Tags:
Node Thumbnail

เมื่อต้นเดือนมีนาคม Honda ได้เปิดตัวต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้า Honda e ที่งาน Geneva Motor Show ล่าสุดมีรายละเอียดเพิ่มเติมของรถรุ่นดังกล่าวออกมานิดหน่อยแล้ว

รายงานระบุว่า Honda e จะมีการกระจายน้ำหนัก (Weight Distribution) แบบ 50/50 คือน้ำหนักลงที่ล้อหน้าและหลังเท่ากัน นั่นหมายความว่ารถรุ่นนี้จะทรงตัวได้ดีขณะเข้าโค้ง บวกกับเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังก็จะทำให้ขับได้สนุกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ Honda e จะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟด้วยหัวชาร์จแบบ Type 2 (Mannekes) หรือหัวชาร์จด่วนแบบ CCS2 วิ่งได้ระยะทางราว 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

การกระจายน้ำหนักแบบ 50/50 ว่ากันว่าเป็นสัดส่วนที่ดีมากในวงการรถยนต์ (บ้างก็ว่าดีที่สุด) แต่รถแข่งบางประเภทเช่นรถ drag ก็มักจะเซ็ทรถให้น้ำหนักลงที่ล้อหลังมากกว่าเพื่อให้ล้อหลังเกาะพื้นถนนมากที่สุด

Honda e เวอร์ชันวางขายจริงจะเปิดตัวภายในปีนี้

ที่มา - TechCrunch

No Description

ภาพโดย Honda

Get latest news from Blognone

Comments

By: tkmzaa on 21 June 2019 - 13:28 #1116177
tkmzaa's picture

200 โลนี่ต่ำสุดแล้วมั้งที่เคยเห็น พอขับไปพัทยาได้

By: langisser
In Love
on 21 June 2019 - 13:46 #1116180

รถไฟฟ้านี่ การจราจรจะมีผลต่อความสิ้นเปลืองไฟมั็ยครับ เช่นถ้าเป็นรถน้ำมันขับในเมืองนี่กินสุดๆ

By: anoid on 21 June 2019 - 13:50 #1116181 Reply to:1116180

กระแสแทบไม่ไหลเลยครับถ้า มอเตอร์ไม่หมุน แต่จะเปลืองตรงแอร์หละมั้ง

By: Orion
Windows PhoneAndroidWindows
on 21 June 2019 - 13:53 #1116184 Reply to:1116180
Orion's picture

รถไฟฟ้านี่เหมาะกับสภาพจราจรในเมืองมากเลยครับ ตอนรถหยุดมันก็ใช้ไฟแค่ระบบไฟฟ้าภายในรถ แอร์ แล้วก็น่าจะระบบระบายความร้อนแค่นั้น ที่ใช้แบตเยอะก็มอเตอร์ขับเคลื่อนรถซึ่งไม่ถูกใช้งานเลยตอนรถจอดแล้วก็ใช้พลังงานตามความเร็วที่วิ่ง

By: IDCET
Contributor
on 21 June 2019 - 13:59 #1116186 Reply to:1116184

ปัญหาคือแอร์ในรถนี่ น่าจะกินไฟอยู่นะ ถ้าจะให้ในรถเย็นตลอดเวลาเนี่ย และมีผลกับระยะการขับของรถไฟฟ้าด้วย


ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว

By: obtheair on 21 June 2019 - 15:17 #1116206 Reply to:1116186

แอร์บ้าน 15000 btu กินไฟประมาณ 1000 วัตต์ แอร์รถน่าจะเล็กกว่านั้นตามขนาดพื้นที่ เทียบกับมอเตอร์ที่กินระดับสิบถึงร้อยกิโลวัตต์ น่าจะมีผลน้อยครับ

By: tanapon000 on 22 June 2019 - 08:18 #1116289 Reply to:1116206
tanapon000's picture

แอร์รถปกติก็เกิน20000btuกันนะครับ เพราะรถต้องสู้กับแดดรอบคัน

By: whitebigbird
Contributor
on 22 June 2019 - 10:06 #1116301 Reply to:1116289
whitebigbird's picture

