The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้า ของแผนการหาสถาบันการเงินพันธมิตรรายใหม่สำหรับ Apple Card บริการบัตรเครดิตของแอปเปิล ซึ่งเตรียมยกเลิกความร่วมมือกับธนาคาร Goldman Sachs เนื่องจากทาง Goldman Sachs ต้องการลดการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้ารายย่อย

รายงานเรื่องนี้มีออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีรายชื่อสถาบันการเงินหลายแห่งที่ทั้งแอปเปิลและ Goldman Sachs ไปเจรจาเพื่อเสนอขายพอร์ตลูกค้าที่มีมากกว่า 12 ล้านคน ซึ่งตอนนี้ให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกา

แอปเปิลประกาศรายงานตัวเลขจำนวนลูกค้าบัตรเครดิต Apple Card ที่ตอนนี้มีให้บริการเฉพาะสหรัฐอเมริกา โดยนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019 มีจำนวนลูกค้าแล้วมากกว่า 12 ล้านคน

ฟังก์ชันเด่นของ Apple Card คือการรับเครดิตเงินคืนหรือแคชแบ็ก ซึ่งแอปเปิลเรียกว่า Daily Cash โดยมีการคืนเครดิตเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เฉพาะปี 2023 ปีเดียว

อีกบริการที่เพิ่มเข้ามาเมื่อปี 2022 คือบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง 4.5% ซึ่งตอนนี้มีเงินฝากรวมแล้วมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเงินส่วนใหญ่ก็มาจากการโอนเงิน Daily Cash เข้าบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ

The Wall Street Journal รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่าแอปเปิลเตรียมยกเลิกความร่วมมือด้านบริการทางการเงินกับธนาคาร Goldman Sachs ทั้งบริการบัญชีบัตรเครดิต Apple Card และบริการผ่อนชำระ Apple Pay Later ภายใน 12-15 เดือนข้างหน้า โดยยังไม่มีข้อมูลว่าแอปเปิลจะร่วมมือกับสถาบันการเงินใด เพื่อให้บริการนี้ดำเนินงานต่อไปได้

การยุติความร่วมมือนี้ เป็นไปตามรายงานที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า Goldman Sachs ต้องการปรับโครงสร้างและลดขนาดธุรกิจส่วนที่เกี่ยวกับลูกค้ารายย่อย (Consumer Banking) ถึงแม้ธนาคารเพิ่งต่อสัญญาความร่วมมือออกไปถึงปี 2029 ก็ตาม

The Wall Street Journal มีรายงานเพิ่มเติมประเด็นธนาคาร Goldman Sach ต้องการยกเลิกพาร์ทเนอร์กับแอปเปิลด้านบริการทางการเงิน ซึ่งรวมทั้งบัญชีบัตรเครดิต Apple Card และบริการผ่อนชำระ Apple Pay Later เนื่องจากในภาพใหญ่ธนาคารต้องการถอนตัวจากธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งหมด สาเหตุเพราะขาดทุน ทำให้บริการที่ร่วมมือกับแอปเปิลก็จำเป็นต้องยกเลิกด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ Goldman Sach ต้องการเลิกส่วนธุรกิจนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ บริษัทได้เจรจากับ AMEX มาระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า ตอนนี้ถึงกับมีไอเดียว่าให้แอปเปิลรับโอนธุรกิจไปทำเองต่อเลยในส่วนลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าปัจจุบันธนาคารจะรับผิดชอบต่อไปก่อน

Wall Street Journals รายงานว่า Goldman Sach ต้องการจะถอนตัวจากการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Apple ในบริการทางการเงิน ตั้งแต่ Apple Card, และ Apple Pay Later

เหตุผลของการถอนตัวคือ Goldman Sachs ต้องการปรับลดขนาดขนาดธุรกิจธนาคารเพื่อผู้บริโภค (consumer banking) ที่ประกาศพร้อมๆ กับการปรับโครงสร้างบริษัทตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แม้ว่าจะเพิ่งต่อสัญญากับ Apple ไปจนถึงราว 2029

