เฟซบุ๊กมีโครงการ Internet Defence Prize รางวัลสำหรับผู้ที่สร้างหนทางปกป้องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมาตั้งแต่ปี 2014 ปีนี้เป็นการแจกรางวัลรอบที่สี่ โดยเฟซบุ๊กมอบรางวัลให้กับทีมวิจัยจาก UC Berkeley ที่พัฒนาระบบตรวจจับอีเมล phishing แบบเจาะจงเป้าหมาย (spearphishing) เป็นเงิน 100,000 ดอลลาร์

Facebook ประกาศปรับ News Feed อีกครั้ง โดยคราวนี้เป้าหมายคือเว็บที่ใช้วิธีหลอกล่อให้คนคลิก โดยทำเสมือนว่าเป็นวิดีโอ ซึ่ง Facebook แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ

• เว็บลิงก์ที่ใช้รูปภาพแสดงมีปุ่ม Play ทำให้ดูเหมือนเป็นวิดีโอ แต่จริงๆ เป็นลิงก์ ดูตัวอย่างได้ด้านล่าง
• วิดีโอที่ใช้ภาพนิ่งแสดงค้างตลอดคลิป เนื่องจากคน (และ Facebook) มีแนวโน้มให้ความสำคัญกับวิดีโอมากกว่า

Facebook ระบุว่าเพจที่ใช้ลูกเล่นดังกล่าวจะได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เพจส่วนมากจะไม่ได้รับผลแต่อย่างใด

ที่มา: Facebook

ดีเบตแบนคอนเทนต์ขวาจัดยังไม่จบ หลังจากเว็บ Daily Stormer ที่ถูกเรียกว่าเป็นของกลุ่มนาซีใหม่ (neo-Nazi) ถูกปิดโดย GoDaddy ขณะที่ Discord ก็ปิดเซิร์ฟเวอร์แอคเคาท์ของ alright.com ตามด้วย Crowdfunding ที่ทยอยต้านเว็บขวาจัด

Facebook มีฟีเจอร์และเครื่องมือที่ร่วมแสดงความยินดีในวันเกิด ไม่ว่าจะเป็นคลิปรวมคำอวยพรวันเกิด สติกเกอร์อวยพร ล่าสุดเพิ่มฟีเจอร์บริจาคให้องค์กรการกุศลเนื่องในวันเกิดด้วย

ฟีเจอร์ปุ่มบริจาค ผู้ใช้สามารถกดบริจาคได้โดยไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์ม 2 สัปดาห์ก่อนจะถึงวันเกิด Facebook จะแจ้งเตือนผู้ใช้นั้นๆ ว่าต้องการบริจาคหรือไม่พร้อมทั้งเสนอแฟนเพจองค์กรการกุศลต่างๆ ซึ่ง Facebook ระบุว่ามีเครือข่ายองค์กรเหล่านี้ประมาณ 750,000 แห่ง นอกจากจะบริจาคได้เองแล้ว ยังชวนเพื่อนๆ ให้มาบริจาคได้ด้วย

ช่วงนี้ไอคอนหัวกลมกำลังเป็นที่นิยม โดยก่อนหน้านี้ทวิตเตอร์เปลี่ยนไอคอนเป็นหัวกลมแล้ว Facebook ก็ขอเอาด้วย โดยนอกจากเปลี่ยนไอคอนแล้ว ยังเปลี่ยนดีไซน์ไอคอนกดไลค์ คอมเมนท์ แชร์ และเพิ่มฟิลเตอร์สีเทาจางๆ รอบข้อความคอมเมนท์ให้อ่านสบายตาขึ้น

ในส่วนของลิงก์บทความ ข่าว มีการเพิ่มขนาดกรอบและตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยด้วย พร้อมฟิลเตอร์สีเทาอ่อนตรงเฮดไลน์ของลิงก์ ทำปุ่มย้อนกลับไปยัง News Feed ให้โดดเด่นขึ้น

Facebook ก่อตั้งออฟฟิศอย่างถาวรในจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้มีสถานะเป็นออฟฟิศสาขาชั่วคราวมากว่า 3 ปี

อินโดนีเซียเป็นฐานผู้ใช้ Facebook อันดับ 4 ของโลก และคนจาการ์ตาก็นิยมใช้ Instagram กันมาก โดยพบว่าสตอรี่ใน Instagram พบว่าโพสต์มาจากจาการ์ตามากที่สุดในโลก ทำลายสถิติลอนดอน และนิวยอร์ค

