หลังจากที่เปิดตัวอุปกรณ์เสริมไปพร้อมกับการเปิดตัว Vertu Signature Touch แต่ยังไม่วางขายและไม่พูดถึงมากนัก วันนี้ Vertu ประกาศเปิดตัวอุปกรณ์เสริมในหมวดอุปกรณ์เครื่องเสียงอย่างเป็นทางการในชื่อ "Vertu Audio Collection" โดยประกอบด้วยหูฟังและลำโพงในชุด (ภาพดูได้ท้ายข่าว)

เว็บไซต์ AMEInfo ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของ MediaQuest ที่ทำสื่อในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เผยแพร่บทสัมภาษณ์ Hutch Hutchison ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบของ Vertu โทรศัพท์มือถือหรู (อ่านรีวิวประกอบได้) ที่ให้สัมภาษณ์กับ Aficionado ที่เป็นสื่อในเครือเดียวกัน

ใจความสำคัญหลักๆ ของบทสัมภาษณ์คงอยู่ที่เรื่องของปรัชญาการออกแบบเป็นหลัก (ใครสนใจไปอ่านเพิ่มเติมได้จากที่มาครับ) แต่สิ่งที่สำคัญที่ Hutch ระบุถึงว่าเป็นปัญหากับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหรูในช่วงที่ผ่านมา คือความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วมากนั่นเอง

หนึ่งในปัญหาของ Vertu Signature Touch ที่รีวิวทั้งของ Blognone และในต่างประเทศ พบ คือปัญหาเรื่องของกล้อง โดยเฉพาะเวลาการบันทึกภาพตั้งแต่กดปุ่มถ่ายจนบันทึกภาพสมบูรณ์ ซึ่งกินระยะเวลาค่อนข้างยาวนาน ในที่สุดก็ได้รับการยืนยันว่า แก้ปัญหานี้แล้วในระดับซอฟต์แวร์เป็นที่เรียบร้อย

โดยคุณ @puhn ได้ทวิตไปสอบถาม Max Pogliani ซีอีโอของ Vertu (@maxpog) ทางทวิตเตอร์ถึงประเด็นปัญหาดังกล่าว และได้รับคำตอบว่าในเวลานี้ Vertu ได้ปล่อยอัพเดตเป็น OTA ให้แก่ Vertu Signature Touch เพื่อแก้ปัญหาแล้ว

หลังจากที่ Vertu เปิดตัว Signature Touch ไปตั้งแต่เดือนต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วันนี้ทางบริษัท Everest World ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่าย Vertu รายเดียวของเมืองไทย จัดงานเปิดตัวและวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

ผมและ nismod มีโอกาสได้ไปร่วมงานเปิดตัวดังกล่าวในครั้งนี้ และมีโอกาสได้ “เล่น” Vertu Signature Touch รุ่นดังกล่าว ซึ่งเจตนาตอนแรกจะเป็นเพียงแค่ “ลองจับ” (preview) เท่านั้น แต่ไปๆ มาๆ ผมกลับพบว่าเราทดสอบแทบจะทุกอย่างของเครื่องและทุกมิติ ทำให้เราต้องมาเขียนเป็น “รีวิว” แบบกระชับแทน และนี่คือรีวิวของ Vertu Signature Touch ครับ (สเปคเต็มๆ อ่านได้ที่ข่าวเก่าครับ)

ในบทสัมภาษณ์ซีอีโอ Vertu ของทาง Engadget นอกจากจะพูดคุยในประเด็นทิศทางของ Vertu แล้ว ยังมีการเปิดเผยราคาของอุปกรณ์เสริม ที่เปิดตัวพร้อมกับ Vertu Signature Touch บางรายการด้วยเช่นเดียวกัน ดังต่อไปนี้

- หูฟังไร้สายที่ได้รับการปรับแต่งจาก Bang & Olufsen ราคา 750 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 24,000 บาท)
- ลำโพงไร้สาย (ที่เคยหลุดออกมาจากการส่งให้ FCC ตรวจสอบ) มีราคาอยู่ที่ 600 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 19,200 บาท)
- แท่นชาร์จไร้สาย (ใช้มาตรฐาน Qi) ราคาอยู่ที่ 600 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 19,200 บาท)