ผมเพิ่งรู้ว่าแอร์รถมัน BTU 20000 อ่ะครับ ขอบคุณมากครับ

By: Kurito on 21 June 2019 - 14:05 #1116188 Reply to:1116180
Kurito's picture

การจราจรติดขัดไม่ค่อยมีผลอะไรเท่าไร แต่ศัตรูของรถไฟฟ้าคือแอร์ครับ กินไฟเยอะมาก เปิดทีแบตไหลฮวบๆเลย

By: pepporony
ContributorAndroid
on 21 June 2019 - 14:11 #1116189 Reply to:1116188

เคยเห็นระบบของฮุนไดที่มันโชว์การกินไฟของแต่ละระบบ ระบบแอร์กินน้อยกว่ามอเตอร์มากครับ

หรืออย่าง Tesla สามารถเปิดแอร์นอนทั้งคืนได้ เช้ามาถ้าจำไม่ผิดลดไปประมาณ 20-30 โลมั้ง นั่นคือเปิดแอร์ 8 ชั่วโมง

By: Kurito on 21 June 2019 - 15:37 #1116209 Reply to:1116189
Kurito's picture

แต่ตอนจรจรติดขัดโดยที่มอเตอร์ไม่ค่อยได้ทำงาน แอร์คือตัวกินไฟมากสุดถูกไหมครับ?
คุณเปลี่ยนประเด็นอะไรไปหรือป่าว แล้วเคยใช้รถไฟฟ้าล้วนจริงจังแล้วใช่ไหมครับ?

ส่วนตัวผมยังไม่เคยใช้รถไฟฟ้าล้วนหรอก แต่ปัจจุบันใช้ไฮบริดอยู่ เทียบกันระหว่างเปิดแอร์กับปิดแอร์ตอนแบตเต็ม ถ้าเปิดแอร์จอดเฉยๆ นี่แบตลดเอาลดเอา อยู่ได้ไม่เกิน 15-20 นาที เครื่องก็ติดมาปั่นไฟละ แต่ในทางกลับกัน ผมปิดแอร์จอดเฉยๆ อยู่ได้เป็นชั่วโมง เครื่องถึงจะติดขึ้นมาปั่นไฟ ผมถึงสรุปได้ว่าศัตรูของรถไฟฟ้าตอนจราจรติดขัดคือแอร์ไงครับ

By: Orion
Windows PhoneAndroidWindows
on 21 June 2019 - 15:50 #1116213 Reply to:1116209
Orion's picture

ใช่ครับแอร์คือตัวกินไฟสุดตอนรถจอด แต่ไปเทียบกับแบตกับไฮบริดนี่มันก็ต่างกันเยอะอยู่นะความจุแบตของไฮบริดนี่เสี้ยวเดียวของ EV เลย

By: Kurito on 21 June 2019 - 16:25 #1116223 Reply to:1116213
Kurito's picture

เรื่องขนาดแบตนี่ผมไม่เถียงเลย แต่ที่ผมยกตัวอย่างเรื่องการกินไฟของแอร์กับรถไฮบริดมัน 'น่าจะ' มีผลใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าที่มีระยะทางวิ่งได้ไม่เยอะอย่าง honda e กับ mitsu i-miev นี่ล่ะครับ ถ้าเดินทางเฉลี่ยวันละ 80 โล ตะลุยการจราจรในกรุงเทพฯ อย่างผมก็คงมีเสียว ๆ ตอนรถติดหนักหรือลืมชาร์ทไฟในบางวันบ้างอยู่เหมือนกัน

By: orbitalz
ContributorWindows PhoneAndroidUbuntu
on 21 June 2019 - 17:23 #1116232 Reply to:1116223

ถึงจะเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็ก ขนาดแบตก็ต่างกันเป็นสิบเท่าขึ้นแล้ว คุณจะเปรียบเทียบกับไฮบริดได้ไงครับ เปิดไม่เปิดแอร์เวลารถติดจอดนิ่งเฉยๆ ประมาณสัก1ชั่วโมง ผลต่างมันไม่มี"นัยสำคัญ"ครับเมื่อเทียบกับไฮบริด ที่มันต้องติดเครื่องยนตร์น้ำมันมา

