Google Reader โปรแกรมอ่าน RSS ผ่านหน้าเว็บของกูเกิล ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ดังนี้

• รองรับวิดีโอและเสียงแบบ HTML5 ถ้าเว็บต้นทางมีวิดีโอแบบนี้ มันจะแสดงใน Google Reader ให้เลย
• เพิ่มตัวเลือกในการแชร์ feed จากเดิมที่มีแค่ Like กับ Share ก็มี "Not Interested" เพื่อบอกว่าเนื้อหาชิ้นนี้ไม่น่าสนใจ ซึ่งกูเกิลจะนำไปคำนวณความนิยมของบล็อกต้นทางด้วย
• เพิ่มตัวเลือกใน Google Reader Play
• ปรับแต่งความเร็วในการโหลดให้ดีขึ้น

ที่มา - Google Reader Blog

Opera ลงมาร่วมถกประเด็น HTML5 vs Flash แล้ว โดย Phillip Grønvold นักวิเคราะห์ของ Opera ให้ความเห็นว่า อินเทอร์เน็ตทุกวันนี้ขาด Flash ไม่ได้ ถ้าเราเอา Flash ออกไป มันก็ไม่ใช่อินเทอร์เน็ต ทาง Opera มองว่าภายใน 18 เดือนข้างหน้า Flash จะยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่ ไม่ได้หายไปไหน

แต่เขาก็บอกว่าอนาคตของเว็บคือมาตรฐานเปิดอย่าง HTML5 และมองว่า Adobe ควรตอบสนองกระแสนี้ให้เร็ว โดยรีบประกาศ Flash ให้เป็นเทคโนโลยีเปิด

เขาบอกว่า Flash มีงานที่เหมาะสำหรับมัน นั่นคือเนื้อหาแบบไดนามิก แต่เขาก็วิจารณ์ Flash ในเรื่องการกินซีพียูและแบตเตอรี่ โดยบอกว่าคุณสามารถต้มไข่ได้บนอุปกรณ์ที่รัน Flash เลยทีเดียว

Kevin Lynch CTO ของ Adobe ขึ้นเวทีงาน Web 2.0 Expo ตอบคำถามที่ทุกคนคาใจเรื่อง Flash vs HTML5

เขาบอกว่า Flash กับ HTML5 อยู่ร่วมกันได้ และ Adobe จะสร้างเครื่องมือพัฒนา HTML5 ที่ดีที่สุดในโลก

จากนั้นเขาเสริมต่อว่า ประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่อง HTML5 vs Flash แต่เป็นเรื่องเสรีภาพในการเลือก ตอนนี้เราอยู่ในยุคที่ "ใครบางคน" ต้องการสร้างกำแพงล้อมรอบบางส่วนของเว็บ ผู้ที่จะเข้าไปต้องได้รับอนุญาตก่อน และเขาเปรียบเทียบกับยุค 1800s ที่บริษัทรถไฟมีรางแบบเฉพาะของตัวเอง เอาหัวรถจักรไปวิ่งข้ามรางกันไม่ได้

สุดท้ายเขาบอกว่า Adobe ไม่ต้องการเล่นเกมเทคโนโลยี ในขณะที่แอปเปิลเล่นเกมทางกฎหมาย โดย Adobe จะหันความสนใจไปยังคนอื่นๆ เช่น พาร์ทเนอร์และผู้ใช้แทน

ประเด็นเรื่อง Flash ยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างเคย และยังไม่น่าจะจบง่ายๆ

ล่าสุด Scribd เว็บไซต์ฝากไฟล์เอกสารที่สามารถนำมาแปะบนเว็บไซต์อื่นๆ ผ่าน Flash (Blognone เองก็เคยใช้บริการอยู่บ่อยๆ) ได้ประกาศว่าเตรียมเลิกใช้ Flash และจะแปลงเอกสารทั้งหมดเป็นเว็บเพจแบบ HTML5 แทน

Jared Friedman ผู้ก่อตั้งบริษัทให้สัมภาษณ์ว่า Scribd จะยกเลิกแพลตฟอร์ม Flash ที่พัฒนามา 3 ปี และเสี่ยงกับเทคโนโลยี HTML5 เพราะเขาเชื่อว่า HTML5 ให้ประสบการณ์ในการอ่านเอกสารดีกว่า Flash

