ปัจจุบัน Elon Musk ดำรงตำแหน่งใน Tesla ควบทั้งซีอีโอ และประธานบอร์ดบริหาร (Chairman) ซึ่งก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ช่วงแรกของบริษัทในปี 2004 ล่าสุดมีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งได้เสนอให้ถอดเขาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดแล้ว
ผู้เสนอไอเดียดังกล่าวชื่อ Jing Zhao มีหุ้นอยู่ใน Tesla 12 หุ้น ได้ร่างข้อเสนอถอด Elon Musk ออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดโดยให้เหตุผลว่าการที่คนคนเดียวควบสองตำแหน่งอาจดีกับบริษัทในระยะแรก แต่ตอนนี้ Tesla กำลังเติบโตขึ้นและควรหาผู้บริหารที่เป็นคนนอก (independent director) มาดำรงตำแหน่งแทน และยกตัวอย่างบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริการวมถึงสหราชอาณาจักรหลายแห่งก็ใช้วิธีการนี้
นิตยสาร TIME ประกาศรายชื่อ 10 ผู้ทรงอิทธิพลประจำปี 2018 (The 100 Most Influential People) โดยมีนักธุรกิจผู้นำบริษัทไอทีติดด้วยหลายราย ได้แก่
Elon Musk ซีอีโอ Tesla ได้อีเมลถึงพนักงานทุกคน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเขาต้องการให้บริษัทเดินหน้าต่อไปอย่างไร หลังจากเกิดปัญหาจนต้องหยุดพักการผลิต Model 3
ในอีเมลนั้น Musk บอกว่าผู้คนภายนอกต่างวิจารณ์ Tesla อย่างหนักว่านี่ไม่ใช่การทำธุรกิจที่แท้จริง เพราะบริษัทไม่เคยมีกำไร ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าเพราะบริษัทยังไม่ถึงจุดที่คุ้มทุนมากพอในการผลิต (Economy of Scale) แต่ตอนนี้ Tesla มาถึงจุดที่สามารถทำกำไรได้แล้ว
ในขณะที่สถานการณ์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ผลิตอยู่ที่ 2,000 กว่าคันต่อสัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าปัญหาที่ผลิตได้ต่ำกว่าเป้าไปมากเกิดจากซัพพลายเออร์ แต่ล่าสุดก็มีรายงานออกมาว่าหนึ่งในสาเหตุคือ Tesla ใช้หุ่นยนต์ช่วยประกอบรถมากเกินไป
รายการ CBS This Morning ได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานและสายการผลิต Tesla Model 3 โดยมี Elon Musk พาเดินพร้อมตอบคำถามหลายเรื่องและนี่เป็นครั้งแรกที่ Tesla อนุญาตให้มีการถ่ายทำสายการผลิตรถรุ่นนี้ด้วย
Elon Musk สปอนเซอร์สารคดี "Do You Trust This Computer?" โดย Chris Paine ให้ทุกคนดูฟรีบน Vimeo จนถึงวันอาทิตย์นี้ แสดงให้เห็นถึงข้อที่คนควรกังวลต่อปัญญาประดิษฐ์ (AI)
Musk สนับสนุนการกำกับดูแล และพยายามเตือนคนในวงกว้างว่า AI อันตรายต่อมนุษยชาติ แม้ตัว Musk เองไม่ได้ต่อต้าน AI โดยเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลการวิจัยปัญญาประดิษฐ์ จนกลายเป็นประเด็นโต้เถียงระหว่าง Musk และ Zuckerberg
สารคดีชมได้ฟรีบน Vimeo
ที่มา - Cnet
คนที่ติดตามข่าว Tesla คงทราบว่า Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่างสุดของบริษัทนั้นประสบปัญหาผลิตได้ต่ำกว่าเป้ามาก แต่ก็ดีขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งล่าสุด Elon Musk ซีอีโอ ก็ได้ส่งอีเมลหาพนักงานว่าขณะนี้โรงงานสามารถผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ 2,000 คันต่อสัปดาห์แล้ว
