[ลือ] Apple จะเปิดตัวเคส AirPods Pro แบบ USB-C พร้อม iPhone 15

MacThai - 4 July 2023 - 10:00

ตามรายงานของ Mark Gurman จาก Bloomberg บอกเอาไว้ว่าว่าแอปเปิลมีแนวโน้มที่จะเปิดตัวเคสชาร์จ USB-C สำหรับ AirPods Pro ควบคู่ไปกับการเปิดตัว iPhone 15 ด้วย

ซึ่งเป็นช่วงที่แอปเปิลกำลังจะเปลี่ยนผ่านจากพอร์ต Lightning เป็นพอร์ต USB-C แบบเดียวกันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน iPhone 15 ซีรีส์เดือนกันยายนปีนี้ด้วย

ตรงกับฝั่ง Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์อีกคนที่ได้รายงานเอาไว้เดือนมีนาคมว่า แอปเปิลจะเปิดตัว AirPods Pro รุ่นที่สองพร้อมเคสชาร์จ USB-C ภายในปีนี้เช่นกัน แต่ด้านฮาร์ดแวร์อาจจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม

แต่ฝั่ง Gurman มองว่าแอปเปิลกำลังงพัฒนาฟีเจอร์ทดสอบการได้ยินใหม่สำหรับ AirPods Pro ซึ่งออกแบบมาเพื่อตรวจจับปัญหาการได้ยินที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้ได้ โดยจะเล่นโทนเสียงต่าง ๆ เพื่อให้ตัดสินใจได้ว่าเสียงแบบไหน หรือโทนไหนที่ได้ยินได้ดีที่สุด

สอดคล้องกับช่วงที่แอปเปิลกำลังพัฒนาเซ็นเซอร์สุขภาพเพิ่มเติมสำหรับ AirPods รุ่นอนาคตนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านอุณหภูมิร่างกายจากช่องหู ซึ่งเป็นวิธีที่เชื่อว่ามีความแม่นยำมากกว่าการอ่านอุณหภูมิจากข้อมือ แบบที่ Apple Watch ซีรีส์ 8 และ Apple Watch Ultra ทำได้ขณะที่ผู็ใช้นอนหลับ

ทำให้ AirPods ในอนาคต อาจเปรียบเสมือนเครื่องช่วยฟังได้ด้วย เพราะแอปเปิลจ้างวิศวกรจากผู้ผลิตเครื่องช่วยฟัง มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาโปรดักเพื่อเติมช่องว่างในตลาดนี้โดยเฉพาะ

ที่มา – MacRumors

The post [ลือ] Apple จะเปิดตัวเคส AirPods Pro แบบ USB-C พร้อม iPhone 15 appeared first on Macthai.com.

Amazon เตรียมใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 300 คัน เพื่อส่งสินค้าในประเทศเยอรมนี

Brand Inside - 4 July 2023 - 07:41

Amazon แจ้งอย่างเป็นทางการว่า บริษัทจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบรถตู้ของ Rivian กว่า 300 คัน เพื่อส่งสินค้าในประเทศเยอรมนี ถือเป็นหนึ่งในแผนยกระดับสายส่งในกลุ่มประเทศยุโรปให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดผ่านการลงทุนกว่า 1 แสนล้านยูโร และต่อยอดจากการเริ่มใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่งสินค้าในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2022

Amazonภาพจาก Amazon Amazon เดินหน้าใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า

แผนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแบบรถตู้ของ Rivian เพื่อจัดส่งพัสดุในประเทศเยอรมนีจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มดังกล่าวจะวิ่งให้บริการในพื้นที่ Munich, Berlin และ Dusseldorf ทั้งถูกออกแบบให้สั้น และแคบกว่าที่ให้บริการในสหรัฐอเมริกา เพื่อวิ่งได้สะดวกกว่าในพื้นที่ยุโรป