เว็บไซต์ข่าวไอทีออนไลน์ Engadget ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ Max Pogliani ซีอีโอของ Vertu ในโอกาสที่ครบรอบหนึ่งปีการดำรงตำแหน่งของเขา และถือเป็นบทสัมภาษณ์แรกๆ ที่ทำให้เห็นภาพทิศทางของ Vertu ในช่วงหลังการแยกตัวออกจากโนเกีย (ในเวลานั้น) ได้เป็นอย่างดี

โดยภาพรวมของบทสัมภาษณ์ดังกล่าว (แนะนำให้อ่านต้นฉบับ จะได้อรรถรสมาก) Pogliani อธิบายอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่บริษัทมอง คือเทคโนโลยีในอนาคตจะไม่มีความแตกต่างกันอีกต่อไป สิ่งที่แตกต่างคือเรื่องของการออกแบบ การใช้วัสดุ และบริการของโทรศัพท์ ซึ่งในเวลาเดียวกันก็จะกำหนดความแตกต่างของแต่ละรุ่นรวมไปถึงราคาด้วย

ในตอนที่เปิดตัว Vertu Signature Touch หนึ่งในสิ่งที่ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก คือเรื่องที่ว่าทาง Vertu จะเปิดให้บริการกับลูกค้า สามารถสั่งปรับแต่งโทรศัพท์มือถือของตนเองได้ แบบเดียวกับ Motomaker ของ Moto X

มาวันนี้ Vertu ได้เปิดบริการดังกล่าวแล้วอย่างเป็นทางการ โดยสามารถเข้าไปทดลองปรับแต่งโทรศัพท์และสั่งได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ในหน้าปรับแต่งจะระบุวันที่โดยคร่าวสำหรับการส่งมอบด้วยเช่นกัน

ที่มา - Vertu ผ่านคุณ @puhn

หลังจากที่ Vertu ประกาศวางจำหน่าย Vertu Signature Touch ไปเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน สื่อหลายสำนักในต่างประเทศก็เริ่มได้รับเครื่องทดลองไปใช้ และมีรีวิวออกมาบ้างแล้ว

โดยหลักๆ ทุกเจ้าต่างชื่นชมในความหรูหรา งานประกอบ วัสดุที่ดีเยี่ยม รองรับคลื่น 4G/LTE ได้หลากหลายที่สุดรุ่นหนึ่ง ตลอดจนถึงสเปคที่ทัดเทียมกับเรือธงที่มีอยู่ในท้องตลาดทั้งหมด และบริการเลขาส่วนตัวที่ดีมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนทั่วไป (แต่ไม่ใช่สำหรับคนมีเงิน) คือราคาที่แพงมากของโทรศัพท์รุ่นนี้

นอกเหนือจากประเด็นหลักแล้ว ยังมีประเด็นย่อยต่างๆ ดังนี้

เมื่อวานนี้ (7 กรกฎาคม) ตามเวลาประเทศไทย Vertu ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสำหรับตลาดหรูของอังกฤษ ประกาศลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์หรูชื่อดังของอังกฤษ Bentley เป็นระยะเวลานาน 5 ปี เพื่อสร้างโทรศัพท์มือถือหรูสำหรับแฟนๆ และผู้ใช้รถยนต์ Bentley โดยเฉพาะ

ภายใต้ข้อตกลงนี้ Vertu จะเป็นผู้ผลิตมือถือให้กับ Bentley แต่เพียงรายเดียว และจะมีรูปแบบของการออกแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละปีตลอดอายุของข้อตกลง โดยสำหรับเครื่องที่เกิดจากความร่วมมือในการผลิตนี้ จะมีเนื้อหาพิเศษที่มาจากทางค่ายรถ Bentley ส่งให้กับผู้ใช้โดยเฉพาะ (เข้าใจว่าผ่านแอพอย่าง Vertu Life) โดยการออกแบบเครื่อง จะเป็นความร่วมมือทั้งทีมของทาง Vertu และ Bentley ออกแบบร่วมกัน