ต่อมา Amir Efrati นักเขียนจากเว็บไซต์ The Information ได้เขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัญหาในสายการผลิตนี้ โดยบอกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาซ้ำซากของ Tesla และโทษว่าเป็นเพราะ Doug Field ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมได้เข้ามาดูแลการผลิตด้วย
เดือนมีนาคมที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่หนักหนาสำหรับ Tesla ตั้งแต่ราคาหุ้นที่ตกลงถึง 23% และเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ Tesla X จนมีนักวิเคราะห์มองว่า Tesla อาจต้องประสบปัญหาทางการเงินหนัก ซึ่งเรื่องนี้ซีอีโอ Elon Musk ก็ยังอดไม่ได้ที่จะนำมาแซวเองเสียเลย
เขาได้ทวีตข้อความในวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็น April Fools ว่า ถึงแม้ Tesla จะมีการเพิ่มทุนมาตลอด และก็เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ต้องบอกว่า Tesla เข้าสู่สถานะบริษัทล้มละลายแล้ว แถมยังมีคนพบเขานอนหลับข้าง Model 3 พร้อมขวดเตกิล่า ซึ่งที่สุดเขาก็ปิดท้ายว่าทั้งหมดเป็นมุกตลกเท่านั้น
จากประเด็นที่ Elon Musk ได้สั่งปิดเพจ Tesla และ SpaceX เพราะไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ข้อมูลผู้ใช้ Facebook หลุด 50 ล้านบัญชี เขาได้ทวีตพูดคุยกับผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกหลายทวีต และพอจะมีประเด็นที่น่าสนใจเลยเอามาสรุปอีกทีครับ
เรื่องแรกคือมีคนทวีตไปหา Elon โดยขุดข่าวเก่าที่ Facebook เคยว่าจ้าง SpaceX ให้ปล่อยดาวเทียมเมื่อเดือนกันยายน 2016 แต่จรวด Falcon 9 กลับระเบิดคาฐานระหว่างทดสอบติดเครื่อง (static fire test) ส่งผลให้ดาวเทียม Amos-6 ของ Facebook เสียหายทั้งหมด ซึ่ง Elon ก็ตอบกลับไปว่า "ผมผิดเองที่งี่เง่า แต่เราก็ได้ยิงจรวดให้ฟรีเป็นการตอบแทนแล้วนะ และพวกเขา [Facebook] น่าจะมีประกันแหละ"
จากเหตุการณ์อื้อฉาวของ Facebook ที่มีข้อมูลผู้ใช้หลุด 50 ล้านบัญชี ก่อให้เกิดกระแส #DeleteFacebook ชักชวนให้ปิดบัญชี Facebook ของเราทิ้ง
ล่าสุด Elon Musk ได้สั่งปิดเพจของ Tesla และ SpaceX แล้ว โดยเหตุการณ์เริ่มจากทวีตของ Brian Acton ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp ที่ออกมาสนับสนุนกระแส #DeleteFacebook เมื่อสามวันก่อน และ Elon Musk ได้ตอบทวีตของ Brian เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาว่า "อะไรคือ Facebook?" จากนั้นมีผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งท้ากลับไปหา Elon ว่า "ลบเพจของ SpaceX ออกจาก Facebook สิถ้าแน่จริง" ซึ่ง Elon ก็รับคำท้า และทวีตว่า "ผมไม่รู้นะว่ามีเพจนี้ด้วย จะลบมัน"
เหตุการณ์ Cambridge Analytica ยังมีผลกระทบตามมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Elon Musk จัดการลบเพจของ ทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว
