภาพถ่ายที่ซูมไปยังนาฬิกาข้อมือ Garmin Forerunner 235 ของเธอ ซึ่งจับระยะแค่ 11.65 ไมล์กับระยะเวลา 1 ชั่วโมง 22 นาที หายไปราวหนึ่งไมล์ และเมื่อแบกราฟ Strava ดู พบว่าช่วงระยะท้ายๆ เธอวิ่งเร็วกว่าเดิมทั้งที่ปกตินักวิ่งส่วนใหญ่จะลดความเร็วกัน

เมื่อการแฉเปิดเผย เธอผู้ขึ้นรับรางวัลถ่ายภาพก็รีบกลับลำขอโทษ และอ้างว่าที่เธอวิ่งลัดเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย พร้อมสารภาพว่ามีปั่นจักรยานระหว่างทางด้วย เหตุนี้ถูกจับผิดโดยบล็อกเกอร์รายหนึ่งที่เขียนเรื่องสอบสวนการวิ่งมาราธอนนี้มาตั้งแต่ปี 2015

เหตุเกิดคืนวันพุธที่บาร์แห่งหนึ่งในเมืองแคนซัส สหรัฐฯ มีชายคนหนึ่งก่อเหตุยิงคนตาย ผู้ตายคือ Srinivas Kuchibhotla ชาวอินเดีย เป็นวิศวกรที่บริษัท Garmin ผู้ผลิตนาฬิกาอัจฉริยะ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า คนยิงตะโกนไปที่เหยื่อว่า "ออกไปจากประเทศของฉัน"

ในเหตุการณ์ Kuchibhotla ไปกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน คือ Alok Madasani และ Ian Grillot ก็บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ด้วย

ผู้ต้องสงสัยคดีนี้คือ Adam Purinton ถูกจับกุมในข้อหาฆ่าโดยไตรตรองไว้ก่อน FBI แถลงว่ากำลังอยู่ระหว่างสืบสวนร่วมมือกับตำรวจในท้องที่ ด้าน Garmin แถลงว่าแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว และได้แสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้สูญเสีย

Garmin มีสำนักงานอยู่ในพื้นที่ Olathe City ตั้งแต่ปี 2015 มีการจ้างพนักงานเข้ามามากมาย และคาดว่ามีชาวต่างชาติมาก นักบวชในพื้นที่ Adam Hamilton บอกกับนักข่าวว่า กระแสความกลัวชาวต่างชาติเริ่มมีมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งมา

Garmin ถือโอกาสงาน CES 2017 ประกาศเปิดตัวนาฬิกาข้อมือสำหรับคนรักสุขภาพรุ่นใหม่ในชื่อรุ่น Fenix 5 อัพเกรดจาก Fenix 3 ที่ทำตลาดอยู่พักใหญ่ แยกเป็นสามรุ่นย่อยตามสเปคและขนาดหน้าปัดคือ Fenix 5S (สำหรับผู้หญิงข้อมือเล็ก), Fenix 5 (รุ่นปกติ) และ Fenix 5X (รุ่นใหญ่สุด มีระบบแผนที่เก็บและนำเส้นทาง) ตัวกระจกมีให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและกระจกแซฟไฟร์ ราคาเริ่มต้นที่ 599.99 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 21,500 บาท)

ความแตกต่างที่ดีกว่ารุ่นเดิม คือ จอภาพแสดงสีได้มากขึ้นเป็น 64 สี (จาก 16) จอละเอียดขึ้นเป็น 240x240px (จากเดิม 218x218) รองรับภาษาอาหรับ ฮีบรู และอีโมจิ รุ่นกระจกแซฟไฟร์รองรับไวไฟ และมี gyroscope มาให้ในทุกรุ่น แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 2 สัปดาห์ (ถ้าเปิด GPS จะใช้ได้สั้นกว่านี้) ส่วนฟังก์ชั่นแผนที่ใน Fenix 5X ทำได้ทั้งการดูแผนที่ นำทางจากไฟล์ที่ใส่เข้าไป ตลอดจนแสดง POI ของสถานที่สำคัญโดยรอบด้วย

เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนออกกำลังกาย บ้างก็วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ โยคะฟลาย ฯลฯ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แค่คนรุ่นผมเริ่มใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น

