เว็บไซต์ Thurrott.com แหล่งรวมข้อมูลสายไมโครซอฟท์ รายงานข่าวที่ยังไม่เป็นทางการว่า ไมโครซอฟท์เปลี่ยนแผนการออก Windows 10 S ใหม่ ยกเลิกการขาย Windows 10 S แยกต่างหากจาก Windows 10 รุ่นปกติ และแปลงมันเป็น "S Mode" โหมดความปลอดภัยเข้มข้นใน Windows 10 แทน
คาดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มใน Windows 10 อัพเดตใหญ่ตัวหน้า Redstone 4 ที่จะออกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ นั่นแปลว่า Redstone 4 จะมีฟีเจอร์ใหม่คือ S Mode ให้ผู้ใช้ที่ต้องการล็อคไม่ให้ติดตั้งโปรแกรมแบบ .exe เอาเอง เว็บไซต์ Neowin พบข้อมูลของ S Mode ถูกเพิ่มเข้ามาแล้วในกิจกรรมหาบั๊กของกลุ่มผู้ใช้ Insider โดยกิจกรรมคือให้ผู้ใช้ลองเปิดการทำงานของ S Mode ดูว่าเป็นอย่างไร
ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์ใช้วิธีขายไลเซนส์ Windows 10 ให้กับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM โดยแยกเป็นรุ่นปกติ (ซึ่งมีหลายรุ่นย่อยหรือ SKU) และรุ่น S ที่เทียบเท่ากัน แต่ลดราคาไลเซนส์ลงจากรุ่นปกติ เพื่อจูงใจให้ OEM ซื้อไลเซนส์รุ่น S อย่างไรก็ตาม หลังการเปลี่ยนนโยบายใหม่ ไลเซนส์รุ่น S ทั้งหมดจะหายไป เหลือเฉพาะรุ่นปกติเท่านั้น
ที่มา - Thurrott.com, Neowin
Comments
จะเกิดมาเพื่ออะไร
PoC แต่ดูแนวโน้มจะตกกระป๋องแบบ RT เลยพับเก็บก่อนจะโดนด่าจริงจัง แต่คนซื้อ S ไปก็จะกลับมาใช้รุ่นปกติได้ผมว่าไม่น่าโดนด่าเท่า RT
ผมกลับมองว่าเพราะกำลังจะเข็น Polaris ออกมามากกว่า ไม่เกี่ยวกับว่าเป็น RT หรืออะไร
ปีหน้าคงยกเลิก S Mode ส่งไปอยู่กับ Windows rt
S =
SadismStrict Securityก็อีหรอบเดียวกับ WP ไม่ใช่เหรอ?
ผมมองว่า eco system พร้อมพอครับ
แอพจำเป็นก็ขึ้นไปแล้ว ถ้าไม่นับ chrome
cad photoshop office เพียงพอสำหรับองค์กร
RT ก็โดนด่ายับไปแล้ว ยังทำ S ออกมานี่ไม่แคร์สังคมชาวโลกอีก สมควรอยู่
ทำไมผมรู้สึกว่าต่ละเม้นท์ฟังดูรุนแรงเกินควร
คนมันเคยเจ็บครับ -..-'
my blog
เจ็บลึก บาดแผล
คุณเคยรอซื้อ Surface RT ในราคาเต็ม จากสหรัฐอเมริกาไหมครับ? ถ้าเคย ก็จะรู้สึกแหละครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมเป็นหนึ่งคนที่ไม่โอกับ Windows 10 S ตั้งแต่ประกาศตัวแล้วล่ะครับเห็นแล้วคิดว่ายังไงก็ตายชัวร์ๆ เหมือนตอน Surface RT
มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ ผมมองว่า S มันก็ไม่น่าเลวร้ายแบบ RT นะครับ เพราะใช้สถาปัตยกรรมเดียวกันอัพเกรดไปหา 10 ปกติได้ อย่างน้อยๆก็พอเอาไปชนกับตลาด ChromeOS ได้
ที่น่ากังวลคือ Microsoft ตั้งใจจะดันมันไปถึงไหนเนี่ยแหละ