อย่างไรก็ตามยังไม่แน่ชัดว่า Facebook มีใบอนุญาตประกอบการในอินโดนีเซียแล้วหรือยัง เพราะนั่นหมายถึง Facebook ต้องเสียภาษีในจำนวนมากขึ้น รวมทั้งข้อมูลผู้ใช้จะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ภายในสำนักงานด้วย

Facebook ประกาศเปิดตัว Marketplace เพิ่มอีก 17 ประเทศ หลังจากเปิดตัวไปใน 6 ประเทศก่อนหน้านี้ คือ ออสเตรเลีย, แคนาคา, ชิลี, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์ และอังกฤษ

Marketplace ของ Facebook เปิดตัวครั้งแรกเดือนตุลาคมปี 2016 ผู้ใช้งานในพื้นที่ที่ใช้ได้จะเห็นว่าแท็บ Marketplace เพิ่มขึ้นมา สามารถเลือกดูหมวดสินค้าและประกาศขายสินค้าได้ จุดเด่นของฟีเจอร์อีกอย่างคือสามารถดูได้ว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่ขายอยู่ใกล้ๆ กับเรา (Items for Sale Near You) ทาง
Facebook ระบุว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีผู้ใช้โพสต์สินค้า 18 ล้านชิ้นแล้ว (ตัวเลขเฉพาะในสหรัฐฯ) และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

The New York Times รายงานว่า Facebook ได้ซุ่มปล่อยแอพในประเทศจีน ชื่อว่า Colorful Balloons หรือลูกโป่งหลากสี โดยเป็นการนำคุณสมบัติทั้งหมดของแอพแชร์ภาพถ่าย Moments มาใช้ และใช้ชื่อผู้พัฒนาเป็นบริษัทจดทะเบียนในจีน

Facebook และบริการในเครือถูกแบนไม่ให้บริการในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram และ WhatsApp ที่ถูกควบคุมเนื้อบางส่วน แต่ตลาดประเทศจีนก็ยังถูกมองเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัทไอทีในอเมริกา

ที่น่าสนใจคือแอพ Colorful Balloons นี้ใช้วิธีล็อกอินผ่าน WeChat แต่ตัวแอพเองดูเหมือนไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ออกไปรวดเร็วมาก เนื่องจากคุณสมบัติแชร์ยังทำงานได้อย่างจำกัด

Facebook เข้าซื้อบริษัท Fayteq ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน computer vision จากเยอรมนี มีผลงานในการพัฒนาปลั๊กอินเพื่อลบวัตถุออกจากวิดีโอสำหรับโปรแกรมอย่าง After Effects

เทคโนโลยีของ Fayteq นั้นสามารถใช้เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ให้กับ Facebook Live หรือ Stories เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้บริการได้ หรือจะพัฒนาปลั๊กอินสำหรับ After Effects ต่อไปเพื่อเป็นเครื่องมือสร้างเอฟเฟค AR สำหรับนักพัฒนาก็ได้

สำหรับรายละเอียดในการเข้าซื้อของ Facebook นั้นยังไม่ได้เผยออกมามากนัก แต่ทางบริษัทก็ได้ยืนยันการเข้าซื้อบริษัทอย่างเป็นทางการแล้ว

ที่มา - Engadget

แม้ Mark Zuckerberg ออกมาปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งว่า เขาไม่ได้ต้องการลงสมัครประธานาธิบดีสมัยหน้า แต่หนทางที่เขาปูไว้มันช่างดูสวนทางกับสิ่งที่เขาบอก อย่างการจ้าง Joel Benenson ซึ่งเป็นทั้งที่ปรึกษาระดับสูงของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเป็นนักยุทธศาสตร์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งของโอบามาทั้งสองสมัย แถมยังเป็นหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ช่วงหาเสียงเลือกตั้งให้ฮิลลารี คลินตันอีก

Facebook เปิดตัว Watch แท็บรวมวิดีโอที่น่าสนใจเพื่อให้ผู้ใช้กดดูได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักหรือติดตามเพจนั้นมาก่อน ในแท็บนี้จะมีทั้งวิดีโอไลฟ์จากคนดัง รายการสนทนา ซีรีส์ รวมถึงการถ่ายทอดสดกีฬาด้วย

รูปแบบการคัดเลือกวิดีโอมายัง Watch คล้ายกับ YouTube แต่เพิ่มมิติเชิงโซเชียลเข้ามา เช่น วิดีโอที่คนพูดถึงเยอะที่สุด (Most Talked About) วิดีโอที่เพื่อนของคุณกำลังชมอยู่ หรือ วิดีโอตลกที่คนกด Haha เป็นจำนวนมาก แถมยังมีระบบติดตาม (watchlist) เพื่อให้เราติดตามรายการที่สนใจ เซฟเก็บไว้ดูทีหลังได้

