กูเกิลยังคงพยายามทำให้หน้าค้นหาของตัวเองตอบคำถามของผู้ใช้ได้มากขึ้่นเรื่อยๆ ผ่านฟีเจอร์ Knowledge Graph ที่ล่าสุดเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกัีบตัวยาเข้าไปแล้ว

เมื่อผู้ใช้ค้นหาชื่อยา (เช่น Ibuprofen) กูเกิลจะแสดงผล Knowledge Graph โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับการออกฤทธิ์ของยา วิธีใช้ คำเตือน ผลข้างเคียง รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ อย่างแบรนด์ที่ผลิต และตัวยาอื่นที่ออกฤทธิ์ใกล้่เคียงกันมาด้วย

ข้อมูลตัวยาต่างๆ กูเกิลบอกว่ารวบรวมมาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ หอสมุดแพทย์แห่งชาติ และกรมกิจการทหารผ่านศึก และจากที่ลองค้นหา ดูเหมือนจะยังใช้ได้แค่ในสหรัฐฯ ครับ

ไมโครซอฟท์ออกแคมเปญโฆษณาใหม่สำหรับ Bing โดยคราวนี้มุ่งโจมตีบริการค้นหาสินค้า Google Shopping โดยเฉพาะ ซึ่งไมโครซอฟท์อธิบายว่าแทนที่กูเกิลจะให้น้ำหนักผลการค้นหาในหน้า Google Shopping โดยเน้นความสัมพันธ์ของคำค้นเหมือนระบบเสิร์ชในหน้าอื่น แต่หน้า Shopping กลับให้น้ำหนักผลลัพธ์ที่จ่ายเงินค่าโฆษณาสูงกว่าเป็นหลัก ถึงแม้กูเกิลจะเขียนอธิบายว่าการจ่ายค่าโฆษณาเป็นปัจจัยหนึ่งในการคำนวณเท่านั้น แต่ไมโครซอฟท์บอกว่าเอาเข้าจริงผลลัพธ์ที่แสดงขึ้นมาล้วนจ่ายค่าโฆษณาทั้งสิ้น ทำให้ Google Shopping ไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นเสิร์ชแต่เป็นหน้ารวมโฆษณามากกว่า

กูเกิลประกาศเพิ่มความสามารถของช่องค้นหาใน Gmail โดยเพิ่ม operator สำหรับการค้นหาขั้นสูงอีกหลายอย่าง เช่น size:5m หรือ larger:5m สำหรับอีเมลที่มีขนาดใหญ่กว่า 5MB

นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการค้นหาแบบ exact match (อย่างนี้เป๊ะๆ) โดยใช้คำสั่ง +keyword ซึ่งจะได้ผลเป็นอีเมลที่มีคำว่า keyword (แต่ไม่มีคำว่า keywords) หรือสามารถใช้ "double quote" ครอบในกรณีที่เป็นวลีมีช่องว่างได้ด้วย

รายการตัวเลือกทั้งหมดดูได้จาก Using advanced search

หลังจากที่ Bing ได้ปรับโฉมเมื่อหลายปีก่อนด้วยการแสดงภาพพื้นหลังที่แสนจะงดงาม (ในสายตาผม) จนหลาย ๆ คนต้องตามดูเกือบทุกวัน ไมโครซอฟท์เองก็ทราบถึงจุดแข็งนี้จึงได้เพิ่มปุ่ม Like สำหรับเฟซบุ๊กและโปรแกรม Bing Desktop สำหรับเปลี่ยนพื้นหลังเดสก์ทอปให้เป็นภาพเดียวกับหน้าเว็บทุกวันอัตโนมัติ และล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ก็มีปุ่มขยายเพื่อกำจัดสารพัดรูปและตัวหนังสือไม่จำเป็นที่คอยบดบังภาพพื้นหลังออกจากหน้าจอด้วย

กูเกิลปรับหน้าผลการค้นหาของ Google Search เล็กน้อย โดยย้าย sidebar ด้านข้างที่เคยเป็นเมนูสำหรับเลือกประเภทของการค้นหา (Web, Images, Maps, Videos, Shopping) มาเป็นเมนูแนวนอน อยู่ด้านบนของรายการผลลัพธ์แทน (ดูภาพประกอบ)