เริ่มจากการที่ Musk ไปแซว Brian Acton อดีตผู้ก่อตั้ง WhatsApp ที่หนุนกระแส #deletefacebook (ข่าวเก่า) จากนั้นจึงมีคนไปท้าให้เขาลบเพจของ SpaceX ซึ่ง Musk ตอบว่าเขาเพิ่งรู้ว่ามีเพจของบริษัทด้วยและจะลบแน่นอน หลังนั้นก็มีคนท้าให้ลบเพจของ Tesla ด้วย ซึ่ง Musk ก็รับปากทันทีแถมยังกล่าวว่ายังไงมันก็ดูไม่ได้เรื่องอยู่แล้ว ซึ่งเพจทั้งสองก็หายไปในเวลาไม่นาน
ทั้งสองเพจมีผู้ติดตามรวมประมาณ 2.5 ล้านคนก่อนที่จะถูกลบไป
เราเห็นการประกาศจะทำอะไรต่อมิอะไรของ Elon Musk เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ผ่านการประกาศบนทวิตเตอร์อยู่เนืองๆ และนี่ก็เป็นอีกครั้งหลัง Tesla Model 3 เกิดอุบัติเหตุและก่อให้เกิดปัญหาต่อเจ้าของรถเล็กน้อย แต่ Musk ก็ยังให้ความสนใจไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
มีข่าวรายงานว่า Tesla Model 3 คันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุอย่างร้ายแรง แต่ด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแรงของตัวรถ ทำให้ผู้โดยสารภายในแทบไม่ได้รับบาดเจ็บ (หน่วยกู้ชีพถึงกับบอกว่าถ้ารถไม่แข็ง คนขับไม่น่ารอด) ซึ่งเจ้าของรถก็โพสต์ประเด็นนี้ลงบน Reddit พร้อมชื่นชมการออกแบบรถของ Tesla
Elon Musk ซีอีโอ Tesla และ SpaceX ได้ไปพูดในงานสัมมนา SXSW (South by Southwest) ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส โดยนอกจากจะปล่อยวิดีโอจากภารกิจยิงจรวด Falcon Heavy แล้ว เขายังพูดถึงประเด็นอื่นๆ อีก ดังนี้
Elon เล่าถึงการที่เขาอยากไปตั้งฐานบนดาวอังคารและดวงจันทร์เพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถคงอยู่ต่อไปได้หากเราเข้าสู่ยุคมืด (dark ages) ซึ่งเขาไม่ได้ทำนายว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ก็มีโอกาส โดยเฉพาะถ้าเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม ทำให้การที่มนุษย์ไปตั้งรกรากอยู่ดาวอื่นจะทำให้มี “เมล็ดพันธุ์” ของพวกเรามากพอที่จะดำรงความเจริญอยู่ได้ รวมถึงนำความเจริญกลับมายังโลก หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา SpaceX ได้ทดลองยิงจรวดรุ่นใหม่ Falcon Heavy เป็นครั้งแรก และถือว่าภารกิจทั้งหมดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ล่าสุด Elon Musk ผู้ก่อตั้ง SpaceX ได้ไปพูดเกี่ยวกับการเดินทางในอวกาศที่งาน SXSW (South by Southwest Conference) ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส พร้อมปล่อยวิดีโอรวมภาพและคลิปต่างๆ ให้ได้ชมกัน
ในวิดีโอมีทั้งคลิปบรรยากาศผู้คนที่มารอสังเกตการณ์การยิงจรวด, บรรยากาศของกลุ่มพนักงาน SpaceX, จังหวะที่ยิงออกจากฐานเรื่อยไปจนถึงการปล่อยรถ Tesla Roadster พร้อมหุ่นจำลอง "Starman" สวมชุดอวกาศ ก่อนจะจบด้วยการบินกลับมาลงจอดของบูสเตอร์ตัวซ้ายและขวา
เมื่อเดือนธันวาคมปี 2016 Elon Musk เบื่อหน่ายกับสถาพรถติด เลยเกิดไอเดียว่าจะขุดเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินแล้วเอารถไปวิ่งในนั้นแทน โดยให้รถไปจอดบน "ถาด" แล้ววิ่งไปในอุโมงค์ พอถึงจุดหมายก็ขึ้นลิฟต์กลับขึ้นมาบนพื้นถนน จึงเกิดเป็นบริษัทชื่อ The Boring Company ขึ้นมา จากนั้นได้นำ Hyperloop เข้ามารวมด้วย โดยให้ Hyperloop รับหน้าที่ขนส่งทางไกลระหว่างเมือง
