Tags:
Node Thumbnail

คุณ Paul Thurrot กับคุณ Steven J. Vaughan-Nichols เขียนใน Linux-Watch ถึง 5 สิ่งที่ Linux ควรเรียนรู้จากไมโครซอพท์และนำมาปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นดังนี้ครับ

  1. MSDN : แม้ว่า Linux จะเปิดเผยซอร์สโค้ดอยู่แล้ว แต่ว่าระบบช่วยเหลือและคู่มือต่างๆ นั้นใช้ยากเย็น จึงควรดูตัวอย่างจาก MSDN ที่มีทั้งตัวอย่าง คำแนะนำ คู่มือ ข่าวสารต่างๆ ที่เขียนอย่างดีและใช้งานง่าย
  2. Common Interface : บน Linux นั้น โปรแกรมบน KDE หรือ GNOME นั้นหน้าตาต่างกันมากทำให้ใช้ยากสำหรับผู้ใช้ทั่วๆ แต่สำหรับไมโครซอพท์นั้น ดูอย่าง Office ที่ตั้งแต่ 97 ถึง 2003 หรือ Windows นั้นจะมีหน้าตาที่คล้ายๆ กันสำหรับผู้ใช้
  3. Common Format : Office นั้นแม้ว่าจะเป็น format ปิด แต่ว่าสามารถเปิดกับโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้เรื่อยๆ ส่วน Open Document Format ยังไม่มีการสนับสนุนส่วนนี้แต่อย่างใด
  4. Marketing : บริษัทผู้ผลิต Linux ควรจะเน้นการตลาด, ประชาสัมพันธ์และโฆษณามากกว่านี้ ดูตัวอย่างจากไมโครซอพท์ที่เน้นการตลาดสุดๆ พบโฆษณาได้ในสื่อเกือบทุกรูปแบบ เข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า
  5. OEM Support : บริษัทผู้ผลิต Linux ควรจะทางสร้าง pre-installed Linux ที่ขายไปพร้อมๆ กับเครื่อง PC(แบบที่ Windows มี) และมีฝ่ายเทคนิคที่คอยดูแลช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไมโครซอพท์มีอยู่

อ่านแล้วหลายๆ อย่างก็เห็นด้วยครับอย่าง MSDN ,การประชาสัมพันธ์ และเรื่อง OEM Support สำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องมาแล้วอยากใช้เลยโดยไม่ต้องลงระบบปฏิบัติการ

ที่มา - OSNews

Get latest news from Blognone

Comments

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 23 July 2006 - 01:40 #8119
lew's picture

ผมเห็นด้วยกับข้อ 4,5 นะ แต่ดูเหมือนว่าโอเพนซอร์สจำนวนมาก (มากๆๆ) จะเกิดมาจากแฮกเกอร์กันซะมาก ดังนั้นเรื่องการตลาดจึงเป็นเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของโลกโอเพนซอร์สเกือบทั้งหมด ทางออกอาจจะต้องมาในแนวทางของ Firefox

ข้อ 1 จริงครึ่งไม่จริงครึ่งนะ ผมว่าคู่มือของลินุกซ์นี่หาในอินเทอร์เน็ตง่ายมากๆ ยิ่งยุคก่อนหน้า MSDN นี่การพัฒนาอะไรบนวินโดวส์มันเหมือนฝันร้ายสำหรับผมเอาเหมือนกัน ตรงนี้ผมว่าสิ่งที่โลกลินุกซ์ต้องการคือระบบ man page ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้เข้าถึงง่ายกว่านี้ น่าอ่านกว่านี้