กูเกิลให้เหตุผลว่าการย้ายเมนูครั้งนี้ช่วยให้มีพื้นที่ว่างในหน้าจอมากขึ้น ผู้ค้นหาจะได้โฟกัสไปที่ผลการค้นหามากขึ้น และยังเป็นการปรับสไตล์ให้เหมือนกับ Google Search เวอร์ชันมือถือและแท็บเล็ต ที่ใช้แนวทางนี้มาก่อนแล้ว

ตอนนี้กูเกิลเริ่มเปลี่ยนหน้าเว็บเฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐก่อน ส่วนประเทศอื่นๆ จะตามมาในลำดับต่อไป

ที่มา - Google Inside Search

หนุ่มวัย 42 ปีชาวออสเตรเลียชนะ Google ในคดีหมิ่นประมาท หลังจากพบว่าภาพของเขาปรากฏในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องคดีอาชญากรรมที่ยังปิดไม่ลงตั้งแต่ปี 2004

ศาลฏีกาในรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย พบว่า Google มีความผิดโทษฐานหมิ่นประมาท โดย Google อ้างว่าผลลัพธ์ของการค้นหา ทางบริษัทนั้นไม่ได้เป็นผู้เขียนเนื้อหาขึ้นมา แต่มาจากที่ได้มาจากอัลกอริทึมที่ Google ได้ตามเก็บมาจากเว็บต้นทาง

หนุ่มผู้ชนะคดีได้กล่าว่า การต่อสู้ที่ยาวนานของเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน แต่มันเป็นเรื่องของชื่อเสียงและครอบครัวของเขา เพราะว่าหลังจากปัญหาเกิดขึ้น (ตั้งแต่ปี 2009) ผู้คนในชุมชนของเขา ไม่มีใครต้องการพูดคุยกับเขาเลย

ผู้แพ้อย่าง Google ไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆ

Facebook เริ่มแสดงพลังของความเป็น search engine มากขึ้น ล่าสุดประกาศว่าหน้าศูนย์รวมแอพ App Center (ข่าวเก่าเรื่อง App Center) มีระบบค้นหาแอพแล้ว

ระบบค้นหาแอพช่วยให้ผู้ใช้เจอแอพที่ต้องการได้ง่ายขึ้น และนักพัฒนาแอพย่อมได้ผู้ใช้จำนวนมากขึ้นไปด้วย แต่ถ้ายังไม่พอใจ Facebook ยังมีระบบจ่ายเงินเพื่อซื้อผลการค้นหาในอันดับต้นๆ (sponsored results) ลักษณะเดียวกับ Google AdWords อีกด้วย

ถึงแม้ตอนนี้ระบบจ่ายเงินเพื่อโฆษณาในผลการค้นหาของ Facebook ยังจำกัดอยู่ในหน้า App Center แต่หลายคนน่าจะพอเดากันได้ว่า มันคงขยายตัวมาสู่ระบบค้นหาหลักของ Facebook ในไม่ช้า

นอกจากสารพัดเว็บแนะนำร้านอาหาร และเว็บบอร์ดแนวนี้ทั้งหลายแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่จะค้นหาร้านอาหาร (และสูตรอาหาร) ได้ ก็คือเสิร์ชเอ็นจิ้น ซึ่งหลายๆคนก็ใช้ Google กัน ... แต่มีอีกทางเลือกหนึ่งคือใช้เสิร์ชไทยที่ทำมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ คือ GinHub.com

เว็บและแอพที่ใช้หาร้านอาหารนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และในไทยก็มีหลายรายแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมีบทความรีวิวร้านที่เขียน ทั้งที่โดยทีมงานเว็บนั้นเอง และที่เขียนโดยผู้บริโภคทั่วไป