จากกรณี HTML5 vs Flash ทางเว็บไซต์ Encoding.com ซึ่งให้บริการแปลงวิดีโอขึ้นเว็บกับบริษัทและเว็บใหญ่ๆ หลายราย ได้เปิดเผยสถิติของ codec ชนิดต่างๆ ที่บริษัทเคยทำให้ แม้ว่าจะไม่ใช่สถิติของเว็บทั้งหมด แต่ทาง Encoding.com คาดการณ์ว่ามันสะท้อนสัดส่วนจริงของวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตได้

• ในรอบ 1 ปีล่าสุด จำนวนวิดีโอที่เป็น H.264 เพิ่มจาก 31% มาเป็น 66%
• ในช่วงเวลาเดียวกัน วิดีโอที่ใช้ codec แบบ FLV (H.263) และ Flash VP6 ลดลง จากเดิม 69% มาเหลือ 26%

ต้องย้ำก่อน (แฟนบอยแอปเปิลจะมาโมเม) ว่า สถิตินี้หมายถึง codec เพียงอย่างเดียวนะครับ วิดีโอแบบ H.264 สามารถใช้ได้ทั้ง Flash และ HTML5 ส่วนการจะเลือกแสดงผลด้วยอะไรนั้นขึ้นกับทางเว็บที่ให้บริการครับ

หลังจากที่แอปเปิลได้ออกมาโจมตี Flash แรงๆ (ดูข่าวเก่า) และ Adobe ก็ได้ออกมาโต้แล้ว (ดูข่าวเก่า) ทางฝั่งไมโครซอฟท์โดยหัวหน้าทีมพัฒนา Internet Explorer ได้ออกมาระบุว่า "HTML5 คืออนาคต"

Dean Hachamovich ได้ออกมาระบุผ่าน IEBlog ว่า HTML5 นั้นสำคัญมากที่จะสร้างเว็บแอพพลิเคชันดีๆ ซึ่ง IE9 จะรองรับ HTML5 โดยที่ผ่านมาทางไมโครซอฟท์ได้มีส่วนร่วมกับ W3C เพื่อร่างมาตรฐาน HTML5 มาโดยตลอด พร้อมกับระบุว่า IE9 จะรองรับมาตรฐานวีดีโอ H.264 เพียงอย่างเดียว

สงครามภาพเคลือนไหวแห่งเว็บยังไม่จบลงง่ายๆ จากความพยายามของ Flash ที่จะบุกไปทุกที่ แต่ในวันนี้ดูเหมือนแพลตฟอร์มใหม่ๆ จะรองรับกันแต่ HTML5 เป็นหลัก ล่าสุด Adobe ก็ระบุว่าใน Flash CS5 นั้นจะมีเครื่องมือสำหรับแปลง Flash เป็น HTML Canvas แล้ว

ขณะที่เครื่องมือในชุด CS5 ยังไม่วางตลาดเป็นทางการ เราคงยังไม่เห็นว่าประสิทธิภาพจริงๆ ของเครื่องมือ และภาพเคลื่อนไหวที่ได้จะเป็นอย่างไร แต่นี่ก็เป็นก้าวแรกที่เราจะมีเครื่องมือที่สามารถส่งภาพเคลื่อนไหวไปแทบทุกที่โดยการสร้างสรรค์ในเครื่องมือชุดเดียวเท่านั้น

ที่มา - 9to5mac

หากมองกระแสวิดีโอออนไลน์ที่ผ่านมา จะพบว่ากระแสนั้นเอนเอียงไปทางวิดีโอแบบ HTML5 มากขึ้น เนื่องจากการเป็นแพลตฟอร์มเปิดของตัว HTML5 นั่นเอง Brightcove ที่ถูกใช้โดยหลายๆบริษัทนั้น จากที่เคยเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสำหรับ Flash อย่างเดียว ก็ได้เพิ่มการสนับสนุนวิดีโอแบบ HTML5 ซึ่ง SublimeVideo ของบริษัท Jilion ก็เป็นอีกผู้เล่นหนึ่งในกระแสนั้น

ทีมวิศวกรของกูเกิลตอกย้ำถึงศักยภาพของ HTML5 อีกครั้งด้วยการพอร์ทเกมสุดคลาสสิคอย่าง Quake II มาเล่นกันในเว็บเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องอาศัย Flash แต่ใช้องค์ประกอบต่างๆ ของ HTML5 อย่างเต็มที่ทั้ง WebGL, Canvas, Audio, WebSocket และ LocalStorage แทนทั้งหมด

