Mozilla ออก Firefox 23 พร้อมกันทั้งบน Windows, Mac, Linux และ Android การเปลี่ยนแปลงภายนอกหลักๆ คือเปลี่ยนไปใช้โลโก้แบบใหม่รุ่นลดทอนความละเอียดลงแล้ว ส่วนฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามามีดังนี้ครับ
ขยายความสามารถของ Social API เพิ่มปุ่มแชร์ในตัวสำหรับแชร์เนื้อหาไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ในคลิกเดียว
Mozilla ประกาศปรับโลโก้ของ Firefox ใหม่อีกครั้ง หน้าตาโดยรวมเหมือนเดิม (ภาพ thumbnail ในข่าวนี้คือของใหม่นะครับ) แต่ลดทอนรายละเอียดลงหลายจุด เช่น ขนของหมาจิ้งจอก ลายบนลูกโลก เป็นต้น
Mozilla อธิบายว่าปรับโลโก้คราวนี้เพื่อให้แสดงผลสวยงานบนอุปกรณ์พกพา เพราะตั้งใจปรับแต่งให้คมชัดบนหน้าจอความละเอียดต่ำ แต่ในขณะเดียวกันก็ออกแบบให้เหมาะกับฟอร์แมต SVG เป็นอย่างดี ดังนั้นการแสดงผลบนจอภาพความละเอียดสูงก็สวยงามเช่นกัน
โลโก้นี้จะเริ่มใช้ใน Firefox 23 Beta เป็นต้นไป (ออกแล้ววันนี้) ส่วนรายละเอียดเป็นรายจุดว่าเปลี่ยนตรงไหนและเปลี่ยนทำไม อ่านได้ตามลิงก์ครับ
Mozilla ออก Firefox 22 มีของใหม่ดังนี้
เพิ่งจับมือกันได้ไม่นาน ในงาน Computex ณ เกาะไต้หวัน นาย Li Gong ซีอีโอของ Mozilla สาขาไต้หวัน และนาย Young Liu หัวหน้ากลุ่มธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลของ Foxconn ก็ออกมายืนยันความร่วมมือดังกล่าวในการผลิตอุปกรณ์รัน Firefox OS อย่างเป็นทางการ
ในงานดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้ออกมาเผยแผนต่อไปของ Firefox OS ว่าจะมีอุปกรณ์ที่รันระบบปฏิบัติการดังกล่าวออกมาอย่างน้อย 5 รุ่นด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้นมีแท็บเล็ตอยู่ด้วย
นอกจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังบอกว่ามีแผนจะขยาย Firefox OS ออกไปมากกว่านั้นด้วย โดยตลาดที่มองไว้ตอนนี้คือโทรทัศน์ และป้ายโฆษณาดิจิทัล
Mozilla กำลังทำโครงการ Australis ซึ่งเป็นโครงการออกแบบเว็บเบราว์เซอร์ใหม่สำหรับอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานของผู้ใช้
Mozilla ให้เหตุผลว่าทุกวันนี้การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์มาไกลเกินกว่าการท่องเว็บแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะในปัจจุบันมีทั้งการใช้เว็บแอพ, ทั้งการเชื่อมโยงกับเครือข่ายสังคมต่างๆ และการใช้งานเพื่อการอื่นอีกมากมาย ซึ่งนั่นทำให้เว็บเบราว์เซอร์ได้รับการปรับปรุงด้านฟังก์ชันและฟีเจอร์ต่างๆ เป็นอันมาก และสมควรได้รับการออกแบบใหม่ให้สอดคล้องกันด้วย และนั่นเป็นที่มาของ Australis
สถิติจาก Net Applications ครั้งใหม่นี้ หลังจากที่ IE10 เปิดตัวบน Windows 7 ตามด้วย Firefox 21 และ Chrome 27 โดยสถิติในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม เป็นดังนี้
ระหว่างการประชุม Ubuntu Developer Summit ระหว่างวันที่ 14-16 พฤษภาคม 2013 ที่ผ่านมา หัวข้อหนึ่งที่ได้รับความสนใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาของ Ubuntu 13.10 Saucy Salamander คือการเสนอให้เปลี่ยน default web browser จาก Firefox มาเป็น Chromium (แฝดโอเพ่นซอร์สของ Google Chrome)
เหตุผลหลักที่ถูกอ้างสนับสนุนข้อเสนอนี้ ได้แก่