ที่ไม่เห็นด้วยเลยคือข้อ 2,3 เพราะผมเชื่อว่าโลกโอเพนซอร์สควรตั้งบนฐานของความแตกต่าง ถ้าเราเชื่อว่าเราควรยึดกับอะไรบางอย่างเป็นหลักเพื่อให้มันเป็นมาตรฐาน เราอาจจะไม่ควรใช้ลินุกซ์ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะวินโดวส์ครองตลาดโลกถึงกว่า 90% เืรื่องของ Common Interface นั้นใน Office 2007 ไมโครซอฟท์ก็เหมือนออกมาสารภาพบาปอยู่กลายๆ ว่า UI ที่ใช้เรื่อยมานั้นค่อนข้างเข้าถึงยาก

ที่สำคัญกว่าการรวมทุกอย่างเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว คือการที่แต่ละโปรเจคควรแสดงตัวตนออกมาให้ชัดเจน ว่าโครงการของตนแตกต่างจากโครงการอื่นๆ อย่างไร และทำไมต้องมีการการนี้ กลุ่มผู้ใช้ควรเป็นใคร ฯลฯ มันไม่สำคัญเท่าใหร่ว่ากลุ่มที่ว่าจะเป็นกี่เปอร์เซนต์รวมของตลาด หรือมันจะมีโปรแกรมในกลุ่มเดียวกับคุณกันกี่โปรแกรม

ตัวอย่างที่ผมเจอทุกวันคือผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ใช้ Firefox แต่กลับใช้ k-meleon เพราะการกินเมมโมรีที่ต่ำมากๆ ของมัน ขณะที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ในโลกยึดติดกับฟีเจอร์ที่หลากหลาย ทำให้ผู้ครองตลาดเป็น IE, Firefox และ Opera แต่ความสวยงามของโลกโอเพนซอร์สกลับทำให้คนกลุ่มเล็กๆ ที่บอกว่าอยากแค่ดูเว็บเฉยๆ แต่ให้มันทำงานเร็วๆ และเล็กๆ มีบราวเซอร์อย่างที่ต้องการใช้งานโดยไม่ต้องพัฒนาใหม่ทั้งหมด

การที่ GNOME แตกต่างกับ KDE อย่างมาก ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้ามันไม่ต่างกันแล้ว เราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมีสองโครงการ สู้ว่ารวมคนเข้าไปพัฒนาโครงการเดียวกันดีกว่า ------ LewCPE


lewcpe.com, @wasonliw

By: ipats
ContributorNOOBIn Love
on 23 July 2006 - 03:18 #8121

เห็นต่างกันพี่ลิ่วนิดนึงนะครับเรื่อง common เพราะผมว่า มันควรจะ common ในแบบ customizable น่าจะดีที่สุด เอา default ให้เหมือนๆ กันไว้ คนมาใช้ใหม่ๆ ก็ไม่งง ถ้าจะเปลี่ยนทีหลังก็ตามสบาย

ตัวอย่างเรื่องนี้คือผมลองใช้ gimp ครั้งแรกที่เปิด.. แค่จะตัดรูปนิดๆ หน่อยๆ นั่งงงนานมาก

อีกอย่างที่ผมชอบจาก microsoft คือระบบเชื่อมโยงโปรแกรม (เรียกว่า OLE มั๊ง) รวมถึงพวก active x ด้วย ผมว่ามันสะดวกดี ไม่รู้ว่าฝั่ง opensource มีอะไรแบบนี้มั่งหรือเปล่า


iPAtS

By: tonkla
Ubuntu
on 23 July 2006 - 03:46 #8123

เห็นด้วยกับคุณ lew ครับ

เคยอ่านอะไรสักอย่างของ debian ที่บอกว่าจะไม่แคร์เลยหากคุณไม่สนใจใช้ debian แล้วก็ไม่ได้พัฒนาเพื่อเอาใจมือใหม่ด้วย ดังจะเห็นว่า debian ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นต้นมา โหดกันตั้งแต่ขั้นตอนการติดตั้ง คงประมาณว่า 'advance is you' กระมัง (แอบสะใจอยู่นิดๆ)