เมื่อปี 2022 Amazon มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบรถตู้แบรนด์ Rivian เพื่อจัดส่งพัสดุในสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวกว่า 3,000 คัน วิ่งให้บริการใน 500 พื้นที่ของประเทศ ถือเป็นหนึ่งในแผนการลงทุนเพื่อทำธุรกิจแบบไร้มลพิษของ Amazon

Amazon มีแผนการลงทุนกว่า 1 แสนล้านยูโร เพื่อยกระดับสายส่งในกลุ่มประเทศยุโรปให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด โดยเงินจำนวนนี้ถูกแบ่งเป็นการลงทุนในประเทศเยอรมนีกว่า 400 ล้านยูโร และทาง Amazon มีแผนใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแบบรถตู้ของ Rivian ภายในปี 2030 ทั้งหมด 1 แสนคัน ทั่วโลก

ปัจจุบัน Amazon เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Rivian และเริ่มทำความร่วมมือระยะยาวเพื่อสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบบรถตู้ของแบรนด์ 1 แสนคัน เมื่อปี 2019 ถือเป็นการเดินหน้าใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจัดส่งพัสดุอย่างจริงจังของยักษ์ใหญ่ในธุรกิจ E-Commerce ของโลก

อ้างอิง // Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Amazon เตรียมใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 300 คัน เพื่อส่งสินค้าในประเทศเยอรมนี first appeared on Brand Inside.

แค่ครึ่งปี ‘แสนสิริ’ ทำยอดขายพุ่งกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท โตกว่าปีที่ผ่านมา 37%

Brand Inside - 3 July 2023 - 21:22

โครงการบ้านหรูและคอนโดพร้อมอยู่ ผลตอบรับดีทุกโครงการ สะท้อนสัญญาณตลาดคอนโดฟื้นตัวดี

สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2566 วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ครึ่งปีแรกของปี 2566 ถือเป็นปีที่ท้าทาย สำหรับแสนสิริมาก จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ภาวะดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ยครัวเรือนพุ่งสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย จึงวางกลยุทธ์ต่างๆ จนสามารถสร้างยอดขายเป็นที่น่าพอใจถึง 2.5 หมื่นล้านบาท ถือว่าโตกว่าปีที่ผ่านมา 37%

ส่วนโครงการเปิดตัวตัวใหม่ ทำยอดขายดีเกินคาดในทุกโครงการ โดยโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี อาทิ นาราสิริ พหล-วัชรพล และบูก้าน กรุงเทพกรีฑา สามารถสร้างยอดขายได้ดีมาก ต่อยอดความสำเร็จจากการส่งมอบบ้านเดี่ยวในระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรีจากแสนสิริในโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑาและบูก้าน โยธินพัฒนา สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว

Sansiri

ความต้องการบ้านในระดับ Luxury ยังมีดีมานต์อยู่มาก กลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อต่อเนื่อง ทำให้โครงการได้รับการตอบรับดี ขณะที่โครงการ ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีการเปิดตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดจองแล้วถึง 80% สะท้อนให้เห็นว่า ครึ่งแรกของปีนี้ โครงการเปิดใหม่ได้รับผลตอบรับดีทุกโครงการ รวมทั้งโครงการแนวราบอีกหลายโครงการ เช่น สราญสิริ ราชพฤกษ์ 345 และอณาสิริ ศรีนครินทร์-แพรกษา เป็นต้น

โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move เริ่มกลับมาขายดี สะท้อนให้เห็นว่าตลาดคอนโดมิเนียมกำลังกลับมาหลังจากช่วงโควิดและหลังโควิดมีการดูดซับช้าลง นับเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากคอนโดเป็นตัวชี้วัดที่ดีในตลาด Real Demand เพราะกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อปล่อยเช่า ไม่ได้ซื้อเพื่อเก็งกำไรหรือมีดีมานด์เทียมในยอดขายของคอนโดมิเนียมกลุ่มดังกล่าว

