ระหว่างการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ (Nexus 7, Nexus Q) ที่การประชุม Allen & Company ที่ Sun Valley รัฐ Idaho นาย Schmidt ใช้เวลาบางส่วนในการแชร์วิสัยทัศของ Google ในอนาคตและสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำเมื่อเข้าสู่ธุรกิจสายฮาร์ดแวร์
"พวกเราต้องการที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจฮาร์ดแวร์มาโดยตลอด" Schmidt กล่าว "Larry และ Sergey ต้องการทำฮาร์ดแวร์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และนี่คือวิธีที่จะเข้าสู่หนทางนั้นอย่างรวดเร็ว"
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในที่มาครับ
กูเกิลเริ่มนำ Google Analytics รุ่นใหม่มาใช้คู่กับ Analytics ตัวเก่า (Urchin เดิม) มาเป็นเวลาหนึ่งปี โดยใช้รุ่นใหม่เป็นตัวหลัก แต่ก็ยังอนุญาตให้กลับไปใช้งานตัวเก่าได้ตลอด
ล่าสุดกูเกิลประกาศหยุดรองรับ Analytics ตัวเก่าเรียบร้อยแล้ว เหลือตัวใหม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ท่าทางข่าวช็อควงการไอทีวันนี้ ยาฮูได้ซีอีโอคนใหม่แล้ว - Marissa Mayer จากกูเกิล จะยังช็อกไม่พอ เพราะล่าสุดมีข่าวว่า Marissa Mayer กำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนี้!
เรื่องนี้ตัวเธอยืนยันกับ Fortune เอง กำหนดคลอดของเธอคือวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ที่สำคัญนี่เป็นท้องแรกของเธอเสียด้วย (สามีของเธอคือ Zachary Bogue เป็นทนายที่ปัจจุบันหันมาเป็นนักลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพ)
ตัว Mayer เองยอมรับว่าคิดถึงเรื่องลูกเป็นอย่างแรกเมื่อได้รับโทรศัพท์จากยาฮู และเธอก็เปิดเผยเรื่องนี้กับคณะกรรมการสรรหาซีอีโอของยาฮู ซึ่งก็ไม่มีคณะกรรมการคนไหนเห็นว่าเป็นปัญหา เธอบอกว่าจะลาคลอดไม่นาน (a few weeks) และระหว่างนั้นเธอจะทำงานไปด้วย
ถ้านึกถึงสมัยเด็กๆ หลายคนน่าจะคุ้นกับคำว่าค่ายฤดูร้อน (summer camp) ที่ชวนเด็กให้ออกไปทำกิจกรรมในช่วงฤดูร้อนระหว่างหยุดยาว แต่ค่ายครั้งนี้อาจไม่ต้องออกไปนอกบ้าน หลังจากกูเกิลร่วมมือกับนิตยสาร MAKE จัดค่ายฤดูร้อนบน Google+ ในชื่อ Maker Camp
สาระสำคัญของ Maker Camp ไม่ได้ต่างกับค่ายอื่นๆ นั่นคือชวนให้เด็กๆ มาร่วมกันทำโปรเจค 30 อย่างในเวลา 30 วัน ที่เจ๋งก็คือกิจกรรมต่างๆ ใน Maker Camp นั้นทำผ่านฟีเจอร์ของ Google+ ทั้งสิ้นอย่างการโพสต์ถาม หรือประชุมกันด้วย Hangout
ค่ายนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคมไปจนถึง 24 สิงหาคม และไม่ต้องลงทะเบียนแต่อย่างใด ใครที่สนใจลองเข้าไปดูได้ที่ Maker Camp ครับ
ยาฮูประกาศวันนี้ว่า Marissa Mayer จะมาเป็นซีอีโอคนใหม่และนั่งตำแหน่งในบอร์ดบริหารควบด้วย ทำให้ในที่สุดยาฮูก็ได้ซีอีโอคนที่ 3 ในรอบหนึ่งปี นับตั้งแต่ Carol Bartz ที่ถูกไล่ออก จนถึง Sco