By: delete on 21 June 2019 - 16:00 #1116217 Reply to:1116209

รถไฮบริด แบตมีขนาดเล็กมาก อย่างแคมรี่ ไฮบริด แบตมีขนาด 6.5 ah แปลงมาเป็น kwh ได้ 1.6 kwh (ข้อมูลจากวิกิ https://en.wikipedia.org/wiki/Hybrid_Synergy_Drive)

รถ EV อย่าง ลีฟ มีแบตขนาด 42 kwh
mg zs ev มีขนาด 44.5 kwh
ฮอนด้า ด้านบน มี 35 kwh

ผมว่าเยอะกว่าเป็น สิบเท่าเลย
ดังนั้นผมว่าข้อมูลจากเทสล่าที่ว่าลดไปไม่มาก ก็ไม่น่าจะผิดอะไรนะครัช

By: pepporony
ContributorAndroid
on 21 June 2019 - 17:05 #1116227 Reply to:1116209

ตอนจอดติดแอร์มันต้องเป็นส่วนที่กินเยอะสุด ถูกแล้ว เพราะมอเตอร์มันไม่ได้ทำงาน แต่ประเด็นของผมคือเมื่อเทียบกับระยะทางที่วิ่งได้ มันน้อยมาก
ผมถึงบอกว่ารถอย่าง Tesla มันเปิดแอร์นอนได้ 8 ชั่วโมง แบตลดแค่ไม่กี่สิบกิโล เมื่อเทียบกับระยะที่วิ่งได้ มันแทบไม่ต้องคำนึงถึงด้วยซ้ำ

ไฮบริด แบตมันเท่ามดเองนี่ครับ ระยะทางวิ่งไฟฟ้านี่หลักสิบกิโล หรือไม่ถึงเองรึเปล่า?

ตัวอย่างฮุนไดที่ผมยกมา ที่แบต 90% ระบบมอเตอร์ใช้ 21kW ระบบแอร์ใช้ 1kW เปิดแอร์วิ่งได้ 160 ปิดแอร์วิ่งได้ 170 ซึ่งมันมีผลน้อยมาก ยกเว้นคุณขับไม่ชาร์จ แบตเหลือ 10% แล้วต้องปิดแอร์วิ่งแบบรถน้ำมัน 555

Ioniq ระยะวิ่งน่าจะพอๆกับ honda e นี่แหละครับ 200 กิโล (รุ่นเก่า) คุณเริ่มทุกเช้าแบตเต็ม ถ้าขับ 80 โล เหลือแบตเอาไว้รถติดอีกบาน

By: Kurito on 21 June 2019 - 17:24 #1116233 Reply to:1116227
Kurito's picture

แล้วคำถามคือคุณเคยใช้รถไฟฟ้าหรือไฮบริดแบบจริงจังว่าผลจริงออกมาอย่างไรไหมครับ? หรือแค่อ่านมาแล้วเอามาอ้างอย่างเดียว?

By: pepporony
ContributorAndroid
on 21 June 2019 - 17:38 #1116237 Reply to:1116233

แต่ผมใช้วินโดว์แท้นะครับ! ;P

By: whitebigbird
Contributor
on 21 June 2019 - 18:13 #1116245 Reply to:1116237
whitebigbird's picture

ผ่ามมมมมมมม

By: Kurito on 21 June 2019 - 17:49 #1116239 Reply to:1116233
Kurito's picture

เอาเถอะ ในเมื่อประเด็นเริ่มเป๋ไปตั้งแต่แรกและพยายามจับผิดทั้งที่ไม่เคยใช้รถไฟฟ้าหรือไฮบริดแบบจริงจังมาก่อนก็ตามใจ รอไปพิสูจน์กันเองแล้วกันกับเรื่องไฟ แบต และแอร์

By: pepporony
ContributorAndroid
on 21 June 2019 - 18:08 #1116242 Reply to:1116239

ผมยังไม่เข้าใจว่าการเคยใช้หรือไม่เคยใช้ส่งผลอย่างไร คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าโลกอินเตอร์เน็ตมันมีสิ่งที่เรียกว่า YouTube ที่มี real world test มากมาย ไม่ใช่แค่การเปิดเว็บอ่าน spec sheet

ปล. ผมเคยใช้ครับ แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นต้องบอกอะไร ผมประชดเรื่องวินโดวเพราะรู้สึกเหมือนกำลังเถียงกับคนในพันทิปมากกว่าเว็บอย่าง blognone

จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าผมเปลี่ยนประเด็นตรงไหน ดูคอมเมนท์อื่นเค้าก็เข้าใจกันแถมยังมาแย้งเรื่องการเทียบกับ ขนาดแบตของไฮบริดเหมือนผม คุณเองก็บอกว่าเข้าใจ และไม่เถียง (อ้าว!)