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กระแสเงินสดเป็นเรื่องสำคัญ การมียูนิต สร้างเสร็จพร้อมขายหรือ Stock ลดลงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แสนสิริสามารถชำระคืนเงินกู้ธนาคารจากโครงการคอนโดพร้อมอยู่ได้ 100% แสนสิริไม่มีภาระหนี้ที่ต้องชำระคืนในกลุ่มโครงการคอนโดพร้อมอยู่

สำหรับไฮไลท์แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง แสนสิริจะรุกบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริอย่างต่อเนื่อง จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และการตอบรับที่ดีของตลาดบ้านระดับ Luxury และ Super Luxury แสนสิริจึงเดินหน้าเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริเพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่รวม 21,900 ล้านบาท ครอบคลุมทุกทำเล ถือเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง เมื่อรวมกับโครงการคอนโดที่จะทยอยเปิดตัวใหม่อีกกว่า 10 โครงการช่วงครึ่งหลังของปี สถานการณ์ตลาดคอนโดทยอยฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งปีนี้แสนสิริจะเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่ม Luxury ที่ยังคงได้ผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ที่มา – Sansiri

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post แค่ครึ่งปี ‘แสนสิริ’ ทำยอดขายพุ่งกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท โตกว่าปีที่ผ่านมา 37% first appeared on Brand Inside.

ไทยเริ่มเนื้อหอม! พานาโซนิคย้ายฐานการผลิตจากจีนและญี่ปุ่นมาไทย ทยอยลงทุนกว่า 1.4 แสนล้านบาท

Brand Inside - 3 July 2023 - 20:23

BOI เผย พานาโซนิคปรับฐานการผลิต ปิดโรงงานเล็ก รวมผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันไว้ในโรงงานใหญ่

พานาโซนิคปรับกลยุทธ์ระดับโลก ลงทุนในไทยเพิ่ม โดยย้ายฐานการผลิตอุปกรณ์อัตโนมัติจากจีนและญี่ปุ่นมาไทย โดย นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผย หลังมีข่าว พานาโซนิค อีโคโลจี ซีสเต็มส์ จังหวัดสมุทรปราการ ปิดตัวลงในเดือนมิถุนายน 2566

Panasonic

BOI ได้รับแจ้งจากผู้บริหารของบริษัทฯ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น โดยจะควบรวมโรงงานที่มีผลิตภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันรวมไว้ในโรงงานขนาดใหญ่ และปิดโรงงานขนาดเล็ก ทำให้ในไทยจะมีการปิดโรงงานขนาดเล็ก แต่จะลงทุนเพิ่มอีกหลายผลิตภัณฑ์

ปัจจุบัน พานาโซนิคในไทยมีโรงงาน 11 แห่ง โรงงานขนาดใหญ่ 4 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนยอดขาย 80% ของทั้งกลุ่ม ส่วนโรงงานขนาดเล็กอีก 7 แห่ง มียอดขาย 20% ของทั้งกลุ่ม ปี 2020 ที่ผ่านมา มีการปิดโรงงานขนาดเล็ก 3 แห่ง เพื่อย้ายไปรวมกับโรงงานที่มีขนาดใหญ่

โดยโรงงานที่กำลังปิดในเดือนมิถุนายน เป็นโรงงานขนาดเล็กแห่งที่ 4 ผลิตพัดลมระบายอากกาศ ภายใต้ชื่อบริษัท พานาโซนิค อีโคโลจี ซิสเต็มส์ ส่วนโรงงานขนาดเล็กที่เหลืออีก 3 แห่ง เป็นโรงงานสำคัญที่ยังผลิตสินค้าต่อเนื่อง ส่วนโรงงานขนาดใหญ่ในไทยทั้ง 4 แห่ง ผลิตระบบ Infotainment ในยานยนต์ ถ่านไฟฉาย และอุปกรณ์อุตสาหกรรมยังเดินหน้าผลิตและขยายการลงทุนต่อเนื่อง มีการปิดโรงงานในต่างประเทศเพื่อมาใช้กำลังการผลิตในไทยด้วย

