Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ที่รับผิดชอบงานด้านเกมมิ่งทั้งหมดของไมโครซอฟท์ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ไอทีแห่งใหม่ Protocol พยากรณ์วงการเกมปี 2020
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Phil Spencer มองว่า โซนี่และนินเทนโดไม่ใช่คู่แข่งสำคัญของไมโครซอฟท์อีกต่อไปแล้ว เหตุเพราะทั้งสองบริษัทไม่มีคลาวด์ระดับโลกแบบเดียวกับ Azure ซึ่งไมโครซอฟท์มองว่าคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคตจะกลายเป็นกูเกิลและอเมซอนแทน
Spencer บอกว่าเขายังเคารพทั้งนินเทนโดและโซนี่ในฐานะคู่แข่ง แต่บริษัทเกมแบบดั้งเดิมอยู่ยากแล้วในยุคสมัยใหม่ และการสร้างคลาวด์แบบ Azure ขึ้นมาใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไมโครซอฟท์ลงทุนไปเป็นหมื่นๆ ล้านดอลลาร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา (ช่วงกลางปีที่แล้วเราเห็นข่าวช็อคโลกคือ โซนี่เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรคลาวด์กับไมโครซอฟท์)
เขายังบอกว่าอยากร่วมมือกับนินเทนโดและโซนี่ในเรื่องต่างๆ เช่น การ cross play ข้ามแพลตฟอร์ม เนื่องจากไม่ต้องการเปิดศึกกับนินเทนโด-โซนี่ จนเปิดช่องว่างให้กูเกิลหรืออเมซอนมาฉกฉวย
ที่มา - Protocol
Phil Spencer ภาพจาก Microsoft
Comments
ก็จริงนะ ยุคถัดไปเมื่อ 5G 6G เกิด มันจะเป็นยุคของ steaming เล่นเกม 4k ผ่านคลาว ขอแค่มีเน็ตเร็วกับ latency ต่ำๆ
latency ของ 5G ก็ไม่ได้เป็นแบบที่โฆษณาทุกกรณีนะครับ https://www.youtube.com/watch?v=ELXXQAjO_gY&t=622s
ถ้าถึงยุคที่เล่นเกมบนคลาวด์ได้แบบชิลๆ นึกภาพไม่ออกเลยว่าสเปกโน๊คบุ๊คหรือเกมคอนโซลจะเป็นยังไง
ตอนนั้น Nvidia คงเจ๊งไปก่อนซัก 10 ปีละครับ แถมการ์เจอ Onboard ของ Intel คงผงาดเป็นที่หนึ่งของโลก
ถึงตอนนั้น Nvidia ก็คงไปเอาดีด้าน GPGPU, ML, AI แล้วล่ะครับแหม่ ส่วนการ์ดจอเรนเดอร์เกมก็ไม่ต้องขายระดับ Consumer ให้ผู้ใช้ทั่วไปแล้ว ขายตัวแรงๆ ท็อปๆ โหดๆ ให้พวก Cloud Gaming Provider แทน ขายเซอร์วิส ขายซัพพอร์ตพ่วงต่อเลย รวยไปอีก แถม Cloud Gaming ของตัวเองก็มี (ก็ทำการ์ดจอขายอยู่แล้วอะ)
จริงอยู่ว่า End User ไม่ต้องใช้การ์ดจอแรงๆ แต่ใครจะมาเรนเดอร์ภาพให้ล่ะ? มันก็ต้องไปอยู่ที่ฝั่งผู้ให้บริการแทน ไม่งั้นภาพ 3D มันจะมาจากไหน? การ์ดจอจะหายไปจากระบบได้อย่างไร? มันแค่ย้ายตำแหน่ง
ทำงานด้านกราฟฟิกเรนเดอร์วิดีโอยังต้องใช้อยู่นะครับ
