Windows 8 รุ่นจริงเปลี่ยนเงื่อนไขของการติดตั้งไปจาก Windows 7 ในเรื่อง "grace period" หรือการอนุญาตให้ติดตั้งแบบไม่ต้องใส่คีย์ก่อน แล้วค่อยมา activate ภายหลัง (ภายใน 30 วันหลังติดตั้ง)
สิ่งที่เปลี่ยนไปใน Windows 8 คือผู้ใช้จำเป็นต้องใส่คีย์ 25 หลักตั้งแต่ตอนติดตั้งระบบปฏิบัติการเลย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถติดตั้งได้ จากนั้นเมื่อคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก็จะตรวจสอบข้อมูลกับเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์ว่าเป็นคีย์ที่สมบูรณ์ ในกรณีที่คีย์ถูกใช้ไปกับวินโดวส์เถื่อน ตัว Windows 8 จะเปลี่ยนสีพื้นหลังเป็นสีดำและขึ้นข้อความแจ้งผู้ใช้ว่าคีย์ไม่สมบูรณ์ ตัวพีซีจะปิดตัวเองทุกหนึ่งชั่วโมง
จากการที่ไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows Phone Dev Center พร้อมกับเข้ารหัสแอพให้อัตโนมัติเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ ตอนนี้ก็ต้องเจอกับปัญหาเข้าแล้วเมื่อแอพบางตัวที่ผ่านการทำ digital signature นั้นไม่สามารถที่จะติดตั้งบนโทรศัพท์ Windows Phone บางรุ่นได้ตามปกติ ซึ่งแอพชื่อดังที่ต้องเจอกับปัญหานี้ก็อย่างเช่น WhatsApp และแอพ Translator ของทางไมโครซอฟท์เอง
ถึงแม้ว่าตอนนี้ทางไมโครซอฟท์กำลังเร่งแก้ไขปัญหานี้อยู่ แต่ก็ได้หยุดปล่อยแอพใหม่เป็นการชั่วคราวเพื่อจำกัดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากปัญหานี้ครับ
ช่วงหลังกูเกิลเริ่มจริงจังกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในผลการค้นหามากขึ้น หลังจากที่ถูกกดดันจากบรรดาค่ายเพลง และผู้ผลิตต่างๆ และในวันนี้กูเกิลออกมาประกาศว่าได้อัพเดตอัลกอริทึมสำหรับแสดงผลการค้นหาใหม่แล้ว
อัพเดตครั้งนี้จะทำให้ผลการค้นหาที่ถูกแจ้งว่าละเมิดลิขสิทธิ์มีน้อยลง โดยกูเกิลบอกว่าจะทำให้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ง่ายขึ้น เช่นพรีวิวเพลงในเว็บไซต์สถานีวิทยุสาธารณะของสหรัฐ, Spotify หรือรายการทีวีบน Hulu เป็นต้น
ทั้งนี้กูเกิลยังบอกว่าจะจริงจังกับปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ให้มากขึ้น โดยระบุข้อมูลมาว่าในรอบเดือนที่ผ่านมา มีความต้องการให้ลบลิงก์ที่มีคอนเทนต์ละเมิดลิขสิทธิ์ไปมากถึงสี่ล้าน URL
การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เป็นปัญหาที่ไม่ว่านักพัฒนาคนไหนก็คงไม่อยากเจอ สำหรับคนที่พัฒนาแอพบน Windows Phone คงจะได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อ Microsoft พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการเข้ารหัสแอพทั้งหมดบน Windows Phone Dev Center
