Intel Core
อินเทลเปิดตัว 11th Gen Core สำหรับเดสก์ท็อป (โค้ดเนม Rocket Lake-S) อย่างเป็นทางการ หลังมีซีพียูหลุดมาวางขายก่อน และ AnandTech ซื้อมารีวิวก่อนเป็นสัปดาห์
Rocket Lake-S ที่เปิดตัวชุดแรกมีทั้งหมด 11 รุ่นย่อย ตั้งแต่ Core i5 (6 คอร์ 12 เธร็ด) ไปจนถึง Core i9 (8 คอร์ 16 เธร็ด)
อินเทลมีกำหนดเปิดตัว ซีพียู Core 11th Gen ฝั่งเดสก์ท็อป "Rocket Lake" เริ่มวางขายวันที่ 30 มีนาคมนี้ แต่กลับมีสินค้าหลุดออกมาขายก่อนแล้ว และเว็บไซต์ AnandTech ได้สินค้าชุดแรกนี้มารีวิวก่อนกำหนด (ไม่ได้มาจากตัวอย่างที่อินเทลส่งให้)
ซีพียูรุ่นที่ได้มาคือ Core i7-11700K จำนวน 8 คอร์ 16 เธร็ด ถือเป็นรุ่นรองจาก Core i9-11900K ที่อินเทลนำเบนช์มาร์คมาโชว์ก่อนหน้านี้ (ซึ่งเป็น 8 คอร์ 16 เธร็ดเหมือนกัน น่าจะต่างกันแค่คล็อค) จีพียูเป็น Xe-LP และยังใช้การผลิตที่ 14 นาโนเมตร
ปีที่แล้วเราเห็น อินเทลเริ่มต้นซีพียู Gen 11 ด้วยซีพียูโน้ตบุ๊ก Tiger Lake รุ่นกินไฟต่ำรหัส U และเริ่มมีสินค้าโน้ตบุ๊กออกทำตลาดกันแล้ว
อินเทลเริ่มปี 2021 ด้วยการเปิดตัวซีพียู Gen 11 สำหรับโน้ตบุ๊กรหัส H แต่ก็ถือเป็น H รุ่นพิเศษที่อินเทลเรียกว่า "H35 Series" กินไฟ 35 วัตต์ จับตลาดเซกเมนต์โน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นบางเบา (Ultraportable Gaming) ส่วนรุ่น H เต็มรูปแบบจริงๆ จะเปิดตัวตามมาภายในไตรมาส 1/2021
สัปดาห์ที่แล้ว เว็บไซต์ฮาร์ดแวร์ต่างประเทศหลายรายเริ่มได้ Intel Core 11th Gen รหัส "Tiger Lake" ไปทดสอบกันแล้ว จุดที่น่าสนใจคือตัวจีพียู Iris Xe (อ่านว่า "เอ็กซ์อี") ที่อิงจากสถาปัตยกรรมใหม่ Xe-LP ให้ผลการทดสอบออกมาดี ชนะจีพียูแบบออนบอร์ดของคู่แข่งคือ Radeon Vega ใน Ryzen ซีรีส์ 4000U ได้แบบทิ้งห่าง
หน่วยประมวลผลรุ่นที่นำไปทดสอบคือ Core i7-1185G7 ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของ Tiger Lake ที่เปิดตัวมาในขณะนี้ ตัวจีพียู Iris Xe มีคอร์ (execution unit หรือ EU) จำนวน 96 คอร์ โดยโน้ตบุ๊กที่ทดสอบเป็นโน้ตบุ๊กตัวอย่าง (reference design) ของอินเทลเอง ยังไม่ใช่สินค้าที่วางขายจริง
อินเทลเปิดตัวซีพียู Core รุ่นที่ 11 สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา พร้อมส่วนกราฟิกใหม่ Iris Xe หรือชื่อรหัส Tiger Lake ผลิตด้วยกระบวนการผลิต SuperFin 10 นาโนเมตร ตัวชิปรองรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt 4 และ PCIe Gen 4 ใช้แรม LPDDR4X พร้อมระบุว่าตัวควบคุมรองรับแรมแบบอื่นในอนาคตได้
อินเทลทดสอบซีพียูรุ่นใหม่เทียบกับ AMD Ryzen 7 4800U เป็นหลักเพื่อยืนยันว่าผลการทดสอบการใช้งานประสิทธิภาพดีกว่าทุกประเภท ด้านกราฟิกอินเทลระบุว่า Iris Xe สามารถคอนฟิกจำนวนคอร์ได้สูงสุด 96 EU ประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการเล่นเกมยุคใหม่ เช่น Borderlands 3, Far Cry New Dawn, และ Hitman 2 ที่ระดับ 1080p รองรับข้อมูลแบบ INT8 ในตัวสำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์