เรนเดอร์ผ่านคลาวสิครับ ถ้าเกมยังเล่นได้ชิว ๆ เรนเดอร์ผ่านคลาวน่าจะง่ายกว่า
ก็นึกยากอยู่นะครับ เหมือนสมัยตอนใช้ modem จะลองมานึกส่า internet 4G จะเป็นแบบไหน คงนึกออกแค่มิติเดียวคือเนตเร็วมากๆ แต่จริงแล้วมันก็กระทบมิติอื่นๆให้พัฒนาไปตามๆกัน
กล้ามากที่พูดแบบนี้ 10-15 ปีก่อนก็เคยมีบริษัท One live พยายามทำมาแล้วสุดท้ายก็เจ๊งไป ต่อให้วันนี้ที่ทุกอย่างมันเพียบพร้อม streaming ก็ไม่เกิดหรอก
Business Model มันดีกับพวกที่แทบจะเล่นเกมเป็นอาชีพ แต่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดคือคนที่เล่นทีละเกม สมมุตืแค่คนเล่นเกมที่ซดกราฟฟิกหนักๆ พร้อมกันซัก 2ร้อยล้านคน ตัว server ในปัจจุบันจะเอาอยู่หรือ? จนกว่าการ์ดจอคอมจะไม่มีผล + ค่าสมาชิกเหลือปีละ 10$ คงจะเป็นไปได้อยู่หรอก
ปล. ถ้ามองว่า Sony กับปู่นินไม่ใช่คู่แข่งได้ก็แสดงว่าคงไม่โฟกัสเกมแล้วละ แต่ไปเน้นความบันเทิงภายในบ้านแทน ถ้าแบบนี้อีกหน่อย hardware ของ console ของ M$ จะ drop ลงก็ไม่แปลกใจนะ
*OnLive
จริงๆ ที่ตายคือง่าย ๆ เลย เซอร์วิสไม่ครอบคลุม ราคาแพง แถมหน่วง
คลาวด์เกมมิ่งตอนนี้ Gaming pass ตอนนี้ที่ MS ทำดูดีอยู่นะครับ ดีกว่า Stadia ที่แพงกว่าด้วยซ้ำ
ที่บอกว่ามองว่าไม่ใช่คู่แข่งคือเค้ามองว่าไม่ต้องมาแข่งกัน แต่มาจับมือกันเพื่อไม่ให้พวก Tech Company อื่นมาชุบมือเปิบส่วนแบ่งเฉยๆ (อย่างที่ข่าวก็วงไว้ว่า Sony ก็มาร่วมมือเรื่องคลาวด์กับ MS แล้ว ..ไอ้ Onlive ที่ตายไปก็คือ Sony มาซื้อไปทั้งก้อนเอาไปทำ PSNow นั่นแหละ)
ส่วนเรื่องความบันเทิงในบ้าน MS น่าจะไม่เน้นขนาดนั้นแล้ว เพราะสเป็คออกมาก็ใกล้เคียงกับ PS5 พอร์ตหลังเครื่องที่หลุดมา HDMI input ก็หลุดไปแล้ว คงเป็นเครื่องเกมมากกว่าเครื่องที่แล้ว คงมาวัดกันที่ Online performance กับ Exclusive Games
ถ้าเอาจริง ๆ เหมือนหลัก ๆ ตัว PSNow อิงจาก Gaikai มากกว่า OnLive นะครับ (จริง ๆ นี่คือ ซื้อทั้งคู่ แต่เหมือนระบบโดยรวมอิงจาก Gaikai มากกว่า)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมลืมตัวนี้ไปเลยฮะ 55555555
ที่ MS มองว่า Sony และ Nin ไม่ใช่คู่แข่งน่าจะหมายถึงรูปแบบที่อัด spec เครื่องสู้กันแบบนั้นมากกว่าครับ ไปหาตลาดใหม่ ๆ แบบที่ Wii, Switch ทำแล้วประสบความสำเร็จ
ในที่นี้คือ Streaming Game เพราะยังไม่มีเจ้าใดชนะเลย แถม Stadia ที่ดูยิ่งใหญ่มากก็ยังเซ ๆ ดูอ่อนหัดในตลาดเกมยังไงก็ไม่รู้
จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียวครับ
ในช่วงนี้ ถ้าจะพูดก็คงพูดได้ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ระบบโครงสร้างพื้นฐานยังคงไม่พร้อมสำหรับการทำ Cloud Gaming หรืออะไรพวกนี้
และถ้าติดตามข่าวจะเห็นว่า ไมโครซอฟท์เองก็ไม่ได้ลุยเรื่องบันเทิงภายในบ้านมากเท่าไรแล้ว (ถ้าลุยต่อยาว ๆ ป่านนี้ก็ยังดึงดันเปิดบริการ Groove Music Pass จนถึงตอนนี้เลย อย่าลืมว่า Groove Music คือ Xbox Music มาก่อน และก่อนหน้านี้ก็คือ Zune) รวมถึง Xbox Series X ที่เน้นเรื่องเกมมากกว่าเรื่องบันเทิงภายในบ้านอย่างชัดเจน
ส่วนเรื่องสเกล คิดว่า concurrent user = 200M+ ตลอดเวลาหรือไม่ คำตอบคือไม่ครับ แต่ถ้าถามว่าถ้า user มากขึ้น ไมโครซอฟท์สเกลได้ไหม สเกลได้สบาย ๆ เพราะไหน ๆ ก็มี Azure ทั่วโลกแล้ว
ตอนนี้ผมถือว่าไมโครซอฟท์ถือไพ่เหนือกว่าคู่แข่งในส่วนของคลาวด์ (ขนาดโซนี่ยังมาร่วมใช้เลย) ส่วนเรื่องคอนโซล ก็ยังคงต้องใช้แบบ traditional (คือปล่อยคอนโซล) ควบคู่กับการสร้าง ecosystem (Xbox Live + PC Gaming + xCloud)
Cloud Gaming คืออนาคตใช่หรือไม่ ตอบเลยว่าประมาณ 60-70% ถ้าหากเทคโนโลยีดีมากเพียงพอ ในอนาคตน่ะใช่ 100% แต่ตอนนี้ ยังให้ความมั่นใจไม่ได้ และแม้ว่าไมโครซอฟท์จะเริ่มปรับตำแหน่งของ competitor แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังคงต้องสู้กันแบบ 2 ทาง ทั้งฝั่ง traditional และ cloud gaming ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเจตนาที่ Phil Spencer พูดมาแบบนี้
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมว่าเค้ากล้าครับ กล้าที่จะเปลี่ยน กล้าที่เสี่ยงจะมองไปที่อนาคต
ส่วน streaming มันไม่เกิดไม่ใช่ประเด็นครับ เดี๋ยวมันก็มีสิ่งที่จะลงตัวเกิดขึ้นมาเอง
สมัยก่อนตอนที่ aws ec2 กำลังก่อร่างสร้างตัวก็น่าจะเจอคำสบประมาทมาเหมือนกัน
ผมไม่ได้บอกว่ามันจะไม่พังนะครับแต่อยู่กับที่เนี่ยพังแน่ๆ
คือเหมือนกลัว 1 ใน 2 หนีไปซบ แล้วเกิดศึกสามก๊กยืดเยื้อสินะ
คือต้องบอกว่า กู กับ เม มีเงินแต่ไม่มีคนผลิตคอนเทนท์ในมือ
จะเริ่มใหม่ก็เจ็บ จะหักซื้อมาก็เจ็บกว่า
เผลอๆจะทำให้สงครามเย็นกลับมาปะทุอีกครั้ง
จากปัจจัยมหาอำนาจใหม่
เลยขอคว้า โซ กับ นิน มาเคียงข้างดีกว่า......
แต่ก็นึกๆอยูถ้า เม กับ กู จับมือกัน
กลุ่มสามมิตร(?)คงยิ้มแห้งๆ หวาดกลัวต่อสิ่งที่จะเกิด
กูเกิล กับ อเมซอน จับมือกันผมว่ายากครับ ต่างคนต่างอยากใช้ของตัวเอง ไม่เหมือน sony ที่ยอมจับมือกับ ms เพราะตัวเองไม่มี cloud ของตัวเอง
Nintendo port game ลง Play store อย่างนี้จะเรียกว่าน่ากลัวไหม?