แท็บ Watch จะใช้ได้บน Facebook ทุกเวอร์ชัน ไม่ว่าจะเป็นเว็บ แอพ รวมไปถึงแอพ Facebook บนทีวีด้วย เพียงแต่ตอนนี้ยังเปิดใช้งานเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น

เมื่อวานนี้ กสทช. เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากเฟซบุ๊กและ YouTube ในการบล็อคการเข้าถึงลิงก์ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยไปแล้วกว่า 1,834 ลิงก์ ซึ่งไม่ตรงกับจำนวนลิงก์ที่ผิดกฎหมายตามคำสั่งศาลที่มีทั้งหมด 3.726 ลิงก์ ก่อนจะพบว่าปัญหาเกิดจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) จะส่งลิงก์ไปให้ไม่ครบเอง

กระทรวง DE ส่งลิงก์ให้เฟซบุ๊กไปเพียง 1,039 ลิงก์และ YouTube 779 ลิงก์ เนื่องจากเกิดความล่าช้าในการแปลสำนวนหรือแสลงต่างๆ ที่แนบไปกับแต่ละลิงก์ เพื่อให้ผู้ให้บริการเข้าใจเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ขณะที่กระทรวง DE ส่งลิงก์ไปให้ กสทช. ครบทั้งหมด เนื่องจากไม่ต้องแปล ทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่าง กสทช. และผู้ให้บริการทั้งสองเจ้า

ทีมข่าวเว็บไซต์ Recode สังเกตเห็น Facebook อาจกำลังทดลองฟีเจอร์ใหม่ ให้ผู้ใช้เห็นโพสต์จากนักการเมืองท้องถิ่นปรากฏบน News Feed แม้ผู้ใช้จะไม่ได้กดติดตามหรือไลค์เพจของเขาไว้ก็ตาม

นักข่าว Recode สังเกตเห็นว่ามีป้ายกำกับระบุว่า This week in your government ปรากฏบน News Feed ด้านล่างป้ายกำกับเป็นโพสต์ของนักการเมืองท้องถิ่นเผยแพร่นโยบาย และการทำงาน นักข่าวจึงสอบถามไปยังโฆษกใน Facebook ก็ได้รับคำตอบว่ากำลังทดลองฟีเจอร์ดังกล่าวอยู่จริงๆ

โฆษก Facebook บอกเป้าหมายของฟีเจอร์นี้ว่า ต้องการให้ผู้ใช้รู้ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลท้องถิ่นของตนผ่านช่องทางที่เรียบง่าย โดยฟีเจอร์นี้จะปรากฏสัปดาห์ละครั้ง และจะแสดงเฉพาะผู้ใช้ที่กดไลค์หรือติดตามนักการเมือง หน่วยงานท้องถิ่นอย่างน้อย 1 แห่ง

ทางโฆษกบอกว่าระบบจะแสดงโพสต์ของนักการเมืองท้องถิ่นที่มียอด engagement สูง ไม่ได้คำนึงว่าจะต้องเป็นพรรคการเมืองใด

ตามยุทธศาสตร์ Facebook ปีนี้ที่จะเน้นความสำคัญกับกลุ่มต่างๆ ที่มีคุณค่าต่อโลก จากนั้นมีการปรับฟีเจอร์บน Facebook Groups ล่าสุดก็คือการดึง Groups กลับคืนสู่แอพหลักของ Facebook

โดยผู้ใช้แอพแยก Facebook Groups ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2014 จะได้รับข้อความเตือนว่าแอพจะหยุดให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่ง Facebook ให้เหตุผลว่าเพื่อสามารถปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน Groups ได้ทั้งหมดบนแอพหลักที่เดียว พร้อมย้ำว่ากลุ่มเดิมทั้งหมดจะไม่หายไปไหน แค่ต้องย้ายไปดูบนแอพหลักนั่นเอง

ปัญหาเรื่องความหลากหลายของพนักงานในองค์กรด้านเทคโนโลยี ที่คนส่วนใหญ่มักมองว่ามีแต่คนทำงานที่เป็นผู้ชาย เป็นคนผิวขาว Google เองก็เคยเปิดเผยว่าให้ความสำคัญเรื่องนี้แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ จนต้องจ้างอดีตผู้บริหารอินเทลมาดูแลงานด้านนี้โดยตรง ถึงขนาดที่วงการเกมเมื่อสร้างความหลากหลายสำเร็จยังต้องเปิดเผยเทคนิคด้วย ถือว่าประเด็นนี้สร้างปัญหาพอสมควร