แอปเปิลเริ่มให้บริการเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง สำหรับผู้ใช้งาน Apple Card ในอเมริกาไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ล่าสุดมีรายงานจาก Forbes อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องสองราย บอกว่าการตอบรับของโปรแกรมเงินฝากนี้ออกมาดีมาก ในวันแรกวันเดียวมีเงินฝากเข้ามามากกว่า 400 ล้านดอลลาร์ และในสี่วันแรกมีเงินฝากรวมเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ จำนวนผู้เปิดบัญชีรวมประมาณ 2.4 แสนราย (เฉลี่ย 4,000 ดอลลาร์ต่อคน)

โปรแกรมเงินฝากดอกเบี้ยสูงของแอปเปิลนี้ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 4.15% บริหารจัดการบัญชีเงินฝากโดยธนาคาร Goldman Sachs และวงเงินฝากได้รับการคุ้มครองจากหน่วยงาน FDIC สูงสุด 2.5 แสนดอลลาร์ตามเงื่อนไข

แอปเปิลประกาศว่าบริการเสริมของ Apple Card บัตรเครดิตของแอปเปิล ที่ยังไม่มีในไทย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถนำเครดิตเงินคืน (Cash Back) เข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ซึ่งแอปเปิลเปิดตัวไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ผู้ใช้งาน Apple Card ทุกคนสามารถเริ่มเปิดใช้งานได้แล้ว

บัญชีเงินฝากดังกล่าวเป็นบริการจากธนาคาร Goldman Sachs โดยให้อัตราผลตอบแทนเงินฝากสูงถึง 4.15% ต่อปี คำนวณแบบ APY ซึ่งเงินฝากส่วนนี้ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีขั้นต่ำ แต่จำกัดวงเงินฝากสูงสุดที่ 250,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราคุ้มครองสูงสุดตามเงื่อนไขของ FDIC หน่วยงานคุ้มครองเงินฝากในอเมริกา

ข่าวนี้อาจจะไกลตัวจากผู้ใช้งานในไทยหน่อย แต่น่าสนใจในการขยับของแอปเปิล โดยบริการบัตรเครดิต Apple Card ที่มีจุดเด่นคือการได้เครดิตเงินคืนจากการใช้งาน (cash back) ประกาศโครงการใหม่เป็นบัญชีออมทรัพย์ผูกกับบัตรเครดิต

โดยแอปเปิลบอกว่าทุกการใช้จ่ายจะได้รับเครดิตเงินคืน (แอปเปิลเรียกว่า Daily Cash) ผู้ใช้งานสามารถเลือกนำเครดิตนี้ ฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงอัตโนมัติ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับธนาคาร Goldman Sachs และสามารถเปิดบัญชีธนาคารนี้ได้เลยผ่านแอป Wallet ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มียอดฝากขั้นต่ำ

เมื่อคืนนี้บริการออนไลน์หลายรายการของแอปเปิล มีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้หลายบริการ โดยในหน้า System Status ระบุว่าเริ่มพบปัญหาตั้งแต่เวลา 3:45น. ตามเวลาในไทย และกลับมาใช้งานได้ตามปกติตั้งแต่ 5:09น.

บริการที่กระทบรวมทั้ง App Store, Game Center, Mac App Store, Apple Books, Apple Card, Apple Music, Podcasts และ Weather

ปัญหาบริการออนไลน์ของแอปเปิลไม่สามารถใช้งานได้เกิดขึ้นเป็นคืนที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากคืนวันที่ 21 มีนาคมก็มีปัญหา โดยมีทั้งบริการที่เพิ่มพบปัญหาครั้งแรก และบริการที่มีปัญหาซ้ำทั้งสองคืน เช่น App Store และ Game Center

แอปเปิลเพิ่มฟีเจอร์ Apple Card Family ให้บัตรเครดิต Apple Card ทำให้คนในครอบครัวสามารถรวมวงเงินเข้าด้วยกัน และจัดการการใช้จ่ายได้ร่วมกัน โดยแอปเปิลไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นคู่สมรสกัน แต่ระบุเพียงว่าผู้ใช้บัตร Apple Card สามารถรวมวงเงินเข้าด้วยกัน โดยผู้ใช้บัญชีร่วมจะมองเห็นค่าใช้จ่ายของอีกคนด้วย และการชำระค่าบัตรเครดิตจะจ่ายพร้อมกัน