โปรเจคนี้ใช้โค้ดของ Jake2 (พอร์ทของ Quake II ในภาษา Java) และใช้ Google Web Toolkit พอร์ทข้ามมาเป็น JavaScript อีกที โดยตอนนี้สามารถเล่นได้บน Chrome และ Safari ทางทีมงานอ้างว่าสามารถเล่นได้ลื่นถึง 60 FPS (แต่ผมดูในวีดีโอคิดว่าไม่ถึงขนาดนั้น น่าจะสัก 30 FPS ตามที่บอกใน TechCrunch มากกว่า)

Brightcove บริษัทให้บริการวิดีโอออนไลน์ชื่อดัง ประกาศสนับสนุน HTML5 Video แล้ว โดยลูกค้าของบริษัทกว่า 1,000 รายจะสามารถนำความสามารถนี้ไปใช้ได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

โดยลูกค้าสองรายแรกที่ประกาศจะไปใช้ HTML5 Video ของ Brightcove คือ The New York Times และ Time Inc ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นผลจากการเดินสายพบนักข่าวของสตีฟ จ็อบส์หรือเปล่า โดย Brightcove โฆษณาว่าระบบจะมีความสามารถแทบจะเหมือนกับ flash ทุกประการ คือแทรกโฆษณา, ทำ playlist, สนับสนุน H.264, ตรวจสอบผู้ใช้อัตโนมัติว่าควรจะใช้ flash หรือ HTML5 และแน่นอน สามารถเล่นบน iPad ได้

ทุกวันนี้เราพูดถึง HTML5 กันมาก แต่แท้จริงแล้ว มาตรฐาน (ตามกระบวนการของ W3C) ยังไม่เสร็จครับ แถม HTML5 ประกอบด้วยฟีเจอร์หลายส่วน เช่น <video>, <canvas>, web workers, geolocation ฯลฯ

ข่าวนี้จะพูดถึงฟีเจอร์การเก็บข้อมูลของเว็บแอพพลิเคชันแบบออฟไลน์ครับ หรือที่เรียกกันว่า local storage

ประเด็นการถกเถียงเรื่อง "Flash กินซีพียู HTML5 ดีกว่า" ยังไม่จบไม่สิ้น คราวก่อน Adobe ขอเถียง "Flash ไม่ได้กินแรงซีพียูมากกว่า" แต่อาจมีสาวกบางค่ายเถียงว่า "เบนช์มาร์คไม่เป็นกลาง" (ฮา) คราวนี้ลองมาดูเบนช์มาร์คจากผู้ทดสอบอิสระ ที่ทดสอบด้วยวิดีโอเดียวกันบน YouTube ให้รู้กันไปเลย

ผู้ทดสอบคือคุณ Jan Ozer ใช้วิดีโอ Rosie tackles the new HP Z800 บน YouTube ซึ่งมีทั้งเวอร์ชันที่เป็น Flash และ HTML5 (ใช้ codec H.264) โดยทดสอบบนเบราว์เซอร์ 4 ตัวคือ Safari, Chrome, Firefox, IE ทั้งบนแมคและวินโดวส์ ในกรณีของ Flash นั้นใช้ทั้ง Flash Player 10.0 และ 10.1

กูเกิลปล่อย Chrome 5 รุ่นสำหรับนักพัฒนา (build 5.0.342.1) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือมันรองรับ Geolocation API ของ W3C ในเบื้องต้นแล้ว

เบราว์เซอร์ที่สนับสนุน Geolocation API ในตอนนี้คือ Firefox 3.5 ขึ้นไป, Safari รุ่นบน iPhone และ Opera 10.5 รุ่นพิเศษ ด้านกูเกิลเคยรองรับฟีเจอร์นี้ใน Gears และ Chrome รุ่นก่อนๆ ที่รวม Gears มาด้วย แต่ในภายหลัง กูเกิลได้ประกาศเลิกพัฒนา Gears และบอกให้ไปใช้ HTML5 แทน

ต่อเนื่องจาก Adobe ขอเถียง "Flash บน Android ไม่กินแบต" สมรภูมิย้ายมาเป็น Flash Player เวอร์ชันเดสก์ท็อปแล้วครับ

Mike Chambers ซึ่งมีตำแหน่งเป็น Principal Product Manager ฝ่ายนักพัฒนา Flash ของ Adobe ออกมาเขียนบล็อกโต้ตอบ "ข้อกล่าวหา" ยอดนิยมที่ Flash Player มักจะโดน 2 ประเด็น ได้แก่

• Flash ใช้งานซีพียูมากเกินไป
• Flash บนแมค ประสิทธิภาพแย่กว่าเวอร์ชันบนวินโดวส์มาก

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับสองข้อที่ว่า แต่ Mike Chambers ได้ทดสอบให้ดูว่ามันไม่จริงเสมอไป