นอกเหนือจากจะเปิดตัว Signature Touch ไปแล้วในวันนี้ Vertu ยังถือโอกาสเปิดตัวอุปกรณ์เสริมสำหรับ Vertu Signature Touch ไปพร้อมกันด้วย

อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ประกอบไปด้วย ลำโพงไร้สาย (ซึ่งมีข่าวว่าส่งให้ FCC ตรวจสอบเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม), หูฟังไร้สายที่ได้รับการปรับแต่งจาก Bang & Olufsen, หูฟังแบบมีสาย, เคสสำหรับ Signature Touch, ปากกาและดินสอ, แท่นชาร์จไร้สายที่ใช้มาตรฐาน Qi ทำจากหนัง, สาย USB และอแดปเตอร์ (ภาพอุปกรณ์บางส่วนดูได้ท้ายข่าว)

หลังจากที่มีข่าวหลุดและออกมายั่วกันไปแล้ว วันนี้ Vertu ประกาศเปิดตัว Signature Touch อย่างเป็นทางการ

สำหรับสเปคก็ไม่ต่างจากข่าวหลุดมากนัก (อ่านสเปคเต็มและภาพได้ท้ายข่าว) และคุณสมบัติทั่วไปก็ไม่แตกต่างจาก Vertu Ti และ Constellation ก่อนหน้า ที่มีชนิดของสีและหนังให้เลือกหลากหลาย ตลอดจนวัสดุที่หรูหรา นอกจากอัพเดตสเปคให้ทันสมัยขึ้น, ปรับให้มีขนาดหน้าจอที่ 4.7 นิ้ว ที่ครอบด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ และเปลี่ยนมาใช้ปุ่มแบบเสมือนบนจอแทนที่ปุ่มจริง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก แต่การมาของ Signature Touch ทำให้สายผลิตภัณฑ์ของ Vertu ทั้งสาย เข้าสู่สมาร์ทโฟนอย่างเต็มรูปแบบ

หลังจากที่มีข่าวว่า Vertu กำลังอยู่ในระหว่างการทำสมาร์ทโฟนเรือธงของค่ายเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา วันนี้ Vertu ได้ทำการส่งอีเมลประชาสัมพันธ์ให้กับลูกค้าของทาง Vertu เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีการเผยร่างคร่าวๆ ของเรือธงรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ

สิ่งหนึ่งที่เรามักจะพบในตลาดของมือถือหรือสมาร์ทโฟนระดับหรูอย่างหนึ่งคือปัญหาของสเปคที่ค่อนข้างต่ำ และไม่ได้มีประสิทธิภาพทัดเทียมเท่ากับเรือธงในตลาด (ตัวอย่างเช่น Gresso Radical Black ที่เพิ่งจะเปิดตัวไป) อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุดที่ถูกเปิดเผยจาก Antutu ผู้ผลิตแอพ benchmark ชื่อดัง ทำให้ทราบว่า Vertu อาจจะมีแผนเปิดตัวโทรศัพท์สุดหรูที่มีสเปคทัดเทียมกับเรือธงในตลาดในอนาคตอันใกล้

เว็บไซต์ SlashGear รายงานว่า FCC ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมและกำกับด้านโทรคมนาคมของสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ลำโพงบลูทูธไร้สายของ Vertu ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหรูหราจากประเทศอังกฤษ ผ่านการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยลำโพงดังกล่าวมีรหัสรุ่นว่า SP-1V มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมคางหมู (ดูภาพได้ท้ายข่าว) ภายในบรรจุไมโครโฟนสำหรับรับเสียงหรือคำสั่ง, สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 16 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งผ่านพอร์ต Micro USB, จดจำอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกันได้มากที่สุด 8 ชิ้น, มีช่องขนาด 3.5 มิลลิเมตร (Aux in) สำหรับคนที่ต้องการใช้งานผ่านทางสาย, มีปุ่มควบคุมสี่ปุ่มสำหรับควบคุมเสียง/โทรออก/จับคู่อุปกรณ์, รองรับ NFC และให้เสียงในแต่ละช่องที่ 5W โดยสามารถรองรับได้สูงสุดถึง 8W