โดยส่วนตัวแล้วผมว่าแบบนี้ดีแล้วครับ อยากได้ของดีก็ต้องขวนขวาย ผู้ใช้ควรจะออกแรงและใช้สมองกับมันหน่อย ไม่ใช่เอะอะก็คลิก next next เอะอะก็ ctrl+alt+del ... อีกอย่างผมคิดว่า linux ไม่ควรพัฒนาโดยอิงรูปแบบการใช้งานจาก windows เพียงเพราะจะเอาใจผู้ใช้ที่มีพื้นฐานเป็น windows มาก่อน ส่วนหนึ่งคือจะทำให้ผู้ใช้มือใหม่เสียนิสัย โดยการเอาพฤติกรรมไม่ดีที่เคยใช้ได้กับ windows มาใช้กับ linux อย่างเช่น การล็อกอินเป็น root เป็นต้น (ขอบคุณ ubuntu ที่ช่วยจัดการแก้ปัญหานี้) ผมคิดว่าสาเหตุที่ windows โดนโจมตีบ่อยๆ นอกจากเป็นที่โครงสร้างของ windows เองแล้ว พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้นี่แหละครับตัวดีเลย

แต่อย่างไรเสีย ขอนับถือน้ำใจและความทุ่มเทของซอฟต์แวร์ฝั่ง linux ที่พยายามเอาใจผู้ใช้ windows แบบสุดๆ เช่น OOo ที่ยกหน้าจอ ms offices มาเลย หรือ ubuntu ที่ทำให้กิตติศัพท์ความยากของ linux เหลือเพียงตำนาน เป็นต้น

สำหรับผู้ใช้ linux มือใหม่ (ผมด้วย) ขณะใช้ linux ไม่ควรนึกถึง windows เพราะมันจะทำให้พัฒนาการของเราไปช้า เพราะ linux ไม่ได้พัฒนามาจาก windows ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะยึดเอา windows เป็นสรณะ ... ขอสุขสวัสดิ์จงมีแด่ท่านผู้ขวนขวาย

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 23 July 2006 - 03:56 #8124
lew's picture

ipats - ตรงนั้นมันเป็นเรื่องว่าเราไม่มีโปรแกรมที่ UI มันดีๆ ไงครับ ผมว่าก็มี่คนกลุ่มไม่เล็กนะ ที่ชอบ UI ของ Gimp ให้มันเป็นอย่างนั้น หลังๆ คนไม่เห็นด้วยเยอะๆ เราก็เริ่มเห็นโครงการอย่าง GimpShop โผล่มาบ้างแล้ว หรือที่มีความหวังหน่อยก็อย่าง Paint.Net Linux ถ้าโครงการหลังๆ พวกนี้มันใช้งานได้ดีจริง เดี๋ยวก็มีคนไปลงแขกทำให้มันดีขึ้นมาเอง

มันคล้ายๆ Natural Selection น่ะครับ กลุ่มที่ไม่เหมาะกับุคสมัยก็ลดบทบาทไป พี่แค่ไม่เห็นด้วยว่าจะไปพยายาม "ฆ่า" บางโปรเจค เพราะมันทำตัวแปลกประหลาด ------ LewCPE


lewcpe.com, @wasonliw

By: plynoi
WriterAndroidUbuntu
on 23 July 2006 - 04:56 #8125

tonkla : ผู้ใช้ทั่วๆ ไปอย่างพนักงานบัญชี เสมียน PR ล่ะ??? เค้าต้องมานั่ง tar เรอะ หรือว่า Linux เป็นอภิสิทธิ์เฉพาะพวก Tecnical อันสูงส่งเท่านั้น

By: mk
FounderAndroid
on 23 July 2006 - 08:42 #8126
mk's picture

ipats: พวก component นี้มันมีครับ เพียงแต่ใช้ข้ามกันไม่ได้เท่านั้นเอง Gnome มี bonobo ส่วน KDE มี kpart มั้ง (ถ้าผมจำชื่อไม่ผิดนะ) เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ค่อยมีคนใช้เท่าไร