ล่าสุด บริษัท พานาโซนิค อินดัสเตรียล ดิไวซ์ ซังค์ ประเทศญี่ปุ่นและจีน เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน Electronic Measuring Instrument และอุปกรณ์อัตโนมัติ เช่น Programmable Logic Controller (PLC) ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน ใช้ทักษะแรงงานสูงได้ย้ายฐานการผลิตมายังไทย ทำให้มีการใช้วัตถุดิบและจ้างแรงงานในไทยจำนวนมาก

สำหรับช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (มกราคมถึงพฤษภาคม 2566) BOI ให้การส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์รวม 79 โครงการ มูลค่า 143,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่ 7 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจาการลงทุนโดยพานาโซนิคแล้ว ยังมีโครงการลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าสนใจ เช่น กิจการผลิตชิ้นส่วนสำหรับระบบโทรคมนาคมแบบใยแก้วนำแสงและระบบชิพควบคุมระบบกำลัง (Power Chip) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ตัดสินใจมาลงทุนในไทย

ที่มา – BOI

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไทยเริ่มเนื้อหอม! พานาโซนิคย้ายฐานการผลิตจากจีนและญี่ปุ่นมาไทย ทยอยลงทุนกว่า 1.4 แสนล้านบาท first appeared on Brand Inside.

กู้เงินออนไลน์ อย่างไรให้ปลอดภัยชัวร์! ไม่มีโดนหลอก

Brand Inside - 3 July 2023 - 16:12

“ยินดีด้วยคุณได้รับเงินกู้ 10,000 บาท คลิกลิงก์ตรงนี้เลย”
“อยากได้เงินด่วน กู้เงินง่าย ไม่ต้องใช้เอกสาร รับเงินไว คลิกตรงนี้สิ”

คุณเคยได้รับ SMS ข้อความแบบนี้บ้างไหม? ถ้าเคยได้รับ อย่าเผลอกดเด็ดขาดไม่อย่างนั้น คุณอาจตกเป็นเหยื่อของแก๊งเงินกู้ จนอาจทำให้เราเสียเงิน เสียเวลา และบางครั้งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของเราเลยทีเดียว

ในตอนนี้มีกลโกงจากมิจฉาชีพในรูปแบบใหม่เพื่อล่อลวงคนที่อยากได้เงินไว เงินด่วน ในรูปแบบใหม่ ๆ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเพื่อหลอกเรา ซึ่งก็เข้าใจว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในบ้านเราตอนนี้กำลังชะลอตัว หลายคนประสบปัญหากับเงินไม่พอใช้ มีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย พอมีข้อเสนอที่ให้เงินด่วนง่าย ๆ กับเราแบบนี้ เป็นใครจะอดใจได้ แต่เชื่อเถอะว่า อะไรที่ส่งมาหาเราโดยไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ก็คงไม่น่าไว้ใจ ซึ่งตอนนี้มีหลายคนกำลังเจอปัญหาตกเป็นเหยื่อจากเงินกู้ออนไลน์ที่มีดอกเบี้ยโหด ๆ จากมิจฉาชีพเหล่านี้ แล้วจะรับมืออย่างไรถ้าเจอกลโกงแบบนี้ วันนี้เราจะมาเปิดกลโกงแก๊งเงินกู้ออนไลน์ ที่ถ้าใครได้เจอแบบนี้ ให้รู้ไว้เลยพวกนี้มันโจรชัด ๆ