ผมเป็นแฟนตัวยงคนหนึ่งของเว็บและแอพประเภทนี้มายาวนาน และรู้สึกว่า หลายครั้งก็การอ่านรีวิวจากเว็บเดียวหรือแอพเดียวก็ยังไม่พอต่อการตัดสินใจ จึงมักจะต้องเปิดหลากหลายแหล่ง หนีไม่พ้นต้องใช้กูเกิลเสริมไปด้วย

กูเกิลอัพเดตแอพ Google Search บน iOS (iPad, iPhone, iPod touch) โดยปรับปรุงฟีเจอร์การค้นหาด้วยเสียงหรือ voice search แบบเดียวกับฝั่ง Android

หน้าตาของแอพจะคล้ายกับ Google Now บน Android ส่วนวิธีการใช้งานก็คล้ายกันคือกดปุ่มไมโครโฟนบนกล่องค้นหาแล้วพูดได้เลย เราสามารถถามกูเกิลเป็นประโยคภาษาอังกฤษธรรมดา เช่น Play me a trailer of the upcoming James Bond movie ซึ่งเอนจิน Knowledge Graph ของกูเกิลจะเข้าใจและตอบคำถามให้เราเอง

ที่มา - [Google Official Blog](http://googleblog.blogspot.com/2012/10/googles-most-advanced-voice-search-has.html)

คนที่ใช้งาน Android 4.1 Jelly Bean ในตอนนี้ สามารถใช้งานแอพ Google Now ที่มีฟีเจอร์เท่ากับที่ประกาศไว้ใน Android 4.2 ได้แล้ว ของใหม่ได้แก่

• เพิ่มคำสั่งที่รองรับใน voice actions เช่น ลงนัดในปฏิทิน
• เพิ่ม card ข้อมูลจากเดิม เช่น สถานที่น่าสนใจในบริเวณใกล้เคียง รอบฉายภาพยนตร์และคอนเสิร์ต จองร้านอาหาร สถานะการส่งพัสดุ
• ทำงานร่วมกับ Gmail สามารถส่งอีเมลจาก Google Now ด้วยเสียงพูดได้เลย

ที่มา - Phandroid

Google นั้นเป็น search engine ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เวลาเราจะค้นหาอะไรก็ต้องนึกถึง Google เป็นอันดับแรก แต่ก็มีผู้ใช้หลายๆ คนที่กังวลกับความเป็นส่วนตัวกับการค้นหาข้อมูลแต่ละครั้งใน Google เพราะว่า Google นั้นใช้ข้อมูลอ้างอิงจากประวัติการค้นหา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าค้น คำว่า Obama พร้อมกันหลายๆ คน แล้วเอามาเทียบกันก็จะเจอความแตกต่างของผลการค้นหาที่แตกต่างกันของแต่ละคนที่บางคนอาจเจอรูปภาพก่อนและบางคนอาจจะเจอลิงค์ที่เชื่อมโยงกับกับข้อมูลนั้น แต่ถ้าเป็น DuckDuckGo.com ผลการค้นหาข้อมูลเหมือนกันก็จะได้ข้อมูลเหมือนกัน และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าการค้นหาบน Google เพราะ DuckDuckGo.com จะไม่เก็บข้อมูลของผู้ใช้ในการค้นหา ไม่ว่าใครจะค้นหาข้อมูลอะไรที่ใช้คำค้นหาเด

ถ้ายังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ให้ Google Search สามารถค้นหาอีเมลใน Gmail ของผู้ใช้ได้ (ต้องล็อกอินและใช้ผ่าน Search Plus your World ซึ่งประเทศไทยยังไม่มี)

วันนี้กูเกิลก้าวไปอีกขั้น โดยเพิ่มผลลัพธ์จากบริการอื่นๆ ของตัวเอง เช่น Google Drive และ Google Calendar เข้ามาด้วย (ฟีเจอร์นี้ยังถือเป็นการทดสอบที่ต้องสมัครใช้กันก่อน)

ข่าวนี้คนที่ใช้งาน Foursquare อยู่แล้วคงจะเฉยๆ แต่ถ้าไม่ได้ใช้ Foursquare อยู่ก่อน มันจะน่าสนใจมาก เพราะตอนนี้ Foursquare ปรับหน้าแรกของเว็บตัวเองให้เป็นเครื่องมือค้นหาเต็มรูปแบบ ใครๆ ก็สามารถมาใช้งานได้โดยไม่ต้องล็อกอินหรือลงทะเบียน