ส่วนเสริมหรือ extension ของเบราว์เซอร์อาจเป็นที่มาของภัยคุกคามแบบใหม่ๆ ล่าสุดกูเกิลปรับนโยบายการติดตั้งส่วนเสริมของ Chrome ให้ปลอดภัยมากขึ้นแล้ว
เดิมทีเว็บไซต์ทุกแห่งสามารถขอติดตั้งส่วนเสริมลงบน Chrome ได้เลย (ขอแค่มีไฟล์ .crx) แต่นี่อาจเป็นช่องโหว่ให้เว็บไซต์ประสงค์ร้ายติดตั้งส่วนเสริมที่มีอันตรายเข้ามาได้ กูเกิลจึงเปลี่ยนค่าของ Chrome ให้รับเฉพาะส่วนเสริมจาก Chrome Web Store (ที่ผ่านการกรองจากกูเกิลแล้วเท่านั้น) เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังสามารถติดตั้งส่วนเสริมด้วยตัวเองโดยไม่ต้องผ่าน Chrome Web Store ได้ เพียงแต่ต้องเป็นคนติดตั้งด้วยตัวเองในหน้า Extensions ของ Chrome เท่านั้น
ข่าวนี้เป็นความคืบหน้าของ Philip Matesanz นักเรียนชาวเยอรมันวัย 21 เจ้าของเว็บไซต์บริการแปลงวิดีโอบน YouTube เป็น MP3 ที่ชื่อ YouTube-MP3.org ซึ่งถูกทนายของกูเกิลเตือนว่าจะฟ้องร้อง โดยล่าสุด Matesanz เผยว่าเขาได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญในเยอรมันสองคนให้มาช่วยทำคดีแล้ว รวมทั้งทำจดหมายรณรงค์เข้าชื่อให้ผู้ใช้เว็บไซต์ร่วมลงชื่อสนับสนุนว่าสิ่งที่เว็บเขาทำอยู่ถูกต้อง
ก่อนหน้านี้ TechInsight ได้ออกมาประเมินราคาต้นทุนของ Nexus 7 ว่าอยู่ที่ 184 ดอลลาร์ รอบนี้ฝั่งค่าย iSuppli ก็ออกมาประเมินเหมือนกันแต่ได้ต้นทุนอุปกรณ์เพียง 151.75 ดอลลาร์เท่านั้น และรวมค่าประกอบแล้วก็ยังอยู่ที่ 159.25 ดอลลาร์
Andy Rubin ออกมาบอกกับ AllThingsD ว่า Nexus 7 นั้นทำกำไรได้ไม่มากนัก ยิ่งรวมเครดิต 25 ดอลลาร์แล้วจะไม่เหลือกำไรเลย แต่ราคาต้นทุนของ TechInsight นั้นแสดงว่ากูเกิลต้องขายขาดทุนทันที
iSuppli ระบุว่าราคาชิปแฟลชขนาด 8GB นั้นอยู่ที่ 7.5 ดอลลาร์ พอๆ กับที่ TechInsight ประเมิน ทำให้ราคาต้นทุนของรุ่น 16GB นั้นเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ราคาขายจะต่างกันถึง 50 ดอลลาร์ สร้างกำไรมาสนับสนุนรุ่นล่างได้
กูเกิลเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ Google+ สามารถย้ายข้อมูลเพื่อนๆ ใน "แวดวง" หรือ circles จากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งได้ โดยผ่าน Google Takeout ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับดาวน์โหลดข้อมูลของเราที่เก็บอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล
ระบบการย้ายข้อมูล circles ของกูเกิลไม่เป็นไปอย่างอัตโนมัติ โดยผู้ใช้ต้องเป็นฝ่าย "ร้องขอ" การย้ายข้อมูล และใช้เวลารอ 7 วัน (waiting period) ก่อนที่จะสามารถย้ายข้อมูลได้ ส่วนกระบวนการย้ายข้อมูลใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างนี้บัญชีทั้งสองฝั่งไม่สามารถโพสต์ข้อมูลใน Google+ หรือเปลี่ยนข้อมูลในแวดวงได้
ในที่สุดระบบปฏิบัติการจากกูเกิล Chrome OS ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์ที่บอกไว้เมื่องาน Google I/O แล้ว โดยในรุ่น 20 รหัส 20.0.1322.54 เพิ่มฟีเจอร์เข้ามาดังนี้