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยจากโพสต์ใน Windows Phone Developer Blog โดย Todd Brix กล่าวว่าแอพทั้งหมด (รวมไปถึงแอพที่ถูกส่งขึ้นไปแล้ว) จะได้รับการเข้ารหัสโดยอัตโนมัติ นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม
เกมยิงซอมบี้ Dead Trigger ที่เพิ่งเป็นข่าวดังเพราะหันมาแจกฟรีบน Android เพื่อตอบโต้ปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ ประกาศเปลี่ยนราคาของเวอร์ชัน iOS จาก 0.99 ดอลลาร์ มาเป็นแจกฟรีด้วยเหมือนกัน
รูปแบบการหารายได้ของเกม Dead Trigger จะหันมาใช้วิธีขายของภายในเกมเช่นเดียวกับเวอร์ชัน Android แต่รอบนี้ทางบริษัทไม่ได้ออกมาให้เหตุผลว่าทำไมจึงเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจบน iOS ด้วย
ใครสนใจก็ตามไปโหลดกันได้จาก App Store ครับ
ที่มา - The Verge
เว็บไซต์ TorrentFreak ได้เปิดเผยเอกสารหลุดจากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา หรือ RIAA ซึ่งเป็นผลการศึกษาในประเด็นที่ว่าผู้คนได้เพลงมาจากแหล่งใดกันบ้างในช่วงปี 2010-2011 พบว่า 35% นั้นมาจากการซื้ออย่างถูกต้องไม่ว่าจะเป็นซื้อซีดีหรือดาวน์โหลดเอา ส่วนอีก 65% มาจากการได้มาแบบไม่ต้องเสียเงิน
ในส่วนของการได้เพลงมาแบบไม่เสียเงินที่มีถึง 65% นั้น เมื่อแยกย่อยลงมาพบว่าสัดส่วนการได้เพลงผ่านการแชร์ในเครือข่าย P2P มีเพียง 15% ขณะที่การโหลดจากเว็บรับฝากไฟล์นั้นคิดเป็นเพียง 4% เท่านั้น ส่วนกรณีที่เหลือของการได้เพลงแบบไม่ต้องเสียเงินนั้น กลับมาจากวิธีการที่ไม่ต้องพึ่งบริการออนไลน์ได้แก่การยืมฮาร์ดดิสก์มาก๊อปปี้ และเอาแผ่นเพื่อนมาไรท์กันตรงๆ เลย
ประเด็นเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์แอพบนแอนดรอยด์กลับมาเป็นที่ถกเถียงอีกครั้ง หลังจากนักพัฒนาแอพบน iOS ชื่อว่า Matt Gemmell ออกมาเขียนลงในบล็อกส่วนตัวหลังจากอ่านข่าวเกมแนวยิงซอมบี้ Dead Trigger ที่ปรับจากราคาจากเดิม 99 เซนต์ เป็นแจกฟรี และเน้นขายของในเกมแทน
Gemmell บอกว่าแอพที่วางขายบนแอนดรอยด์นั้นสุ่มเสี่ยงต่อการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะว่าตัวแอนดรอยด์เองถูกออกแบบมาให้เอื้อต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ตั้งแต่แรก เช่นการปล่อยให้สามารถลงแอพจากภายนอกได้ (sideloading) ทำให้สามารถลงแอพเถื่อนได้ โดยที่ไม่ต้องรูทเครื่องเลย (แต่ในอนาคต Play Store จะเข้ารหัสแอพเสียเงิน ตามที่ประกาศไว้ในงาน Google I/O - Blltz)
ข่าวนี้เป็นความคืบหน้าของ Philip Matesanz นักเรียนชาวเยอรมันวัย 21 เจ้าของเว็บไซต์บริการแปลงวิดีโอบน YouTube เป็น MP3 ที่ชื่อ YouTube-MP3.org ซึ่งถูกทนายของกูเกิลเตือนว่าจะฟ้องร้อง โดยล่าสุด Matesanz เผยว่าเขาได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญในเยอรมันสองคนให้มาช่วยทำคดีแล้ว รวมทั้งทำจดหมายรณรงค์เข้าชื่อให้ผู้ใช้เว็บไซต์ร่วมลงชื่อสนับสนุนว่าสิ่งที่เว็บเขาทำอยู่ถูกต้อง