ล่าสุด Elon Musk ได้ทวีตประกาศเปลี่ยนเป้าหมาย ระบุว่าอุโมงค์และ Hyperloop ทุกเส้นทางจะให้ความสำคัญกับการขนส่งคนเดินถนนและรถจักรยานก่อนรถยนต์ โดยให้เหตุผลว่าอยากให้เกิดความยุติธรรม เพราะคนที่ไม่มีรถขับก็ควรได้เดินทางก่อนนั่นเอง
เมื่อสัปดาห์ก่อน Dr. Steve Pinker ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้กล่าวในพ็อดแคสท์ของเว็บไซต์ Wired โดยวิจารณ์ AI ด้วยการยกตัวอย่างรถขับอัตโนมัติของ Tesla มาว่าหาก Elon Musk จริงจังกับการคุกคามของ AI จริงๆ เขาควรจะหยุดพัฒนารถขับอัตโนมัติเสีย
Pinker กล่าวเสริมว่า Elon คงไม่มานั่งกังวลว่าจะมีใครเขียนโปรแกรมใส่รถ Tesla ว่าคำสั่ง "พาฉันไปที่สนามบินโดยเร็วที่สุด" แล้วรถจะวิ่งตัดตรง ชนคน และไถต้นไม้ เพราะนั่นเป็นผลจากการที่รถแปลคำสั่ง "พาฉันไปทางที่เร็วที่สุด" สุดท้าย Pinker ระบุว่าแบบนั้นมันดูแย่มาก และ Elon จะถูกฟ้องแน่
Elon Musk ประกาศลาออกจากตำแหน่งบอร์ดของบริษัท OpenAI ที่เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งในปี 2015 ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับ Tesla ที่หันมาโฟกัสเรื่อง AI มากขึ้นเช่นกัน
Musk จะยังมีสถานะเป็นผู้บริจาคเงินและที่ปรึกษาให้ OpenAI โดยบริษัทจะตั้งบอร์ดคนใหม่ขึ้นมาแทน ตามโครงสร้างบอร์ดที่มี 5 คน
ในโอกาสเดียวกัน OpenAI ยังประกาศชื่อผู้บริจาคหน้าใหม่ๆ ซึ่งมีชื่อของ Gabe Newell แห่ง Valve, Michael Seibel ผู้ก่อตั้ง Socialcam และ Jed McCaleb ผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญ Stellar ด้วย
ที่มา - OpenAI
ถึงแม้ Tesla Roadster จะไปไม่ถึงดวงจันทร์ (เอ่อ..หมายถึงดาวอังคาร) แต่อย่างน้อยก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว เมื่อนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต ใช้คอมพิวเตอร์คำนวนสถานการณ์จำลอง เพื่อทำความเข้าใจและคาดการการโคจรของรถยนต์ Tesla Roadster ในระบบสุริยจักรวาล หลังเลยวงโคจรของดาวอังคารไป
ผลการวิเคราะห์จากการคำนวนกว่า 240 ครั้งเผยว่า รถยนต์ Tesla Roadster จะกลายเป็นเทหวัตถุในระบบสุริยะไปอีกหลายสิบล้านปีและน่าจะอยู่ในชั้นในของระบบสุริยะเท่านั้น ไม่น่าไปไกลเกินกว่าแถบดาวเคราะห์น้อย โดยวงโคจรของรถทั้งในระยะสั้นและระยาวเหมือนจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงในระยะกับโลก ก่อนจะเป็นอิทธิพลของดาวศุกร์เมื่อเวลาผ่านไป
บริษัทเอกชนที่รับงานเกี่ยวกับอวกาศ รวมถึงยิงจรวดให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา นอกจาก SpaceX แล้วก็มี ULA หรือ United Launch Alliance ที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง Lockheed Martin Space Systems กับ Boeing Defense, Space & Security โดยมีจรวดหลักอยู่ 3 รุ่นคือ Delta II, Delta IV และ Atlas V นอกจากนี้ยังมีจรวดอีกรุ่นที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ชื่อ Vulcan ซึ่ง ULA ผูกขาดการยิงจรวดให้รัฐบาลสหรัฐฯ มากว่าสิบปี ก่อน SpaceX จะฟ้อง และได้รับภารกิจปล่อยดาวเทียม GPS ให้กองทัพอากาศสหรัฐฯ ในปี 2016