ส่วนเบราว์เซอร์ Chrome ก็อัพเดตด้วยเป็นรุ่นที่ 20 ด้วยเช่นกัน โดยหลักๆ เป็นการอัพเดตเวอร์ชัน Adobe Flash และแก้บั๊กความปลอดภัยต่างๆ
บริการแนะนำคำค้นหาต่อไปในช่องค้นหาของกูเกิล (Google Suggest) นั้นมีมานานแล้ว แต่ตอนนี้มันกำลังกลายเป็นช่องทางทำเงินใหม่ให้กับกูเกิล ด้วยการเปิดให้ผู้ลงโฆษณาสามารถลงโฆษณาในกล่องแนะนำคำค้นหาได้ทันทีในชื่อว่า Search As You Type
กูเกิลระบุว่าจะเปิดให้ผู้ลงโฆษณา AdWord ใช้บริการใหม่นี้ฟรีรวมเป็นจำนวนการค้นหา 25 ล้านครั้ง แต่จำกัดเฉพาะผู้ลงโฆษณาในสหรัฐฯ เท่านั้น
น่าสนใจว่าการค้นหาแบบนี้อาจจะกลายเป็นช่องทางทำเงินที่สำคัญ โดยเฉพาะเมื่อบริการค้นหาไปผูกกับเบราว์เซอร์มากขึ้นเรื่อยๆ กูเกิลก็อาจนำบริการนี้ไปใส่ใน Chrome เพื่อให้แสดงโฆษณาจากการค้นหาในเบราว์เซอร์ได้ทันที
ใครที่สังเกตสเปคของ Nexus 7 ดีๆ จะเห็นว่าเจ้าแท็บเล็ตตัวนี้มีเซนเซอร์ตรวจจับคลื่นแม่เหล็กด้วย และตอนเปิดตัวนั้นกูเกิลไม่ได้ให้รายละเอียดว่าใส่เซนเซอร์ตัวนี้มาเพื่ออะไร
แต่แล้วความจริงก็เปิดเผย เมื่อมีผู้ใช้ใน YouTube รายหนึ่งได้ลองใช้แม่เหล็กทาบข้างตัวเครื่อง Nexus 7 ดู ผลปรากฎว่าตัวเครื่องนั้นเข้าสู่โหมด sleep คล้ายกับการใช้ Smart Cover ของ iPad หรือซองหนังของ BlackBerry
จากผลดังกล่าวทำให้คาดกันว่าเคสของ Nexus 7 ที่ ASUS เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ น่าจะใช้คุณสมบัติดังกล่าวด้วย ถึงแม้ว่า ASUS จะไม่ได้เอ่ยถึงเลยก็ตาม
หลังจากปล่อยให้ผู้ใช้ iPad ต้องทนใช้แอพ Google+ แบบจอเล็กกันมานาน ล่าสุดกูเกิลก็ปล่อยแอพ Google+ for iPad ตามหลังเวอร์ชัน Android Tablet เป็นที่เรียบร้อย
ของใหม่นอกจากเรื่องดีไซน์ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับหน้าจอขนาดใหญ่ ยังรองรับ gesture แบบสองนิ้ว และเริ่มการสนทนา Hangout จาก iPad ได้เลย
ส่วนเวอร์ชัน iPhone ก็ได้รับอัพเดตให้ใช้ Google+ Events ได้เช่นกัน (เข้าใจว่าเวอร์ชัน iPad ยังไม่รองรับ Events นะครับ)
ที่มา - Official Google Blog
ตามรอบของการเปิดตัวแอนดรอยด์ (ยกเว้น Honeycomb) หลังเปิดตัวรุ่นใหม่แล้วกูเกิลจะปล่อยซอร์สโค้ดออกมาหลังงานเปิดตัวไม่นานนัก และวันนี้ Android 4.1.1_r1 หรือ Jelly Bean ก็เปิดซอร์สออกมาแล้ว
การเปิดตัวครั้งแรกจะปล่อยส่วนไบนารีออกมาสำหรับ Nexus 7 และ Galaxy Nexus ก่อน ส่วน Nexus S, และ Xoom จะตามมาในเร็วๆ นี้
หลังจากนี้โครงการโอเพนซอร์สอื่นๆ เช่น CyanogenMod คงนำโค้ดไปใช้ตามกันมาเร็วๆ นี้
ที่มา - Android Building
โครงการที่ถูกปิดไปของกูเกิลนอกจากที่เราเห็นโครงการก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีโครงการภายในจำนวนหนึ่งถูกปิดลงไปพร้อมๆ กันด้วย วิศวกรของกูเกิล คือ Scott Blum และ Jaime Yap ได้ออกมาเปิดโครงการภายในที่ถูกยกเลิกไปในชื่อว่า Collide (collaborative IDE)