แม้ว่าโดยดั้งเดิม YouTube จะเป็นเว็บไซต์สตรีมวิดีโอ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งรวบรวมเพลงจากทั่วโลกไว้อย่างมหาศาล มากพอที่จะมีเว็บไซต์ให้บริการแปลงวิดีโอจาก YouTube เป็นไฟล์เพลงสกุล .mp3 เพื่อนำไปฟังได้สะดวกขึ้น
แน่นอนว่าการแปลงวิดีโอดังกล่าว ผิดกฏการใช้งานของ YouTube แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวในแง่กฎหมายแต่อย่างใด จนกระทั่งเจ้าของเว็บไซต์ให้บริการแปลงวิดีโอจาก YouTube เป็น MP3 ชื่อว่า YouTube-MP3.org นาย Philip ได้รับการเตือนจาก Harris Cohen ทนายของกูเกิลว่าให้ปิดบริการดังกล่าวลง มิเช่นนั้นจะถูกฟ้อง หลังจากนั้นไม่นานกูเกิลก็บล๊อคเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ดังกล่าวไม่ให้เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของ YouTube ได้
หลังจากการปิด MegaUpload และบริการฝากไฟล์หลายรายปรับเปลี่ยนบริการของตัวเอง ทำให้ RapidShare ที่ยังยืนหยัดให้บริการอย่างเดิมต่อไป มีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นโดยปริยาย
รายงานจาก TUAW กล่าวถึงเรื่องการที่มีแอพฯ ลอกเลียนมากผิดปกติใน App Store และกำลังส่งผลต่อนักพัฒนาแอพฯของ iOS เว็บไซต์ก็ได้นำแอพฯ ลอกเลียนเหล่านั้นมาพิสูจน์กับแอพฯ ต้นฉบับแล้วก็พบว่าทุกอย่างเหมือนกันหมดแม้กระทั่งโครงสร้างของโค้ด (ต่างกันแค่ชื่อ และผู้ผลิต)
แอพฯ ที่ถูกลอกเลียนนี้ใช้ PhoneGap ที่เป็นเฟรมเวิร์คสำหรับสร้างแอพฯ แบบข้ามแพลตฟอร์ม ตัวเฟรมเวิร์คนี้ไม่มีการเข้ารหัสส่วนโค้ดที่เป็นองค์ประกอบของหน้าตาโปรแกรม หรือกราฟิกต่างๆ ครับ
ที่มา - TUAW
เว็บไซต์ BTjunkie ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้นหาไฟล์ .torrent ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง ประกาศปิดตัวลงแล้ว หลังจากให้บริการมาตั้งแต่ปี 2005
ผู้ดูแลเว็บไซต์ BTjunkie บอกว่าการปิดตัวครั้งนี้ตัดสินใจปิดเอง (voluntarily shut down) แต่ก็ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ TorrentFreak ว่าคดีที่เกิดกับ The Pirate Bay และ Megaupload มีผลต่อการตัดสินใจครั้งนี้ ถึงแม้เว็บไซต์ BTjunkie จะไม่เคยโดนคดีใดๆ แต่เห็นปัญหาที่น่าจะเกิดขึ้นแล้วตัดสินใจปิดเองดีกว่า
ในอดีตนอกจากเว็บที่กล่าวมาแล้ว ยังมีการปิดเว็บ torrent ใหญ่ๆ อย่าง Mininova และ TorrentSpy มาก่อน อย่างไรก็ตามทางผู้ดูแล BTjunkie ก็บอกว่าศึกนี้ยังอีกยาวไกล และยังมีอนาคตในโลกของ BitTorrent อยู่
ท่าทีของเว็บไซต์แชร์ไฟล์ต่างๆ หลังเกิดกรณี Megaupload ครับ (ข่าวเก่า:
กรณีของ Megaupload สร้างแรงกระเพื่อมต่อเว็บไซต์รับฝากไฟล์หลายแห่ง ถึงแม้