จุดเด่นของ Foursquare Search คงหนีไม่พ้นข้อมูลการเช็คอินกว่า 30,000 ล้านครั้ง และทิปที่ผู้ใช้โพสต์เข้ามาอีก 30 ล้านครั้ง บริษัทระบุว่าทำระบบวิเคราะห์ข้อมูลดิบเหล่านี้ ให้อัลกอริทึมการแนะนำสถานที่ที่น่าสนใจ โดยอิงกับพิกัดของผู้ใช้

All Things D รายงานว่าแอปเปิลได้จ้าง William Stasior เพื่อมาดูแลแผนก Siri เรียบร้อยแล้ว โดย Stasior เดิมนั้นเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบส่วนธุรกิจที่ชื่อ A9 ของ Amazon ซึ่งดูแลระบบเสิร์ชและระบบโฆษณาภายในเว็บ Amazon ทั้งหมด รวมถึงรับดูแลระบบเสิร์ชให้เว็บขายสินค้าที่อื่นด้วย

Stasior จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจาก MIT และมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเสิร์ชอย่างมาก เขาเคยทำงานทั้งที่ออราเคิลและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเว็บ AltaVista

YouTube ประกาศปรับปรุงอัลกอริทึมการเรียงอันดับของวิดีโอในหน้า search ของตัวเองเสียใหม่ โดยให้คะแนนกับการคลิกเพื่อเข้าชมวิดีโอ (แต่อาจดูไม่จบ) น้อยลง และหันมาให้ความสำคัญกับ "เวลาที่ใช้ในการรับชม" ของวิดีโอนั้นๆ มากขึ้น

YouTube บอกว่าต้องการให้ความสำคัญกับวิดีโอที่ดึงให้ผู้ชมอยู่กับมันนานกว่า ซึ่งสะท้อนว่าเป็นวิดีโอที่ดีกว่า และผลการทดลองในขั้นต้นก็ให้ผลออกมาดี

สำหรับผู้ที่ทำวิดีโอขึ้น YouTube ก็สามารถดูสถิติของ "เวลาที่ใช้ในการรับชม" (Time Watched) ได้จากหน้า YouTube Analytics ได้แล้ว

ที่มา - YouTube Creators

Bloomberg Businessweek รายงานเส้นทางของแอปเปิลเมื่อไม่มีสตีฟ จ็อบส์ ไว้มากมาย โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับแผนที่และ iOS Search Engine ดังนี้

จ็อบส์เป็นผู้ริเริ่มการทำแผนที่ด้วยตนเอง โดยสั่ง Scott Forstall รองประธานฝ่าย iOS ให้ไปตั้งทีมงานลับที่ชั้น 3 ตึก 2 ในสำนักงานใหญ่แอปเปิลเพื่อทำแผนที่แทน Google Maps บน iPhone โดยก่อนตาย จ็อบส์เกลียดกูเกิลมาก ที่นอกจากจะลอกฟีเจอร์ของ iPhone ไปแล้ว ยังไม่ยอมให้ฟีเจอร์ Turn-by-turn ของ Google Maps กับ iPhone

จ็อบส์เคยหารือว่าจะเอา Google Search Engine ออกจาก iPhone แต่ผู้บริหารระดับสูง 2 คนคัดค้าน เพราะลูกค้าต้องต่อต้านเรื่องนี้แน่ ๆ

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อไม่นานมานี้ ไมโครซอฟท์ออกแคมเปญ Blind Test ระบบค้นเว็บชื่อ Bing It On ให้ผู้ใช้ทดสอบ Bing กับ Google Search โดยไม่รู้ว่าเป็นยี่ห้ออะไร

ตอนนี้แคมเปญจบเรียบร้อย ไมโครซอฟท์บอกว่ามีผู้เข้าชมเว็บ Bing It On กว่า 5 ล้านครั้ง และผลออกมาว่าผู้ทดสอบเลือก Bing มากกว่า Google Search ด้วยสัดส่วน 2:1

