Apple ถูกฟ้องร้องฐานใช้ชิปที่ผลิตโดยใช้กระบวนการที่สงวนไว้ตามสิทธิบัตรที่มีการจดไว้ตั้งแต่ปี 1997 โดยเจ้าของสิทธิบัตรผู้ยื่นฟ้องในครั้งนี้ก็คือ MIT
MIT ได้ยื่นฟ้องที่ศาลใน Boston โดยระบุว่าผู้ผลิตชิป Micron Technology จาก Idaho นั้นผลิตชิป DRAM ให้ Apple โดยอาศัยเทคนิคการผลิตที่มีการตัดวัสดุด้วยเลเซอร์ ซึ่ง MIT อ้างว่าเทคนิคการผลิตชิปดังกล่าวนั้นได้รับความคุ้มครองตามสิทธิบัตรหมายเลข 6,057,221 ที่ MIT ถือครองอยู่ ซึ่งสิทธิบัตรนี้ถูกยื่นจดตั้งแต่ปี 1997 และได้รับการอนุมัติในปี 2000 ทั้งนี้ชื่อของผู้คิดค้นกระบวนการตัดชิ้นงานผลิตชิปด้วยเลเซอร์ตามที่ระบุในสิทธิบัตรนั้นก็คือ Joseph Bernstein และ Zhihui Duan
ชิป DRAM ที่โดนระบุว่าผลิตด้วยวิธีการที่ละเมิดสิทธิบัตรนั้นถูกนำไปใช้ใน iPhone, iPad และ MacBook Air ซึ่งทาง MIT ก็ต้องการค่าชดเชยการละเมิดสิทธิบัตรตามจำนวนสินค้าของ Apple ที่เกี่ยวพันใช้งานชิปเหล่านี้
ด้าน Apple ยังมิได้ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้
ที่มา - GigaOm, ข้อมูลสิทธิบัตรจาก FPO
Comments
อืม...... แปลกดีแฮะ
เพราะทางบริษัทที่ซื้อต่อชิปไม่น่าจะมีโอกาสรู้ได้เลย (ผู้ผลิตน่าจะเลือกไม่เปิดเผยวิธีผลิตได้)
น่าจะเป็นเพราะ apple เป็นคนสั่งให้บริษัทผลิตตามสเปคของ apple ทึ่จะเอาไปใช้ จะเอาแบบนั้นแบบนี้
"ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน" ประมาณนี้หรือเปล่าครับ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ลองนึกภาพเวลาคุณซื้อมือถือ, cpu, hdd เราก็รู้แค่สเปครึเปล่าครับ ว่ามันทำอะไรได้บ้าง ผลิตด้วยวิธียังไงนี่น่าจะเป็นความลับของบริษัทที่ผลิต
เคยเห็นแต่แบบ รู้แล้วว่าเป็นยังไง แล้วมากดดันบริษัท ให้เลิกใช้ ซัพพลายเออร์รายนี้ เช่นปัญหาโรงงานใช้แรงงานเด็ก
แต่ฟ้องได้ด้วยรึเปล่านี่ ยังงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจ
เพราะฉะนั้น การฟ้องถึงไม่สามารถเรียกเก็บการใช้งานก่อนหน้าการฟ้องหรือว่าในระยะเวลาของการฟ้องร้องก่อนจะมีคำตัดสินได้ไงครับ เพราะว่าไม่มีโอกาศได้รับรู้ หรือว่ารับรู้แต่แกล้งเป็นไม่รู้ก็ตาม
การเรียกเก็บค่าเสียหายของการฟ้องร้องในลักษณะนี้ จะมีทางเลือก หากศาลตัดสินว่าผิด 2 กรณี คือ เลิกใช้ ซึ่งกว่าศาลจะตัดสิน เทคโนโลยีก็มักจะเปลี่ยนไปแล้ว หรือว่า หากยังไม่เปลี่ยน ก็จะให้ผู้ถูกฟ้องเลิกใช้(ไปใช้อย่างอื่น) หรือว่าใช้ต่อและจ่ายค่าลิขสิทธิ์
ไม่โดนเก็บย้อนหลังจนอ่วมหรอกเหรอ
เพราะฉะนั้น การฟ้องถึงไม่สามารถเรียกเก็บการใช้งานก่อนหน้าการฟ้องหรือว่าในระยะเวลาของการฟ้องร้องก่อนจะมีคำตัดสินได้ไงครับ เพราะว่าไม่มีโอกาศได้รับรู้ หรือว่ารับรู้แต่แกล้งเป็นไม่รู้ก็ตาม
การเรียกเก็บค่าเสียหายของการฟ้องร้องในลักษณะนี้ จะมีทางเลือก หากศาลตัดสินว่าผิด 2 กรณี คือ เลิกใช้ ซึ่งกว่าศาลจะตัดสิน เทคโนโลยีก็มักจะเปลี่ยนไปแล้ว หรือว่า หากยังไม่เปลี่ยน ก็จะให้ผู้ถูกฟ้องเลิกใช้(ไปใช้อย่างอื่น) หรือว่าใช้ต่อและจ่ายค่าลิขสิทธิ์
มันเป็นความลำบากทางมนุษยชาติมากในการออกแบอะไรแล้วต้องมานั่ดูว่ามีแนวคิดคล้ายๆจดสิทธิบัตรไปหรือยิ่งตัวเล็กนี้หาข้อมูลยาก พอจะมีสารบัญสิทธิบัตรรวมทุกประเทศไหมนะ หรือแค่ประเทศใหญ่ๆก็ยังดี
ผมว่า..ระวังในส่วนของการออกแบบของตัวเองอย่างเดียวน่าจะไม่พอนะครับ สำหรับกรณีนี้
คงต้องไปตามเช็คที่ขั้นตอนการผลิดของ Suppliers ทุกๆเจ้าด้วยว่า มีกระบวนการผลิดแบบไหนที่ติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์บ้าง
ผิดจริงก็คงต้องจ่าย หรือหาทางคิดวิธีใหม่
ผมว่าหลายๆ บริษัทที่เจอคดีสิทธิบัตรเค้าก็ชินชากับเรื่องพวกนี้แล้วล่ะครับ
สู้คดี ลากให้มันยาวๆ เข้าไว้ แล้วพอคู่กรณีอ่อนล้าก็ค่อยต่อรองยอมความ << สูตรสำเร็จแล้วนะ
ซัมซังไง ลากยาวจนคู่แข่งต้องออกไปจากวงการเองเพราะเงินหมด
ห่ะ! บริษัทไหนเหรอครับ?