หลังจากเปิดตัว Core 10th Gen สำหรับเดสก์ท็อปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ อินเทลก็เติมสินค้าให้ครบไลน์ด้วยการเปิดตัวซีพียู Core 10th Gen กลุ่ม vPro สำหรับโน้ตบุ๊ก-เดสก์ท็อปฝั่งธุรกิจตามมา
Core 10th Gen vPro ที่เปิดตัวชุดนี้ มีทั้งซีพียูกลุ่มโน้ตบุ๊ก (รหัส H และ U) และซีพียูกลุ่มเดสก์ท็อป (Comet Lake-S) ซึ่งรวมถึงซีพียูกลุ่ม Xeon Workstation (รหัส W) ด้วย
หลัง Intel เปิดตัวซีพียูเดสก์ท็อป 10th Gen ไป ทำให้ปัจจุบันซีพียูในท้องตลาดมีมากมายหลายรุ่นไปหมด ตัวเลขก็เยอะขึ้นจนอาจทำให้ผู้บริโภคปวดหัวกันได้ วันนี้ผู้เขียนจึงอยากนำเสนอการเปรียบเทียบสเปกเบื้องต้นซีพียูของทั้งสองค่าย ในระดับต่างๆ ที่ใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยผู้บริโภคอีกแรงในการเลือกซื้อซีพียูที่มีขายในท้องตลาดปัจจุบัน
Intel เปิดตัวซีพียู Core รุ่นใหม่ที่ก็ยังคงนับเป็นรุ่นที่ 10 ในตระกูล Comet Lake-S (14 นาโนเมตร) สำหรับเดสก์ท็อปหลังเปิดตัว Comet Lake-H สำหรับโน้ตบุ๊กไปก่อนหน้านี้
การเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ คือการเพิ่มจำนวนคอร์และเธรด รวมถึงทุกรุ่นตั้งแต่ Core i3 จะได้เทคโนโลยี hyper-threading แล้ว ไล่ไปตั้งแต่ Core i9 ได้ 10 คอร์ 20 เธรด Core i7 ได้ 8 คอร์ 16 เธรด, Core i5 ได้ 6 คอร์ 12 เธรดและ Core i3 ได้ 4 Core 8 เธรด รหัสย่อยแบ่งเป็น F ไม่มีชิปกราฟิคและ K ที่เป็นโอเวอร์คล็อกเช่นเดิม
หลังจากปล่อยให้ AMD ทำคะแนนนำไปก่อนกับซีรีส์ Ryzen 4000 วันนี้ Intel ไม่ยอมแพ้ กลับมาท้าชนด้วยซีพียูโน้ตบุ๊ก Core 10th Gen สถาปัตยกรรม Comet Lake H (14nm) รหัส H ที่พุ่งเป้าไปที่เหล่าเกมเมอร์ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ มีตัวท็อป Core i9-10980HK 8 คอร์ 16 เธรด ที่บูสต์ได้สูงสุดถึง 5.3GHz โดยรวมที่เปิดตัวในซีรีส์ดังนี้
กลางปีที่แล้ว อินเทลเปิดตัวซีพียูแบรนด์ Core 10th Gen สถาปัตยกรรม Ice Lake/10 นาโนเมตร โดยยังมีเฉพาะซีพียูกินไฟต่ำรหัส U (15 วัตต์) และ Y (9 วัตต์) เท่านั้น
วัฏจักรของ Ice Lake ไม่น่าอยู่กับเรานานนัก เพราะอินเทลเพิ่งเปิดตัว Tiger Lake ที่เป็นภาคต่อของซีพียู 10 นาโนเมตร แต่อัพเกรดจีพียูเป็น Xe ที่คุยว่าแรงกว่าของเดิมมาก กำหนดการออก Tiger Lake ระบุคร่าวๆ ว่า "ภายในปีนี้"
ปีที่แล้ว เราเห็นอินเทลออกซีพียู Core 10th Gen มาสองชุดคือ Ice Lake-U แบบ 10 นาโนเมตร และ Comet Lake-U แบบ 14 นาโนเมตร ทั้งสองชุดเป็นซีพียูรหัส U กินไฟต่ำ เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กสายบางเบา