ไม่น่าจะกระทบกับ MS นะครับ
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น Nintendo focus การทำเกมมือถือหมายถึงมองเป็น console ตัวนึงเลยนะครับ น่าจะส่งผลกระทบมากกว่าเพราะออกแบบตัวเกมใหม่เพื่อมือถือโดยเฉพาะ พอดีผมชื่นชมการออกแบบเกมของ nintendo เป็นการส่วนตัวด้วยครับ
nintendo sony อาจไปจับมือกับ softbank , alibab , tencent , facebook
ฝั่งจีนก็มีคลาวด์ขนาดยักษ์ มีเกมส์ มีผู้ผลิตเกมส์ขนาดใหญ่ มีฐานผู้เล่นจำนวนมาก คือไม่เห็นหัวเลยใช่ป่ะ ฮา
ผมว่า google ไม่เห็นน่ากลัวเลย เพราะชอบทิ้งขว้าง amazon ก็ยังไม่เอาจริงเอาจังอะไร มันต้องสร้างฐานเยอะนะ
ที่ควรกลัวคือจีนมากกว่า เพราะมีทุกอย่างครบ และเอาจริงเอาจังกว่าเยอะ
ต้องถามด้วยว่าตลาดไหน
ถ้าเอเชียแปซิฟิก ก็คงต้องกลัว เพราะฐานความนิยมเกมจีนเหนียวแน่นมาก เอาแค่ในจีนก็เกินครึ่งแล้ว และเกมก็สนุกสำหรับภูมิภาคนี้ แค่เรื่องสามก๊กนี่แตกออกมาไม่รู้กี่เกมแล้ว
แต่ถ้าเป็นภูมิภาคอื่น ๆ ก็ "ไม่" ด้วยเกมจีนที่ออกมาซ้ำซาก จะพยายามจะเลียนแบบอารยธรรมญี่ปุ่นแต่ไปไม่เคยจะสุดทาง (ไม่นับฮ่องกง/ไต้หวัน) อยากจะไปเนื้อหาหลากหลาย เพิ่มความรุนแรงหน่อยก็ไม่สุด ด้วยการจำกัดคอนเทนต์ภายในประเทศเอง จะทำให้อลังการสไตล์ยุโรปก็ไปไม่สุดเพราะไอเดียไม่ถึง (ยังมีกลิ่นเกมจีนออกมาชัดเจนมาก) ที่ขายได้จริง ๆ มีแต่เกมที่ซื้อลิขสิทธิ์จากประเทศตะวันตกมาทำขายเองทั้งนั้น
มีเงินทุนอย่างเดียวไม่พอ ยังไงก็ต้องยืมมือตะวันตกมาตีตลาดด้วยอยู่ดี
อืม เห็นด้วยนะ
google/amazon ที่น่ากลัวน่าจะหมายถึง จะไปเป็น infastructure ให้เจ้าอื่นๆรึเปล่าครับ ซึ่งมันอาจจะมีมูลค่ามากกว่าตลาดเกมของ MS เองถ้าเสียลูกค้าที่จะมาใช้Azure ให้ Google/Amazon
--ซ้ำครับ ขออภัย--
แอบเห็นด้วยว่าโซนี่ไม่มีเทคโนโลยีพื้นฐานของตัวเองที่แข็งแกร่ง ถ้ามีก็คงจะเป็นกล้องนี่แหละ แต่ก็ต้องสู้กับเจ้าเก่าที่ครองตลาดมานาน ส่วนสิ้นค้าอื่นๆ เหมือนจะจับนู่นนี่นั่นมารวมเป็น Product ขาย + ใส่ความเป็น Sony เข้าไป ส่วนสิ่งที่ถืออยู่ในมือพวก เกม หนัง แฟรนไชส์ต่างๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหากินได้ตลอดไป
แต่พี่ Phil Spencer ออกตัวล้อฟรีเกิน
ยุค PS5 ยังต้องระวังโซนี่อยู่ ต้องรอซัก 10 ปีนู่นแหละ อาจจะยุค PS6 PS7
--ซ้ำครับ ขออภัย--
เห็นแขวะกันใหญ่เลย ไม่รู้กันเลยหรอว่านี้ตลาดใหม่ MS ต้องการคลองให้ได้และคู่แข่งตอนนี้ก็ตามที่เขาบอก (จีนด้วยก็ได้น่ะ ฮ่า ๆ) อย่างที่เห็น Sony มาใช้ Azure ก็น่าจะเข้าใจกันแล้ว MS เขาตื่นแล้วพลาดมาเยอะแล้วกับต้องมายึดติดกับอะไรบางอย่าง ตั้งแต่ยุค Satya ก็เห็นว่าทำมันลงแทบทุกที่ (จากที่คิด Phil ก็แข่งกับ Sony อยู่นั้นแนะ แต่คู่แข่งใหม่ กลายเป็นคู่แข่งหลักที่ต้องมองแล้ว)
คอนโซลแบบเดิมยังอยู่อีกหลายปี ก็ขนาด MS เองยังจะออก Xbox Series X มาแข่งด้วยเลยนิ อนาคตยังไงไม่รู้ แต่ปัจจุบัน Switch, PS4 ขายดีถล่มทลาย และยังน่าจะขายดีต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 1 gen ถ้าบริษัทที่ให้บริการ Cloud Gaming ทั้งหลาย ยังตีโจทย์ไม่แตกว่า gamer ต้องการอะไร ถึงเทคโนโลยีจะพร้อมขนาดไหน ก็เป็นเจ้าตลาดไม่ได้หรอก
สตรีมมิ่งเกมมันมีข้อจำกัดอยู่ที่ latency ทำให้เร็วแค่ไหนก็เร็วกว่าแสงไม่ได้หรอก ถ้าจะลุยจริงๆคงต้องตั้ง server ตามภูมิภาคแล้วลงทุนหนักๆจริงๆด้วย จะคุ้มรึเปล่า
ส่วนตัวคิดว่าต่อให้ระบบหรือเกมดีแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่ชอบระบบเช่าซื้อ ชอบแบบซื้อขาดไปเลยมากกว่า เพราะเป็นคนเล่นทีละเกมและเลือกแต่เกมระดับ A
มุมมองของคุณ LowSpecGamer ก็น่าสนใจดีนะครับ
"The second best thing to having a strong enough local gaming PC, a companion to your existing gaming library."