ปัจจุบัน Facebook ได้ให้บริการแปลภาษาอัตโนมัติกว่า 4.5 พันล้านครั้งต่อวัน ซึ่งตอนนี้ Facebook ได้นำระบบ neural network มาช่วยในการแปลภาษาแล้ว จากเดิมที่จะใช้ระบบ phrase-based

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างระบบเก่าและระบบใหม่คือ attention span ซึ่งระบบ phrase-based จะใช้ระบบแปลประโยคแบบคำต่อคำ หรือดูตามวลี ในขณะที่ neural network จะพิจารณาทั้งประโยค โดยระบบนี้จะใช้งานสิ่งที่เรียกว่า long short-term memory network หรือ LSTM

ด้วยการใช้งาน neural network นี้ Facebook พบว่าสามารถเพิ่มค่า BLEU (เครื่องมือวัดความแม่นยำของการแปลภาษาของเครื่อง) ของทุกภาษาได้สูงถึง 11% เมื่อเทียบกับการใช้งานระบบ phrase-based เดิม

ฟีเจอร์ Stories ของ Facebook ซึ่งเป็นฟีเจอร์แชร์รูป 24 ชั่วโมงที่นำมาจาก Snapchat (ทดลองกับ Instagram แล้วสำเร็จจึงนำมาใส่ Facebook หลัก) แสดงไว้เหนือ News Feed บนแอพ Facebook มือถือ ตอนนี้ได้เริ่มเปิดให้ใช้งานบนเดสก์ท็อปแล้ว

สำหรับ Facebook บนเดสก์ท็อปนั้นจะแสดง Stories ไว้ด้านขวา และยังคงใช้หน้าตาเหมือนกับ Facebook บนมือถือ คือจะใช้รูปโปรไฟล์ของผู้ใช้แสดง และมีวงกลมสีฟ้าล้อมรอบรูปที่ยังไม่ได้เปิดดู Stories

Facebook ได้ยืนยันข้อมูลดังกล่าวกับ TechCrunch ว่าฟีเจอร์ Stories บนเดสก์ท็อปกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบ และจะเริ่มเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปในอีกไม่นานนัก

ที่มา - TechCrunch

Facebook ประกาศปรับอัลกอริทึมในการแสดงเนื้อหาบน News Feed อีกแล้ว โดยคราวนี้เน้นไปที่ความเร็วในการโหลดของเว็บเพจ

ทีมวิศวกร Facebook ระบุว่าจากการศึกษาพบว่าผู้ใช้งานจะไม่ชอบ หากคลิกลิงก์เว็บเพจแล้วใช้เวลาโหลดนานเกินไป โดยพบว่า 40% จะปิดทันทีเมื่อต้องรอโหลดเกิน 3 วินาที ฉะนั้นเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดี ปัจจัยนี้ก็จะถูกนำมาพิจารณาด้วย

โดยในไม่กี่เดือนข้างหน้า News Feed จะแสดงผลเว็บเพจที่สามารถโหลดได้เร็วบนมือถือมากขึ้น และจะลดการเห็นบน News Feed หากเว็บนั้นใช้เวลาโหลดนานเกินไป ทั้งนี้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการเลือกแสดงข้อมูลเว็บเพจ หากอินเทอร์เน็ตเร็วก็จะแสดงลิงก์มากขึ้น

Bloomberg รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า Building 8 ทีมฮาร์ดแวร์ของเฟซบุ๊ก กำลังซุ่มพัฒนาและทดสอบอุปกรณ์วิดีโอแชท ที่จะถือเป็นการเปิดประเภท (category) ฮาร์ดแวร์ขึ้นมาใหม่เลย

แหล่งข่าวระบุว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะมีหน้าจอทัชสกรีน เทคโนโลยี Smart Camera มีกล้องเลนส์ไวด์ ไมโครโฟนและลำโพง โดยอุปกรณ์ที่กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบขณะนี้ มีลักษณะเป็นขาตั้งพร้อมหน้าจอทัชสกรีนขนาด 13 และ 15 นิ้ว และคาดว่าจะรันด้วยแอนดรอยด์แทนที่จะทำ OS ขึ้นมาใช้เอง คาดว่าจะเปิดตัวในงาน F8 ปีหน้า และราคาน่าจะอยู่ที่ราว 200-300 ดอลลาร์

