Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch ในประเด็นที่แอปอีเมล Hey ของ Basecamp ถูกปฏิเสธนำขึ้น App Store จนทำให้ David Heinemeier Hansson พาร์ทเนอร์ของ Basecamp ออกมาวิจารณ์ในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากแอปเปิลกำหนดให้แอปต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกผ่าน App Store เท่านั้น
Schiller ย้ำว่าแอปเปิลจะไม่เปลี่ยนแปลงกฎกติกาดังกล่าว ส่วนที่กล่าวว่าแอปอย่าง Netflix หรือ Spotify สามารถเลือกจ่ายเงินค่าสมาชิกนอกแอปได้นั้น เพราะแอปกลุ่มนั้นถือเป็นแอปแบบ reader กล่าวคือเป็นแอปที่แสดงคอนเทนต์ภายนอก แต่กรณีของแอปอีเมลนั้นไม่เข้าข่าย
นอกจากนี้ Schiller ยังบอกว่าปัญหาสำคัญของ Hey คือเมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะทำงานไม่ได้เลย ต้องเป็นสมาชิกก่อนเท่านั้น แต่ตัวแอปไม่มีช่องทางให้ In-App Purchase ซึ่งแอปเปิลไม่ต้องการให้มีแอปแบบนี้ใน App Store (แอปเปิลระบุว่า กรณีนี้มีข้อยกเว้นหากเป็นแอปใช้ภายในองค์กร)
Schiller บอกว่าผู้พัฒนาแอปสามารถหาทางออกได้หลายวิธี เช่น ให้ใช้งานฟรีแบบจำกัดฟีเจอร์, ตั้งราคาใน In-App แบบเพิ่มส่วนแบ่งที่จะถูกหัก ทั้งนี้แอปเปิลได้ส่งอีเมลถึง Basecamp ชี้แจงว่าแอปทำผิดกฎข้อใดบ้าง และสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้างแล้วก่อนหน้านี้
ที่มา: TechCrunch
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
ก็คิดรารา 141.99 บน AppStore ที่เหลือก็ 99$ เหมือนเดิม คล้าย ๆ สมัคร Youtube Premium
ตอนนี้แอปเป็นข่าว เป็นที่รู้จักแล้ว ก็ไปทำให้ถูกกฎซะนะ
มองๆ ดู จะใช้บริการเค้าไม่ต้องการเสียอะไรเลย พอเข้ามาใช้ต้องเสียเงินจากข้างนอกก่อน
คนใช้ฟรีไม่ได้โหลดไปใช้ไม่ได้ทันที เงินก็ไม่ได้เข้า Apple
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ว่าแต่ Netflix เปิดให้ดูฟรีเหรอ เพราะกรณี Spotify ผู้ใช้งานฟังเพลงฟรีได้ แต่เลือกเพลงกับปิดโฆษณาไม่ได้ แต่ของ Netflix นี่จำไม่ได้ว่ามีดูฟรีด้วยครับ
กดสมัครผ่านแอพแล้วดูฟรีได้ 30 วันมั้งครับ แถมยังจ่ายตังผ่านแอพเพื่อดูต่อได้เลย
แต่กรณีนี้คือ ทำอะไรไม่ได้เลย ต้องไปจัดการข้างนอก 100%
ดูฟรี 30 วันแรก แต่ตอนจ่ายตังไม่ได้ผ่านแอพครับ (ถ้าจ่ายผ่านแอพจะต้องเสียค่าต๋งให้ Apple 30%) คือกดจากแอพแล้วจะลิงค์ไปเข้า browser อีกที วิธีนี้คือวิธีที่ Hey ใช้แล้วโดนแบน เจ้าตัวเลยบ่นว่าที Netflix กับ Spotify ยังใช้วิธีนี้ได้เลย
ที่ต่างคือ netflix โหลดมาแล้วยังใช้งานได้ แม้จะแค่ 30 วัน แต่ Hey โหลดมาแล้วใช้งานไม่ได้เลยถ้าไม่จ่ายนอกแอพก่อน ซึ่งก็คือที่เค้าแนะนำท้ายข่าวนะครับ ทำให้มีใช้ฟรีแบบจำกัดก็ผ่านได้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