โลกเทคโนโลยีก็ขานรับรูปแบบชีวิตนี้เช่นเดียวกัน วัดจากจำนวนอุปกรณ์ประเภท wearable tech ที่มีให้เลือกใช้มากมาย และ fenix 3 HR จาก Garmin นี้ก็เป็นนาฬิกาข้อมือที่ทำอะไรได้หลายอย่าง ทั้งวัดค่าสุขภาพจากกิจกรรมกีฬานานาชนิด นับก้าวเดิน การเผาผลาญพลังงาน จับเส้นทางการเคลื่อนที่ด้วย GPS/GLONASS และการวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้โดยตรงจากข้อมือ ซึ่งเป็นจุดขายของ fenix 3 HR เรือนนี้ โอกาสนี้ผมในนาม Blognone มีโอกาสได้ลองใช้ ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ครับ

วันก่อนเพิ่งได้รีวิว Garmin vivosmart HR ไป ตอนนี้มีรุ่นใหม่อย่าง vivosmart HR+ ออกมาอีกแล้ว เป็นสายรัดข้อมืออ่านค่าสุขภาพ วัดอัตราการเต้นของหัวใจเหมือนเดิมครับ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมามีดังนี้

• ทำงานร่วมกับ GPS ไว้ติดตามเส้นทางที่ผู้ใช้เคลื่อนที่ได้ แต่แบตเตอรี่จะใช้ได้แค่ 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ถ้าปิดจะใช้ได้ 5 วัน)
• มี virtual pacer mode น่าจะไว้ท้าทายศักยภาพตัวเองขณะออกกำลังกาย
• ปรับปรุงดีไซน์เล็กน้อย จอภาพขนาดเท่าเดิม มีสามสี ดำ ม่วง และน้ำเงิน
• ราคา 219.99 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7,800 บาท)

ที่มา - Garmin

ช่วงนี้เราเริ่มเห็นนาฬิกาที่ใส่ความสามารถเพิ่มเติมและเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้มากขึ้นเรื่อยๆ (นึกไม่ออกลองอ่านรีวิว Fossil Q Grant ประกอบได้) ล่าสุด Garmin ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สายสุขภาพและกีฬารายใหญ่ ประกาศเปิดตัว vívomove นาฬิกาแบบดั้งเดิมแต่ใส่คุณสมบัติที่มีตัวนับก้าวและกิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อสุขภาพ อย่างเป็นทางการ

คุณสมบัติหลักๆ ก็คงไม่ต่างจากนาฬิกาสายนี้มาก นั่นก็คือนับก้าวเดินและวัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวอื่นๆ ในแต่ละวัน รวมถึงแจ้งเตือนในกรณีไม่ได้ขยับร่างกายนานไปในแต่ละวัน และตามผลการนอน สิ่งที่แตกต่างก็คือแนวทางในการนำเสนอที่ไม่ได้ใช้เป็นเข็มบอกปริมาณ แต่เป็นหน้าจอขนาดเล็ก แสดงผลอยู่ซ้ายขวาของหน้าปัด (ลองดูภาพท้ายข่าว) ตัวเรือนกันน้ำได้ 5 ATM รองรับสายนาฬิกาขนาด 20 มม. และแบตเตอรี่อยู่ได้นาน 1 ปี (แจ้งเตือน notification จากมือถือไม่ได้นะครับ)

ช่วงนี้ผู้คนรอบตัวผมหันไปทางไหนก็มีแต่คนชวนไปวิ่งงานวิ่งชิคๆ ถอยจักรยานสวยๆ ไปปั่นคูลๆ ที่สนามจักรยานยอดนิยม แต่ในทางกลับกันก็นัดถล่มเนื้อย่าง ชาบู จนที่เอาเข้าเยอะกว่าเอาออก แผนการลดน้ำหนักก็ล้มไม่เป็นท่า

และนี่เป็นครั้งแรกกับผมและอุปกรณ์กลุ่ม fitness tracker ครับ ผมได้รับ Garmin vivosmart HR มาลองใช้ ซึ่งเป็นสายรัดข้อมืออ่านค่าสุขภาพ วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ ตลอดจนนับแคลอรี่และก้าวเดิน พร้อมสรุปผลรายงานวันต่อวัน เหมาะกับคนที่ต้องการแรงจูงใจในการออกกำลังกาย

Garmin ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่พักหลังเน้นไปทำอุปกรณ์แบบสวมใส่ ประกาศเปิดตัว Vivofit 3 และ Vivoactive HR อุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่รุ่นล่าสุดที่ปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น

ในงาน CES 2016 Garmin ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของนาฬิการุ่น Fenix3 ได้แก่ Fenix3 HR ที่มาพร้อมกับเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจที่ข้อมือ, เพิ่มดีไซน์ของนาฬิกา Fenix3 รุ่นเดิม และปรับปรุง Firmware ให้มี Activity profile ที่รองรับกีฬาประเภทอื่นๆ เช่น Golf รวมถึงการเพิ่มโหมดในการวัดร่างกายทางกายภาพ เช่น การวัดความเครียด "Stress Score" ที่คำนวณจากการประเมินอัตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ยของผู้ใช้งาน เป็นต้น