คือผมไม่รู้ว่าคุณเข้าใจผมผิด แต่กลับไม่ทันเลยต้องตามน้ำ หรือเข้าใจผมถูก แต่ไม่อยากแพ้ เลยต้อง all in 555

By: whitebigbird
Contributor
on 21 June 2019 - 18:16 #1116246 Reply to:1116239
whitebigbird's picture

โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า review, test drive และ theory อยู่ครับ ไม่ต้องเอาตัวไปทดลองเองหมดทุกอย่างฮะ

By: pepporony
ContributorAndroid
on 21 June 2019 - 18:16 #1116247 Reply to:1116246

ขอบคุณครับ! T_T

By: Kurito on 21 June 2019 - 17:26 #1116234 Reply to:1116227
Kurito's picture

*ซ้ำ

By: orchidkit on 21 June 2019 - 19:23 #1116255 Reply to:1116209

ถ้ารถจอดเฉยๆ แอร์กินพลังงานที่สุดถูกต้องแล้วครับ
เพราะมันเป็นอย่างเดียวที่ทำงาน ก็ไม่แปลกที่จะกินกระแสมากสุด

เพื่อนสมาชิกพยายามชี้ให้เห็นว่า มันกินที่สุดจริง แต่การเปิดแอร์ในช่วงรถติดมันไม่มีนัยยะสำคัญในการใช้งานประจำวัน
ไม่รู้คุณจะเอาชนะเรื่องอะไร ผู้ผลิต EV ไม่ได้เอามาใส่ใจด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้น
รถ EV บันทึก track มาเป็นล้านกิโลเมตร ไม่มีผู้ใช้ที่มีปัญหาเพราะเปิดแอร์ตอนรถติดสักราย อุปโลกศัตรูที่ไม่มีจริง ชัดๆ

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 21 June 2019 - 15:43 #1116211 Reply to:1116188
TeamKiller's picture

ถ้าอย่าง Tesla ทนรถติดสองวันได้ครับ

โหมด Camper อยู่ได้ 48 ชั่วโมง ถ้าแบตเต็มๆ ยังไงก็เพียงสำหรับรถติดในเมืองไทย จอดนอนสบายไม่ต้องกลัวไอเสียเข้ารถเลย

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 21 June 2019 - 15:48 #1116212 Reply to:1116211
McKay's picture

อย่าลืม temp ภายนอกของไทยด้วยครับ -_-


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 22 June 2019 - 12:51 #1116350 Reply to:1116212
TeamKiller's picture

ฮ่าๆ ผมว่าเต็มที่อย่างน้อยก็คงอยู่ได้ทั้งคืนนะครับ ประสิทธิภาพคงไม่หายไปขนาดครึ่งๆ

By: darkleonic
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 21 June 2019 - 16:23 #1116222 Reply to:1116211
darkleonic's picture

ประเด็นต่อไปคือ รถน้ำมันติดเครื่องปั่นไฟให้แอร์เทียบกับใชแบตของ EV อันไหนหมดก่อน


I need healing.

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 22 June 2019 - 12:52 #1116351 Reply to:1116222
TeamKiller's picture

เดาว่ารถน้ำมันหมดก่อนมั้งถ้าถังเล็กๆ แต่รถน้ำมันถึงหมดก็เติมง่ายหารถอีกคันไปซื้อมาเติม รถไฟฟ้าแบตหมดจะหา power bank จากไหนได้เนี่ย ฮ่าาๆ

By: tk719
iPhoneBlackberrySymbianIn Love
on 21 June 2019 - 14:13 #1116190 Reply to:1116180

เวลาเบรค มันจะดึงไฟฟ้ากลับครับ เบรคบ่อยๆ ไม่คอ่ยกินไฟเลย

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 21 June 2019 - 21:30 #1116261 Reply to:1116190
hisoft's picture