  1. เปิดเพจ-ไลน์ปลอม ตั้งชื่อให้เหมือนธนาคาร

อีกหนึ่งกลโกงของมิจฉาชีพก็ใช้วิธีการเปิดเพจหรือไลน์ปลอม โดยจะใช้ชื่อที่ใกล้เคียงกับธนาคาร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และใช้วิธีส่งข้อความหรือโทรมาหาเราโดยตรง และเสนอเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยต่ำ กู้ง่ายใช้แค่บัตรประชาชน ถึงติดแบล็คลิสต์จากธนาคารก็กู้ได้ เพื่อให้เรารู้สึกสนใจและหลวมตัวกู้เงินกับมิจฉาชีพโดยทันที หากเราพลาดกู้เงินไปมิจฉาชีพก็จะเริ่มคิดดอกเบี้ยโหด ๆ บางคนจะต้องจ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มไปเรื่อย ๆ จ่ายเท่าไหร่ก็ไม่หมด เพื่อไม่ให้ใครต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทุกครั้งที่แชทคุยสามารถจับพิรุธของบัญชีไลน์ปลอมได้ไม่ยาก หากเป็นบัญชีไลน์ของแท้จากธนาคาร เช่น บัญชีไลน์ของธนาคารกรุงศรี ของแท้จะต้องมีสัญลักษณ์โล่สีเขียวอยู่หน้าชื่อบัญชี หรือถ้าของเฟซบุ๊กแฟนเพจของธนาคารกรุงศรีจะมีสัญลักษณ์เครื่องหมายติ๊กถูกสีน้ำเงิน อยู่หลังชื่อเฟซบุ๊กแฟนเพจเสมอ และมั่นใจได้ทุกครั้งถ้ามีข้อความแชทจากธนาคาร ธนาคารจะไม่มีนโยบาย ขอข้อมูลส่วนบุคคลจากลูกค้า เช่น เลขบัตรประชาชน เลขวันเดือนปีเกิด เลขรหัสข้อมูลส่วนตัวทุกประเภท หรือถ้าแชทที่กำลังคุยบอกว่ามีส่งเลขความปลอดภัย (OTP) มายังเบอร์ของเราแล้วให้บอกเลขนั้นกลับมา อย่าส่งให้โดยเด็ดขาด หากว่าใครเจอแชทที่กำลังปลอมเป็นธนาคาร สิ่งที่เราควรทำก็คือเก็บหลักฐานประวัติการแชทพูดคุย แล้วสอบถามกับเจ้าหน้าที่กรุงศรี ผ่าน inbox facebook @KrungsriSimple เพื่อตรวจสอบความถูกต้องก่อนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

  1. ใช้เอกสารราชการปลอม หลอกให้โอนเงิน

ในตอนนี้มิจฉาชีพนิยมใช้วิธีปลอมเอกสารจากกระทรวงการคลัง หรือกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยวิธีการก็คือมิจฉาชีพจะทักแชทมาหาเรา แล้วนำเสนอเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำ แต่ถ้าเราคุยแล้วไม่แน่ใจ ทางมิจฉาชีพก็จะแสดงเอกสารปลอม เช่น ใช้เอกสารที่แอบอ้างว่าได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสถาบันการเงินจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่งมาให้เรามั่นใจว่ากู้เงินกับเราเชื่อถือได้แน่ ๆ ตรงนี้แหละที่มิจฉาชีพอาศัยจังหวะที่เราไม่ทันได้เช็กข้อมูลให้ถูกต้อง ส่งเลขที่บัญชี หรือคิวอาร์โค้ดโอนเงินมาให้เรา แล้วอ้างว่าต้องมีโอนเงินเพื่อจ่ายค่าดำเนินการกู้เงิน อาจคิดเป็น 10% ของยอดเงินกู้ ถ้าเราเผลอใจโอนเงินให้เมื่อไหร่ ก็จะถูกบล็อกข้อความทันที ไม่สามารถติดตามตัวได้ ถ้าหากใครเจอแบบนี้ ก็ให้มั่นใจได้เลยว่า เรากำลังโดนหลอกอย่างแน่นอน ให้รีบรวบรวมหลักฐานที่เรามีทั้งหมด แล้วติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยด่วน!