นอกจากนี้บัญชี Apple Card ยังสามารถออกบัตรให้กับเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป โดยเจ้าของบัตรหลักสามารถตรวจสอบการใช้จ่าย และจำกัดวงเงินบัตรได้

การรวมบัญชีเข้าด้วยกันเช่นนี้ จะทำให้ข้อมูลการใช้บัตรและข้อมูลการผิดนัดชำระถูกส่งไปยังเครดิตบูโรโดยระบุชื่อบัญชีของเจ้าของบัญชีทั้งสองคนด้วย

แอปเปิลได้ส่งอีเมลแจ้งลูกค้าผู้ใช้งาน Apple Card ว่า ลูกค้าสามารถเว้นชำระค่างวดเดือนมีนาคมได้ ไม่ต้องเสียค่าปรับค่าเสียหายใดเพิ่มเติม โดยแอปเปิลระบุในอีเมลว่า เข้าใจว่าสถานการณ์โรค COVID-19 ระบาดนั้นเป็นความท้าทายสำหรับทุกคน และลูกค้าบางคนอาจมีปัญหาในการชำระเงินรายเดือน โดย Apple Card มุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น

ในการดำเนินการ ผู้ใช้งานต้องคลิกลิงค์ที่มาพร้อมกับอีเมลแจ้งลูกค้า เพื่อเชื่อมต่อกับฝ่ายบริการลูกค้าของแอปเปิลและทำการลงทะเบียนในโปรแกรมความช่วยเหลือลูกค้า

อัลกอริทึมของ Apple Card ถูกหน่วยงานด้านการเงินของมลรัฐนิวยอร์ก (New York State Department of Financial Services) เข้าสอบสวนจากกรณีที่อัลกอริทึมอนุมัติวงเงินบัตรให้ลูกค้าโดยมีประเด็นด้านเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง

ประเด็นนี้เกิดจากทวีตของ David Heinemeier Hansson ผู้พัฒนา Ruby on Rails ที่ทวีตว่าตัวเขาได้รับวงเงิน Apple Card มากกว่าภรรยา 20 เท่า ทั้ง ๆ ที่แต่งงานมานาน ทำธุรกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน แม้แต่ยื่นขอคืนภาษีก็ยื่นในนามคู่สมรส เช่นเดียวกับ Steve Wozniak ผู้ก่อตั้ง Apple ที่ได้รับวงเงินมากกว่าภรรยา 10 เท่านั้น ทั้งที่มีทรัพย์สินและบัตรเครดิตร่วมกัน

Apple Card คือบัตรเครดิตในแอพ Apple Pay ภายใต้ความร่วมมือระหว่างแอปเปิล Goldman Sachs ธนาคารของสหรัฐและ Mastercard ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นปี เงื่อนไขคือถ้าใช้ Apple Card ซื้อ iPhone เครื่องใหม่ตามปกติหรือเข้าเงื่อนไขแลกเครื่องเก่าเป็นเครื่องใหม่เพื่อซื้อ (Trade In) สามารถเลือกผ่อน iPhone ได้ 0% ถึง 24 เดือน

ทาง GSMArena ยังไม่ทราบว่าเงื่อนไขดังกล่าวจะได้เครดิตเงินคืน (cashback) 3% ตามที่แอปเปิลเคยประกาศเอาไว้หรือไม่และ Apple Card ตอนนี้ยังใช้งานได้แค่ในสหรัฐอเมริกาที่เดียวเท่านั้น

หลังจาก Apple Card ให้บริการกับลูกค้าในอเมริกาทุกคนแล้ว ล่าสุดแอปเปิลได้ออกคู่มือการทำความสะอาดบัตร Apple Card ที่เป็นไททาเนียม พร้อมแนะนำด้วยว่าไม่ควรเก็บเอาไว้กับวัสดุที่เป็นผ้าเดนิมหรือหนัง เพราะจะทำให้เกิดรอยเปื้อนและลบไม่ออก