Fenix3 รุ่นที่ประกาศในงาน CES2016

♫ ♪ ปั่นปั่นจักรย้านไป ปั่นปั่นจักรย้านกัน... เมื่อต้นเดือนธันวาคมหลายท่านคงได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานระดับชาติกันมา บ้างก็ถือโอกาสนี้หาพาหนะสองล้อนี้มาลองปั่น หากใครที่เพิ่งเข้าวงการแล้วคิดอยากจะเอาจริงเรื่องสุขภาพ นอกจากจะอัพล้อ อัพชุดขับ อัพเฟรม และอัพแรงแล้ว อุปกรณ์อย่าง bike computer หรือคอมพิวเตอร์ติดจักรยานก็เป็นอีกสิ่งที่น่าลงทุน เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เอนกประสงค์และใช้ประเมินความก้าวหน้าด้านสุขภาพของผู้ใช้ได้ดี

วันนี้ผมในนาม Blognone มีโอกาสได้ลองใช้ Garmin Edge 520 จะขอมารีวิวให้ฟังในส่วนที่ได้ลองใช้ในระยะเวลาหนึ่ง ถ้าใช้ครบเกรงว่าจะกลายเป็นคู่มือไป และขอเทียบประสบการณ์กับ Edge 510 ที่ผมเองใช้อยู่ประจำด้วยครับ

Garmin เปิดตัวสมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ vívosmart HR อัพเกรดจาก vívosmart รุ่นแรกที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อน (รีวิว) ด้วยการออกแบบใหม่หมด และเพิ่มเซ็นเซอร์วัดชีพจรเข้ามาเป็นครั้งแรก

ด้านการออกแบบ vívosmart HR ต่างจากแบบเดิมที่เน้นความเรียบง่าย ไปเป็นเน้นฟังก์ชัน และใช้งานง่ายแทน หน้าจอสัมผัสใช้ขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความละเอียดเป็น 160x68 พิกเซล พร้อมปุ่มสั่งงานที่วางไว้ข้างหน้าจออย่างชัดเจน ฝั่งเซ็นเซอร์วัดชีพจรสามารถทำงานได้ตลอดทั้งวัน ต่างกับบางรายที่จะทำงานเฉพาะการใช้งานบางกิจกรรมเท่านั้น

ความนิยมของอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ เปิดโอกาสให้บรรดาแบรนด์ต่างๆ ส่งสินค้าเข้ามาในตลาดใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง แม้แต่ Garmin ที่มีชื่อเสียงด้านการทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ GPS ยังใช้โอกาสนี้ในการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์เช่นกัน แต่จับกลุ่มลูกค้ากลุ่มที่ต่างออกไปจากพวก Apple Watch หรือ Android Wear ที่เน้นการใช้งานทั่วไป เป็นกลุ่มผู้ออกกำลังกายที่ต้องการบันทึกข้อมูลสุขภาพ รุ่นที่น่าสนใจและทางทีมได้มารีวิวในวันนี้คือ vívoactive สมาร์ทวอทช์พร้อมฟังก์ชันเจาะลึกการออกกำลังกายที่มาพร้อมกับ GPS ในตัว

ค่าย Garmin เปิดตัวนาฬิกาสำหรับนักวิ่งรุ่นใหม่ Forerunner 25 เน้นขนาดเล็ก ใช้ง่าย ราคาประหยัด แต่ยังมีฟีเจอร์ที่จำเป็นอย่าง GPS และการวัดอัตราการเต้นของหัวใจเช่นเดิม

Forerunner 25 มีหน้าจอใหญ่ขึ้นกว่า Forerunner 15 รุ่นก่อนหน้านี้ ในขณะที่ตัวเครื่องบางลงกว่าเดิม ทนน้ำลึก 50 เมตร แบตอยู่ได้นาน 10 สัปดาห์ในโหมดปกติ และ 10 ชั่วโมงสำหรับ training mode

ราคาขาย 169.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,000 บาท) ถ้าเอาพร้อมตัววัดอัตราการเต้นหัวใจด้วย 199.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,000 บาท) สินค้าเริ่มขายแล้วในไตรมาสนี้

หลังจากเปิดตัว Edge 20, 25 ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนนี้ Garmin ได้เปิดตัว Edge 520 มาทำตลาดต่อในตระกูล 5xx แล้วครับ