นอกจากการทดสอบผ่านหน้าเว็บแล้ว Bing ยังจ้างบริษัทวิจัยภายนอกสำรวจความเห็นของผู้ใช้ โดย 64% ของผู้ตอบแบบสอบถามประหลาดใจกับคุณภาพของ Bing และ 33% ของคนที่ตอบว่า Google Search ดีกว่าบอกว่าจะลองกลับไปใช้ Bing ดูบ้าง

ผู้ใช้ Gmail คงคุ้นเคยกับการค้นหาอีเมลเก่าของตัวเองเป็นอย่างดี (เป็นสิ่งที่กูเกิลตั้งใจทำมาเพื่อการนี้) ล่าสุดมีคนไปค้นพบว่ากล่องค้นหาของ Gmail ไม่ใช่แค่หาได้เฉพาะเนื้อเมลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเนื้อหาในไฟล์ที่แนบมากับอีเมลด้วย

วิธีการใช้งานก็แค่เติมคำว่า has:attachment ในกล่องค้นหา แล้วตามด้วยคีย์เวิร์ดที่ต้องการครับ (ผลการค้นหาอาจช้ากว่าการหาเฉพาะเนื้ออีเมลอยู่บ้าง เพราะกูเกิลไม่ได้ทำดัชนีของไฟล์แนบเอาไว้) เท่าที่ต้นข่าวทดสอบใช้ได้กับไฟล์ .pdf, .doc, .ppt

ถ้าใครลองกับภาษาไทยแล้วเวิร์คก็ช่วยแจ้งด้วยนะครับ

ที่มา - Google Operating System

Google Search ค้นหาข้อมูลภาพยนตร์มาได้นานแล้ว โดยเราสามารถค้นหาภาพยนตร์ที่ฉายอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการได้ (ตัวอย่าง movie near bangkok) ซึ่งกูเกิลจะแสดงข้อมูลเบื้องต้นของภาพยนตร์ ความยาว ประเภท และลิงก์ที่กดเข้าไปดูรอบฉายตามโรงหนังต่างๆ

ล่าสุดกูเกิลประกาศเพิ่มปุ่ม Trailer ต่อท้ายรายชื่อภาพยนตร์เหล่านี้แล้ว เมื่อกดแล้วเราจะเห็นวิดีโอตัวอย่างจาก YouTube โผล่ขึ้นมาให้ดูกันทันที

ผมลองกับ movie near bangkok ยังไม่ได้นะครับ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเมืองอื่นๆ ในสหรัฐจะขึ้นปุ่มนี้ให้เห็น

จากกรณี Ubuntu 12.10 จะพ่วง Amazon Shopping ติดมาด้วย ส่งผลให้ผู้ใช้ Ubuntu จำนวนมากไม่พอใจ และกังวลว่าข้อมูลการพิมพ์คำค้นจะถูกส่งไปยัง Amazon โดยไม่มีทางเลือกอื่น

ตัวแทนของ Canonical ออกมาให้ข้อมูลว่า คำค้นจะถูกส่งผ่าน HTTPS โดยไม่ระบุตัวตนของผู้ใช้ และข้อมูลจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Canonical ก่อนเสมอ แล้วจึงค่อยส่งไปยัง Amazon อีกทีหนึ่ง

นอกจากนี้ Canonical กำลังพัฒนาตัวเลือกปิดการใช้งาน Dash ไม่ให้ส่งข้อมูลที่เราพิมพ์ขึ้นไปยังอินเทอร์เน็ตด้วย (ปิดหมดทุกกรณี ไม่ใช่แค่ Amazon)

ไมโครซอฟท์ประกาศลงทุนใน Klout บริษัทที่คำนวณอิทธิพลของผู้ใช้สื่อออนไลน์ โดยไม่เปิดเผยมูลค่าว่าลงทุนเป็นจำนวนเงินเท่าไร

