แอปเปิลเปิดตัว iPod nano สีแดงสด โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ PRODUCT (RED) และมีคนดังอย่าง Bono (นักร้องนำ U2) กับ Ophra Winfrey มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้

iPod nano สีแดงนี้เป็นรุ่นความจุ 4GB ขายในราคา $199 เท่ากับสีอื่น แต่เงินที่เราจ่ายจะหัก 10 เหรียญเข้ากองทุนเพื่อโรคเอดส์ในอาฟริกา ผมดูรูปแล้วสีแดงสวยดี ซื้อมาคงไม่มีใครเหมือนแถมได้กุศลอีกด้วย (ปัญหาเดียวคงเป็นเรื่องว่ามันซื้อยาก)

โครงการ RED เปิดตัวมาได้ซักพักและได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจหลายราย เช่น RAZR สีแดงจากโมโตโรล่า หรือ บัตรสีแดงของ American Express เป็นต้น

Ars Technica มีรีวิว iPod nano รุ่นสอง เรื่องฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาคงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าใครยังจำรีวิว iPod nano รุ่นแรกของ Ars ที่ฮิตถล่มทลายเนื่องจากเค้าทดสอบความอึดโดยเอารถไปเหยียบได้ ตอนนี้มันกลับมาอีกแล้วครับ

การทดสอบคราวนี้อิงจากเสียงตอบรับของผู้อ่านรอบแรก โดย Ars จำลองสถานการณ์ที่ iPod น่าจะพังบ่อยๆ เช่น ทำหล่น, นั่งทับ และลืมไว้ในเครื่องซักผ้า ผลการทดลองคือ iPod nano รุ่นสองไม่ทนเท่ารุ่นแรกในการทำหล่น (จอเสียก่อนเลย) แต่เจอกับผงซักฟอกแล้วก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ ที่น่าสนใจคือกระจกครอบจอทนทานมาก ไม่เป็นรอยง่ายแบบรุ่นที่แล้วแน่นอน

แอปเปิลได้อัพเกรด iPod ทั้งสามรุ่นในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้

ความเดิมคือนสพ. ในอังกฤษได้เปิดโปงโรงงานผลิต iPod ในจีนว่าใกล้เคียง "โรงงานนรก" และทำให้แอปเปิลเสียเครดิตด้านสิทธิพื้นฐานพนักงานไปมากพอควร (ข่าวเก่า)

แอปเปิลได้จ้างบริษัทตรวจสอบข้ามชาติชื่อ Verité (เหมือนกับพวกตรวจสอบบัญชี เพียงแต่อันนี้ตรวจสอบคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่) ให้เข้าไปดูโรงงาน Foxconn เจ้าปัญหาที่ว่า ผลแบบสรุปๆ ก็คือไม่เลวร้ายอย่างที่เป็นข่าว แต่ก็มีบางประเด็นที่ไม่เข้ากับข้อกำหนด Code of Conduct ของแอปเปิลเช่นกัน ซึ่ง Foxconn ก็ดำเนินการแก้ปัญหาไปบ้างแล้ว เช่น การสร้างหอพักพนักงานใหม่ เป็นต้น

หนังสือพิมพ์ Mail on Sunday ในอังกฤษได้ส่งนักข่าวไปสำรวจโรงงานสองแห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ ใกล้กับเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ซึ่งเป็นที่ผลิต iPod, iPod nano และ iPod shuffle ที่เราเห็นแปะมาในกล่องว่า "designed in California"

โรงงานทั้งสองแห่งไม่ใช่ของแอปเปิล เป็นโรงงานรับผลิตอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ตามสั่ง เพียงแต่ตอนนี้ก็เอากำลังหลักมาทุ่มให้ iPod โรงงานแห่งแรกเป็นของบริษัท Foxconn จากไต้หวัน ซึ่งใหญ่มากมีคนงานกว่า 2 แสนคน แต่คุณภาพชีวิตแย่มาก ต้องทำงานวันละ 15 ชม. และได้ค่าแรงประมาณ 50 เหรียญต่อเดือน แถมมีการ์ดล้อมอย่างดีเพื่อป้องกัน "ความลับรั่วไหล"

