ผลงานแรกของการควบรวม Dell กับ EMC เข้าด้วยกัน คือสตอเรจเซิร์ฟเวอร์แบบ hyper-converged แบรนด์ VxRail ของ EMC เดิม จะได้อัพเกรดฝั่งเซิร์ฟเวอร์ประมวลผล จากเดิมที่ใช้ชิ้นส่วนเซิร์ฟเวอร์แบบไม่มีแบรนด์ ก็เปลี่ยนมาเป็น Dell PowerEdge แทน ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของการควบรวมกันของทั้งสองบริษัท
VxRail เป็นอุปกรณ์กลุ่ม hyper-converged infrastructure (HCI) หรือสตอเรจที่ฝังหน่วยประมวลผลและระบบเครือข่ายเข้ามาด้วย สามารถขยายตัวได้แบบ scale-out แค่วางต่อๆ กันตามจำนวนที่ต้องการ ตัวอุปกรณ์ออกแบบมาให้ทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องคอนฟิก (Dell เรียกว่าเป็น appliance) ส่วนซอฟต์แวร์บริหารจัดการเป็นของ VMware ที่ Dell เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
Western Digital ยักษ์ใหญ่ในวงการฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูล เปิดตัวหน่วยความจำแบบ Solid State Drive 2 รุ่น ได้แก่ WD Blue SSD และ WD Green SSD พร้อมกับ WD SSD Dashboard ซอฟต์แวร์สำหรับดูสถานะของไดร์ฟ, อุณหภูมิ, พื้นที่คงเหลือ และอื่นๆ
ซัมซุงเปิดตัว SSD แบบ M.2 PCIe รุ่นใหม่ 960 Pro และ 960 Evo ต่อจากซีรีส์ 950 ที่ออกขายเมื่อปีที่แล้ว โดย SSD ซีรีส์ 960 ตัวใหม่ใช้คอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่ชื่อ Polaris ประมวลผลแบบ 5 คอร์ (ซีรีส์ 950 ใช้ 3 คอร์) และใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำ 3D V-NAND รุ่นล่าสุดแบบ 48 เลเยอร์ เพิ่มความจุให้มากขึ้นกว่าเดิม (ซีรีส์ 950 มี 32 เลเยอร์)
Samsung SSD 960 Pro มีจุดเด่นที่ความเร็วในการอ่านสูงสุดถึง 3.5GBps และความเร็วการเขียนสูงสุด 2.1GBps โดยมีให้เลือก 3 ขนาดคือ 512GB , 1TB, 2TB ราคาเริ่มต้นที่ 329 ดอลลาร์ไปจนถึง 1,299 ดอลลาร์สำหรับตัวท็อป 2TB
ส่วน Samsung SSD 960 Evo มีสเปกและราคาย่อมเยาลงมาสักหน่อย ความเร็วการอ่านสูงสุด 3.2GBps, ความเร็วการเขียน 1.9GBps มีขนาด 250GB (129 ดอลลาร์) และ 1TB (479 ดอลลาร์) ของทั้งสองรุ่นเริ่มขายเดือนตุลาคมนี้
เราคงรู้กันดีว่าเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รู้ตัวเรื่องนี้กันแค่ไหน และมีแผนปรับตัวอย่างไร
Western Digital บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่ที่สุดของโลก มีแผนรับมือเรื่องนี้ไว้แล้ว ในระยะสั้น บริษัทแสดงให้เห็นผ่านการซื้อ SanDisk เพื่อขยายมายังตลาดหน่วยความจำแบบแฟลช แต่ในระยะยาว WD ต้องการไปไกลกว่าการเป็นผู้ขายฮาร์ดแวร์สตอเรจ แต่ไปให้ถึงการวางโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลในอนาคตด้วย