ผมเห็นด้วยกับ 1,4 นะครับ

ส่วน 2,3 นั้น ต้องค้านเต็มตัวเลยว่า MS เองนั่นแหละเป็นคนที่ไม่ common ข้อ 2 ก็อย่างที่ลิ่วว่า พอมา Office 2007 ก็มาสารภาพว่าตัวเก่าห่วยซะงั้น ตัวเก่าเองก็หน้าตาไม่เหมือนกันเลยซักเวอร์ัชันด้วย ส่วนข้อ 3 ผมถามว่ามีใครกล้ารับประกัน 100% format compat ระหว่างเวอร์ชันของ office มั้ย ก็เชื่อว่าไม่มี OpenDocument ออกมาแก้ปัญหาข้อ 3 นี้ล่ะ Paul Thurrot เป็น MS Evangelist (แต่ดันใช้แมค) อ่านพวกนี้ต้องฟังหูไว้หูเหมือนกัน

ข้อ 5 ก็น่าจะรู้นะครับ ว่าทำไม Linux ถึงไม่ค่อยทำ OEM

By: vavar
iPhoneAndroidBlackberryWindows
on 23 July 2006 - 09:43 #8127
vavar's picture

เรื่อง UI ผมว่ามันเป็น Look & Feel (ชื่อก็บอกอยู่แล้ว) แต่ข้อ 3 นี่โดนแฮะ "ใหม่เปิดเก่าไม่ได้" ... อยากเปิดได้ก็ต้องหาตัว convert blah blah blah

By: pittaya
WriterAndroidUbuntuIn Love
on 23 July 2006 - 18:11 #8131
pittaya's picture

1. ผมกลับรู้สึกว่า MSDN นี่มันเป็นความเจ็บปวดในการเขียนโปรแกรมมากๆ เลยนะครับ ปกติถ้าต้องเขียนบน windows นี่ผมจะพยายามหาตัวอย่างจากเวบอื่นก่อนจะเข้าไปหาใน MSDN นะ รู้สึกเหมือนยิ่งอ่านยิ่งงง


pittaya.com

By: หน่อย SNC
ContributorAndroid
on 23 July 2006 - 18:32 #8132

3. Common Format : Office นั้นแม้ว่าจะเป็น format ปิด แต่ว่าสามารถเปิดกับโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้เรื่อยๆ ส่วน Open Document Format ยังไม่มีการสนับสนุนส่วนนี้แต่อย่างใด

เถียงตาย ใช้อยู่ คลุกคลี กรณีนี้เถียงตัดหัวคนไม่ชอบหน้าเลยอะ

ใช้ OpenOffice.org รุ่นใหม่ เปิดไฟล์ที่ทำจาก OpenOffice.org รุ่นเก่า ได้ผลออกมาห่วย เหมือนกับใช้ MS Office รุ่นใหม่ เปิดไฟล์ของ MS Office รุ่นเก่านั่นแหละ

(ไม่เชื่อตัดหัวไอ้เรือง ... ไปตามหาไอ้เรืองเอาเองละกัน)

By: wiennat
Writer
on 23 July 2006 - 19:02 #8133

ผมเห็นด้วยกับข้อแรกกับข้อสี่นะ แต่ข้อ 5 ทุกวันนี้หลายๆเจ้าก็เอา Linux ใส่ให้นะครับ แต่ก็เอามาลง windows กันเอง ยิ่ง pantip ไม่ต้องห่วงเลยครับ ลง windows ให้โดยไม่ถามด้วยซ้ำ

office 2007 ไม่เห็น common เลยเมื่อเทียบกับของเก่า

pittaya - ผมว่า MSDN นี่ดีกว่า document ของหลายๆเจ้าอีกนะครับ คนที่บ่นแบบนี้ส่วนใหญ่ เน้นนะครับคนที่บ่นส่วนใหญ่ ใช้ตัว MSDN ไม่เป็นเอง เพราะเมื่อก่อนผมก็เป็น