กินนะครับ สูญเสียเยอะมากเลยนะครับทั้งตอนใช้แปลงเคมีเป็นไฟฟ้าก็เสีย -> แปลงไฟฟ้าเป็นกลก็เสียอีก -> แปลงกลเป็นกลก็ยังเสีย (แรงขับมอเตอร์ไปเป็นความเร่ง) -> วิ่งอยู่เฉยๆ ก็สูญเสีย (เหมือนปล่อยรถไหลเอง เดี๋ยวมันก็หยุด) -> แล้วก็แปลงกลกลับเป็นกล -> แปลงกลกลับเป็นไฟฟ้า -> ไฟฟ้ากลับเป็นเคมี สูญเสียทุกขั้นตอนเลยครับ

เบรคแล้วได้พลังงานคืนก็จริงเมื่อเทียบกับรถน้ำมันที่เบรคแล้วเสียทิ้ง แต่ที่ใช้พลังงานน้อยจริงๆ คือการขับโดยใช้เบรคให้น้อยที่สุดครับไม่ว่ารถน้ำมันหรือไฟฟ้า

By: IDCET
Contributor
on 21 June 2019 - 13:52 #1116182

200 กิโล ระยะต่ำไปนะ ไม่เหมาะกับการขับทางไกลจริงๆ


ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว

By: mandarin55 on 21 June 2019 - 14:56 #1116202 Reply to:1116182

ลักษณะของรถแล้ว ไม่น่าที่จะทำออกมาให้ขับไกลๆครับ อาจจะเหมาะขับขี่ในเมืองซะมากกว่าครับ

By: gab
Windows PhoneAndroidWindows
on 21 June 2019 - 16:13 #1116219 Reply to:1116182
gab's picture

ในช่วง 4-5 ปีนี้ผมขับไกลสุดคือเข้าสวนไปกลับรวม 180โล สำหรับผมก็น่าจะพอใช้ได้อยู่
แต่ถ้าพูดถึงรูปโฉมละก็ honda ตัวนี้ยอมรับว่าโดนใจมากถ้าราคาไม่แรงก็อยากได้มาครอบครองอยู่นะ(แต่ดูทรงแล้วน่าจะแรง)

By: IDCET
Contributor
on 21 June 2019 - 13:53 #1116183

ซ้ำ


ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 21 June 2019 - 14:20 #1116194
TeamKiller's picture

คงเหมาะเป็นรถวิ่งในเมืองญี่ปุ่นเอง เล็กๆ น่ารักๆ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 21 June 2019 - 21:32 #1116262 Reply to:1116194
hisoft's picture

ถ้าว่าเล็กๆ น่ารักนี่ผมชอบของโตโยต้านะครับ ตัว i-Road ชอบมากๆ จนอยากได้เลย แต่เค้าไม่ขายไทย ?

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 21 June 2019 - 14:24 #1116196

size นี้เอามาแทน k-car ล่ะมั๊ง บ้านเรามาเน้นในเมืองได้อยู่ สมัย Mercedez Benz ไทย ออก E200NGT ถ้่าใช้แก็สล้วนๆก็วิ่งได้แค่ 200km เช่นกัน(แต่มันเติมน้ำมันวิ่งได้)

ถ้ามันชาร์จด่วนได้ไวไม่เกิน 20 นาที(พอๆกับเวลาเติมแก็ส) และมีปั๊มให้เติมตามหัวเมือง ก็น่าจะไม่ลำบากมาก

ที่สำคัญคือราคานี่แหละ

By: porple on 21 June 2019 - 14:48 #1116201

โซ คิ้ว น่ารักมาก เหมือนออกมาจากการ์ตูน

By: tanapon000 on 21 June 2019 - 15:00 #1116204
tanapon000's picture

ถ้าราคา 6แสนน่าออกมาใช้ในเมืองอยู่นะ

By: hearnfar on 21 June 2019 - 15:52 #1116214

"แต่รถแข่งบางประเภทเช่นรถ drag ก็มักจะเซ็ทรถให้น้ำหนักลงที่ล้อหลังมากกว่าเพื่อให้ล้อหลังเกาะพื้นถนนมากที่สุด"
ล้อหน้าจะไม่ยกหรอครับ

By: boshido
Windows PhoneWindows
on 21 June 2019 - 15:57 #1116216 Reply to:1116214