Garmin Edge 520 เปิดตัวมาที่ราคา $299.99 ลดลงมาจาก Edge 510 ที่ $329.99 และมีคุณสมบัติดังนี้ (เทียบกับคุณสมบัติของ Edge 510 ในวงเล็บ)

Garmin เปิดตัวไมล์จักรยานรุ่นใหม่ 2 รุ่นคือ Edge 20 และ Edge 25 โดยนำมาทดแทนรุ่นเล็กอย่าง Garmin Edge 200 ที่ทำงานบนฟังค์ชั่นพื้นฐานเช่น ระบบวัดระยะทาง ความเร็วและบันทึกเส้นทางด้วย GPS แต่ไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อกับ ANT+ Sensor และสมาร์ทโฟนได้

Edge 20 และ Edge 25 มีคุณสมบัติพื้นฐานร่วมกันเช่น

Garmin ยังคงรุกตลาดอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้สำหรับสายฟิตเนสอย่างต่อเนื่อง เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งเปิดตัวมาใหม่อีก 3 รุ่นรวด ตั้งแต่รุ่นราคาย่อมๆ ไปจนถึงรุ่นราคาแรงๆ อย่าง vivofit 2, vivoactive และ Fenix 3

เริ่มต้นกันด้วยรุ่นเล็กสุด vivofit 2 เป็นสมาร์ทแบนด์มีหน้าจอ ที่หน้าตาโดยรวมแทบจะเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า แต่เพิ่มฟีเจอร์ที่จำเป็นเข้ามาอีกหลายอย่างดังนี้

หลังจาก Nike+ เลิกทำฮาร์ดแวร์ของตัวเอง หันมาทำแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ วันนี้ Nike ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรฮาร์ดแวร์ 4 รายคือ Garmin, TomTom, Wahoo Fitness, Netpulse ในการเชื่อมอุปกรณ์ของบริษัทเหล่านี้กับ Nike+ (ส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาหรือสายรัดข้อมือ)

แอพ Nike+ Running App รุ่นล่าสุด (ทั้งบน iOS/Android) จะเพิ่มหน้าจอ Partners เข้ามาเพื่อให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ง่ายๆ

ช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็นบรรดาบริษัทไอทีหลายเจ้าเริ่มหันมาทำอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ได้ โดยเฉพาะในรูปแบบของสายรัดข้อมือที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนทางบล็อกนันเพิ่งได้สายรัดข้อมือรุ่นใหม่ของ Garmin อย่าง vívosmart มาลองทดสอบใช้งานครับ

เครื่องวัดก้าวเดินหรือ pedometer เป็นฟีเจอร์สำคัญคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ได้ ผู้ผลิตที่ดังขึ้นมาจากความสามารถนี้เช่น Fitbit นั้นไม่ใส่แม้แต่นาฬิกาหรือหน้าจอใดๆ แต่ให้ใช้วัดก้าวเดินแล้วแสดงผลทางคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ตอนนี้ Garmin ผู้ผลิต GPS ชื่อดังก็ลงมาเล่นตลาดนี้ด้วยอุปกรณ์ชุดใหญ่ และหนึ่งในนั้นคือ vivofit

วันนี้อีเอสอาร์ไอ ประเทศไทย บริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าและบริการของ Garmin ได้จัดงานเวิร์คช็อปเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่หลายประเภทตั้งแต่อุปกรณ์นำทาง Garmin Nuvi 3592 นาฬิกาสำหรับนักวิ่ง Forerunner 620 และ Vivofit ไปจนถึงกล้องวิดีโอแบบพกพาสำหรับติดตั้งกับยานพาหนะอย่าง VIRB Elite

เริ่มต้นกันที่ตัวแรก Garmin Nuvi 3592 เป็นอุปกรณ์นำทางรุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (เวอร์ชัน 4.0.4) ใช้หน้าจอขนาด 5" สำหรับแสดงผลแผนที่ สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่างกล้องได้พร้อมกันถึงสองตัว และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อแสดงสายเรียกเข้า เพื่อใช้งานแฮนด์ฟรีได้อีกด้วย

Garmin เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่สำหรับใช้งานกับรถยนต์ส่วนบุคคลภายในงาน CES 2014 หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์นำทาง, กล้องบันทึกภาพ รวมทั้งอุปกรณ์แสดงผลแบบฉายภาพข้อมูล

