By: meawwat 
on 1 November 2010 - 01:42
Tags:
Topics:
เว็บ Bloomberg TV ได้ทำบทสัมภาษณ์เชิงสารคดี Game Changers: Sergey Brin & Larry Page สองผู้ก่อตั้ง Google โดยในเนื้อหาส่วนหนึ่งได้กล่าวถึงตอนที่มีคัดเลือกบุคคลที่จะมารับตำแหน่ง CEO ของ Google ซึ่ง Sergey Brin & Larry Page ได้สัมภาษณ์ผู้เข้าคัดเลือกถึง 12 (หรือ 13) คน ก่อนที่จะเข้าพบ Steve Jobs เพื่อที่จะทาบทามมาเป็น CEO และสุดท้ายมาจบลงที่ Eric Schmidt
ซีรี่ย์ Game Changer เป็นบทสัมภาษณ์เชิงสารคดีที่เจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้นำที่มีอิทธิพลทางด้านเทคโนโลยี, การเงิน, การเมืองและวัฒนธรรม (มีตอนของ Mark Zuckerberg และ Steve Jobs ด้วย)
ส่วนใครต้องการดูเนื้อหาการสัมภาษณ์ทั้งหมดสามารถดูได้ ที่นี่ ครับ
ที่มา: TalkAndroid, Pocket-Lint, Bloomberg
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
ก่อนเครื่องหมายโคลอน: ไม่ต้องเคาะนะครับ
ไม่ต้องเคาะแต่จะเคาะก็ไม่ได้เหรอครับ???
เพื่อ?
555
ผิด Grammar ครับ
มันเป็นเครื่องหมายปิดประโยคแบบเดียวกับ semi colon และ .
แล้วไม้ยมก?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ไม้ยมกต้องเว้นหน้าเว้นหลังครับ เช่น ต่าง ๆ กัน
อ้างอิงจากวิกิพีเดีย
หน้าไม่ต้องเว้นก็ได้ครับสำหรับข่าว Blognone
เช่น "ต่างๆ กัน"
แต่เห็นหลายข่าวโดนให้แก้เรื่องนี้บ่อยนะครับ จริงๆปกติผมก็เขียนไม่เว้นวรรค มันตัดบรรทัดไม่เข้าท่าอยู่เรื่อย
ไม่จริง ตามหลักคือ หน้าติดหลังเว้น
+1 ตามนั้น
หลักจากไหนครับ? ขอแหล่งข้อมูลด้วย
ตัวผมเชื่อตามวิกิที่ให้ไว้ข้างบนครับ
ถึงตัวเองจะใช้ชิดหน้าแว้นหลังก็ตาม
ที่จะสื่อคือ ถึงจะผิดแกรมม่าแต่ใช้แล้วรู้สึกขัดๆ ก็อย่าใช้เลย
บางอย่างมันก็ยกเว้นได้
May the Force Close be with you. || @nuttyi
อ่าน
แก้ไขแล้วครับ
ขอบคุณครับ :)
ตรงที่มาควรจะมี ":" หรือ "-" ได้ก็ดีครับ
เรียบร้อยครับ ขอบคุณครับ
8 ความเห็นแรกไม่พูดถึงเนื้อหาในข่าวเลย - -"
เพิ่มอีก 2 ความเห็นด้วยของผมกับคุณข้างบน อิอิ
ผมว่ามันเป็นกระบวนการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าใครจะเกิดมามีพรสวรรค์เขียนดีทุกคน
{$user} was not an Imposter
เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆ รอผมด้วย
นั้นซิ
10 คห.ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อข่าว รวมของผมก็ 11
อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่ต้องเคาะ
เหล่า Contributer จะได้ไม่ต้องโดนแก้บ่อยไง :D
11 คห ก็ไม่พูดถึงข่าว - -"
นึกภาพ google ที่มี Jobs เป็น CEO ไม่ออกเลย หึหึ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมชื่นชมในความสามารถของจ๊อบส์นะ แนวคิดของจ๊อบส์หรูเริ่ด สร้างมูลค่าให้องค์กรขึ้นได้เยอะ อย่าง พิกซ่าร์ แอปเขียว เสียอย่างเดียว "ดื้อรั้น"
ผมว่าเค้าชอบคิดแทนคนอื่น แต่เค้าก็ไม่ดูถูกคนอื่นอ่ะครับ
ผมว่าถ้าไม่ดื้อรั้น(ยึดมั่นในหลักการของตัวเองอย่างถึงที่สุด)ก็คงไม่มีแอปเปิ้ลที่แข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้ คงกลายเป็น yet another บริษัทไอทีธรรมดาๆที่ไม่มีใครจดจำ
+1