รายงานวิจัยเฟซบุ๊กกลายเป็นข่าวในบ้านเรามาอีกครั้ง แม้ตัวรายงานวิจัยถูกรายงานมาตั้งแต่หกสัปดาห์ที่แล้ว โดยข่าวมักถูกสร้างความหวือหวาด้วยการระบุว่านักวิจัยของเฟซบุ๊กต้องปิดการทำงานของแชตบ็อตเมื่อมันสร้างภาษาของมันเองขึ้นมา รายงานนี้มักถูกเขียนจากหลายแหล่งแต่มักอ้างอิงไปจากรายงานของ Fast Co. Design ที่พาดหัวว่า "AI กำลังสร้างภาษาที่มนุษย์ไม่เข้าใจ และเราควรหยุดมันหรือไม่" พาดหัวถูกแปลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น "เฟซบุ๊กหยุดการทำงานบอตหลังมันเริ่มสร้างภาษาที่เราไม่เข้าใจ" ใน GlobalNews

Sheryl Sandberg ซีโอโอของ Facebook ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Desert Island Disks ของ BBC เกี่ยวกับความพยายามของเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจในการวิพากษ์วิจารณ์ระบบการเข้ารหัสแอพแชทว่าเป็นอุปสรรคในการสืบสวนคดีร้ายแรง โดยเฉพาะการก่อการร้าย

Sandberg โต้ความคิดดังกล่าวว่า การลดความแข็งแรงของการเข้ารหัสไม่ช่วยให้รัฐบาลสอบสวนคดีก่อการร้ายเร็วขึ้น เพราะข้อมูลที่รัฐบาลได้ไปจะน้อยกว่าที่ควรจะได้

บริการ Free Basics ของ Facebook นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้าถึงแหล่งที่ค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสูง ในขณะที่มีผลการศึกษาล่าสุดจาก Global Voices รายงานปัญหาใหญ่ของ Free Basics ว่าบริการนี้ทำลาย net neutrality (หนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลอินเดียสั่งหยุดให้บริการ Free Basics)

net neutrality นั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าทุก ๆ คอนเทนต์, เว็บไซต์ และแพลตฟอร์มควรจะถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน จึงไม่ควรถูกจำกัดโดยปัจจัยบางอย่าง ในขณะที่ Free Basics ของ Facebook นั้น แม้ว่าจะให้บริการฟรีแต่ว่าไม่สามารถให้บริการฟรีกับเว็บอื่น ๆ นอกจาก Facebook และเว็บไซต์ที่ Facebook เลือกอย่าง Acu Weather, BBC News, Wikipedia

Facebook เปิดตัว Messenger Platform เวอร์ชัน 2.0 ในงาน f8 เมื่อเดือนเมษายน เพื่อเปิดให้องค์กรภายนอกเข้ามาเชื่อมต่อระบบกับ Messenger ผ่านแชทบ็อตได้

ล่าสุด Facebook ออก Messenger Platform เวอร์ชัน 2.1 ที่มีความสามารถมากขึ้นดังนี้

WhatsApp ได้เผยสถิติใหม่ของระบบแชท ว่าตอนนี้มีผู้ใช้แบบแอคทีฟจำนวนถึง 1 พันล้านคนต่อวัน และ 1.3 พันล้านคนต่อเดือนแล้ว โดยข้อความที่แชทผ่านระบบ WhatsApp มีจำนวนกว่า 5.5 หมื่นล้านข้อความต่อวัน โดยมีรูปภาพ 4.5 พันล้านรูป และวิดีโอ 1 พันล้านคลิป

ส่วนฟีเจอร์ WhatsApp Status ซึ่งเป็นฟีเจอร์ในลักษณะเดียวกับ Stories ของ Instagram และ Snapchat นั้นมีผู้ใช้แบบแอคทีฟจำนวนถึง 250 ล้านคนต่อวัน

ที่มา - TechCrunch, WhatsApp

Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2017 มีรายได้เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 9,321 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 3,894 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 71% ขณะที่รายได้จากโฆษณาบนมือถือคิดเป็น 87% ของรายได้โฆษณารวม

สำหรับตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานแบบเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) ทะลุ 2 พันล้าน อยู่ที่ 2,006 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17% และผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) อยู่ที่ 1,325 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17% เช่นกัน

Instagram มีผู้ใช้งาน 700 ล้านคน โดยมีคนใช้ Stories 250 ล้านคน ส่วน Messenger มีผู้ใช้งาน 1,200 ล้านคน