https://youtu.be/1sTQ18gb134
ไม่มีเน็ตก็เล่นไม่ได้อ่ะซิ
ยุคนี้น่าจะหายากแล้วล่ะ สถานที่ที่ไม่มีเน็ต
เอาจริงๆนะ ถ้า Nintendo ปรับปรุงเพิ่มเรื่อง Search (Web ซื้อเกมส์บ้าอะไร Search ชื่อเกมส์ไม่ได้ Mario Maker ก็ต้องมานั่งเลือก Menu เอา) กับ เรื่องตัดบัตรเครดิต ผีเข้าผีออก ตัดได้บ้างไม่ได้บ้าง โดยไม่มี logic เหตุผลอัลลัยเลย บอกแค่ ตัดไม่ผ่านจ้า แล้วจบแค่นั้น
เอาแค่ 2 เรื่องพอ แค่นี้ก็นำ Microsoft ไปไกลอีก 100 ปีแสงแล้ว แต่ไม่ทำ เพื่อทำไม่เป็น คือเก่งด้านเกมส์ แต่ไม่เก่งด้าน Search อันนี้เข้าใจตรงกันนะ
มันจะมีช่องค้นหาอยู่ด้านบนนะครับ
แต่ก็อย่างว่าแหละ ทำใส่ข้างล่างก็น่าจะดีกว่า จะได้ไม่งง
XBOX ควรลองตั้งคำถามว่า เราเล่นเกมไปทำไม ก่อนนะครับ ไม่ต้องรีบประกาศศํกดา
เขาตั้ง commitment เรื่องคุณภาพของ 1st party แล้ว แต่ต้องรอดูระยะยาวก่อนดีกว่าครับ ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้เพราะยังอยู่ในช่วงตั้งไข่
Coder | Designer | Thinker | Blogger
มันก็ถูกนะ ถ้าไมโครซอฟท์มองเกม PC เป็นคู่แข่ง
แต่ถ้าพูดถึงตลาด console จุดขายมันไม่เคยใช่ spec cloud หรืออะไรทั้งนั้น มันอยู่ที่ exclusive ต่างหาก
ซึ่งถ้าไม่ใช่ไมโครซอฟท์รู้ตัวซักทีว่าไม่เคยได้เป็นคู่แข่งกับคนอื่นเพราะมองผิดมาแต่แรก อย่างน้อยก็เป็นการเข้าใจผิดที่ถูกทางละนะ
Google ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ในตลาดนี้ และก็คงใช้เวลาค่อย ๆ คลานไปเรื่อยตามสไตล์ Google (ใครยังจำ Android 1.0-1.5 ได้มั้ยครับ :) ) ส่วน Amazon เห็นว่าก็ยังคงมีปัญหากับเกมของตัวเอง ก็คงอีกสักพักใหญ่ ๆ
ส่วนตัวมองว่า จุดแข็งของ Sony กับ Nintendo ก็ยังคงเป็นเกมฝั่ง First Party (ในขณะที่ MS เองยังไม่สามารถตั้งตัวในจุดนี้ได้ ที่พอจะมีคนจำได้ก็น่าจะเป็น Gears กับ Halo เองมั้ง) ซึ่งถ้ามองไปฝั่ง Google (ที่ตอนนี้ัยังไม่มีอะไรเลย (Niantic แยกตัวออกไปแล้ว)) กับ Amazon (ที่เริ่มปล่อยเกมออกมาบ้างแต่ยังไม่มีอะไรเด่น) ผมว่าน่าจะยาก
คือสุดท้ายแล้ว คนจะซื้อแพลตฟอร์มไหน ก็ซื้อเพราะเกมในแพลตฟอร์มมากกว่า ดังนั้นเกม exclusive จึงสำคัญมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม Epic ถึงพยายามกว้าน Exclusive มา (ถึงจะได้แค่ Time Exclusive ก็เถอะ) เพราะพวกเกมที่เป็น cross platform ไม่ได้ช่วยให้คนซื้อแพลตฟอร์ม (ทำได้แค่ดึงคนไม่ให้ออกไป) และเกมระดับ AAA ตอนนี้ใช้เวลาพัฒนากันเกินห้าปี ใช้งบหลักร้อยล้าน ค่ายเกมที่มีศักยภาพที่จะลงทุนทำเองก่อนแล้วค่อยขายให้พับลิชเชอร์ไม่น่าจะมีเยอะ ผมว่า ก็น่าจะพอพูดได้ประมาณนึงว่าคงต้องรอมากกว่า 3 ปีกว่าผู้เล่นเจ้าใหม่ ๆ จะสามารถเอา AAA มาเป็น exclusive บนแพลตฟอร์มได้ เพราะพวกที่น่าจะลงทุนเองได้ก็น่าจะโดน Epic กว้านไปหมดละ