ข่าวสนุกๆ คราวนี้ เกิดจากการสำรวจนักศึกษา ป. ตรีจำนวน 1,200 คนจากมหาลัยหลายแห่งในสหรัฐ สำหรับคำถามที่ว่าอะไร" เท่" (ต้นฉบับเค้าใช้คำว่า "in") ตัวเลือกอันดับหนึ่งจากผลสำรวจคือ iPod (73%) ซึ่งมากกว่า SMS หรือดาวน์โหลดเพลงออนไลน์

ส่วนแชมป์เก่า 18 สมัยคือการดื่มเบียร์นั้นตกมาอยู่ที่สอง 71% ซึ่งคาดว่าเดี๋ยวคงกลับมาทวงแชมป์ได้คืนเมื่อกระแส iPod เริ่มจาง

ที่มา - Yahoo! News

คนดังพูดอะไรนิดหน่อยก็เป็นข่าว MSNBC มีสัมภาษณ์สตีฟ จ็อบส์สั้นๆ เนื่องในโอกาสเปิดร้านใหม่ที่ Fifth Avenue ในแมนฮัตตัน

อารยธรรม iPod เริ่มแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ผลการสำรวจพบว่ามีคู่รักเริ่มใช้ iPod เปิดเพลงในงานแต่งงานแทนจ้างวงดนตรีหรือดีเจ สาเหตุหลักคือประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนผลพลอยได้นอกจากนั้นคือคู่บ่าวสาว รวมถึงเพื่อนๆ และครอบครัวมีส่วนร่วมในการเลือกเพลงอย่างเต็มที่ โรแมนซ์น่าดู

แนวโน้มนี่คงไม่ขนาดทำให้วงดนตรีหรือดีเจต้องอดตาย แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เท่าที่ผมอ่านจากคอมเมนต์ดูก็มีคนบอกว่าเคยทำ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีหลายคน

เคยเห็นใช้โน้ตบุ๊ค + winamp เปิดเพลงตามงานก็บ่อย แต่ iPod นี่ผมก็ยังไม่เคยครับ มีใครจะแต่งงานช่วงนี้บ้างมั้ย?

แอปเปิลจับมือกับไนกี้ ออกของเล่นใหม่จับตลาดคนจ๊อกกิ้งที่ฟัง iPod ขณะวิ่ง

สนใจอยากเล่นต้องมีอุปกรณ์ดังนี้ครับ

• รองเท้า Nike+ (ไม่ใช่ Nike ธรรมดา) ซึ่งมีช่องเสียบอุปกรณ์ใต้ฝ่าเท้า
• iPod nano
• Nike+iPod Sport Kit ซึ่งเอาไปเสียบเพิ่มทั้งที่รองเท้าและ iPod

พอได้อุปกรณ์ครบแล้ว เมื่อคุณไปจ๊อกกิ้งครั้งต่อไป ตัวเซนเซอร์ในชุด Kit ที่รองเท้าจะส่งข้อมูลการวิ่งมาที่ nano ซึ่งทำหน้าที่วิเคราะห์การวิ่งของคุณให้เหมือนเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัว!!

ที่มา - Apple - Nike+

ข่าวฮือฮาประจำวันนี้ คือสุนทรพจน์ของปธน. บุชที่มหาลัย Tuskegee ได้กล่าวไว้ว่า (ขอยกคำภาษาอังกฤษมาจะได้รสชาติกว่า)

"the government funded research in microdrive storage, electrochemistry and signal compression. They did so for one reason: It turned out that those were the key ingredients for the development of the iPod."

แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ iPod นั้นเป็นผลงานสืบทอดจากงานวิจัยหลายๆ อย่างที่รัฐบาลสหรัฐได้สนับสนุนน่ะเอง

เรื่องมียังงี้ครับ มีสาวซานฟรานซิสโกคนนึงไปวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้า ปรากฎว่าดวงซวยเจอรถชนอาการสาหัส หมดสติ มีพลเมืองดีช่วยไว้ส่งโรงพยาบาลตามท้องเรื่อง

ปรากฎว่าทางโรงพยาบาลและตำรวจไม่สามารถบอกได้ว่าเธอชื่ออะไร คาดว่าไม่พกหลักฐานติดตัว เนื่องจากไปวิ่งมันคงเกะกะ ถ้าตามละครก็ต้องรอญาติจ้างนักสืบมาตามหาตัว (แถมนักสืบเป็นพระเอกอะไรเทือกนั้น) แต่เผอิญว่านี่เป็นปี 2006 สาวคนนี้พกไอพ็อดติดตัวตอนวิ่งตามเทร็นด์ และเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่มีอยู่