ในหนังสือชีวประวัติของสตีฟ จ็อบส์ ได้กล่าวถึงไอเดียของจ็อบส์ในการปฏิรูปวงการทีวี ซึ่งตัวจ็อบส์บอกว่าคิดได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าไอเดียของจ็อบส์คืออะไรกันแน่ (ระหว่างที่ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ เราเรียกโครงการนี้กันว่า iTV ไปพลางๆ ก่อน)
ล่าสุดแผนการของจ็อบส์ถูกยืนยันโดย Leslie Moonves ซีอีโอของกลุ่มสื่อ CBS ของสหรัฐอเมริกา โดยเขาบอกเพียงว่าเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน สตีฟ จ็อบส์ มาหาเขาและชวนให้ CBS เข้าร่วมโครงการลับของแอปเปิลที่ Moonves อธิบายว่ามันเป็น "subscription content service" แต่สุดท้าย Moonves บอกปัดข้อเสนอของจ็อบส์
เหตุผลที่ Moonves ปฏิเสธคือการนำรายการของ CBS ไปฉายบนระบบของแอปเปิลจะทำให้รายได้เดิมของ CBS ได้รับผลกระทบ เขาบอกกับจ็อบส์ว่า "คุณอาจรู้ดีในเรื่องต่างๆ มากกว่าผม 99% แต่ผมรู้จักอุตสาหกรรมทีวีดีกว่าคุณแน่ๆ"
ที่มา - The Hollywood Reporter
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
แล้วท่านก็ ผิดพลาดเหมือนที่IBMเคยทำ (- -" )
อาจจะไม่พลาดก็ใด้ครับ เพราะ tv มีช่องทางการตลาดเรียบร้อยตั้งแต่แรก ถ้ารับ itv หรือ Google TV กำไรจาก 100% อาจต้องมีส่วนแบ่งให้ apple หรือ google ส่วนแบ่งนี้อาจสูง 10% - 20% แต่อนาคตถ้าระบบใด้รับบความนิยมก็อาจมีการปรับขึ้นใด้ แล้วใครบ้างอยากจะเสี่ยง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ณ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรบอกได้เลยว่าเขา คิดถูก หรือ คิดผิด
ผมว่าคิดผิดนะ. ถ้าคนดู TV ทาง iphone ipad ได้ สามารถดูที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ปริมาณคนมันมากกว่าต้องมานั่งดูทีวีที่บ้านเยอะเลยนะครับ
เมื่อเป็นแบบนี้รายได้เดิมของ TV จะหายไปเยอะมากเพราะคนจะมุ่งไปที่ internet คุ้มกว่า ลงทุนน้อยกว่าเข้าถึงได้มากกว่า
ลงทุนอาจจะไม่ได้น้อยกว่าจริงก็ได้ยังมีพวกค่าวางระบบใหม่อีก ค่าบำรุ่งรักษาที่ไม่รู้ อยู่ดีๆก็มีคนเข้าเยอะผิดปกติ และอื่นๆ
ประโยคนี้หล่อมาก
"คุณอาจรู้ดีในเรื่องต่างๆ มากกว่าผม 99% แต่ผมรู้จักอุตสาหกรรมทีวีดีกว่าคุณแน่ๆ"
ผลประโยชน์มันสำคัญครับ ทุกที่ล้วนเป็นแบบนั้น
แสดงว่า ถ้ามันเป็น "subscription content service" จริงๆล่ะก็
สาวกในไทยก็คงไม่ได้เอา iTv มาชาบูๆ กันง่ายๆแน่ๆ
ต้องรอดู!
Apple อาจจะทำเหมือนตอนกับหนังสือก็ได้ ถ้ารายการไหนขึ้น iTV แล้วห้ามนำไปขายที่อื่น ทำให้ CBS ไม่ยอมแน่เลย...
ถ้าอย่างนั้น iTV ก็คงไม่ใช่ทีวีเสรี
มันยังไม่เริ่ม อย่าเพิ่งไปมองว่าใครถูกผิด ใครจะถูกจะผิดจะมองเมื่อ สงครามจบแล้วใครชนะต่างหาก
"คุณอาจรู้ดีในเรื่องต่างๆ มากกว่าผม 99% แต่ผมรู้จักอุตสาหกรรมทีวีดีกว่าคุณแน่ๆ"
ก่อน Apple ออก iPhone นั้น Nokia อาจจะคิดแบบนี้กับอุตสาหกรรมมือถือเหมือนกันก็ได้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
แต่ Apple ทำ smart device ซึ่งโทรได้ ไม่ใช่ทำโทรศัพท์นะครับ
ออกตัวครั้งแรกแค่ sms,mms ก็ยังทำไม่ได้ ซึ่งโทรศัพท์กระจอกๆยังทำได้เลย
ก็ sms mms เป็นสิ่งที่กำลังหมดอายุนะสิครับ มันเป็นแค่ช่องทางหารายได้ แต่ internet สามารถทำได้สบาย
โห..ตอบได้เฉียบขาดมากครับ เห็นภาพเลยว่าทำไมตั้งแต่แรก ตาจ็อบ ถึงไม่ใส่มาในไอโฟนรุ่นเก๋าถึก
จะจำไว้ตอบคนอื่น..^_^
เหมือนตอนนั้นเขาขอส่วนแบ่งการตลาดแค่ 1% นะครับ
โทรศัพท์อะไรมันจะส่ง sms ไม่ได้ล่ะครับ smsมันทำได้ตั้งแต่เปิดตัว มีแค่ mms เท่านั้นที่เพิ่มมาตอน iphone3g
ถ้าจะบอกอย่างนั้น บางทีที่จ็อบส์คิดอยู่คุณอาจจะไม่เรียกว่าโทรทัศน์ก็ได้ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกครับ ถ้าจะยึดติดเพื่อให้เรียกว่าโทรศัพท์ หรือโทรทัศน์ หรือ smart device ที่โทรได้ หรือจะอะไรก็ตาม ต่อให้เถียงชนะว่ามันไม่ได้เรียกแบบนั้น แต่ยอดขายคุณลดลง ขายไม่ได้ สู้อะไรก็ตามที่คุณอยากจะเรียกใหม่ไม่ได้ ก็แพ้อยู่ดีครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ใครจะปัดข้อเสนอก็ไม่สน Apple ก็เดินหน้ากับสิ่งที่คิดอยู่ดี พร้อมกับ ABC และ บริษัทในเครือ ดิสนีย์ทั้งหมด เพราะ ประธานของดิสนีย์ นั่งอยู่ในบอร์ด ของ Apple