งั้น Hey ต้องมีให้ทดลอง 30 วัน แล้วลองดูท่าที Apple อีกทีครับ
ถ้าอ่านแล้วงัดประเด็นออกมาก็คือ
Hey มองว่าการจ่ายค่า dev ไปคือค่าใช้ ecosystem ของ apple แล้ว ชั้นสามารถปล่อย app ใน store ได้
ทาง Apple บอกว่า แต่ app คุณเป็น app หาเงินจากการสมัครสมาชิก ก็อย่ามาเล่นปิด "ทางเลือก" ทำธุรกรรมผ่านระบบของ apple สิ
ถ้าตามข่าวนี้ Apple ก็แนะแนวทางให้คือให้ทดลองใช้ฟรีแบบจำกัด ก็เป็นอีกทางออกนึง ไม่ได้บอกห้ามปิดการทำธุรกรรมผ่านระบบของ Apple
เอ้อ ผมก็ลืมไปเลยว่าทาง dev ก็ต้องจ่ายรายปีไม่น้อยอยู่แล้วเหมือนกันด้วย - -" จะบอกว่ามาใช้ระบบเค้าหาเงินฟรีๆ ก็ไม่ได้สินะครับ
ประเด็นคือ reader ครับ
น่าจะหมายถึง มีบริการนอก app อยู่แล้ว จ่ายผ่าน in-app เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้
youtube ก็เหมือนกัน
ให้เห็นภาพหน่อยก็ app ค่ายมือถือต่างๆ ที่จ่ายบิลได้โดยไม่ต้องใช้ in-app
แอปเปิลเก็บค่าธรรมเนียมเฉพาะที่เป็นบริการแบบ Subcribe รึเปล่าครับ? เพราะแบบนั้นแอพธนาคาร/wallet/ค่ายมือถือ เลยไม่โดน?
ส่วนบางอย่างที่เป็นซื้อของใช้ในแอพอย่างพวกเหรียญเกมส์อะไรพวกนั้นเลยโดน?
Hey Right & Apple Right ธรรมดาการค้าขายย่อมเห็นแก่ตนเสมอ พร้อมด้วยกฎ
ก็ลองบังคับใช้กฏนี้กับ spotify หรือ netflix ดูสิจะได้เห็นว่าคนย้ายไปใช้ android เยอะขนาดไหน
มั่นใจอะไรขนาดนั้นครับ 5555 ส่วนตัว ถ้าจ่ายไม่ได้ ก็ไปฟังอย่างอื่น ส่วน นฟ ก็ให้แฟนที่ใช้แอนดรอยด์จ่ายให้ครับ ไม่ย้ายหรอก คหสต
แฟนจ่ายให้แล้วก็ไปดูบนเครื่องแฟนหรือเปิด Safari มาดูเอาเหรอครับ เพราะกรณีนี้คือแอปจะไม่ได้อยู่บนสโตร์ด้วยนะครับ ?
แต่ถ้าบีบจริงๆ ผมว่า NF ก็ต้องยอมแหละมั้ง
เยอะขนาดไหนหรอครับ
แอปที่โดนลบจาก store มันแค่โหลดใหม่ไม่ได้ แต่ที่ยังอยู่ในเครื่องก็ใช้ต่อไปได้เรื่อย ๆ นะครับ ถึงกับต้องย้ายไปใช้แอนดรอยเลยหรอครับ?
Netflix ไม่มีหน้าให้จ่ายตังหรือเปิดลิงก์ไปจ่ายตังนานแล้วนะ
คนก็น่าจะย้ายไปใช้ Apple Music เยอะเหมือนกันนะครับ
มันฟันธงแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ
Netflix เค้าได้ลูกค้ามาแล้ว ไม่แน่เค้าอาจยอมจ่ายชดเชยเอง 30% เพื่อรักษาลูกค้าครับ
ส่วนผมเพิ่มอีก30%ไม่คุ้มกับการย้ายเครื่อง ถ้าต้องใช้จริงก็จ่ายครับ เห็นว่าแพงก็ไม่จ่าย แล้วก็วนกลับไปบรรทัดข้างบนครับ
แน่ใจเหรอครับว่าคนจะย้าย 55555
เอาจริงๆ ถ้า Apple โมโห ซื้อ Netflix แม่มจบๆ เงินเหลือเยอะจัด
:D
พี่มั่นใจฝุดๆอ่ะ
ไม่ย้าย 5555 ไว้ใจ ISO มากกว่า
9600?