Nüvi 2798LMT อุปกรณ์นำทางพร้อมระบบบันทึกวิดีโอ

เป็นอุปกรณ์นำทางรุ่นแรกของ Garmin ที่มีความสามารถสำรองข้อมูลวิดีโอที่ถ่ายโดยกล้องขนาดเล็กที่แถมพ่วงมาด้วยกัน Nüvi 2798LMT มีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ใช้แสดงแผนที่พร้อมข้อมูลระบบนำทาง ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้หน้าจอเดียวกันนี้สลับไปดูภาพจากกล้องได้

Garmin เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ชื่อ HUD (Head-up Display) สามารถ "ฉายภาพ" จากมือถือขึ้นไปบนกระจกหน้าของรถยนต์ได้ ช่วยให้ฉากในหนังไซไฟที่แสดงภาพโฮโลแกรมบนกระจกเป็นจริง

การทำงานของ HUD จะต้องใช้ฟิล์มใสชนิดพิเศษเข้าช่วย โดยฟิล์มนี้จะแถมมากับชุด HUD และเราต้องแปะฟิล์มนี้บนกระจกหน้าเสียก่อน นอกจากนี้ในชุด HUD ยังมีทางเลือกโดยแถมชุดเลนส์แยกต่างหาก สำหรับแสดงผลโดยไม่ต้องฉายลงบนกระจกด้วย ทางบริษัทบอกว่า HUD จะปรับความสว่างตามสภาพแสงอัตโนมัติ ทำให้ภาพชัดเจนเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงจ้าหรือเป็นช่วงกลางคืน

บริษัท Garmin เปิดตัวแอพนำทาง Garmin StreetPilot Onboard บนไอโฟน ซึ่งใช้แผนที่จากบริษัท NAVTEQ และรวมข้อมูลแผนที่ของอุปกรณ์นำทางตระกูล Garmin nuvi เข้ามาด้วย แน่นอนว่ามีข้อมูลแผนที่กับสถานที่ของประเทศไทย และมีเมนูภาษาไทยมาให้ในตัว

จุดเด่นอีกอย่างของ Street Pilot คือโหลดข้อมูลแผนที่ทั้งหมดไว้ในเครื่อง สามารถทำงานได้โดยไม่มีอินเทอร์เน็ต ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ก็เรียกได้ว่ายกมาจาก nuvi เลย เช่น การคำนวณความเร็วพาหนะ โมเดลอาคาร 3 มิติ ฯลฯ (ที่เหลือดูจากคลิปกันเองนะครับ)

ราคาแอพ 29.99 ดอลลาร์ แต่ตอนนี้มีโปรโมชัน 19.99 ดอลลาร์ถึงวันที่ 8 กรกฎาคม รายละเอียดดูที่ Garmin Thailand

Garmin บริษัทผู้ผลิต GPS รายใหญ่ของโลกได้ทำการเปิดตัวนาฬิกาพ่วงระบบ GPS ที่ควบคุมด้วยระบบสัมผัสตัวแรกของโลกในชื่อ Forerunner 610

Forerunner 610 ตัวนี้ Garmin ออกแบบมาให้ทันสมัย และแข็งแรง หน้าจอขาวดำเพื่อการประหยัดพลังงาน และตอบสนองที่รวดเร็ว จุดสำคัญคือมันสามารถใช้งานได้แม้ว่าจะใส่ถุงมืออยู่ หรือแม้กระทั่งในขณะที่ฝนตก แน่นอนว่ามันกันน้ำได้ (แต่ไม่บอกว่ากันได้ลึกแค่ไหน คงไม่มีใครเอาไปจุ่มน้ำหรอกนะ)

ส่วนอินเทอร์เฟซนั้นเคลมว่าใช้งานได้ง่าย การันตีด้วยรางวัลด้านการออกแบบจาก Red Dot Design Award ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ดูได้ที่วิดีโอท้ายข่าวครับ

ที่งาน CES 2011 บริษัท Garmin เปิดตัวฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์หลายอย่าง

ที่สำคัญที่สุดคงเป็น StreetPilot แอพนำทางตัวแรกของ Garmin บน iPhone แอพตัวนี้มีฟีเจอร์หลายอย่างที่นำมาจากอุปกรณ์นำทางของ Garmin เช่น การบอกสภาพจราจร, ภาพถ่าย ณ ปัจจุบันของแยกถัดไป, เตือนการปิดถนนหรืออุบัติเหตุ ฯลฯ นอกจากนี้ยังดึงฟีเจอร์ของ iOS อย่างการเชื่อมกับ Contacts หรือการทำมัลติทาสกิงใน iOS 4 มาเพิ่มความสะดวกด้วย ขายในราคา 39.99 ดอลลาร์