ปีนี้ อินเทลเริ่มโชว์ข้อมูลของ Comet Lake-H ซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงขึ้น (อัตรา TDP ที่ 45 วัตต์) สำหรับโน้ตบุ๊กเวิร์คสเตชันและเกมมิ่งบ้าง รวมถึงพีซีแบบ NUC ตัวใหม่รหัส Ghost Canyon แล้ว
ตอนนี้ยังมีข้อมูลของ Comet Lake-H ไม่เยอะนัก บอกเพียงว่า Core i7 จะมีคล็อคแตะ 5GHz และ Core i9 จะไปไกลกว่า 5GHz ด้วย
การแข่งขันจาก AMD บีบให้อินเทลต้องเปิดตัวซีพียูใหม่ในราคาที่ถูกลงครึ่งหนึ่งจากรุ่นก่อน ทั้ง ซีพียูกลุ่ม Core X (Cascade Lake-X หรือ Core i9 รุ่นห้อยท้าย X) และ Xeon W-2200 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด
แต่เท่านั้นยังไม่พอ อินเทลยังประกาศหั่นราคา Core 9th Gen รุ่นเก่าด้วยเช่นกัน โดยรุ่นที่เข้าข่ายคือ Core 9th Gen สำหรับเดสก์ท็อป รุ่นที่ไม่มีจีพียูออนบอร์ดในตัว (รหัสห้อยท้าย F) ที่เคยเปิดตัวตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 และตั้งราคาเท่ากับรุ่นมีจีพียู
เมื่อต้นเดือนนี้ อินเทลเปิดตัวซีพียู Core 10th Gen โค้ดเนม "Ice Lake" ที่เป็น 10 นาโนเมตร ออกมาชุดแรก 11 ตัว วันนี้อินเทลเปิดตัวซีพียูอีกชุดที่ใช้แบรนด์ Core 10th Gen เหมือนกัน แต่ใช้สถาปัตยกรรมคนละตัวกันคือ "Comet Lake" แถมยังเป็น 14 นาโนเมตร ออกมาอีก 8 ตัว (สับสนแน่ๆ)
หลังจากอินเทลเปิดตัวซีพียู Core 10th Gen ที่ผลิตแบบ 10 นาโนเมตรอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนนี้ ก็เริ่มได้เวลาที่สินค้าจริงจะวางขาย
Core 10th Gen ชุดแรกเป็นซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊กสายบางเบา (รหัส U และ Y เดิม) และโน้ตบุ๊กตัวแรกที่ใช้ Core 10th Gen คือ Dell XPS 13 2-in-1 (7390) ที่เปิดตัวไปแล้ว และเริ่มวางขายจริงแล้วในสหรัฐอเมริกา
หลังจากเปิดตัว สถาปัตยกรรมซีพียู Core 10th Gen "Ice Lake" เมื่อเดือนพฤษภาคม ล่าสุดอินเทลเปิดตัวสินค้าชุดแรกออกมาแล้ว โดยเป็นซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์พกพา ที่เรารู้จักกันในชื่อซีพียูรหัส U (โน้ตบุ๊กทั่วไป) และ Y (โน้ตบุ๊กกินไฟต่ำ) รวมทั้งหมด 11 รุ่นย่อย
วิธีการเรียกชื่อรุ่นของ Ice Lake ตรงตามข่าวก่อนหน้านี้ นั่นคือใช้เลขรหัส 4 ตัวเหมือนเดิม (ไม่ได้ขยับขึ้นเป็น 5 ตัว) โดยเลข 2 หลักแรกจะเป็น "10" แต่จะมีพิเศษจากระบบตั้งชื่อปกติของอินเทล โดยมีตัว G ห้อยท้ายเข้ามา เช่น G1, G3, G4, G7 ซึ่งตัวเลขนี้จะบ่งบอกถึงระดับประสิทธิภาพของจีพียูด้วยนั่นเอง
เว็บไซต์ DigiTimes ของไต้หวัน รายงานข่าวลือว่า อินเทลเตรียมปรับราคาของซีพียู Core Gen 8 และ Gen 9 ลงมาอีก 10-15% เพื่อต้อนรับ Ryzen Gen 3 ซึ่งจะวางขายวันที่ 7 กรกฎาคมนี้