ออกแบบรถโดยใช้ aerodynamic เพื่อสร้าง downforce ช่วยครับ ทำให้รถไม่เหิน

By: tfctaf
Windows PhoneUbuntuWindows
on 21 June 2019 - 17:11 #1116228 Reply to:1116214

บางคันก็ยกครับ ถ้าแรงมากๆ อย่างมอเตอร์ไซค์แดรก ต้องเอาคานยันท้ายไปอีก กันรถยกหน้า

By: JamesBond007
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 21 June 2019 - 16:43 #1116224

ชาร์จแบตได้ไวพอๆ กับเติมน้ำม้นเมื่อไหร่ แล้วจะหันไปมองนะ ตอนนี้ขอใช้เครื่องเติมน้ำมันไปก่อนละกัน

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 21 June 2019 - 21:55 #1116263 Reply to:1116224
hisoft's picture

ผมเชื่อว่าเอาเข้าจริงคงต้องย้ายมาใช้รถไฟฟ้าก่อนจะเติมไฟฟ้าได้เร็วเท่าเติมน้ำมันนะครับ เว้นแต่มีเหตุการพลิกโลกอย่างตัวนำไฟฟ้ายวดยิ่งที่อุณหภูมิบ้านเราเกิดขึ้นมาในราคาถูก

สาเหตุแบ่งเป็นสองส่วน

  1. ถูกบีบจากสภาพแวดล้อมทำให้ต้องเปลี่ยนตาม เมื่อการใช้รถน้ำมันไม่สะดวกอีกต่อไป (แต่ข้อนี้มันไม่แน่นอน)
  2. ต่อให้แบตทำให้ชาร์จเร็วได้จริงๆ การส่งไฟฟ้ามาก็ยังเป็นปัญหาครับถ้าไม่มีตัวนำยวดยิ่ง อย่างตรงนี้ที่พูดถึงเรื่องชาร์จแบตไว้ว่าชาร์จครึ่งชั่วโมงวิ่งได้ 170 กิโลเมตรเนี่ย จะทำให้มิเตอร์ไฟบ้านวิ่งไปได้ถึง 120 หน่วย (ขณะที่บ้านผมใช้ไฟมากที่สุดตั้งแต่ผมอยู่มาคือ 1 เดือน 362 หน่วย ชาร์จไฟรถได้แค่ชั่วโมงครึ่งเองครับ)

ตีแบบให้ความเร็วชาร์จไม่มีตก (คิดแบบโง่นิดนึงนะครับ ไม่ได้หารายละเอียดเยอะ) สถานีชาร์จรุ่นล่าสุด 250kW ชาร์จรุ่น X ให้เต็มได้ในเวลา 325(ไมล์)/75(ไมล์/5นาที) = 22 นาที ถ้าจะให้ชาร์จเต็มได้ภายใน 3 นาทีนี่คงต้องใช้ไฟสัก 1.8MW ครับ

ใช่ครับ มิเตอร์ตามบ้านทั่วไป 15 แอมป์นี่ 3,300 วัตต์ครับ ส่วนอันนี้ชาร์จรถหนึ่งคันใช้ 1,800,000 วัตต์ครับ

อื้มมม จริงๆ ผมว่าเข้าใกล้ความจริงมากละนะครับ ที่สถานีชาร์จนี่เรามาถึง 250,000 วัตต์แล้วนะ อีกนิดเดียวเอง ใช้สายส่งเท่าเดิมแต่ลดหัวจ่ายลงก็น่าจะชดเชยกันได้อยู่มั้ง (เอ้า คิดไปคิดมาขัดความเห็นตัวเองต้นทางเฉยเลย)

By: orchidkit on 22 June 2019 - 05:21 #1116283 Reply to:1116224

ผมว่าเราติดกับดักเรื่องของ"ความเร็วชาร์จ" จนลืมไปว่าทุกสถานที่มีไฟฟ้า และรถคนทั่วไปมันมีช่วงเวลาจอดเฉยๆไม่น้อย
จาก Log ของ Tesla พบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ชาร์จทิ้งไว้ที่บ้าน ก็เพียงพอต่อชีวิตประจำวัน