Collide เป็น IDE ให้เรารันในเครื่องของเราเอง เพื่อแชร์ซอร์สโค้ดออกมาเป็นเว็บให้นักพัฒนาคนอื่นมาช่วยกันพัฒนาร่วมกันได้ โดย Collide สามารถเติมโค้ดอัตโนมัติ (autocomplete) ในภาษา HTML, CSS, JavaScript, และ Python โดยหลังจากกูเกิลยกเลิกโครงการนี้ก็เปิดซอร์สโค้ดของมันออกมาเป็นโครงการโอเพนซอร์ส
Nexus 7 แท็บเล็ตจากกูเกิลโดยตรงตัวแรกที่มีราคาขายเพียง 199 ดอลลาร์อาจจะน่าซื้อมากขึ้น เมื่อ TechInsight รายงานต้นทุนชิ้นส่วน (Bill of Material - BOM) ของมันมีราคาถึง 184 ดอลลาร์ เมื่อรวมต้นทุนค่าขนส่งและค่าการตลาดแล้วแสดงว่ากูเกิลกำลังขาย Nexus 7 ในราคาขาดทุนอยู่
ราคาต้นทุน 184 ดอลลาร์เป็นต้นทุนของรุ่น 8GB ขณะที่รุ่น 16GB นั้นมีราคาขายเป็น 249 ดอลลาร์ แต่ต้นทุนของชิปแฟลช 8GB กลับมีราคาเพียง 8 ดอลลาร์ ก็น่าจะทำกำไรให้กูเกิลมาชดเชยได้
ปัจจุบันการเล่นวิดีโอจาก YouTube ในแอพของ Android (ที่ไม่ใช่เว็บเบราว์เซอร์หรือแอพ YouTube ที่กูเกิลทำเอง) กลับเป็นเรื่องยากเกินความจำเป็นไปมาก แนวทางของผู้พัฒนาแอพเหล่านี้คือการฝัง iframe ลงใน webview เป็นหลัก
แต่ในงาน Google I/O 2012 กูเกิลก็ประกาศแผนเบื้องต้นของ YouTube Android Player API แล้ว ซึ่งนักพัฒนาแอพอื่นๆ จะสามารถเข้าถึงวิดีโอบน YouTube ได้ง่ายขึ้นมาก และประสบการณ์เล่นวิดีโอภายในแอพจะดีขึ้นตามไปด้วย
API ชุดนี้จะรองรับหน้าจอหลายขนาด (ตั้งแต่มือถือไปยัน Google TV), เล่นวิดีโอแบบเต็มหน้าจอได้, ตรวจทิศทางการหมุนจอได้, สามารถปรับคุณภาพของวิดีโอตามความเร็วการเชื่อมต่อ และรองรับการโฆษณาบนวิดีโอด้วย
จากคดีฟ้องร้องกันในสหรัฐฯ เป็นผลให้ Galaxy Nexus ถูกศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามขายจนกว่าคดีจะรู้ผล หลังจากนั้นไม่นานกูเกิลก็ให้สัมภาษณ์ว่าจะกลับมาขายในสัปดาห์หน้า และตอนนี้ Galaxy Nexus ก็กลับมาประจำการใน Play Store แล้ว
เพียงแต่ว่าระยะเวลาส่งของจากเดิมที่ส่งได้ภายในสองวัน ถูกปรับเพิ่มเป็น 2-3 สัปดาห์ และแน่นอนว่ามาพร้อมกับ จะมีอัพเดต Jelly Bean (ที่แก้ปัญหาสิทธิบัตรไปแล้ว) ตามมาเร็วๆ นี้ ส่วนราคาก็ลดลงเหลือ 349 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามที่ประกาศก่อนงาน Google I/O นั่นเอง
ที่มา - Engadget
หลังจากจบคดีในศาลชั้นต้น ที่ออราเคิลสามารถเรียกค่าเสียหายจากกูเกิลได้ไม่เกิน 300,000 ดอลลาร์ (และตัดสินใจไม่เรียกเลยในที่สุด) ตอนนี้กูเกิลก็เรียกร้องค่าใช้จ่ายในคดีกลับไปยังทางออราเคิลแล้วเป็นเงิน 4 ล้านดอลลาร์
เงินสี่ล้านดอลลาร์แบ่งออกเป็นสามส่วน 2.9 ล้านดอลลาร์เป็นค่าทำสำเนาเอกสารและค่าจัดเรียงเอกสารเหล่านั้น 143,000 ดอลลาร์เป็นค่าพิมพ์หรือบันทึกเอกสารในคดี และอีก 986,000 ดอลลาร์ เป็นค่าผู้เชี่ยวชาญในคดี
ก่อนหน้านี้ศาลมีคำสั่งให้ออราเคิลจ่ายเงินให้กับกูเกิลเป็นค่าทนายไปก่อนแล้ว 300,000 ดอลลาร์
ที่มา - Wired
