ดูเหมือนว่าการที่ Canva ประกาศซื้อกิจการ Affinity จะทำให้ผู้ใช้งาน Affinity เดิมกังวลกันเป็นจำนวนมากว่า จากนี้ Affinity น่าจะเปลี่ยนมาคิดเงินการใช้งานแบบรายเดือน Subscription เหมือน Canva จากที่ปัจจุบันเป็นแบบขายขาด แม้ทาง Affinity จะบอกเบื้องต้นว่ารูปแบบการขายซอฟต์แวร์แบบจ่ายครั้งเดียวจะมีอยู่ในตอนนี้ แต่น่าจะทำให้ผู้ใช้งานไม่ค่อยมั่นใจ

ล่าสุด Affinity และ Canva เลยออกมาประกาศคำสัญญา (Pledge) ต่อชุมชนผู้ใช้งาน Affinity ทั้งหมด 4 ข้อดังนี้

จากข่าวดีล Canva ซื้อกิจการ Affinity ซอฟต์แวร์งานออกแบบยอดนิยม คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้งาน Affinity ก็คือ โมเดลการขายซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนไปหรือไม่?

Affinity เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้รูปแบบการขายไลเซนส์แบบขายขาด (Perpetual) หรือจ่ายครั้งเดียวแล้วรับอัปเดตไปตลอดระยะเวลา ขณะที่ Canva นั้น ใช้โมเดลแบบจ่ายเงินค่าใช้งานแบบรายเดือน (Subscription) ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปทั้งมุมผู้พัฒนาและผู้ใช้งาน แต่ Subscription มีแนวโน้มจะเป็นที่นิยมมากขึ้นจากฝั่งผู้พัฒนา อย่างน้อยสิ่งที่พิสูจน์ได้คือ Adobe ที่มีผลประกอบการเติบโตมาโดยตลอด

Canva ประกาศซื้อกิจการ Affinity บริษัทซอฟต์แวร์งานออกแบบ
โดยดีลไม่มีการเปิดเผยมูลค่าที่ซื้อ แต่ Bloomberg อ้างแหล่งข่าวว่าอยู่ที่หลายร้อยล้านปอนด์

ดีลนี้ Canva บอกเหตุผลว่าเพื่อให้ซอฟต์แวร์ในมือมีความครบครัน รองรับนักออกแบบในทุกประเภท ทั้งนี้ Affinity มีชุดซอฟต์แวร์ยอดนิยมคือ Designer, Photo และ Publisher ซึ่งมีลักษณะเทียบได้กับชุดซอฟต์แวร์ของ Adobe คือ Illustrator, Photoshop และ InDesign

Canva บอกว่าที่ผ่านมาบริษัทโฟกัสการทำซอฟต์แวร์ ให้กับคนที่ไม่ได้ฝึกฝนด้านวิชาการออกแบบมา แต่ตอนนี้บริษัทได้ขยายเครื่องมือให้ครอบคลุมมายังกลุ่มนักออกแบบมืออาชีพในทุกระดับแล้ว

Serif ผู้พัฒนา Affinity ประกาศออกอัปเดตใหญ่ชุดทั้งหมดได้แก่ Designer, Photo และ Publisher ทุกบนแพลตฟอร์มเป็นเวอร์ชั่น 2 ใช้ชื่อว่า V2 พร้อมเปิดตัว Affinity V2 Universal Licence จ่ายครั้งเดียวใช้โปรแกมได้ทุกตัวและทุกแพลตฟอร์ม

โดยในการอัปเดตนี้ทาง Serif ได้ปรับปรุงหน้าตาการใช้งานใหม่, ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น, รองรับการใช้งานบน Apple silicon M1 กับ M2, และเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่มาบนเวอร์ชั่นนี้เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานสายกราฟิกและสายครีเอทฟีมากขึ้น