เราเห็น SSD ขนาด 60TB จาก Seagate กันไปแล้ว ฝั่งของ Toshiba ก็ออกมานำเสนอข้อมูลของ SSD ขนาด 100TB ว่าเป็นไปได้เช่นกัน
หัวใจหลักของ SSD ความจุมากขนาดนี้คือเทคโนโลยี quad-level cell (QLC) ซึ่งเป็นการเรียงเซลล์หน่วยความจำ NAND แบบ 4 เลเยอร์ ส่งผลให้ 1 เซลล์จุข้อมูลได้ 4 บิต (0000 ถึง 1111) เพิ่มความจุขึ้นไปอีกหลายเท่าในราคาถูกกว่าเดิมมาก และกินพลังงานน้อยลงมาเมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ความจุเท่ากัน
เราเพิ่งเห็นข่าว Seagate เปิดตัว SSD ขนาดใหญ่ถึง 60TB ในไดรฟ์ขนาด 3.5 นิ้ว ฝั่งของคู่แข่งอย่าง Samsung ก็เปิดตัวไดรฟ์ SSD ความจุ 32TB ซึ่งอาจดูน้อยกว่ากันเกือบครึ่ง แต่ขนาดไดรฟ์ก็เล็กกว่าคือ 2.5 นิ้ว
ไดรฟ์ตัวนี้เป็นตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี 3D Vertical NAND (V-NAND) รุ่นที่สี่ของ Samsung โดยวางเลเยอร์ NAND ซ้อนทับกัน 64 เลเยอร์ในชิปตัวเดียว สมัยเปิดตัวเทคโนโลยี V-NAND ในปี 2013 บริษัทสามารถวางได้ 24 เลเยอร์ และค่อยๆ พัฒนามาเรื่อยๆ จนทำได้ 64 เลเยอร์แล้ว ช่วยให้ความจุต่อขนาดของ SSD เพิ่มขึ้นมาก
อินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อเป็น SAS (serial-attached SCSI) และออกแบบมาสำหรับเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก สินค้าจะวางขายจริงในปีหน้า
ช่วงนี้มีงานสัมมนา Flash Memory Summit เลยมีข่าวผลิตภัณฑ์ SSD ใหม่ๆ ออกมาเยอะพอสมควร บริษัทล่าสุดที่เข้ามาร่วมวงคือ Lenovo ที่กำลังพัฒนาบอร์ด SSD สำหรับเซิร์ฟเวอร์ ในชื่อโครงการ "Project Spark" มีความจุ 48TB
Project Spark ของ Lenovo มีความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์หลายราย เช่น Seagate, Toshiba, NxGn Data, Amphenol รูปแบบคือการนำชิป DRAM ความจุสูงมาวางบนบอร์ดที่เสียบเข้ากับพอร์ต PCIe ของเซิร์ฟเวอร์ มีอัตราเร็วการอ่านเขียนสูงถึง 1 ล้าน IOPS
ตอนนี้ Project Spark ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา รุ่นที่นำมาโชว์ในงานมีความจุ 6GB ส่วนตัวจริงจะวางขายกลางปีหน้า 2017
Veritas บริษัทให้บริการจัดการข้อมูล และโซลูชั่นด้านการจัดเก็บข้อมูล เผยรายงาน Databerg Report สำรวจข้อมูลจากคนทำงาน IT ในองค์กรกว่า 2,500 คน จาก 22 ประเทศ พบว่า ข้อมูลที่องค์กรจัดเก็บทุกวันนี้ มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัทเพียงนิดเดียว ส่วนข้อมูลที่เหลือเป็นข้อมูลเก่า, ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่สามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจของบริษัทได้เลย
Seagate โชว์ SSD ใหม่ 2 รุ่นสำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กร เน้นการใช้งานในศูนย์ข้อมูล ได้แก่