จากการประกาศปิดบริการหลายตัวของกูเกิล ได้ทำให้ Frank Shaw หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของไมโครซอฟท์เกิดแรงบันดาลใจ สร้างหน้าบน Pinterest ขึ้นมา และตั้งชื่อมันว่า Google Graveyard และรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่ตายแล้วของกูเกิลมาใส่ไว้ ไม่ว่าจะด้วยการแก่ตายตามอายุขัย หรือดับอนาถอย่างไม่ตั้งใจ เช่น Wave, Buzz จากนั้นก็ให้ตัวแทนส่งอีเมลที่มีลิงก์ของหน้านี้ถึง Harry McCracken นักข่าวของ TIME
กูเกิลจดสิทธิบัตรใหม่สำหรับใช้กับวิดีโอในชื่อ "Method and system for automated annotation of persons in video content " กระบวนการที่สามารถจดจำบุคคลจากในวิดีโอจากภาพใบหน้าได้ โดยใช้วิธีการสแกนใบหน้าจากหลายมุม เพื่อระบุตัวตนของคนในวิดีโอได้อัตโนมัติ
แต่ยังไม่รู้แน่ว่ากูเกิลจะนำสิทธิบัตรนี้ไปใช้กับ YouTube ให้สามารถแท็กคนบนวิดีโอได้อัตโนมัติ หรืออาจนำไปใช้กับ Google Glass คู่กับระบบ Augmented Reality สำหรับระบุตัวตนคนรู้จักที่อยู่ในขอบเขตการมองของแว่นก็เป็นได้
ถัดจาก Galaxy Tab 10.1 แอปเปิลก็ประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามขาย Galaxy Nexus ในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากคดีสิทธิบัตรกับแอปเปิล และปฏิเสธคำอุทธรณ์ของซัมซุงด้วย
ผลคือตอนนี้กูเกิลต้องถอด Galaxy Nexus ออกจากหน้าเว็บ Play Store ก่อนชั่วคราว แต่ก็มีรายงานว่ากูเกิลจะออกแพตช์แก้ให้กับ Galaxy Nexus โดยตัดฟีเจอร์เรื่อง local search ที่เป็นประเด็นปัญหาเรื่องสิทธิบัตรออกไปก่อน
ข่าวฮาๆ ที่คนโดนคงฮาไม่ค่อยออกครับ โดย Dan Morill พนักงานกูเกิลคนหนึ่งในทีม Android ได้โพสต์ข้อมูลลง Google+ ว่า โมเดลหุ่น Jelly Bean ที่วางอยู่หน้าสำนักงานของกูเกิล มีปัญหากับอากาศร้อน จนทำให้ส่วนหัวของหุ่นตัวนี้ถึงกับ "ละลาย" เป็นบางส่วนและหลุดออกมา
ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือหลังจากหัวหลุดออกมาแล้ว มีคนขโมย Jelly Bean ที่อยู่ในตัวหุ่นไปอย่างน้อย 1 ก้อนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทีมงานของกูเกิลกำลังไป "แก้บั๊ก" ของหุ่น Jelly Bean กันแล้ว
กูเกิลเดินหน้าผนวก Google+ เข้ากับบริการอื่นของตัวเองอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดเป็นคิวของ Chrome Web Store ที่ได้ปุ่ม +1 เพิ่มเข้ามาที่แอพแต่ละตัวแล้ว
ก่อนหน้านี้ Android Market/Play Store เองก็ได้ปุ่ม +1 มาก่อนนานแล้ว ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถแชร์แอพของ Android ไปยังแวดวงของตัวเองได้ แต่กรณีของ Chrome Web Store เพิ่มขึ้นมาจากเดิมตรงที่ เราสามารถกดอ่านรีวิว-ดูรายชื่อแอพที่เพื่อนเราแนะนำได้โดยตรง เพราะหน้าเว็บของ Chrome Web Store จะมีหมวด "From your circles" เพิ่มเข้ามาจากหมวดแอพแนะนำทั่วไปอย่าง Popular หรือ Trending ครับ
ที่มา - Google Chrome Blog