ก่อนหน้านี้ไม่นาน กูเกิลเคยออกมาเตือนแล้วว่า อย่าสนใจ Gears มุ่งไปยัง HTML5 เลย ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวออกมาอีกแล้ว

Ian Fette นักพัฒนาของ Gears ได้เขียนลงใน Gears Blog ว่ากูเกิลจะย้ายความสามารถทั้งหมดของ Gears ไปไว้ใน HTML5 โดย Chrome รุ่นหลังๆ จะรองรับฟีเจอร์ลักษณะเดียวกัน เช่น เก็บข้อมูลออฟไลน์, Geolocation ฯลฯ แต่อิงกับ API มาตรฐานของ HTML5 แทน

Ian Hixie หนึ่งในคณะทำงานร่างมาตรฐาน HTML5 และพนักงานของกูเกิลได้เขียนลงในบล็อกของตนเองว่าขณะนี้ Adobe ได้คัดค้านร่างมาตรฐาน HTML5 ฉบับล่าสุดโดยยังไม่ยอมบอกเหตุผลต่อสาธารณะ แม้ว่าจะสัญญาว่าจะประกาศก่อนหน้านี้

Hixie ได้ยกนำคำพูดของผู้บริหารและทีมงานของ Adobe หลายๆ คนที่พูดถึงการสนับสนุนการร่าง HTML5 มาเปรียบเทียบ และระบุว่าการกระทำนี้เป็นความตั้งใจของ Adobe ที่จะบ่อนทำลาย HTML5 แม้ว่าฉากหน้าของตนจะบอกว่าสนับสนุนก็ตาม

ถัดจาก Dailymotion และ YouTube เว็บวิดีโอออนไลน์รายใหญ่อีกเจ้าคือ Vimeo ได้ประกาศรองรับวิดีโอผ่านแท็ก <video> แล้ว

Vimeo เลือกใช้ H.264 เช่นเดียวกับ YouTube นั่นแปลว่าดูได้เฉพาะ Chrome กับ Safari เท่านั้นในตอนนี้ ทางบริษัทบอกว่าวิดีโอกว่า 90% บนเว็บสามารถดูผ่าน <video> ได้แล้ว

ที่มา - CNET

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Dailymotion เริ่มทดลองวิดีโอแบบ Ogg ด้วยแท็ก <video> ตอนนี้ คู่แข่งอย่าง YouTube ก็เริ่มรองรับวิดีโอผ่าน <video> โดยไม่ต้องใช้ Flash แล้วเช่นกัน

แต่ถึงแม้จะใช้แท็กเดียวกัน แต่ความต่างอยู่ที่ codec ครับ วิดีโอของ YouTube ซึ่งเป็นของกูเกิลเลือกใช้ H.264 ซึ่งต่างไปจาก Dailymotion ที่เป็น Ogg Vorbis การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เบราว์เซอร์สาย Mozilla ไม่สามารถดูได้ แต่ Chrome และ Safari รวมถึง IE ที่ใช้ ChromeFrame นั้นดูได้ (อ่านปัญหาเรื่อง codec ใน HTML5 ได้ที่ข่าว WHATWG ยกเลิกข้อกำหนดส่วน codec ใน HTML5 Video)

แม้ว่าหลายๆ คนจะรู้จัก Gears หรือชื่อเดิม Google Gears ว่าเป็นตัวเก็บข้อมูลแบบออฟไลน์ของกูเกิล (ข่าวเก่า: กูเกิลบุกโลก Offline ด้วย Google Gears) แต่จริงๆ แล้วมันยังมีส่วนประกอบอื่นด้วย เช่น Geolocation และ WorkerPool (รันจาวาสคริปต์แบบขนาน ช่วยให้เว็บแอพพลิเคชันเร็วขึ้น)

กูเกิลออก Gears มาเพื่อชดเชยจุดอ่อนของเบราว์เซอร์และ HTML แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฟีเจอร์หลายอย่างของ Gears ถูกผลักเข้าไปใน HTML5 แล้ว ทำให้โฆษกของกูเกิลออกมากระตุ้นให้นักพัฒนามุ่งหน้าสู่ HTML5 กันได้เลย

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คุณ Mark Pilgrim จากกูเกิลได้ขึ้นบทความในหัวข้อ This Week in HTML 5 ตอนที่ 35 ซึ่งเกี่ยวข้องกับความพยายามในการผลักดันมาตรฐาน HTML 5 โดยคุณ Pilgrim ได้อ้างว่า คุณ Adrian Bateman ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์และเป็นคนให้ข้อเสนอแนะ HTML 5 ฉบับร่างจากทางไมโครซอฟท์ ว่าไมโครซอฟท์จะสนับสนุนมัลติมีเดียแท็ก (multimedia tags)

ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ แม้สี่ค่ายเบราเซอร์คือ กูเกิล, แอปเปิล, มอซซิลล่า, และโอเปร่า จะทุ่มเถียงกันถึงข้อตกลงต่างๆ ใน HTML5 เป็นอย่างหนัก ค่ายหนึ่งที่เงียบเฉยเสมอมาคือไมโครซอฟท์ที่ดูเหมือนจะทุ่มเทกับเทคโนโลยี Silverlight และการทำตามมาตรฐานต่างๆ อยู่ แต่ในที่สุด ไมโครซอฟท์ก็ออกมาแสดงท่าทีที่จะเข้าร่วมกับมาตรฐาน HTML5

Adrian Bateman ผู้จัดการโครงการ Internet Explorer ของไมโครซอฟท์ส่งอีเมลเข้าไปยังอีเมลของโครงการ HTML5 ดังนี้

เมื่อวานนี้กูเกิลประกาศเข้าซื้อบริษัท On2 Technologies เจ้าของเทคโนโลยีเข้ารหัสภาพเคลื่อนไหวด้วยมูลค่า 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ On2 สร้างความหวังในวงการว่า HTML5 อาจจะมีทางออกสำหรับแท็ก Video หลังจากที่มีความไม่ลงตัวจนต้องถอนมาตรฐาน codec ออกไปก่อนหน้านี้

บริษัท On2 Technologies เป็นเจ้าของเทคโนโลยี VP6 ที่ถูกใช้งานในไฟล์ FLV หรือ Flash Video ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในตอนนี้ โดยตัวไฟล์ FLV นั้นรองรับทั้ง VP6 และ H.264

ต่อจากข่าวเก่า Wikipedia ทำระบบวิดีโอออนไลน์ใหม่ มีความคืบหน้าจาก Erik Moller รองผู้อำนวยการของ Wikimedia Foundation ว่า Wikipedia จะยังเลือก Ogg Theora เป็นฟอร์แมตหลักสำหรับวิดีโอ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังไม่ตัดสินคือวิธีการแปลงไฟล์วิดีโอต้นฉบับเป็น Ogg Theora โดยทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้คือผู้ใช้ต้องแปลงไฟล์บนเครื่องของตัวเองแล้วค่อยอัพโหลด ซึ่งก็มีตัวช่วยอย่าง Firefogg ซึ่งเป็น extension ตัวหนึ่งของ Firefox

ความสามารถหนึ่งของ HTML5 นั้นคือการรองรับแท็กวีดีโอ ซึ่งจะทำให้การควบคุมวีดีโอนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเว็บมากขึ้น (ใช้ Javascript ควบคุมวีดีโอได้) อย่างไรก็ตามปัญหาอย่างหนึ่งคือตัวถอดรหัสภาพหรือ codec นั้นยังมีการถกเถียงกันอยู่ จนต้องยกเลิกการกำหนด codec พื้นฐานที่ทุกบราวเซอร์ต้องรองรับออกไป

ในตอนเริ่มต้นของข้อกำหนด HTML5 Video นั้นกำหนดให้ทุกบราวเซอร์ต้องรองรับ Ogg Theora ซึ่งเป็น codec ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการใช้งานเป็นพื้นฐาน แต่การถกเถียงก็มีหลายประเด็น

งาน Black Hat นั้นนับเป็นงานประชุมด้านความปลอดภัยอันดับต้นๆ ของโลกที่มีการเปิดประเด็นใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับงานในปี 2009 นี้ก็มีการเปิดประเด็นการสร้าง Darknet ในรูปแบบเดียวกับ Tor ขึ้นมาโดยไม่มีการติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ นอกจากการเข้าหน้าเว็บหน้าเดียวเท่านั้น

ซอฟต์แวร์ตัวใหม่นี้มีชื่อว่า Veiled แม้ว่ายังไม่มีรายละเอียดจนกกว่าจะมีการประชุมก็ตามแต่ Billy Hoffman ซึ่งเป็นนักวิจัยของห้องปฎิบัติการด้านความปลอดภัยของทาง HP ก็ได้ให้รายละเอียดคร่าวๆ ว่าซอฟต์แวร์ตัวนี้ต้องการเซิร์ฟเวอร์เพื่อรันไฟล์ PHP กับบราวเซอร์ที่รองรับ HTML5