ปกติแกก็นำสมัยกว่าชาวโลกอยู่แล้ว บางทีอาจจะเป็นชาวโลกแห่งอนาคตย้อนเวลามาก็ได้ ถ้ายอมลดความดื้อลงบ้างผมว่ายังไงแกก็ยังนำสมัยกว่าทุกเจ้าอยู่ดีนั่นแหละ บริษัทยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม ความน่าเชื่อถือมากขึ้น แถมจะได้ลูกค้าเพิ่มมากกว่าเดิมด้วย
ประโยคสุดท้าย เอามาแปลรวมกันรวดเดียวแล้วเสียวแว๊บบบ -*-
ชอบรายการ Game Changers ครับ ทำรายการได้ดี
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
กำลังนึกถึง Google ที่มี Eric Schmidt + Steve Jobs
คงจะเป็นองค์กรณ์ที่มีนโยบายที่ชัดเจนและแน่วแน่มาก
ผมว่าอาจมั่วครับ
Google ชอบเอาใจผู้ใช้ มีไอเดียแปลกๆ มาให้ลองเสมอ
Apple รู้ๆ กันอยู่
ไม่น่าแปลกที่คนเก่งๆ จะถูกทาบทามให้มาอยู่กับบริษัทตัวเอง ยิ่งมีเงินถุงเงินถังด้วยแล้ว กรหาคนเก่งๆ ไม่ยากเลย แต่จะดึงให้เขามาอยู่กับเราด้วยเหตุผลอะไรนี่สิ
iGoogle มีแล้ว ต่อไป iChrome iDroid iMaps iMail
:-)
Eric Schmidt ผมว่าท่านนี้ก็ใช่ย่อยนะ ถ้าไม่มี CEO ท่านนี้
ผมว่า Google ก็ไม่น่าจะมั่งคั่งขนาดนี้ได้ ถือว่าสายตาในการมองคนของผู้ก่อตั้งนี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
สังเกตุได้นะครับ ว่าบริษัทที่ประสบความสำเร็จส่วนมากจะมี CEO ที่สร้าง "ความต้องการ" ให้กับลูกค้า
อย่าง Eric Schmidt, Steve Jobs หรือ Bill Gates เป็นต้น
ถ้ามัวแต่ทำตามความต้องการของลูกค้าก็จะกลายเป็นบริษัทที่ล้าหลังไป
บัลเมอร์หลุดโผ 5555+
+1 "สร้างความต้องการให้ลูกค้า" ใช่เลยคำนี้ (เลยจำเป็นต้องคิดแทนลูกค้ากันบ้าง)
ถูกใจใช่เลย ประโยคนี้
ไม่เห็นในสารคดีจะบอกว่าทาบทามเลย เขาบอกว่าหลังจากเข้าพบ Steve Jobs ซื่งเป็น hero ในดวงใจแล้ว ทั้งสองคนก็ถาม VC ว่าทำไมไม่ไห้ Steve Jobs เป็น CEO ล่ะ เท่านั้นเอง น่าจะเหมือนพูดกันเล่นๆด้วยซ้ำ
มันต่างกันเยอะเหมือนกันนะ "ทาบทาม" กับ "คิดอยากให้"
ผมอิงตามเนื้อข่าวต้นฉบับน่ะครับ ซึ่งในสารคดีผมฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนในข่าวจริงๆ
ไม่ต้องทาบคำตอบก็รู้ๆ กัน สำหรับ Jobs เงินคงไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่า Founder
ผมว่าตอนนี้ Jobs คงจะอยู่ในจุดที่เงินไม่ได้เป็นจุดหมายแล้ว แต่การทิ้งชื่อไว้เขียนประวัติศาสตร์ให้โลกได้จดจำ ว่าเค้าคนนี้แหละคนที่เคยเขย่าโลกทั้งใบมาแล้วต่างหากครับที่สำคัญ The Remarkable Man.
เงินคงไม่สำคัญครับ
แต่ลึก ๆ ผมว่าเป้าหมายของจ๊อบส์ น่าจะเปนการเอาชนะ MS อันนี้ผมคิดไปเองนะ
จ๊อบส์คงอยากวัดกึ๋นกับบิล เกตต์ มากกว่า บัลเมอร์
เหนข่าวที่จ๊อบส์โทรไปด่าบัลเมอร์ ดูบัลเมอร์ก็เกรง ๆ จ๊อบส์เหมือนกัน
อยากให้บิลเกต อยู่จิง ๆ เขี้ยวลากดินพอ ๆ กัน
หรือว่าที่มีข่าวลือ Apple กำลังอยากซื้อบริษัท แล้วบริษัทนั้นจะเป็น Google กันน่ะ
(ช่างโยงข่าวจริงเลยเรา แต่ว่าถ้าจะซื้อไป เอาทำไหรว่าไม่เห็นน่าจะเอามาประยุกต์กันได้ นอกจาก Apple จะซื้อ Facebook อันนี้ค่อยน่าซื้อหน่อย จะได้เอาโซเชียลมาผสมกับโปรแกรมของตนเอง)
ไม่ใช่หรอกคับ อันนี้เปนวิดีโอ เล่าถึงความเปนมาของ google ครับ เหตุมันเกิดมา 10 ปีแล้วครับ
ตอนก่อนหน้านี้เป็นของ สตีฟ จ๊อบส์ ครับ
ครับผม เหมือนถ่านไฟเก่าอยากกลับมาเป็นใหม่ หรือลองเสนอดูอีกครั้งไงครับ
คงเงินไม่พอครับ ฮ่า ๆ (^^)
โชคดีจริงๆที่จ๊อบไม่ได้มาอยู่ Google
Thou shalt not be evil.
Jobs คงยากไปทำที่อื่นนอกจากที่ตัวเองตั้งมากับมือน่ะครับ อิอ