ไม่เหมือนน้ำมันที่คุณต้องไปเติมที่ปั๊มเท่านั้นจึงต้องการความเร็ว
แต่ถ้าเราสมมติว่าทุกสถานที่ ทุกที่จอดรถ มีหัวจ่ายไฟที่จะจ่ายอัตโนมัติให้ทุกครั้งที่คุณขับรถเข้ามาจอดทีละนิดๆ โดยไม่ต้องกินแรงไฟมาก
ความเร็วในการชาร์จจึงไม่ใช่ปัญหาการใช้งานที่แท้จริงเลย (อาจมีในกรณีพิเศษ)

คนทั่วไปที่วันนึงเดินทางไม่ถึง 300 km ในแต่ละวัน กลับบ้านก็ชาร์จทิ้งไว้ตอนนอน ตื่นมาก็ขับออกไปได้เลย ใช้รถไฟฟ้าอย่างไม่มีอุปสรรคใดๆ

By: whitebigbird
Contributor
on 22 June 2019 - 08:08 #1116288 Reply to:1116283
whitebigbird's picture

คนส่วนนึงไม่ได้วางแผนชีวิตอะไรทั้งในระยะยาวและระยะสั้นครับ

ปัจตุบันหลายๆ คนยังเป็นแบบ "ขับออกไปก่อนแล้วค่อยดูว่าต้องเติมน้ำมันไหม"

การใช้รถไฟฟ้ามันต้องวางแผนชาร์จนิดนึงครับ เพราะใช้เวลาชาร์จไม่น้อย

ซึ่งคนกลุ่มที่ผมกล่าวถึงเค้าไม่ชอบ เค้าอยากให้ชาร์จเร็วเพราะว่าไม่ต้องวางแผนอะไรเลย กะว่าลืมชาร์จกลางคืนก็เสียเวลาเข้าชาร์จ 5 นาทีอะไรแบบนี้

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 22 June 2019 - 08:28 #1116290 Reply to:1116283
McKay's picture

สมมติว่าทุกสถานที่ ทุกที่จอดรถ มีหัวจ่ายไฟ

ยากครับที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ROI ไม่คุ้มพอหรือใช้เวลานาน ยังไงก็ต้องไปจุดชาร์ตโดยเฉพาะอยู่ดี


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: JamesBond007
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 22 June 2019 - 11:36 #1116325 Reply to:1116283

ยอมรับว่าผมเอาเกณฑ์ส่วนตัวมาตัดสินเกินไป
- ผมใช้รถส่วนตัวแต่เช่าอพาร์ตเม้นท์อยู่ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีที่ชาร์จค้างคืน
- ผมเดินทางไกลบ่อยทีละ 800 กม. ซึ่งมองตรงนี้ว่าแม้จอดพักทานอาหารครึ่ง ชม. เนี่ยที่ชาร์จจะพอเพียงใหม ถึงแม้ว่าบางปั๊มเข้าคิวเติมน้ำมันยังไงก็ไม่ถึงครึ่ง ชม. ต่อให้ถึงเวลาการเติมน้ำมันก็ไม่ถึงครึ่ง ชม. กลับกันถ้าเป็นรถไฟฟ้าต้องบวกเวลาเพิ่มอีกครึ่ง ชม.

ผมเลยมองว่ารถแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่มีบ้านส่วนตัว และระยะทางในการเดินทางน้อย ไม่เหมาะกับคน ตจว. ที่เข้ามาทำงานในเมือง และใช้รถทำงานด้วยระยะทางไกล รถบริษัทมีให้นะครับพร้อมคนขับ แต่สบายใจเวลาขับรถตัวเองมากกว่า และสะดวกด้วย ขี้เกียจทะเลาะกับคนขับ กับระบบจองรถ

By: aammmm
Windows PhoneSymbianWindows
on 23 June 2019 - 22:14 #1116550 Reply to:1116325
aammmm's picture

ขับรถเก่งมากเลยครับ ขับทีนึง 800 กม. ต่อทริป หรือ ต่อวันครับเนี๋ย

By: JamesBond007
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 24 June 2019 - 08:29 #1116584 Reply to:1116550

ต่อวัน แวะปั๊มเข้าห้องน้ำ 4 รอบ กับเติมน้ำมันและกินข้าว 1 รอบ
ถ้าทำงานใน กทม. วันนึงไม่เกินร้อยโลหรอกครับ