ตามข่าวยังไม่ระบุชัดว่า ซีพียูแต่ละรุ่นย่อยจะปรับราคาลดลงเท่าใดบ้าง แต่จากระดับราคาในปัจจุบัน ก็จะลดลงมาประมาณ 25-75 ดอลลาร์ ตอนนี้อินเทลได้แจ้งการปรับราคานี้ไปยังพาร์ทเนอร์ต่างๆ แล้ว อีกไม่นานน่าจะได้เห็นการปรับลดราคาอย่างเป็นทางการ
ราคาของ Ryzen Gen 3 เริ่มต้นที่ 199 ดอลลาร์ ไปจนถึง 499 ดอลลาร์ เทียบกับซีพียูฝั่งอินเทลที่สเปกไล่ๆ กันก็ถือว่าถูกกว่าพอสมควร
อินเทลเปิดตัว Core 10th Gen "Ice Lake" ในภาพใหญ่ไปแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดของตัวผลิตภัณฑ์ออกมา
โชคดีว่า Dell เปิดตัวโน้ตบุ๊ก XPS 13 2-in-1 (7390) ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ซีพียู Core 10th Gen ทำให้เรารู้ข้อมูลของซีพียูตัวนี้มากขึ้น และล่าสุดมีเบนช์มาร์คของโน้ตบุ๊กตัวนี้หลุดออกมา ทำให้พอเห็นภาพว่า Core 10th Gen มีประสิทธิภาพแค่ไหน
เบนช์มาร์คตัวนี้มาจากชุดทดสอบ Geekbench โดยระบุรุ่นซีพียูเป็น Core i7-1065 G7 มี 4 คอร์ 8 เธร็ด, คล็อคพื้นฐาน 1.5GHz, คล็อคสูงสุด 3.48GHz, แรม 32GB
วันนี้ อินเทลเปิดตัว 10th Gen Core หรือโค้ดเนม "Ice Lake" โดยให้ข้อมูลของสถาปัตยกรรมใหม่ Sunny Cove, จีพียูตัวใหม่ Gen11, กระบวนการผลิต 10 นาโนเมตร และฟีเจอร์ของตัวซีพียู (Thunderbolt 3 และ Wi-Fi 6) โดยไม่ให้รายละเอียดของรุ่นผลิตภัณฑ์ซีพียูเลย
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของอินเทล บอกเพียงว่าซีพียูชุดแรกจะเป็นรหัส U (รุ่นกินไฟต่ำสำหรับโน้ตบุ๊ก) และรหัส Y (รุ่นกินไฟต่ำมาก), มีตั้งแต่ Core i3 จนถึง Core i7, จำนวนคอร์สูงสุด 4 คอร์ 8 เธร็ด, คล็อคสูงสุด 4.1GHz และโน้ตบุ๊กจะวางขายจริงช่วงปลายปี 2019
ส่วนข้อมูลบนเวทีแถลงข่าวก็บอกเพียงว่าจะมีรุ่นย่อย (SKU) ทั้งหมด 11 รุ่นเท่านั้น
อินเทลเปิดตัวซีพียู Core รุ่นที่ 10 หรือ Ice Lake สำหรับโน้ตบุ๊ก (ตระกูล U และ Y) พร้อมกับระบุว่าเริ่มส่งมอบสินค้าให้กับผู้ผลิตแล้ว โดยปรับกระบวนการผลิตเป็น 10 นาโนเมตร และเปลี่ยนแกนซีพียูเป็น Sunny Cove พร้อมส่วนกราฟิกเป็น Iris Plus ที่ประสิทธิภาพเพิ่มกว่ารุ่นเดิมประมาณเท่าตัว
ตระกูล Y ในรุ่นที่ 10 นี้จะปล่อยความร้อนที่ 10 วัตต์ สามารถคอนฟิกเพิ่มพลังประมวลผลเป็น 12 วัตต์ ใช้แรม LPDDR4
ขณะที่รุ่น U ปล่อยความร้อนที่ 15 วัตต์ คอนฟิกเพิ่มพลังประมวลผลได้ถึง 25 วัตต์ สามารถใช้แรมได้ทั้ง DDR4 และ LPDDR4 รองรับชิปกราฟิกภายนอกพร้อมการสวิตช์เปลี่ยนชิปกราฟิก
อินเทลเปิดตัวซีพียูใหม่ที่งาน Computex 2019 โดยนำซีพียู Core i9-9900K (เปิดตัวครั้งแรกเดือนตุลาคม 2018) มาอัพเกรดเป็น Core i9-9900KS (Special Edition) โดยสามารถบูสต์คล็อคของคอร์ทั้ง 8 คอร์ขึ้นไปแตะ 5GHz พร้อมกันได้
Core i9-9900K ตัวเดิมสามารถบูสต์คล็อคแตะ 5GHz ได้อยู่แล้ว แต่สามารถบูสต์ได้แค่ 2 คอร์จาก 8 คอร์เท่านั้น (ถ้าบูสต์ทั้ง 8 คอร์พร้อมกันจะได้แค่ 4.7GHz) การอัพเกรดเป็น Special Edition ก็ช่วยเพิ่มความแรงให้อีกหน่อย