เห็นด้วยว่าควรมองให้ออกว่าไอ้ตัว s มันตั้งใจมาชนโครมก่อน เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่ os ที่ความสามารถจำกัดจะสามารถสร้าง ecosystem ขึ้นมาได้
แล้วกะว่าค่อยๆ แผ่มา consumer ทั่วไป
แต่เท่าที่ฟังๆ ดู ระบบบริหารแอดมิน ซึ่งเป็นหัวใจของพวกตลาดการศึกษาหรือองค์กร กลับถึงขั้นเฮงซวยกว่ามาก คงเพราะเอาของเก่ามาโมดิฟายแค่ครึ่งๆ กลางๆ น่าจะไม่รอด
ปัญหาของ UWP คือการที่ต้องแบ่งเงิน 70:30 นี่ล่ะ บริบทมันไม่เหมือนโทรศัพท์ .exeเข้ากระเป๋าdevเต็ม100 แล้วใครมันจะอยากทำแอพลง store ยิ่งเป็นแอพใหญ่ค่าพัฒนาแพงๆเช่น Premiere Pro ,Maya , AutoCAD , FL Studio โอกาสแทบเป็นศูนย์
อันนั้นเป็นปัญหาของ Windows Store ครับไม่ใช่ปัญหาของ UWP ต่อให้ทำแอปเป็น .exe แต่เอาไปลง Windows Store ก็ 70:30 ขณะที่เขียนเป็น UWP แต่ไม่ลง Windows Store ก็เข้ากระเป๋า dev เต็ม 100 อยู่ดี (ถ้าเปิดเซิร์ฟเองไม่ได้ไปฝากแปะที่อื่น)
เท่าที่ผมลองไปศึกษาดู MSมีนโยบายstoreเดียว
ถ้าทำ UWP แต่ไม่ลง Windows Store การติดตั้งจะยุ่งยากมากๆ
ต้องไปตั้งค่าปลดล็อคให้ Windows ลงแอพนอก store ให้ได้อีก
เหมือนเป็นการบีบกลายๆว่าถ้าจะทำUWPต้องทำลงWindows Storeเท่านั้น
แล้วก็ต้องไปเจอเรื่องrevenue split
UWPเลยไม่ค่อยมีใครอยากทำ
ไมโครซอฟท์ทำให้กระทั่งว่าการติดตั้ง UWP จากหน้าเว็บสามารถสตรีมข้อมูลตอนติดตั้งได้เลยไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์มาก่อนเหมือนกับการกดติดตั้งจากสโตร์ด้วยซ้ำนะครับ
กดเปลี่ยนการตั้งค่าแค่อันเดียว ตัวเลือกเดียว ในหน้าเดียว (ก็เหมือนบนแอนดรอยด์) น่ะนะครับเรียกว่ายุ่งยากมาก?
ผมพูดในมุมมอง dev ทำแอพขายน่ะครับ มันยุ่งยากมากๆสำหรับ user ถ้าเทียบการลงแอพแบบ exe
ที่แค่กดปุ่ม install ก็พอแล้ว
แม้ในครั้งแรกที่ต้องตั้งค่าเพิ่ม ขั้นตอนมันก็ยังน้อยกว่าติดตั้ง exe อยู่ดีครับถ้าไม่นับแค่ความเคยชิน ครั้งถัดไปนี่ไม่ต้องเทียบเลย
เอ่อ มันไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้นครับ เพราะแค่ไปที่ Settings -> Update and security -> For developers -> เลือกว่าจะให้ลงผ่าน MS Store อย่างเดียว หรือ Sideload (แอพฯ นอก MS Store ที่ถูก sign ด้วยใบรับรองที่ถูกต้อง) หรือ Developer mode (ให้ลงแอพฯ จากที่ไหนก็ได้) ครับ
ปล. เห็นเขาว่า Win10FCU จะตั้งให้ Sideload เป็นค่าเริ่มต้นครับ
ประเด็นเรื่องส่วนแบ่งมันจะคุยกันได้ทันทีถ้าสัตส่วนผู้ใช้เยอะมากๆๆ ยังไงเดี๋ยวโปรแกรมก็มา ประเด็นคือตอนนี้สัตส่วนไม่เยอะ แต่ต้องลงทุนเยอะ แอพเลยยังไม่มา ก็เหมือนเล็งกันไปมาระหว่าง ผู้พัฒนา กับ MS / ที่จริง MS ก็แพบ่อยเกิน เป็นผม ผมก็รอ กระโดดลงไปเลยเดี๋ยวตายไปด้วย
“ไม่ยืนยัน” มีสติกันสักนิด