Firefox 21 ออกตัวจริงเรียบร้อยแล้ว ของใหม่ที่สำคัญได้แก่ฟีเจอร์ Social API ที่ใส่เข้ามาใน Firefox 17 และใช้งาน Facebook Messenger for Firefox จากตัวเบราว์เซอร์ได้เลย ถูกขยายให้รองรับเครือข่ายสังคมอีก 3 ยี่ห้อ ได้แก่ Cliqz, Mixi, msnNOW
ฟีเจอร์ใหม่อย่างอื่นคือ เพิ่ม Settings UI ของฟีเจอร์ Do Not Track, เปิดใช้การรายงานสถานะของเบราว์เซอร์ (Health Report), ถ้าตัวโปรแกรมเริ่มทำงานช้าเกินไป จะมีคำแนะนำว่าควรปิดส่วนเสริมอะไรบ้าง
สงครามเบราว์เซอร์ในรอบที่ไมโครซอฟท์เป็นผู้ท้าชิง และเจ้าตลาดคือ Netscape สร้างมรดกไว้จำนวนมากเป็นฟีเจอร์แท็กต่างๆ ที่เบราว์เซอร์เร่งออกมาเอาใจคนทำเว็บ หนึ่งในแท็กนั้นคือ <blink> สำหรับการทำอักษรกระพริบ และตอนนี้ทีมงานมอซซิลล่าก็กำลังปรึกษากันว่าจะนำแท็กนี้ออกจาก Gecko หรือไม่
ข้อเสนอนี้รวมทั้งแท็ก <blink> และ CSS text-decortation: blink;
ออกไปพร้อมๆ กัน แม้ว่ามาตรฐาน CSS 2.1 นั้นจะรองรับการทำอักษรกระพริบก็ตาม แต่ในมาตรฐานก็ระบุว่าเบราว์เซอร์ที่ไม่ทำตามคำสั่งกระพริบก็ไม่ถือว่าตกมาตรฐาน
ถ้าข้อเสนอนี้ผ่าน ไฟร์ฟอกซ์รุ่น 23 ที่จะออกเดือนสิงหาคมนี้จะไม่แสดงผลข้อความกระพริบอีกต่อไป
Mozilla ออก Firefox 20 มีของใหม่ดังนี้
Firefox เริ่มใช้เอนจิน OdinMonkey เพื่อรีดประสิทธิภาพของ JavaScript ในเบราว์เซอร์ให้ดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว
หลักการทำงานของ OdinMonkey จะซับซ้อนอยู่บ้างครับ อธิบายแบบสั้นๆ คือ JavaScript ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับงานประมวลผลหนักๆ ตั้งแต่แรก ทำให้งานบางอย่างเช่นการคำนวณทศนิยม (floating point) ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ฝั่งของกูเกิลจึงแก้ปัญหานี้ด้วย NaCl หรือการนำโค้ดแบบ native ไปรันร่วมกับโค้ด JavaScript แทน
Jay Sullivan รองประธาน Mozilla กล่าวกับผู้ฟังในงาน SXSW ว่า Firefox จะไม่ลงในแพลตฟอร์มของ Apple จนกว่า Apple จะอนุญาตให้เว็บเบราว์เซอร์ภายนอกสามารถใช้ตัวเรนเดอร์เว็บของตนเองได้
ปัจจุบัน เว็บเบราว์เซอร์จากนักพัฒนาภายนอกที่ไม่ใช่ Safari จะต้องเรนเดอร์เว็บไซต์โดยใช้คอมโพเนนต์ Apple’s UIWebView เท่านั้น แต่ในขณะที่ Apple เองกลับใช้เอนจิ้น JavaScript ของตนเองที่มีชื่อว่า Nitro ซึ่งเร็วกว่าได้
Apple ไม่เปิดให้นักพัฒนาภายนอกสามารถใช้ตัวเอนจิ้นนี้และไม่อนุญาตให้เขียนขึ้นมาเองด้วย ทำให้แอพ Safari นั้นเร็วกว่าเว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่น ๆ ใน iOS (เช่น Chrome)
หลังจากการแข่งขันด้านความปลอดภัย Pwn2Own ประจำปี 2013 จบไปในวันแรก ผลปรากฎว่าทั้ง IE, Firefox และ Chrome ถูกแฮกเกอร์เจาะสำเร็จทั้งสามผลิตภัณฑ์ โดยรายละเอียดมีดังนี้
IE10 ที่ถูกติดตั้งบน Surface Pro ได้ถูกเจาะโดยทีม VUPEN ด้วยช่องโหว่จำนวนสองตัวซึ่งทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบรวมถึงข้ามผ่านการทำงานของ sandbox ได้ โดย VUPEN ได้รับเงินรางวัลจากช่องโหว่นี้เป็นจำนวน $100,000
ที่งาน MWC 2013 ค่าย Mozilla แถลงข่าวเปิดตัวระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน Firefox OS อย่างเป็นทางการ (พร้อมโลโก้หมาไฟตัวใหม่)