SSD อินเทอร์เฟซแบบ SAS (Serial Attached SCSI) ความจุ 60TB ซึ่งถือเป็น SSD ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน มาในขนาดไดรฟ์ 3.5 นิ้วมาตรฐาน บริษัทบอกว่าการมาถึงของ SSD ความจุมากขนาดนี้ ทำให้ไม่ต้องแยกระดับชั้นข้อมูลเป็นข้อมูลที่ใช้บ่อย (hot data) และข้อมูลที่นานๆ ใช้ที (cold data) เพื่อใช้กับสตอเรจแต่ละประเภทอีกต่อไป
SSD ความจุ 60TB จะวางขายในปีหน้า 2017 และในอนาคต Seagate จะผลักดันความจุของ SSD ไปให้ถึง 100TB ในไดรฟ์ตัวเดียว
Backblaze ออกรายงานความน่าเชื่อถือฮาร์ดดิสก์ประจำไตรมาสอยู่เป็นประจำ ตอนนี้รายงานไตรมาสสองของปี 2016 ก็ออกมาแล้ว ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือมีรายงานฮาร์ดิสก์ขนาด 8TB จาก HGST และ Seagate เพิ่มเข้ามาแล้ว
ฮาร์ดดิสก์ขนาด 8TB ของ HGST มีจำนวนเพียง 45 ลูกเท่านั้น และจนตอนนี้ยังไม่มีลูกใดเสียหาย แต่ Backblaze ระบุว่าราคาไม่คุ้มสำหรับการใช้งานปริมาณมากๆ จึงไม่มีการติดตั้งเพิ่มเติม แต่ Seagate 8TB นั้นราคาสมเหตุสมผลกว่า จึงติดตั้งเพิ่มถึง 2,720 ลูก ระยะเวลาใช้งานรวม 35,840 วัน (เฉลี่ยเพียงลูกละสิบกว่าวันเท่านั้น) ตอนนี้เสียหายไปแล้ว 3 ลูก ทำให้เฉลี่ยอัตราการเสียหายต่อปีได้ 3.06%
เมื่อพูดถึงระบบสตอเรจสำหรับองค์กรในปัจจุบัน เรากำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากสตอเรจแบบดิสก์ มาเป็นสตอเรจแบบแฟลช ซึ่งมีข้อดีกว่ากันชัดเจนเรื่องประสิทธิภาพ ในขณะที่ประเด็นเรื่องความจุต่อราคาที่เคยเป็นจุดอ่อน ก็กำลังหายไปเพราะราคาของสตอเรจแบบแฟลชลดลงเรื่อยๆ ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม สตอเรจแบบแฟลชเองก็มีหลากหลายระดับ ซึ่ง IBM ในฐานะผู้นำตลาดสตอเรจแบบแฟลชก็มี FlashSystem A9000 ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด อ่านเขียนข้อมูลได้เร็วกว่าแฟลชแบบ SSD ทั่วไป และใกล้ขึ้นไปเทียบชั้นหน่วยความจำแบบ DRAM แล้ว
เมื่อซัมซุงกำลังพยายามสร้างอารยธรรมโดยการเปิดตัวเมโมรีการ์ดแบบใหม่ในชื่อ UFS สิ่งที่ตามมาคือคำถามว่า "แล้วใครจะเอาด้วย?" ซัมซุงจึงต้องพัฒนาสล็อตอ่านการ์ดแบบใหม่ที่รองรับทั้ง UFS ของตน และ microSD ที่เป็นที่แพร่หลาย
ซัมซุงเปิดเผยว่า "การ์ด UFS แบบใหม่นี้ใช้กับสล็อตอ่าน microSD ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม พวกเราได้พัฒนาสล็อตแบบใหม่ที่รองรับทั้ง UFS และ microSD โดยเรากำลังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์หลายรายเพื่อดันให้พวกเขานำมันไปใช้ในอุปกรณ์ยุคถัดไป"
ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลว่าอุปกรณ์ใดจะเป็นตัวแรกที่รองรับการ์ด UFS หรือสล็อตแบบใหม่ดังกล่าว แต่ก็คงไม่น่าแปลกใจนักถ้า Galaxy Note 7 จะเป็นอุปกรณ์ตัวแรกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่นี้
Blognone ขอย้ำอีกทีว่า UFS ไม่ใช่ microSD นะครับ
ที่มา - Droid Life
ซัมซุงมีเทคโนโลยีสตอเรจแบบแฟลชที่เรียกว่า Universal Flash Storage (UFS) ใช้กับมือถือระดับเรือธงมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดซัมซุงออกการ์ดหน่วยความจำที่ใช้ UFS สู่ตลาดด้วยเช่นกัน (ชื่อเรียกก็ตรงตัวคือ UFS card หรือยาวหน่อย UFS removable memory card)
การ์ด UFS มี 4 ขนาดความจุคือ 32, 64, 128, 256GB จุดเด่นของมันคือประสิทธิภาพดีกว่า microSD ทั่วไปมาก ซัมซุงระบุว่าอัตราการอ่านข้อมูลต่อเนื่อง (sequential read) อยู่ที่ 530MBps สูงกว่า microSD ถึง 5 เท่า และเทียบได้กับ SSD ที่ต่อผ่านพอร์ต SATA เลย
ส่วนอัตราการเขียนข้อมูลแบบ sequential write ที่อยู่ 170MBps เหนือกว่า microSD ถึง 2 เท่า เหมาะสำหรับงานถ่ายภาพ-วิดีโอความละเอียดสูง
Ceph Storage ซอฟต์แวร์คลัสเตอร์สตอเรจของ Red Hat ออกเวอร์ชั่นใหม่ ปรับปรุงการทำงานเพิ่มเติม โดยเวอร์ชั่นนี้พัฒนาต่อมาจาก Ceph 10.2 Jewel เพิ่มฟีเจอร์จากรุ่นแรกมาหลายอย่าง
NetApp เปิดตัวระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์สตอเรจ ONTAP เวอร์ชัน 9 ของใหม่ในเวอร์ชันนี้มีหลายอย่าง ดังนี้
ปกติแล้วเวลาผมต้องการสตอเรจเซิร์ฟเวอร์สักตัวก็มักจะนำเครื่องมาติดตั้งลินุกซ์ใช้งานเองเสมอๆ แต่เครื่องทำเองก็มักมีข้อจำกัดหลายอย่าง ตั้งแต่ขนาดเครื่องที่ใหญ่ เสียงดัง กินพลังงานสูง รอบนี้ทาง Zyxel สอบถามมาว่าต้องการทดสอบ NAS540 ของทางบริษัทไหม ผมเลยยืมเครื่องนี้มาทดลองใช้งานอยู่ระยะหนึ่ง
ตัวเครื่องภายนอกของ NAS540 ไม่ต่างจากสตอเรจแบบ ดิสก์ 4 ลูกทั่วไปตัวอื่นๆ นัก การถอดฮาร์ดดิสก์แบบ 3.5 นิ้วสามารถถอดและใส่โดยไม่ต้องใส่น็อตแต่อย่างใด แต่ต้องใช้ไขควงแบนงัดตัวล็อกด้านข้างออกมาแทน และถ้าเป็นดิสก์แบบ 2.5 นิ้วจะต้องติดตั้งถาดแปลงเพิ่มเติม
IDC ออกรายงานประเมินยอดขายอุปกรณ์กลุ่มสตอเรจสำหรับองค์กร (enterprise storage) ประจำไตรมาสแรกของปี 2016 พบว่า Hewlett Packard Enterprise (HPE) มาแรง ขึ้นมาเทียบชั้นกับ EMC เจ้าตลาดเดิมได้แล้ว
IDC ประเมินว่า HPE ขายอุปกรณ์สตอเรจได้ 1.42 พันล้านดอลลาร์ ครองส่วนแบ่งตลาด 17.3% มากกว่า EMC ที่ขายได้ 1.39 พันล้านดอลลาร์ (ส่วนแบ่ง 16.4%) อยู่เล็กน้อย แต่ทางสถิติแล้วถือว่าต่างกันไม่มาก จึงถือว่าเป็นอันดับ 1 ร่วมกัน
