Philips เป็นบริษัทใหญ่รายล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อของเหล่าแฮ็กเกอร์ เมื่อเว็บไซต์ของบริษัทถูกแฮ็กโดยแฮ็กเกอร์คู่หู bch195 และ HaxOr โดยทั้งคู่สังกัดอยู่ใน Team INTRA หลังจากแฮ็กสำเร็จ ทั้งคู่ได้ทิ้งโน้ต pastebin ไว้ โดยได้อ้างว่าสามารถแฮ็กเว็บไซต์รวมถึงซับโดเมนอื่นๆ ของ Philips อีกเพียบตามรูปท้ายข่าว

นอกจากนั้นยังได้ทิ้งโน้ตส่วนตัวไว้ใน pastebin ซึ่งภายในมีฐานข้อมูลที่ถูกแฮ็กมาและมีตัวอย่างอีเมลของผู้ใช้งานของ Philips จำนวนหนึ่งด้วย โดยแฮ็กเกอร์ตัวแสบได้ทิ้งข้อความไว้ด้วย

นี่คืออีเมล 100 รายการแรกจากทั้งหมด 2 แสนรายการ อย่าหวังจะได้มากกว่านี้เพราะที่เหลือเอาไว้ขาย

สมรภูมิ Smart TV เริ่มระอุขึ้นมาเรื่อยๆ โดย LG ซึ่งประกาศสร้างแพลตฟอร์มทีวีของตัวเอง ประกาศความเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตทีวีอีกสองรายคือ Sharp และ Philips เพื่อให้แอพของแพลตฟอร์มนี้ทำงานได้บนทีวีทั้งสามยี่ห้อ

ซีอีโอใหม่ของบริษัท Philips ได้ออกมาประกาศว่าบริษัทจะเลิกการผลิตทีวี หนึ่งในธุรกิจของบริษัทที่ไม่ได้ทำกำไรให้กับบริษัทในระยะหลัง ๆ โดยจะขายธุรกิจนี้ให้กับบริษัท TPV Technology ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง แต่จะยังคงถือหุ้น 30% ในบริษัทใหม่ และจะคิดค่า Royalty Fee จากบริษัทใหม่นี้ปีละ 50 ล้านยูโรจากการใช้เครื่องหมายการค้าของ Philips เพื่อขายทีวีต่อ

ในยุคที่สงครามชิงห้องนั่งเล่นกำลังอุบัติ และจากความจริงที่ว่า Google TV แทบทำงานไม่ได้โดยปราศจากคีย์บอร์ด ทำให้รีโมททีวีที่มีคีย์บอร์ดดู "หล่อ" ขึ้นมาทันที (เฉกเช่นกรณีของ BlackBerry) แต่เอาเข้าจริงแล้ว รีโมททีวีที่มีคีย์บอร์ดในตัวแทบทุกรุ่นก็ยังดู "ธรรมดาๆ" อยู่ดี Philips จึงได้ออกแบบรีโมทควบคุมทีวี (และความบันเทิงภายในบ้าน) ตัวนี้อย่างสวยงาม โดยด้านบนนั้นเป็นเหมือนรีโมทควบคุมเครื่องเสียงธรรมดา และเมื่อพลิกด้านกลับมาจะเจอคีย์บอร์ด QWERTY ฝังอยู่ครับ

ที่มา: Engadget

นับจากปีที่แล้วเป็นต้นมาโลกโทรศัพท์มือถือถูกกองทัพ Android ถล่มอย่างหนักบางตัวขายดีบ้างบางตัวขายไม่ออกบ้างแต่ก็ช่วยการสร้างตลาดได้ดี มาถึงปีนี้เมื่อ Android เริ่มพัฒนาความสามารถทางด้านมัลติมีเดียดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้เวลาของเครื่องเล่น MP3 Android กันบ้างแล้ว

เครื่องเล่นรุ่นแรกที่วางตลาดไปแล้วคือ Philips GoGear Connect ที่มาพร้อมกับ Android 2.1, ความจุ 16GB สามารถเล่นหนังได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมงและเพลงต่อเนื่อง 25 ชั่วโมง ราคา 264.99 ยูโรหรือประมาณ 10,800 บาท

ที่มา - Engadget

โปรแกรมฟังเพลงแบบโอเพนซอร์ส Songbird ซึ่งวางตำแหน่งของตัวเองว่าแข่งกับ iTunes เริ่มจะหาโมเดลธุรกิจของตัวเองได้ โดยล่าสุดจับมือกับ Philips ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากเนเธอร์แลนด์ โดยจะแถมโปรแกรม Songbird ไปกับเครื่องเล่น MP3 ของบริษัท

Songbird รุ่นที่แถมไปกับเครื่องจะถูกปรับแต่งให้ใช้ได้กับเครื่องเล่นแบรนด์ GoGear ของ Philips ซึ่งผู้ซื้อสามารถใช้ Songbird ทำการซื้อเพลง จัดการเพลง รวมถึงอัพเดตเฟิร์มแวร์ ในลักษณะเดียวกับ iPod/iTunes (ยกเว้นเวอร์ชันบนแมคจะไม่สามารถอัพเดตเฟิร์มแวร์ได้)

นี่ถือเป็นก้าวสำคัญของ Songbird ที่จะหารายได้มาหล่อเลี้ยงตัวเองให้อยู่ได้ ลักษณะจะคล้ายๆ กับดีลของ Firefox/Google ที่กลายมาเป็นรายได้สำคัญของ Mozilla ในเวลาถัดมา