เมื่อสัปดาห์ก่อน Doug Ellison ทำงานเป็น visualization producer ด้านอวกาศทวีตว่าจรวด Delta IV Heavy ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหญ่สุดของ Delta IV มีจรวด 3 ลำมัดติดกันแบบเดียวกับ Falcon Heavy นั้นอาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่า Falcon Heavy ได้ในบางกรณี
จากเหตุการณ์ SpaceX ยิงจรวด Falcon Heavy พร้อมส่งรถยนต์ Tesla Roadster ไปยังดาวอังคาร ที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมากในสัปดาห์ก่อน
แต่สิ่งที่เดินทางไปยังดาวอังคารด้วย ไม่ได้มีแค่รถ Tesla และชุดอวกาศ Starman ในที่นั่งคนขับเพียงเท่านั้น เพราะ Elon Musk ส่งนิยายวิทยาศาสตร์ชุด "สถาบันสถาปนา" ไตรภาคแรก (Foundation Trilogy) ขึ้นไปกับ Tesla ด้วย
เพิ่งวางขายมาได้เพียง 5 วัน กับปืนยิงไฟหรือ Flamethrower ของบริษัทขุดอุโมงค์ใต้ถนน The Boring Company ที่ Elon Musk เป็นเจ้าของ ล่าสุดเขาทวีตว่าสินค้าขายหมดแล้ว โดยมีจำนวนจำกัดเพียง 20,000 กระบอกเท่านั้น
นอกจากนี้เขายังระบุว่าจะแถมถังดับเพลิงให้ทุกออเดอร์ โดยก่อนหน้านี้ขายอยู่ที่ถังละ 30 ดอลลาร์สหรัฐ
ปืนยิงไฟดังกล่าวเป็นการขายของเพื่อระดมทุนเข้าบริษัท The Boring Company ตั้งราคาขายกระบอกละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ ขายได้ 20,000 กระบอก จึงได้เงินไปทั้งหมด 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 313 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เปิดขายหมวกแก๊ปสีดำ เป็นจำนวน 50,000 ใบ ซึ่งก็ขายหมดเช่นกัน
Steve Wozniak หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล กล่าวในงานสัมมนา Nordic Business Forum ที่เขาไปบรรยายที่สวีเดน โดยตอนหนึ่งพูดถึง Tesla ว่าเป็นบริษัทที่มักนำเสนอเรื่องราวเกินความจริงไปมาก
Wozniak มีรถยนต์ Model S ของ Tesla ถึงสองคัน เขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่รถประสบอุบัติเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเชื่อมั่นใน Tesla ได้อัพเกรดอุปกรณ์ความปลอดภัยเพิ่ม และเขาก็เชื่อที่ Elon Musk เคยกล่าวในปี 2016 ว่าจะได้เห็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนไปได้เองทั่วอเมริกาในปี 2017 แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น เพราะ Tesla เกิดกรณีขัดแย้งกับบริษัทที่ผลิตเซ็นเซอร์รถยนต์ตอนนั้น Wozniak บอกว่าตอนนี้เขาไม่เชื่อทุกอย่างที่ Elon Musk หรือ Tesla พูดแล้ว แต่ยังรักรถยนต์ของ Tesla อยู่
อีกหนึ่งธุรกิจที่ Elon Musk ทำคือบริษัทขุดอุโมงค์ใต้ดิน ในชื่อ The Boring Company ที่หวังจะแก้ปัญหารถติดด้วยการสร้างเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินและให้รถยนต์ลงไปจอดบนแพลตฟอร์มที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วถึง 200 กม./ชม.