ตัวระบบปฏิบัติการคงไม่มีอะไรแตกต่างไปจากข้อมูลชุดก่อนๆ มากนัก แต่ของใหม่ที่สำคัญในงานแถลงข่าวคือรายชื่อพาร์ทเนอร์สนับสนุนจำนวนมาก น่าจะช่วยการันตีความสำเร็จของ Firefox OS ในระดับหนึ่ง
สมาร์ทโฟน Firefox OS ชุดแรกจะวางตลาดใน 8 ประเทศ ได้แก่ บราซิล โคลอมเบีย ฮังการี เม็กซิโก มอนเตเนโกร โปแลนด์ เซอร์เบีย สเปน เวเนซุเอลา ส่วนประเทศอื่นๆ จะประกาศข้อมูลในภายหลัง
ฮาร์ดแวร์
Jonathan Mayer นักวิจัยจากสแตนฟอร์ด ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแพทซ์ที่ป้องกันไม่ให้คุกกี้จาก third-party ติดตั้งบนเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ ซึ่งแพทซ์นี้จะถูกรวมเข้ากับ Firefox เวอร์ชัน 22
แพทซ์นี้ จะให้ Firefox บล็อคคุกกี้จากเว็บไซต์ third-party ที่ผู้ใช้ไม่ได้ไปเข้าเว็บนั้นโดยตรง เนื่องจากผู้เก็บข้อมูลโฆษณามักจะวางคุกกี้ไว้ในเว็บไซต์ที่เราเข้าไปเยี่ยมชม และเก็บข้อมูลจากผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อใช้ในการทำโฆษณา
ที่มา - Ars Technica
Mozilla ประกาศฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Firefox Nightly รุ่นทดสอบดังนี้
Mozilla ออก Firefox 19 ตัวจริงแล้ว โดยของใหม่คือตัวอ่าน PDF ภายในเบราว์เซอร์ สามารถเปิดอ่าน PDF โดยไม่ต้องลงปลั๊กอินเพิ่มเติม (เหมือนกับที่ Chrome ทำได้มาก่อนแล้ว)
ของใหม่อย่างอื่นๆ ได้แก่ปรับปรุงประสิทธิภาพตอนโหลดโปรแกรม, ปรับปรุงการแสดงผล CSS เพิ่มเติม, Remote Web Console ที่ต่อเชื่อมกับ Firefox Android หรือ Firefox OS ได้ (รายการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด)
WebRTC (RTC ย่อมาจาก Real-Time Communications) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เบราว์เซอร์สามารถสื่อสารแบบ VoIP หรือวิดีโอคอลล์ได้โดยไม่ต้องลงปลั๊กอินเพิ่มเติม ล่าสุดมันพัฒนาไปถึงขั้นที่ Chrome และ Firefox สามารถคุยวิดีโอคอลล์แบบเห็นหน้าระหว่างกันได้แล้ว
ฟีเจอร์ WebRTC มีให้ใช้งานใน Chrome 25 Beta และ Firefox Nightly เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ฝั่ง Firefox ต้องเปิดใช้ใน about:config ก่อน) และโครงการ WebRTC เองก็เตรียมเดโมที่ให้เบราว์เซอร์ทั้งสองฝั่งสามารถสนทนากันผ่านวิดีโอคอลล์ได้ ผลออกมาดูได้จากวิดีโอครับ
ตัววิดีโอคอลล์คงไม่ใช่เรื่องใหม่ของยุคนี้ แต่วิดีโอคอลล์ด้วยตัวเบราว์เซอร์ล้วนๆ คงแสดงให้เห็นศักยภาพของมาตรฐานเว็บที่กำลังพัฒนาขึ้นมาทดแทนปลั๊กอินเดิมๆ มากขึ้นนั่นเอง
ที่มา - Chromium Blog, Mozilla Hacks
Mozilla ประกาศนโยบายใหม่ของ Firefox คือ "Click to Play" หรือปลั๊กอินที่ฝังตัวอยู่บนหน้าเว็บจะไม่โหลดตัวเองขึ้นมาพร้อมกับการแสดงผลหน้าเว็บนั้นๆ จนกว่าผู้ใช้จะเป็นฝ่ายคลิกให้ทำงานด้วยตัวเอง (ลักษณะเดียวกับ Flashblock)
นโยบาย Click to Play จะใช้กับปลั๊กอินทุกชนิด (เช่น Java/Silverlight/Acrobat) ยกเว้น Flash Player เวอร์ชันใหม่ๆ จะยังคงโหลดตัวเองอัตโนมัติอยู่ (แปลว่า Flash รุ่นเก่าเกินไปจะไม่โหลดอัตโนมัตินั่นเอง ในที่นี้คือ 10.2 หรือเก่ากว่า)
เหตุผลของ Mozilla คือความปลอดภัยของผู้ใช้ที่อาจโดนโจมตีจากช่องโหว่ของปลั๊กอิน (ซึ่ง Firefox ช่วยอะไรไม่ได้) และเสถียรภาพ-ประสิทธิภาพในการใช้งาน จากปลั๊กอินที่ออกแบบมาไม่ดีจนส่งผลกระทบต่อระบบ (เช่น ช้าหรือแครช) นั่นเอง
