Cisco ประกาศเข้าซื้อบริษัท OpenDNS ที่เรารู้จักกันดีในฐานะผู้ให้บริการ DNS Server ฟรี แต่จริงๆ แล้ว OpenDNS ทำธุรกิจด้านความปลอดภัยบนกลุ่มเมฆ โดยป้องกันการโจมตีจาก DDoS, มัลแวร์ และบ็อตเน็ตต่างๆ
Cisco ระบุว่าซื้อ OpenDNS เพื่อมาเสริมโครงการ Security Everywhere ของตนเอง และเตรียมความพร้อมสำหรับโลกในยุค IoT (Cisco เรียก IoE) ในอนาคตอันใกล้นี้ มูลค่าการซื้อกิจการรอบนี้ 635 ล้านดอลลาร์
OpenDNS เองก็ออกมาเผยสถิติว่าปกป้องผู้ใช้เน็ตมากกว่า 65 ล้านคนทั่วโลก มีลูกค้าเกิน 10,000 องค์กร ส่วนบริการ OpenDNS แบบฟรีจะยังคงให้บริการเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
reddit และ Wikipedia นำหน้าไปก่อนแล้ว ล่าสุดเ
OpenDNS นั้นให้บริการ DNS ฟรีมาเป็นรายแรกๆ (ช่วงหลังมีกูเกิลลงมาแข่งด้วย) แต่ล่าสุด OpenDNS ก็เปิดบริการ DNSCrypt เพิ่มขึ้นมาแล้ว
บริการ DNSCrypt นี้จริงๆ ก็คือการเชื่อมต่อกับ OpenDNS ผ่าน SSL เพื่อป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลหรือดักฟังการใช้งานเว็บ มันช่วยลดความเสี่ยงในบางกรณีเช่น DNS Poisoning ลงได้ แต่มันไม่ใช่การรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบเหมือน DNSSEC คือหากข้อมูลฝั่ง OpenDNS ผิด เราก็จะได้ข้อมูลมาผิดด้วย
ตอนนี้มีเฉพาะรุ่นแมคเท่านั้นส่วนวินโดวส์และลินุกซ์จะตามมาเร็วๆ นี้ สำหรับบ้านเราระบบเข้ารหัสแบบนี้น่าจะมีปัญหากับระบบล็อกอิน Wi-Fi จำนวนมาก อาจจะต้องปิดโปรแกรมก่อนตอนจะล็อกอิน หรือไม่ก็จำ URL สำหรับล็อกอินเตรียมไว้
หลายปีให้หลังมานี้บริการข้อมูลจำนวนมากมักไม่ได้มีเซิร์ฟเวอร์เพียงตัวเดียวแต่ใช้เซิร์ฟเวอร์จำนวนมากกระจายอยู่ทั่วโลกหรือที่เรียกว่า Content Delivery Network (CDN) โดยทุกเครื่องใน CDN จะมีข้อมูลเหมือนๆ กัน แต่เวลาที่มีคนร้องขอชื่อโดเมนด้วยโปรโตคอล DNS ก็จะดูว่าคำร้องขอนั้นมาจากประเทศใดแล้วตอบหมายเลขไอพีเครื่องที่น่าจะเชื่อมต่อได้เร็วที่สุดกลับไปให้
ผมเขียนข่าว OpenDNS มาตั้งแต่มันเปิดตัวจนร่ำรวย กระทั่งกูเกิลตั้งตัวขึ้นมาแข่ง แต่วันนี้ OpenDNS ก็ยังประกาศความแข็งแกร่งของตัวเองด้วยตัวเลขผู้ใช้ 1% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งโลก
ตัวเลข 1% หมายถึงมีผู้ใช้ OpenDNS อยู่ถึง 18 ล้านคน ยิ่งผู้ใช้มากยิ่งพิมพ์ผิดบ่อย ก็ยิ่งมีคนเข้าไปหน้าค้นหาของ OpenDNS ซึ่งเป็นแหล่งรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวเลขปริมาณผู้ใช้ของ OpenDNS เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปี 2009