แอปเปิลแนะนำว่าให้เก็บบัตรเอาไว้กับวัสดุที่นุ่ม ไม่สัมผัสกับบัตรเครดิตอื่นๆ หรือของแข็งเพราะอาจทำให้เกิดรอยและวัสดุเคลือบหลุดลอกได้ ขณะที่การทำความสะอาดก็ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์และแอลกอฮอล์ isopropyl เท่านั้น

ที่มา - แอปเปิล

แอปเปิลประกาศว่าบริการบัตรเครดิต Apple Card เปิดให้ลูกค้าในอเมริกาทุกคนสามารถสมัครใช้งานได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถสมัครขอใช้งานได้ผ่านแอป Wallet ใน iPhone ที่เป็นระบบปฏิบัติการล่าสุด iOS 12.4

Apple Card มีจุดขายคือเป็นบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มีการชาร์จเงินเพิ่มกรณีจ่ายเงินในต่างประเทศ มีอัตราดอกเบี้ยต่ำระดับเลขหลักเดียว และเป็นบัตรเครดิตที่ให้เครดิตเงินคืน (Cash Back) 2% หากเป็นการจ่ายผ่าน Apple Pay กับร้านค้า หรือ 1% หากร้านไม่รองรับ Apple Pay แล้วจ่ายผ่านบัตร Apple Card

Apple Card บัตรเครดิตใบแรกจากแอปเปิล ซึ่งได้เริ่มเปิดให้ลูกค้าแอปเปิลบางส่วนสมัครใช้งานได้แล้ว (เฉพาะอเมริกา) ผ่านพาร์ทเนอร์ธนาคาร Goldman Sach เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามมีข้อมูลน่าสนใจจาก CNBC ว่าแอปเปิลมีแนวโน้มจะอนุมัติบัตรเครดิตให้ง่ายกว่าปกติ

แอปเปิลให้ข้อมูลว่าบัตรเครดิต Apple Card จะเริ่มให้บริการในเดือนสิงหาคมนี้ (ยังไม่ระบุวัน) แต่ล่าสุดพาร์ทเนอร์คือธนาคาร Goldman Sachs ได้นำเอกสารข้อตกลงการใช้งาน Apple Card ขึ้นเว็บไซต์ ทำให้เรารู้เงื่อนไขการใช้งานดังนี้

จากการเปิดตัว Apple Card เมื่อเดือนมีนาคมของแอปเปิล ทำให้แอปเปิลกลายเป็นผู้ให้บริการทางการเงินกลาย ๆ ไปทันที แต่มีข้อมูลน่าสนใจว่าไอเดียของ Apple Card นั้นไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด และคนที่เคยเสนอไอเดียนี้ก็คือสตีฟ จ็อบส์

Ken Segall อดีตหัวหน้าฝ่ายโฆษณาของแอปเปิล ได้เขียนบล็อกเล่าเรื่องราวของโครงการ Apple Card ซึ่งสตีฟ จ็อบส์เคยผลักดัน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2004 หรือ 15 ปีที่แล้ว เขาย้ำว่าสถานการณ์ตอนนั้น แอปเปิลอยู่ในช่วงพลิกฟื้นธุรกิจ และสินค้าหลักที่ทำเงินก็คือ iPod กับ iTunes

ไฉนมีเพย์เมนท์เกตเวย์ของตัวเองแล้วจะทำบัตรเครดิตของตัวเองไม่ได้ แอปเปิลประกาศความร่วมมือกับ Golman Sachs ธนาคารของสหรัฐและ Mastercard เปิดตัว Apple Card บัตรเครดิตของตัวเองตามข่าวลือก่อนหน้า ทั้งแบบบัตรจำลองและบัตรจริง

จุดเด่นของ Apple Card ที่แอปเปิลขายคือไม่มีค่าธรรมเนียม ทั้งรายปีและชาร์จเพิ่มกรณีใช้ต่างประเทศ รวมถึงรับเครดิตเงินคืน (cash back) 2% ในทุกๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรจำลองที่แอปเปิลเรียกว่า Daily Cash และหากซื้อของของแอปเปิลเอง จะได้รับเครดิตเงินคืนเป็น 3% พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่แอปเปิลเคลมว่าต่ำที่สุดด้วย