Mozilla กำลังพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ Firefox ให้ใช้งานได้กับเครื่องเล่นเกม OUYA ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Android
หลังจาก OUYA ทยอยส่งของให้แก่กลุ่มนักพัฒนา ทางทีมงาน Mozilla ก็ได้รับเครื่องเกมดังกล่าวเช่นกัน โดย Chris Lord ซึ่งเป็นวิศวกรผู้ดูแลงานด้านแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือของ Mozilla ได้โพสต์ภาพการทดสอบ Firefox บนเครื่อง OUYA ผ่านทางบัญชี Twitter ของเขา
Lord กล่าวว่าในขณะนี้ Firefox สำหรับ OUYA นั้นยังไม่สามารถใช้การใดๆ ได้ แต่อย่างน้อยทีมงานก็รู้ว่าพวกเขากำลังมาถูกทาง หลังจากนี้พวกเขายังมีเวลาอีก 2-3 เดือนก่อนที่ OUYA จะส่งของให้แก่ลูกค้า
Firefox Aurora รุ่นล่าสุด (นับเลขเวอร์ชันเป็น 20) รองรับ getUserMedia ซึ่งเป็น API ของ HTML5 ที่ช่วยให้เว็บไซต์สามารถเรียกใช้กล้องวิดีโอหรือไมโครโฟนของคอมพิวเตอร์ได้โดยตรงแล้ว
getUserMedia เป็นมาตรฐานของ W3C ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทำให้เบื้องต้นเรายังเห็นมันในรูปของ mozGetUserMedia ไปก่อน (ฝั่งของ Chrome ก็มี webkitGetUserMedia) แต่ถือเป็นสัญญาณอันดีของการสร้างแอพด้วย HTML5 ที่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ของฮาร์ดแวร์ได้มากขึ้น
ความสามารถนี้มีทั้งใน Firefox รุ่นเดสก์ท็อป และรุ่นบน Android ครับ
Mozilla เพิ่งเกริ่นว่า Firefox for Android จะรองรับอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น ไปไม่นาน ล่าสุด Firefox for Android รุ่น Beta (เวอร์ชัน 19) ประกาศ "ลดสเปกขั้นต่ำที่ต้องการ" จากเดิมซีพียู 800MHz ลงมาเหลือ 600MHz แล้ว
ตอนนี้สเปกขั้นต่ำของ Firefox for Android คือซีพียู 600MHz, แรม 512MB, หน้าจอ HVGA, Android 2.2 และเนื้อที่ว่าง 16MB
การลดสเปกครั้งนี้ทำให้มือถือหลายๆ รุ่นอย่าง LG Optimus One, T-Mobile myTouch 3G slide, HTC Wildfire S, ZTE R750 สามารถรัน Firefox for Android ได้ด้วย
นอกจากเรื่องสเปกแล้ว Firefox for Android ยังเพิ่มฟีเจอร์เรื่องธีม (Personas) ยังรองรับ Google Search Widget ด้วย
จากข่าว พบช่องโหว่ร้ายแรงของ Java 7 และมีมัลแวร์เจาะระบบแล้ว ล่าสุดมีผู้สร้างเบราว์เซอร์ 2 รายสั่งปิดการทำงานของปลั๊กอิน Java เพื่อป้องกันผู้ใช้จากการโจมตีแล้ว
Mozilla ออก Firefox 18 โดยมีของใหม่ดังนี้
เนื่องในโอกาสขึ้นปี 2013 Mozilla ออกมาเขียนบล็อกใบ้ฟีเจอร์ใหม่สามอย่างที่จะเพิ่มเข้าไปใน Firefox for Android ในปีนี้
อย่างแรกสุดคือฟีเจอร์ที่ผู้ใช้เรียกร้องกันมาตลอดอย่าง Private browsing ตามมาด้วยการเปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเบราว์เซอร์ได้มากขึ้นอันเป็นจุดเด่นของ Firefox โดยจะเพิ่มเข้ามาทั้งธีม และการปรับแต่งหน้าแรก ซึ่งทีมงานยืนยันว่าจะไม่ทำให้การใช้งานช้าลง
อย่างสุดท้ายคือเพิ่มการรองรับ Firefox for Android ให้มากขึ้นไปอีก จากปีก่อนที่รองรับ ARMv6 และเพิ่มการรองรับภาษาให้มากขึ้น
...ก็ได้แต่หวังว่าทั้งปีจะไม่ได้มีแค่สามฟีเจอร์นี้ที่เพิ่มเข้ามาครับ