onedd.net

By: pittaya
WriterAndroidUbuntuIn Love
on 23 July 2006 - 19:37 #8134
pittaya's picture

wiennat - สงสัยว่าผมคงใช้ไม่เป็นเองแหละครับ -.-' คือเพิ่งหัดใช้ได้ไม่นานนัก รู้สึกว่าตัวอย่างมันน้อย เหมือนจะเป็น reference มากกว่า tutorial


pittaya.com

By: keng
WriteriPhoneAndroidIn Love
on 23 July 2006 - 20:06 #8135
keng's picture

ผมว่า Java Tutorial อ่านง่ายกว่า MSDN เยอะฮะ

เป็นไปได้ว่า MSDN ให้เชิงลึกในทางเทคนิคเยอะพอสมควรซึ่งเวลาผมใช้งาน Document แบบเร่งๆ รีบๆ นั่น Java Tutorial จะให้คำตอบผมเร็วกว่า

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 23 July 2006 - 20:08 #8136
lew's picture

tonkla - ผมไม่ได้บอกว่าลินุกซ์ควรจะยากนะ ผมเห็นดีเห็นงามกับโครงการที่ทำให้ง่ายเข้าอย่าง Ubuntu และ Firefox ที่เน้นคน "ส่วนใหญ่"

แต่ถ้าเราบอกว่า "เฮ่ย Gimp มันห่วยนะ เลิกทำดีกว่า ไปทำอย่างอื่นใช้ง่ายๆ กัน" มันก็ไม่แฟร์เท่าใหร่ ถ้าคุณมีความคิดต่าง และเชื่อว่ามีคนอยากใช้ความคิดของคุณ สิ่งที่ผมสนับสนุนให้ทำคือการ Fork โครงการออกไปทำตามความคิดของคุณ หรือไม่ก็ทำโครงการที่เป็นปลายน้ำอย่าง Ubuntu เพื่อให้ได้อย่างที่เราต้องการ ------ LewCPE


lewcpe.com, @wasonliw

By: wiennat
Writer
on 23 July 2006 - 21:14 #8138

Java Tutorial อ่านง่ายกว่าแต่ไม่เยอะเท่า MSDN ครับ แต่ MSDN ค้นยากจริงๆ

แต่ผมไม่ชอบ Document ของ Java อะ มัน references มากๆ MSDN มันยังพอมีตัวอย่างมากใน references ผมไปเขียน Java ที แทบจะบ้าตาย ต้องมานั่งค้น tutorial มันอีกรอบ


onedd.net

By: plynoi
WriterAndroidUbuntu
on 23 July 2006 - 22:03 #8139

wiennat : เห็นด้วยเลย ผมชอบ MSDN ตรงมันมีตัวอย่างให้ดูนี่แหละ

By: vavar
iPhoneAndroidBlackberryWindows
on 24 July 2006 - 00:04 #8140
vavar's picture

javadoc ส่วนใหญ่จะใช้โปรแกรม gen ออกมาครับ ซึ่งแน่นอนว่า programmerเข้เกียจๆ จะไม่ค่อยอยากจะเขียน docs กันเท่าไหร่ (ไม่รุจิงเปล่าแต่ผมคนนึงล่ะ เหะๆ)

MSDN ผมว่าคนเขียนเขาอธิบายไว้ดี มี code snipet สั้นๆ ให้ดู เป็นตัวอย่าง ทำให้เข้าใจง่าย ซึ่งถ้าเทียบกับฝั่ง open บางตัว จะเจอแบบ 1. อ่านทั้งหมด 2. ลงมือทำ 3. ผลลัพธ์ไม่ได้กลับไปอ่านใหม่ตั้งกะต้น แล้วก็ติด loop อย่างนั้น จนล้มเลิกไปเอง

เรื่อง common ของ office มองแบบกลางๆ office ก็มีจุดเปลี่ยน ของเรื่อง character codepage นี่ครับ

By: veer
Windows PhoneUbuntu
on 24 July 2006 - 13:38 #8150
veer's picture

ผมชอบ document ของ PHP, Mysql, PostgreSQL, Turbogears, Java มากกว่า document ของ MSDN นะ MSDN อาจจะเขียนมาดี และผมอาจจะใช้ไม่เป็นเอง แต่ถ้าเป็น document ที่ดีก็น่าจะใช้เป็นได้ไม่ยาก?