สำหรับคนที่คิดว่าสมาร์ทโฟนของ Vertu รุ่น Constellation ตามปกติ (ที่ Blognone เคยไปลองจับ) ดูยังหรูไม่สมกับราคาที่ควรจะเป็น วันนี้อาจจะต้องคิดใหม่ เมื่อ Vertu ประกาศเปิดตัว Constellation Gemstones รุ่นพิเศษที่ประดับอัญมณีบนตัวเครื่องด้วย

ความพิเศษของ Constellation ตัวนี้อยู่ที่การประดับอัญมณีอย่างไพลินสีดำ (Liquorice sapphire) หรือทับทิมสีชมพู (Rose ruby) จำนวน 80 เม็ด อยู่ตรงขอบจอด้านล่างปุ่มกดจริงที่วางอยู่บนกระจกครอบหน้าจอ (ดูภาพจากท้ายข่าว) โดยตัวเครื่องจะถูกห่อหุ้มด้วยหนังลูกวัวสีตรงกับอัญมณีที่ลูกค้าต้องการ

เมื่อวานและวันนี้ ผมได้มีโอกาสไปทดลองจับและเล่น Vertu Constellation และ Ti ซึ่งถือเป็นสองสมาร์ทโฟนที่มีราคาแพงและหรูหราเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ที่ร้าน Vertu ทั้งที่สยามพารากอน และเกษรพลาซ่า โดยเครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องทดลองที่ตั้งอยู่ภายในร้านครับ

กล่าวถึงประวัติความเป็นมาสักเล็กน้อย Vertu แต่เดิมเป็นโทรศัพท์มือถือที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดของกลุ่มผู้ใช้ในระดับหรูหรา/เศรษฐี ก่อตั้งโดย Nokia ก่อนที่จะขายออกไปให้กับกลุ่ม EQT VI และเปลี่ยนระบบปฏิบัติการจาก Symbian แต่เดิม มาเป็น Android โดยตัว Ti เปิดตัวเมื่อต้นปีที่แล้ว และ Constellation เปิดตัวเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา

สำหรับคนที่ผิดหวังกับฝาหลังหนังปลอมของ Galaxy Note 3 และคิดว่ามันยังไม่หรูพอ อาจต้องลองมาดูสมาร์ทโฟนสุดหรูรุ่นล่าสุด Constellation (แปลว่ากลุ่มดาว) จากค่าย Vertu ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำสมาร์ทโฟนหรูหราอยู่แล้ว

Vertu Constellation มาพร้อมกับสเปคกลางๆ ด้วยซีพียู Snapdragon S4 ดูอัลคอร์ รัน Android 4.2.2 และกล้องหลังความละเอียด 13 เมกะพิกเซล ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่สำคัญ เนื่องจากคุณค่าของเจ้ารุ่นนี้อยู่ที่เนื้องาน และวัสดุที่นำมาประกอบตัวเครื่องครับ

ข่าวของ Vertu Android มีภาพหลุดออกมาก่อนแล้ว ของจริงเป็นไปตามนั้นทุกประการครับ ชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการคือ Vertu Ti มาพร้อมกับหน้าจอ 3.7 WGVA, ไม่ระบุซีพียูและแรม, กล้อง 8MP/1.3MP, ความจุ 64GB, Android 4.0 ICS (รายละเอียด)

เพิ่งมีข่าวว่าแบรนด์หรูอย่าง Vertu จะทำสมาร์ทโฟน Android ได้เดี๋ยวเดียว ก็มีภาพของเจ้าเครื่องที่ว่าออกมาแล้ว ในชื่อรุ่น Vertu Ti

ตัวเครื่องของ Vertu Ti เท่าที่ดูจากรูปทำมาจากอลูมิเนียม และหนัง ส่วนฝั่งสเปคเรียกได้ว่าไม่ได้แรงตามที่คาดกันไว้ ซีพียูเป็น Snapdragon S4 ดูอัลคอร์ หน้าจอความละเอียด 800x480 พิกเซล รัน Android 4.0.4 ICS และแบตเตอรี่เพียง 1250 mAh เท่านั้น

ดูภาพตัวเครื่องได้ท้ายข่าวครับ

ที่มา - Blog of Mobile

Vertu แบรนด์สมาร์ทโฟนสุดหรูสุดแพงที่แยกตัวมาจากโนเกียเมื่อปีกลาย (โนเกียยังถือหุ้น 10%) ใกล้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ตามข่าวลือก่อนหน้านี้