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเซ็นสัญญากับ Klout นำคะแนนอิทธิพลหรือ Klout Score และหัวข้อที่ผู้ใช้เครือข่ายสังคมคนนั้นๆ เชี่ยวชาญ (ที่คำนวณโดย Klout อีกเช่นกัน) ไปแสดงในแถบ People Who Know ของ Bing ด้วย (Bing ช่วงหลังรุกตลาดสังคมออนไลน์ โดยจับมือกับ Twitter/Facebook, Foursquare นำข้อมูลพวกนี้มาแสดงในผลการค้นหา)

คนที่เคยดูแนวโน้มของคีย์เวิร์ดต่างๆ ของกูเกิล คงทราบกันดีว่ากูเกิลมีผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ 2 ตัวแยกกันคือ Google Trends และ Google Insights for Search (ที่มาทีหลังแต่ละเอียดกว่า)

วันนี้กูเกิลทำสิ่งที่ควรทำมานาน นั่นคือรวมผลิตภัณฑ์สองตัวนี้เข้าด้วยกันเป็น Google Trends ตัวเดียว มีฟีเจอร์จากทั้งสองตัวครบครัน และเปลี่ยนวิธีแสดงผลกราฟเป็น HTML5 (ด้วย Google Chart Tools) ทำให้ดูกราฟบนอุปกรณ์พกพาได้ง่ายขึ้น

ใครยังไม่เคยเล่นก็เข้าไปลองได้ที่ Google Trends ครับ

ที่มา - Inside Search

บริษัท ICM Registry ผู้ถือโดเมน .xxx เปิดตัวเสิร์ชเอ็นจินที่ช่วยในการค้นหาเฉพาะสำหรับโดเมน .xxx แล้ว ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้เป็นความพยายามของบริษัทที่ต้องการสร้างระบบนิเวศของเนื้อหาประเภทเรทเอ็กซ์หรือกล่าวคือการแบ่งอินเทอร์เน็ตออกเป็นอีกรูปแบบที่มีเนื้อหาเฉพาะ อาจเรียกว่าเป็น pornternet เลยก็ว่าได้

ในเรื่องกฎระเบียบนั้น ทาง ICM ก็มีการกำหนดไว้ว่าจะต้องไม่มีเนื้อหาลามกอนาจารเด็ก และเว็บไซต์ที่จะใช้โดเมน .xxx นั้นจำเป็นต้องได้รับการตรวจมัลแวร์จาก McAfee ทุกวันด้วย ผู้อ่านสามารถทดสอบเสิร์ชเอนจินนี้กันได้ที่นี่เลยครับ

Eric Schmidt ไปร่วมงานเปิดตัว Nexus 7 ที่ญี่ปุ่น (งานเดียวกับที่เขาพูดถึง Google Maps บน iOS)

บนเวทีเขายังพูดถึงยาฮูว่า กูเกิลยังสนใจจับมือเป็นพันธมิตรทำระบบค้นหากับยาฮูเหมือนเดิม โดยเขาพูดชัดเจนว่ากูเกิลสนใจเรื่องนี้มานาน และบอกยาฮูมาหลายรอบแล้ว ก่อนที่ Marissa Mayer จะย้ายข้ามวิกไปอยู่กับยาฮูด้วยซ้ำ

สัญญาณเล็กๆ ที่เป็นข่าวดีของ Bing และไมโครซอฟท์ครับ สถิติส่วนแบ่งตลาดค้นหาในสหรัฐอเมริกา ประจำเดือนกรกฎาคม 2012 โดยบริษัท Compete ระบุว่า Bing กินส่วนแบ่งตลาดของกูเกิลมาได้อีก 0.2 จุด (percentage point) เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน

ส่วนแบ่งตลาดล่าสุดคือ

• Google 65.1%
• AOL (ใช้เอนจิน Google) 0.9%
• Bing 18.9%
• Yahoo! (ใช้เอนจิน Bing) 15.1%

ถ้าดูแนวโน้มระยะยาวแล้ว Bing มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (แม้ว่าจะเพิ่มแบบช้าๆ ก็ตาม) โดย 1 ปีก่อนหน้านี้ กูเกิลมีส่วนแบ่งตลาด 68% ส่วน Bing มี 13.9%