ประเด็นเรื่อง เอฟบีไอปิดเว็บ Megaupload - สั่งจับทีมงานเว็บ กลายเป็นข่าวใหญ่อีกข่าวของวงการไอทีสหรัฐ และเกิดคำถามขึ้นทันทีว่าเว็บไซต์อื่นๆ โดยเฉพาะเว็บที่มีบริการคล้ายๆ กันจะโดนปิดแบบเดียวกันหรือไม่
ไหน ๆ ก็วันสุดท้ายของปีนี้แล้ว เลยขอรายงานข่าวสั้น ๆ ที่ไม่มีมูลอะไรมากนอกจากอันดับหนังและเกมที่ถูกนำมาแชร์และดาวน์โหลดกันผ่านทางเครือข่าย BitTorrent ต่าง ๆ มากที่สุดในปี 2011 โดยอันดับดังกล่าวถูกจัดโดยเว็บ TorrentFreak ซึ่งเก็บข้อมูลจากแหล่่งต่าง ๆ รวมถึง tracker ต่าง ๆ ด้วย
ต่อไปนี้คืออันดับหนังที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดประจำปี 2011 โดยตัวเลขสุดท้ายในแต่ละอันดับเป็น รายได้ทั่วโลกภาพยนตร์แต่ละเรื่องครับ (แก้ไข)
รายงานภาพยนตร์ที่ถูกดาวน์โหลดแบบผิดกฎหมายมากที่สุด 10 อันดับจาก TorrentFreak ในปีนี้ อันดับหนึ่งตกเป็นของ Fast Five ด้วยยอดดาวน์โหลดทั้งหมด 9,260,000 ครั้ง หากเทียบกับ Avatar อันดับหนึ่งของปีที่แล้วนั้น จำนวนครั้งห่างกันมากพอสมควร ส่วน Harry Potter and the Deathly Hallows Part 2 ที่กวาดรายได้มากที่สุดในปีนี้นั้นอยู่ในอันดับที่ 10
อันดับที่เหลือดูได้ตามรายชื่อด้านล่างเลยครับ
ก่อนหน้านี้รัฐบาลประเทศเนเธอร์แลนด์ได้เสนอกฎหมายใหม่เพื่อป้องกันและปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิภายในประเทศ ด้วยการทำให้การดาวน์โหลดวีดีโอและเพลงผิดกฎหมาย แต่สภาเนเธอร์แลนด์กลับไม่เห็นด้วย และไม่ให้ผ่านกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน และจะทำให้ความเป็นส่วนตัวของประชาชนเสียไป
ปัจจุบันนี้ การดาวน์โหลดหนังและเพลงมาใช้เป็นการส่วนตัวในประเทศเนเธอร์แลนด์ถือว่าอยู่ใน "Fair Use" และกฎหมายไม่สามารถลงโทษใครได้ แต่รัฐบาลดัตช์ชุดปัจจุบันกำลังพยายามหาทางจำกัดการละเมิดสิทธิที่กำลังขยายตัวเป็นวงกว้างอยู่
ต่อจากข่าวก่อนหน้านี้ RIAA ละเมิดลิขสิทธิ์เสียเอง? พบหมายเลขไอพีจาก RIAA ดาวน์โหลดเพลงเถื่อน ทาง RIAA ออกมาชี้แจงแล้ว
Croteam กลุ่มผู้พัฒนาเกม Serious Sam 3: BFE ได้พัฒนาระบบ DRM แบบใหม่ที่จะไม่รบกวนประสบการณ์การติดตั้งและเข้าเล่นเกมของผู้เล่นที่เลือกซื้อตัวเกมลิขสิทธิ์ แต่สำหรับผู้ที่กำลังเล่นตัวเกมเถื่อนอยู่นั้น ระหว่างเล่นก็จะต้องพบกับแมงป่องยักษ์ตัวสีชมพูที่วิ่งเร็วสุดๆ ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ตายสักที แถมยังอยู่ก่อกวนผู้เล่นไปตลอดการเล่นเกม เรียกได้ว่าก่อกวนมากๆ จนน่าจะทำให้ผู้เล่นนั้นหมดความอดทนกับการเล่นเกมต่อไปได้ ก่อกวนขนาดไหนก็ลองชมวีดีโอได้หลังข่าวครับ