HW หรือ Platform เองก็มีส่วน คือก็ต้องแรงพอด้วย ต้องมีปัญหาน้อยด้วย และเจ้าของก็ช่วยทำตลาดด้วย แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องระหว่างเจ้าของแพลตฟอร์มกับนักพัฒนา มากกว่ากับผู้เล่นทั่วไป คงไม่มีผู้เล่นสติดีคนไหนที่เที่ยวไปข่มคนอื่นว่า "เครื่องฉันแรงกว่าเครื่องนาย" หรอก ว่าไหมครับ ? (เอ๊ะ หรือว่ามี?)
ว่าแต่ Xbox ไม่กลัว Apple เลยเหรอ ?
ผมว่าเรื่องปกติของ console war เลยนะ 555 ที่ชัดๆก็พวกคลิปเปรียบเทียบเกม multi platform แขวะกันกระจาย
ตั้งแต่ 2018+ หลังจากที่ Nintendo ไปคุยว่าให้ GameMaker Studio ของ YoYo Games port game เป็น Switch ได้ Indie Game ก็มาแรงนะครับ เกมส์ AAA ลงทุนเป็น $100 ล้าน ไปเจอพวกโครตเทพอย่าง Axiom Verge, Stardew Valley, UNDERTALE, Celeste,Untitle Goose Game, DELTARUNE อาจจะต้องกลับไปพิจารณาตัวเองว่า จ่ายไป 100 ล้านแล้วคุณภาพ สมกับลงทุนไป 100 ล้านจริงมั้ย ? ถ้าจะมีเครื่องเกมส์ ซักเครื่อง (จะมีเครื่องเดียวจริงๆเหลอ ?) PC + NS เล่นได้เกือบครบแล้ว ขาด Exclusive SONY เท่านั้น ยังไม่เห็นว่าจำเป็นยังไง ถึงต้องซื้อ X-BOX ยกเว้นจะซื้อเก็บ เกมส์ Arcade ยิงๆ ของ CAVE ญี่ปุ่น ที่ Exclusive บน XBOX 360 อันนี้น่าสน
ถึง 5G มา ผมก็คิดว่า น่าจะยังไม่ใช่ยุคที่เล่นเกมผ่าน cloud อยู่ดีนะ
นอกซะจากว่า โปรเน็ตมันจะ unlimited data และราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้
ซึ่งน่าจะเป็นไปไม่ได้
/ แต่หลังจากยุคของ 5G อาจจะเป็นไปได้
ถ้าเกิดเดี๋ยวก็มีโปรเน็ตเล่น xcloud ไม่อั้น
Cloud gaming ยังไม่เหมาะกับโลกที่ 3
ที่แค่เล่น gta v แล้วยังเด้งหลุดจาก server อยู่เลย
หรือ แค่โหลดเกมจาก store รอเป็นชาติ ไม่เคยได่ถึง ความเร็วตาม package
รอให้ถึงยุคที่ เน็ตแต่ละเจ้าแข่งความเสถียร หรือการันตีความเร็วขั้นต่ำ
แทนความเร็วสูงสุดที่น่าจะสุดแค่ 1gbps ไปซักพัก น่าจะเริ่มตอบโจทย์ขึ้น
รู้สึกเหมือนจะเข้ายุค global thin client
เกมบนระบบคราวน์ตอนนี้ยังไม่ค่อยเวิร์คสักเท่าไหร่
เรื่องเน็ตนั้นแหละทำให้มันไม่สมูทเหมือนเล่นบนเครื่อง
คอนโซล
และเกมดีๆส่วนมากมาจากทางฝั่งเอเชีย