อันดับสามคือ Dell ครองส่วนแบ่งตลาด 10.3%, อันดับสี่ NetApp ครองส่วนแบ่งตลาด 7.9% และอันดับห้าร่วมคือ Hitachi (6.3%) กับ IBM (5.8%) ถ้านับเฉพาะในกลุ่มท็อป บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นคือ HPE, Dell, NetApp
CoreOS เปิดตัวซอฟต์แวร์สตอเรจแบบกระจายตัว Torus เปิดให้เซิร์ฟเวอร์เข้ามาเมาน์เป็น block device ไปได้ และในอนาคตจะเก็บแบบออปเจกต์ได้ด้วย
ทาง CoreOS ระบุว่าระบบสตอเรจเป็นปัญหาใหญ่ของแอปพลิเคชั่นทุกวันนี้มักทำงานแบบกระจายตัวกัน และทางทีมงานก็อาศัยประสบการณ์จากการพัฒนา etcd มาใช้ในการพัฒนา Torus โดยตัว etcd เองก็ยังใช้งานเก็บ metadata ของไฟล์ใน Torus
ตอนนี้โครงการยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่ก็สามารถใช้งานได้จริงแล้ว ถ้าใครอยากทดลองสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้จาก Github
ที่มา - CoreOS
Hitachi Data Systems (HDS) บริษัทสตอเรจในเครือฮิตาชิ เปิดตัวผลิตภัณฑ์สตอเรจตระกูล Virtual Storage Platform (VSP) G Series รุ่นใหม่ G400, G600, G800 (สามตัวนี้เป็นแร็คขนาด 4U เท่ากันหมด ฟีเจอร์เท่ากัน ต่างกันที่ความจุสูงสุดและประสิทธิภาพ)
ของใหม่ที่สำคัญคือเพิ่มตัวเลือกในการรวมโมดูล NAS เข้ามาด้วย (เท่ากับว่าสตอเรจ VSP ชุดนี้จะทำงานได้ทั้งแบบ SAN และ NAS) ไม่ต้องแยกอุปกรณ์กันอีกต่อไป ช่วยลดพื้นที่จัดวางอุปกรณ์สตอเรจลง และประหยัดค่าไฟจากจำนวนอุปกรณ์ที่ลดลง
เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลทุกวันนี้ก้าวหน้าไปมาก คนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราตอนที่พวกท่านยังหนุ่มสาวคงยากจะคิดว่าการจะเก็บภาพนับพันนับหมื่นภาพในอุปกรณ์ที่เล็กกว่าอุ้งมือแทนอัลบั้มภาพกองพะเนินนั้นจะเป็นอย่างไร ตอนที่พวกเรายังเด็กก็อาจจะไม่เคยฉุกคิดว่าไม่ทันที่เราจะแก่เราจะได้เห็นเทคโนโลยีที่เก็บบทเพลงจากเทปคาสเซทนับร้อยม้วนลงในการ์ดความจำที่เล็กเพียงปลายนิ้วมือได้สำเร็จ แต่ที่ว่ามานั้นยังห่างไกลจากการเก็บข้อมูลของสมอง กระบวนการธรรมชาติที่มีกลวิธีในการจดจำบันทึกเรื่องราวแตกต่างจากคอมพิวเตอร์ที่มองทุกอย่างด้วยพื้นฐานเลข "0" และ "1"
IBM ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่ม flash storage ชุดใหม่ โดยเน้นที่ความเร็ว (ระบุว่า minimum latency อยู่ที่ 250 microsecond) และออกแบบมาสำหรับงานด้านคลาวด์โดยเฉพาะ มีสามตัวหลักประกอบไปด้วย FlashSystem A9000, FlashSystem A9000R และ DS8888
ในกรณีของ FlashSystem ทั้งสองตัวนั้น IBM ระบุว่าได้ใช้เทคโนโลยีด้าน flash storage ใหม่ๆ จำนวนมาก รวมถึง FlashCore ที่เป็นเทคโนโลยีทำให้ส่งข้อมูลได้โดยมี latency ต่ำมาก ทั้งสองตัวมีราคาอยู่ที่ 1.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อ GB (ราคาเต็มจริงๆ เท่าไหร่ลองคำนวณคร่าวๆ นะครับ) ส่วน DS8888 เป็น hybrid storage ตัวสูงสุดของกลุ่ม DS8800 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว
ราคาและวันเริ่มจำหน่ายไม่มีระบุ แต่น่าจะเริ่มให้สั่งซื้อได้แล้ว
ที่มา - IBM
Microsoft ลงทุนออกเงินสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลด้วย DNA โดยมีพันธมิตรทั้งห้องวิจัยของมหาวิทยาลัยและบริษัทสตาร์ทอัพ
เริ่มที่ความร่วมมือแรกระหว่าง Microsoft กับห้องปฏิบัติการ MISL (Molecular Information Systems Lab) แห่ง University of Washington โดย Microsoft เป็นฝ่ายสนับสนุนเงินทุนให้แก่ศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาเทคนิคการจัดเก็บข้อมูลลงใน DNA เนื้องานของ MISL นั้นเป็นการพัฒนาวิธีการแปลงข้อมูลไฟล์ดิจิทัลให้กลายเป็นข้อมูลในรูปแบบที่เข้ากับองค์ประกอบพื้นฐาน DNA ทั้ง 4 แบบ (แน่นอนว่าด้วยเทคนิคของงานวิจัยก็ย่อมแปลงข้อมูลจาก DNA กลับมาเป็นข้อมูลแบบดิจิทัลได้ด้วย)
Backblaze เป็นบริษัทสตอเรจที่ออกแบบเซิร์ฟเวอร์เองและเปิดสเปคเซิร์ฟเวอร์ให้คนทั่วไปสร้างตามได้อิสระ จากปลายปีที่แล้วที่เปิดตัว Storage Pod 5.0 ตอนนี้ทางบริษัทก็อัพเกรดเป็นรุ่น 6.0 แล้ว จุดสำคัญคือการเพิ่มฮาร์ดดิสก์เป็น 60 ลูกต่อเซิร์ฟเวอร์ 4U จากเดิมได้ 45 ลูก รวมความจุต่อเซิร์ฟเวอร์เป็น 240TB
เรารู้จัก SanDisk ในฐานะผู้ผลิตหน่วยความจำ (SD และ SSD) สำหรับคอนซูเมอร์ แต่หลังจากที่บริษัทซื้อ Fusion-io ในปี 2014 ก็เปิดสายผลิตภัณฑ์ใหม่คือ InfiniFlash สตอเรจอาร์เรย์แบบแฟลชล้วน (all-flash storage array) สำหรับงาน Big Data มาในปี 2015
สัปดาห์ที่แล้ว SanDisk ประกาศอัพเกรด InfiniFlash ครั้งแรกหลังจากออกผลิตภัณฑ์มาได้ครบปี โดยออก InfiniFlash IF150 มาแทน IF100 รุ่นล่างสุดตัวเดิม ของใหม่คือประสิทธิภาพ IOPS ที่ดีกว่าเดิมอีกเท่าตัว (2 ล้าน IOPS) ซึ่งเป็นผลมาจากบัส SAS เวอร์ชัน 3.0 อัตราการส่งข้อมูล 12 Gbps
InfiniFlash IF150 เป็นสตอเรจขนาดเครื่องแบบ 3U, ใส่สตอเรจได้สูงสุด 512TB
Oracle มีฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์กลุ่มที่เรียกว่า Engineered System อยู่หลายตัว (ข่าวเก่าเรื่องยุทธศาสตร์ฮาร์ดแวร์) จุดเด่นของฮาร์ดแวร์ตระกูลนี้คือปรับแต่งมาให้ทำงานกับซอฟต์แวร์ของ Oracle ได้เป็นอย่างดี สินค้าตัวหลักในกลุ่มคือ Exadata ที่ออกแบบมาสำหรับรันฐานข้อมูล Oracle Database
Exadata ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาแล้วหลายรุ่น (เฉลี่ยแล้วออกประมาณปีละรุ่น ดูข่าวเก่า Exadata รุ่น X3) ล่าสุดเมื่อต้นเดือนนี้ Oracle เปิดตัว Exadata X6 ถือเป็นรุ่นที่หกในซีรีส์แล้ว