อย่างไรก็ตาม MSDN ไม่ใช่แค่ document ชื่อมันก็บอกอยู่ว่าเป็น network เป็นทางออกแบบบูรณาการณ์ เป็นอาหารชุด สิ่งนี่กระมังที่ Linux ไม่มี (ก็ Linux มันเป็น Kernel มันต้องมีพวกนี้ด้วยเหรอ?) ถ้าเป็น GNU Developer Network หรือ Ubuntu Developer Network อาจจะเข้าท่ากว่า? หรืออาจจะไปเน้นที่ framework แทนเช่น Java Developer Network หรือ Ruby on Rails Developer Network

อย่างน้อยเราก็เห็นตัวอย่างที่ดีที่ว่า MS ใช้ชื่อว่า MSDN ไม่ใช่ Windows Developer Network :-P

By: veer
Windows PhoneUbuntu
on 24 July 2006 - 14:39 #8154
veer's picture

plynoi: เสมียนก็คงส่ง tar ได้ ส่ง rar ก็ได้ แต่บางที technician เปิด rar ไม่เป็น T_T

By: thep
Writer
on 24 July 2006 - 18:54 #8161

เกี่ยวกับเอกสาร.. ถ้าต้องการตัวอย่างโค้ด ส่วนใหญ่ผมไปแอบดูซอร์สของโปรแกรมอื่นเอาเลยอะครับ เหอๆ หรือถ้าอ่านแล้วไม่เคลียร์ก็ดูซอร์สของตัวฟังก์ชันเอาเลย ว่ามันทำงานยังไง โลกโอเพนซอร์สมีตัวอย่างซอร์สให้ดูถมถืด เป็นวัฒนธรรมต่อยอดที่นักพัฒนาบนวินโดวส์ไม่คุ้นเคย เลยกักขังตัวเองไว้ ขนาดว่าในออฟฟิศเดียวกันยังไม่ยอมดูโค้ดของคนอื่นเลย

เรื่อง common interface.. ไม่มีความเห็น อย่าพราก command-line interface ไปจากผมเป็นพอ :D

เรื่อง common format คิดว่าไม่สำคัญเท่า open format นะครับ ถ้าฟอร์แมตเปิด 100% เดี๋ยวก็มี importer/exporter มาเอง (แต่มี common ก็ดี จะได้ลดความสับสน) ในขณะที่ common interface เดียวของ MS ไม่มีโปรแกรมคู่ไหนที่ compat กัน 100% เลย แม้แต่โปรแกรมเดียวกันที่ต่างรุ่นกัน

เรื่อง marketing เห็นด้วย

เรื่อง OEM เห็นด้วย เผื่อซื้อโน้ตบุคคราวหน้า ผมจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าวินโดวส์ที่ผมไม่ได้ใช้ :D

สองเรื่องหลังนี่ ต้องค่อยๆ ผลักดันให้เกิดในภาคธุรกิจ

By: DrRider
WriterAndroid
on 26 July 2006 - 08:52 #8179
DrRider's picture

เอ เท่าที่เห็นในเมืองไทย ตอนนี้ notebook รุ่นถูกๆ มันไม่รวม windows มาให้ด้วยไม่ใช่เหรอครับ :D (แต่รุ่นแรงๆ ยังเห็นใส่มาอยู่)


We need to learn to forgive but not forget...

By: thep
Writer
on 26 July 2006 - 16:10 #8182

DrRider: ทางเลือกมันยังไม่มากไงครับ ส่วนมากถ้าอยากได้ของดี ก็ต้องจ่ายค่าต๋งวินโดวส์ไปน่ะแหละ