อินเทลเปิดตัว Core 9th Gen มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 แต่ที่ผ่านมาก็จำกัดเฉพาะซีพียูสำหรับเดสก์ท็อปเท่านั้น ทำให้คนที่อยากอัพเกรดโน้ตบุ๊ก อาจยังลังเลอยู่เพราะรอให้ Core 9th Gen สำหรับโน้ตบุ๊กออกมาก่อน
วันนี้อินเทลเปิดตัว 9th Gen Intel Core Mobile Processors ชุดแรกออกมาแล้ว โดยเป็นซีพียูห้อยท้ายรหัส H ที่เน้นประสิทธิภาพสูง (และเกมมิ่ง) ออกมาก่อน ส่วนกลุ่มกินพลังงานต่ำที่เป็นรหัส U/Y นั้นยังไม่ออกมา
ซีพียู 9th Gen รอบนี้มีตั้งแต่ Core i9, i7, i5 โดยทั้งหมดมีค่าพลังงาน TDP 45 วัตต์เท่ากัน เปิดตัวมาทั้งหมด 6 รุ่นย่อย ดังนี้
สัปดาห์ที่แล้วมีข่าวหลุดของซีพียูโค้ดเนม Comet Lake ของอินเทล ที่น่าจะนับรุ่นเป็น Core 9th Gen สำหรับโน้ตบุ๊ก (Core 9th Gen สำหรับเดสก์ท็อปทยอยเปิดตัวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว)
ข้อมูลนี้มาจากไดรเวอร์ซีพียูในไฟล์ CoreBoot ของลินุกซ์ จึงมีโอกาสถูกต้องสูง ข้อมูลที่มีในตอนนี้คือ Comet Lake แบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อยคือรหัส U, ULX (หรือรู้จักกันในชื่อ Y), S และ H ตามแบบซีพียูตระกูล Core เดิม
สิ่งที่น่าสนใจคือตัว Comet Lake รหัส S มีจำนวนสูงสุดที่ 10 คอร์ ส่วนรหัส H สูงสุดที่ 8 คอร์, U ที่ 6 คอร์, Y ที่ 4 คอร์
สินค้าใหม่ของอินเทลที่เปิดตัวในงาน CES 2019 คือ ซีพียู Core 9th Gen เดสก์ท็อปชุดใหม่ โดยมีซีพียูที่ห้อยรหัส F ที่ปิดการทำงานของจีพียู UHD 630 มาขายคู่กับซีพียูที่ไม่มี F และเปิดใช้ซีพียูตามปกติ
ล่าสุดมีราคาจากอินเทลออกมาแล้วว่า ซีพียูแบบห้อย F กับไม่ห้อย F นั้นคิดราคาเท่ากัน
ตัวอย่างคือตัวท็อปสุด Core i9-9900K ที่ออกในเดือนตุลาคม 2018 มีราคาขายปลีกที่แนะนำ (Recommended Customer Pricing) อยู่ที่ 488 ดอลลาร์ ส่วน Core i9-9900KF ที่เปิดตัวมาในรอบนี้ ก็มีราคา 488 ดอลลาร์เท่ากัน
เราอาจคุ้นเคยกับสถาปัตยกรรมซีพียูฝั่ง ARM บนมือถือที่ใช้แกนแบบ big.LITTLE ใช้แกนซีพียูสองขนาดทำงานร่วมกัน ล่าสุดอินเทลก็มีอะไรคล้ายๆ กันออกมาในชื่อโค้ดเนมว่า "Lakefield"
Lakefield เป็นแพลตฟอร์มการประมวลผล (SoC) ที่จับซีพียู 2 ตระกูลได้แก่ Core และ Atom มาไฮบริดกันอยู่บนแพ็กเกจเดียวกัน ซีพียูที่ใช้คือ Core ตัวใหม่สถาปัตยกรรม Sunny Cove จำนวน 1 คอร์ และ Atom อีก 4 คอร์ บวกกับชิปอื่นๆ ทั้งจีพียู แรม และ I/O
อินเทลเปิดตัวซีพียู Core 9th Gen ชุดที่สองในงาน CES 2019 หลังจากเปิดตัวชุดแรกในเดือนตุลาคม 2018
ซีพียูชุดแรกของอินเทลมีด้วยกัน 3 รุ่นคือ Core i9-9900K, i7-9700K, i5-9600K ส่วนรอบนี้เปิดตัวมาพร้อมกันถึง 6 รุ่น ตั้งแต่ Core i9 ไล่ลงไปจนถึง Core i3 โดยทั้งหมดยังอยู่บนสถาปัตยกรรม Coffee Lake