หลายเดือนที่ผ่านมา Elon พยายามหาเงินทุนเข้าบริษัทด้วยการขาย “หมวกแก๊ป” ในราคาใบละ 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 600 บาท) เป็นจำนวน 50,000 ใบ และช่วงที่ใกล้ขายหมดเขาเคยทวีตไว้ว่าจะขายปืนยิงไฟ หรือ flamethrower ต่อ ทีแรกคนก็นึกว่าพูดเล่นแต่ขณะนี้หมวกขายหมดแล้ว และ Elon ก็ประกาศเริ่มขายปืนยิงไฟจริงๆ
Tesla ออกมาประกาศแผนการจ่ายเงินผลประโยชน์ตามผลงานให้กับซีอีโอ Elon Musk ซึ่งการกำหนดเป้าหมายและผลตอบแทนแบบนี้ ฟังดูเป็นเรื่องปกติสำหรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง เพียงแต่กรณีของ Elon Musk นั้นดูจะไม่ธรรมดาสักหน่อย
ผลตอบแทนนี้ Tesla เรียกว่า 10-year CEO Performance Award มีเป้าหมายให้ Musk ต้องทำให้มูลค่ากิจการของ Tesla เพิ่มขึ้น และทำให้ตัวเลขการดำเนินงานต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเป็นการจ่ายผลตอบแทนในรูปของหุ้น Tesla ทั้งหมด 12 ครั้ง ภายในช่วงเวลา 10 ปีจากนี้ โดยการจ่ายแต่ละครั้งต้องผ่านเงื่อนไขทั้งสองอย่างดังนี้
เมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม Elon Musk ได้ทวีตขอบคุณผู้ใช้รถ Tesla ทุกคนที่ให้โอกาสบริษัทเขา ซึ่งเคยถูกตราหน้าว่าจะเจ๊งแน่นอน เขาระบุว่าทีมงาน Tesla อุทิศแรงกายแรงใจอย่างมากเพื่อสร้างรถยนต์ที่ทุกคนรัก ก่อนจบทวีตด้วยการเปิดรับคำแนะนำว่า Tesla จะพัฒนาอะไรเพิ่มได้อีก
เจ้าของรถ Tesla จำนวนมากได้ตอบกลับไปหา Elon และเขาได้ตอบกลับด้วยตัวเอง ทำให้เราได้ทราบแผนการอัพเดตหลายอย่างจากเหตุการณ์นี้ อย่างแรกคือมีผู้ใช้รายหนึ่งทวีตว่าอยากได้รถกระบะปิคอัพไฟฟ้า Elon ก็ตอบกลับว่าเขาสัญญาว่ามันจะตามมาแน่นอนหลังเปิดตัว Model Y โดยเขามีดีไซน์และรายละเอียดด้านวิศวกรรมอยู่ในใจมานานเกือบ 5 ปีแล้ว และอยากจะทำมันมากๆ โดยจะมีขนาดใกล้เคียงกับ Ford F150
เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Elon Musk ได้ทวีตสร้างกระแสว่าจะใช้รถยนต์ Tesla Roadster ของเขาเป็นสัมภาระ (payload) ที่จะยิงขึ้นไปพร้อมกับ Falcon Heavy จรวดรุ่นใหม่ของ SpaceX ที่กำลังจะทดสอบยิงเป็นครั้งแรก
ล่าสุด Elon ได้โพสต์รูปจำนวนหนึ่งลงบัญชีอินสตาแกรมของเขา ยืนยันว่าเอาจริงแน่ เป็นภาพรถยนต์ Tesla Roadster สีแดงถูกติดตั้งเข้ากับ payload fairing หรือส่วนที่ปกติจะเอาไว้ใช้ติดตั้งสัมภาระของจริง (เช่น ดาวเทียม) โดย Elon ระบุว่าปกติแล้วการทดสอบยิงจรวดจะใช้ "dummy payload" หรือสัมภาระปลอมๆ เช่นแท่งคอนกรีตหรือก้อนโลหะ แต่เขาเห็นว่ามันน่าเบื่อเกินไปเลยใช้รถ Tesla Roadster รุ่นแรกของตัวเองซะเลย