บล็อกเกอร์รัสเซีย Eldar Murtazin ผู้มีชื่อเสียงเรื่องข่าววงในของวงการมือถือ ทวีตข้อมูลว่า Vertu กำลังจะเปิดตัวสมาร์ทโฟน Android ในเร็วๆ นี้ โดยตั้งเป้าจับตลาดเดิมของ Nokia 8800 และค่าตัวของมันจะอยู่ที่ 3,000 ยูโร หรือประมาณ 120,000 บาท

ทางเว็บ Unwired View คาดว่าเราจะเห็นมือถือรุ่นนี้เปิดตัวในงาน MWC 2013 ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์

โนเกียประกาศแยกกิจการมือถือแบรนด์หรู Vertu เสร็จสมบูรณ์ (ข่าวการขายกิจการ) เจ้าของรายใหม่คือบริษัทลงทุน EQT VI โดยโนเกียเหลือหุ้น 10% ในบริษัท และพนักงานของโนเกียประมาณ 1,000 คนจะถูกโอนมายัง Vertu - Nokia

เว็บไซต์ TechCrunch รายงานข่าวไม่คอนเฟิร์มว่า Anssi Vanjoki ผู้บริหารระดับสูงของโนเกียที่เคยคุมฝ่ายสมาร์ทโฟน และเป็น "ว่าที่ซีอีโอ" อยู่พักหนึ่งจนกระทั่ง Stephen Elop เข้ามาเป็นซีอีโอตัดหน้า เลยลาออกไปในปี 2010 จะเข้ามาเป็นซีอีโอของ Vertu แทน

วันนี้ข่าวโนเกียค่อนข้างเยอะนะครับ ทั้งข่าวปลด ข่าวซื้อ คราวนี้เป็น "ข่าวขาย" กันบ้าง

หลังจากมีข่าววงในหลุดออกมาในช่วงต้นปี ล่าสุดโนเกียก็ออกมาประกาศข่าวการขายกิจการมือถือสุดหรู Vertu เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ซื้อคือบริษัท EQT VI ซึ่งเป็นบริษัทลงทุน (private equity) ในยุโรปเหนือ

โนเกียจะยังถือหุ้นใน Vertu อยู่ 10% การซื้อกิจการจะเสร็จสิ้นในครึ่งหลังของปี 2012

หนังสือพิมพ์ Financial Times ของอังกฤษ รายงานข่าววงในว่าโนเกียกำลังจะขายแบรนด์มือถือหรูอย่าง Vertu ออกไป โดยผู้มีโอกาสซื้อมากที่สุดคือบริษัทลงทุนชื่อ Permira แต่ก็มีข่าวว่าบริษัทลงทุนอีกราย EQT สนใจซื้อเช่นกัน

ราคาที่เป็นไปได้อยู่ที่ 200 ล้านยูโร (ประมาณ 265 ล้านดอลลาร์) และมี Goldman Sachs เป็นผู้ดูแลการเจรจาซื้อขายกิจการครั้งนี้

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อแบรนด์ Vertu มือถือสุดหรูซึ่งเป็นบริษัทลูกของโนเกีย ถึงแม้ Vertu จะเงียบๆ ไปในช่วงหลัง (โดยเฉพาะยุคสมาร์ทโฟนรุ่งเรือง) แต่บริษัทกำลังจะกลับมาอีกครั้งกับ Vertu CONSTELLATION T ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนจอสัมผัสรุ่นแรกของบริษัท

CONSTELLATION T ใช้หน้าจอ AMOLED nHD ขนาด 3.5", กล้อง 8MP พร้อมแฟลช, พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32GB, Bluetooth 3.0, รองรับคลื่น 3G WCDMA 850/900/1700/1900/2100, ระบบปฏิบัติการเป็น Symbian ที่ยังไม่ระบุเวอร์ชัน (ไม่ Anna ก็ Belle) ส่วนวัสดุจะฝังพลอยฝังเพชรอย่างไร ต้องพิจารณากันเองจากภาพประกอบ