ร่างกฏหมาย SOPA เป็นกฏหมายที่นับว่าเป็นไม้แข็งต่อปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ บริษัทเทคโนโลยีบางส่วนเริ่มเห็นขัดแย้งกันจนกระทั่งล่าสุดบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอย่าง Kaspersky ก็ประกาศไม่ต่ออายุสมาชิกกับทาง BSA (Business Software Alliance) เพราะ BSA สนับสนุน SOPA แล้ว
ทางฝั่ง BSA เองแม้จะไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าสนับสนุน SOPA แต่ก็ระบุว่ากฏหมายฉบับนี้ต้องถ่วงน้ำหนักให้ดีก่อนที่ BSA จะสนับสนุนได้ โดยกระบวนการ (due process), เสรีภาพในการพูด, และการละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องได้รับการปกป้อง
หลังจากที่โทรศัพท์ตระกูล Lumia ของโนเกียเริ่มวางจำหน่าย ไมโครซอฟท์ก็เริ่มเจอปัญหาแอพเถื่อนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง Nokia Drive ที่ถูกพอร์ตให้นำไปใช้งานกับ Windows Phone รุ่นอื่นๆ ได้ และยังมีการนำแอพอย่าง Turn by Turn ซึ่งเป็นแอพนำทางชื่อดังที่ตามปกติแล้วต้องเสียเงินซื้อมาเปลี่ยนให้เป็นแอพฟรีแล้วก็อัพโหลดขึ้นไปบน Marketplace (แล้วก็อัพโหลดผ่านเฉยเลย) ให้ได้ดาวน์โหลดไปใช้กัน
ตอนนี้ไมโครซอฟท์ก็ได้ลบแอพดังกล่าวออกไปจาก Marketplace แล้ว พร้อมกับส่งคำสั่งพิเศษบังคับลบแอพไปยังเครื่องที่ได้ติดตั้งแอพดังกล่าวนี้เอาไว้ด้วย และยังมีคำเตือนไปถึงชื่อผู้ใช้งานที่เป็นต้นเหตุอัพโหลดแอพดังกล่าวนี้ว่าได้สร้างความเสียหายไปกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐ
เว็บไซต์ TorrentFreak ที่ทำข่าวด้านการแชร์ไฟล์บนโลกอินเทอร์เน็ต ระบุว่า กูเกิลเริ่ม "กรอง" ผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บแชร์ไฟล์และเว็บบิตยอดนิยมหลายแห่ง เช่น The Pirate Bay, isoHunt, RapidShare, Torrent Reactor, Hot File ฯลฯ โดยกูเกิลจะ "กรอง" ผลการค้นหาคำเหล่านี้ออกจากระบบ autocomplete และ instant search ของตัวเอง
อย่างไรก็ตามกูเกิลไม่ได้ปิดกั้นผลการค้นหาจากเว็บไซต์เหล่านี้ในหน้าปกติ (คือปิดแต่ระบบ autocomplete/instant) ซึ่งผลคือปริมาณการค้นหาคำเหล่านี้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
ตามข้อมูลของ TorrentFreak บอกว่าคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับเว็บแชร์ไฟล์บางแห่ง เช่น 4shared, fileserve, filesonic ยังไม่ถูกกรอง
กฎหมาย Stop Online Piracy Act (SOPA) เป็นกฏหมายที่ให้อำนาจรัฐในการปิดกั้นเว็บไซต์ด้วยเหตุผลจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กฏหมายฉบับนี้ให้อำนาจรัฐไว้กว้างมากถึงขนาดที่สามารถห้ามการ "ลิงก์" ไปยังเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ภายใต้กฏหมายนี้ ให้อำนาจไว้กับรัฐและเอกชนไว้สามส่วนใหญ่ๆ
งานวิจัยจาก Yankee Group โดยได้รับการสนับสนุนจาก Skyhook สัมภาษณ์ข้อมูลจากนักพัฒนาแอพ Android จำนวน 75 ราย พบว่ามีรายได้จากการขายแอพน้อยกว่า iOS มาก