Pioneer??
เห็นว่ายอมเอาแอพตัวเองออก เอาแอพของคู่คดีใส่นะ
หมายเลขสิทธิบัตรนี่ควรมี คอมม่าคั่นเลขมั้ยครับ?
น่าจะมีนะครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ครับ
ในเอกสาร US Patent Office จะมี แต่พอเอาไปใช้บนผลิตภัณฑ์ บางทีก็ไม่มี บางทีใช้เว้นวรรคแทนคอมม่า บางทีใช้จุดแทนก็มี
. คือ , ในประเทศแถบยุโรป และ , คือ . ครับ
ประเทศที่ใช้ ., แบบเราคือพวก อเมริกา แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย มักเป็นพวกที่ใช้ภาษาอังกฤษครับ
ยกตัวอย่างราคา
3.150,49 euro คือ สามพันหนึ่งร้อยห้าสิบยูโรสี่สิบเก้ายูโรเซ็นครับ
ทราบครับ แต่คู่กรณีทั้งสองเป็นสัญชาติอเมริกันครับ สิทธิบัตรก็อเมริกันครับ
ปกติเจอเคสเกี่ยวกับสิทธิบัตรแบบนี้ มันน่าเห็นใจนะครับ
แต่พอเจอชื่อบริษัทนี้ คิดว่า MIT ควรเอาให้เต็มที่เลยครับ
"What goes around, comes around"
หมายถึง Micron Technology หรือว่า Apple ครับ?
น่ากลัวว่าจะโดนกันทั้งวงการนะครับ
ตัดชิพด้วยเลเซอร์นี้ บ.ผลิตชิพน่าจะโดนกันหมดนะ ชิพีะดับไมครอนลงไปน่าจะตัดโดยใช้เลเซอร์กันอยู่แล้วรึปล่าว
ข่าวต่อไป APPLE ซื้อ MIT ขนาดทั้งประเทศกรีซยังมีเงินพอจะซื้อเลย
MIT นึกว่ามหาลัย :P
นึกว่ามหาลัย แล้วที่จริงเป็นอะไร ?
ต้องเรียกว่า มหาวิทยาลัย ถึงจะถูกสินะ
ต้องเป็น "สถาบันเทคโนโลยี" สิครับ ;) (ที่จบปวช. กับป.ตรีมาก็ใช้คำนี้เลยจำแม่น)
ทุกวันนี้ผมยังติดเรียกมหา'ลัยว่า 'ถาบัน ด้วยความเคยชินอยู่เลย (ถึงจะกลายเป็นมหาวิทยาลัยไปแล้วก็เถอะ)
Institute of Technology ในอเมริกา มักจะหมายถึง ว่ามันเป็นมหาวิทยาลัย
ต้องท้าวความว่ามหาวิทยาลัย ในสหรัฐฯ หมายถึง การที่มีหลายๆ school รวมๆกันอยู่ เช่น school of medicine, school of law และ และมีการสอนปริญญาในระดับตรี,โท,เอก ซึ่ง MIT ก็มึครบ ก็นับเป็นมหาวิทยาลัยแล้วอะครับ ส่วนจะใช้ชื่ออะไร แล้วแต่เลย
คำว่าสถาบันเป็นคำที่ใหญ่กว่ามหาวิทยาลัย (แต่เมืองไทยให้ค่าคำว่ามหาวิทยาลัยใหญ่กว่า) จริงๆ ต้องกลับไปแยก ว่าคำว่า มหาวิทยาลัยมาจาก มหา+วิทยาลัย
ก็คืออย่างที่อ้างข้างต้นก็คือ มีวิทยาลัย = school, collage รวมๆ กันอยู่ๆ ในระดับปริญญาตรี สหรัฐใช้คำว่า collage = วิทยาลัย แต่ในภาษาไทย คำว่าวิทยาลัย หรือว่า collage เรา ใช้กับระดับก่อนปริญาตรี เช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
คือคำพวกนี้มันมีการข้ามความหมายแบบงงๆ คือถ้าจะให้ไม่งง ก็คือแปลตามความเข้าใจ แบบที่เจ้าของ post ทำแหละครับ ผมเห็นด้วยกับวิธีนี้
มีสองอย่างที่แอปเปิลจะทำคือ ซื้อ MIT หรือไม่ก็อ้างว่าที่อื่นก็ใช้วิธีนี้กัน
ถ้าแบบนี้คนที่ผิดคือบริษัทที่ผลิตหรือเปล่าครับ
หรือ Apple เป็นคนบอกเองว่าคุณต้องผลิตโดยใช้วิธีนี้?
จ่ายเงินซะแล้วจบๆ ไป งานวิจัยพวกนี้ก็คิดค้นเพื่อมวลมนุษย์ชาติอยู่แล้ว
ได้เงินง่าย ๆ เลยนะ
คงต้องเปลี่ยนไปตัดด้วยวิธีอื่น