  1. เปิดแอปฯ-เว็บ กู้เงินเถื่อนแบบออนไลน์

เมื่อเทคโนโลยีล้ำหน้า มิจฉาชีพก็ก้าวทันเสมอ ในตอนนี้ที่หลายคนมักเจอก็คือแอปฯ หรือเว็บไซต์ กู้เงินด่วน กู้เงินแบบออนไลน์ต่าง ๆ โดยกลโกงที่มิจฉาชีพจะใช้คือ ให้เรากรอก ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ถ่ายรูปบัตรประชาชนแล้วให้อัปโหลดขึ้นไปบนเว็บ และเสนอเงินให้กับเราตามที่ตกลง แต่เมื่อได้เงินก็ได้ไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้ หากว่าเราจะคืนเงิน มิจฉาชีพเหล่านี้ก็จะข่มขู่เราด้วยดอกเบี้ยโหด ๆ อาจคิดเป็นร้อยละ 10-20% ของเงินกู้ และถ้าไม่จ่ายเงิน มิจฉาชีพก็จะเริ่มข่มขู่เราด้วยวิธีต่าง ๆ จนเราไม่มีความสุข ดังนั้นก่อนที่เราจะกรอกอะไรลงบนเว็บไซต์ก็อย่าลืมสังเกตสัญลักษณ์ชื่อ URL ต้องมีเครื่องหมายรูปแม่กุญแจ และชื่อของ https:// ทุกครั้งเพราะจุดสังเกตทั้ง 2 บ่งบอกเว็บนั้นคือเว็บที่ปลอดภัย แต่เพื่อความไม่ประมาทก็ไม่ควรกรอกข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน หรือหมายเลขความปลอดภัย (OTP) ถ้าหากว่าเราเจอแอปฯ หรือเว็บไซต์กู้เงินเหล่านี้ก็ไม่ควรติดตั้งหรือเปิดใช้งานในโทรศัพท์ของเรา เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อแก๊งเงินกู้ออนไลน์

หากว่าเราเดือดร้อนเรื่องการเงินจริง ๆ อยากจะแนะนำให้ใช้บริการกู้เงินจากธนาคารที่มีมาตรฐานจะปลอดภัย เช่น สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคลกรุงศรี iFIN ที่เราสามารถทำเรื่องกู้เงิน การขอสินเชื่อออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องไปที่ธนาคาร สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านแอปฯ KMA (Krungsri Mobile App) มั่นใจได้เลยว่า กู้ยืมเงินผ่านบริการของธนาคารกรุงศรี ปลอดภัย ได้เงินชัวร์ แถมดอกเบี้ยยังถูกกว่าการไปกู้เงินเถื่อนอีกนะ หากใครสนใจก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองดังนี้

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน KMA ติดตั้งในมือถือ

เข้าสู่ระบบ หาเมนู “สมัครสินเชื่อบัตรเครติต” > “สมัครสินเชื่อส่วนบุคคล” แล้วกดเลือก “สินเชื่อ iFIN”

กรอกรายละเอียดและข้อมูลส่วนตัวของเราให้ครบถ้วน แล้วกดยอมรับเงื่อนไข จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับโดยเบอร์ของธนาคารกรุงศรีเท่านั้น และเราสามารถติดตามสถานะการกู้ยืมเงินผ่านแอปฯ KMA ได้เลย ง่าย ๆ

สำหรับคนที่กำลังมีปัญหาเรื่องการเงิน จากปัญหาต่าง ๆ การกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐ มีแต่จะสร้างปัญหาให้เราไม่จบสิ้น บางคนโชคดีมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือ แต่บางคนก็อาจโดนคุกคาม ถูกทำร้ายหรืออาจเสียชีวิต หากไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเบี้ย เพื่อป้องกันไม่ให้ชีวิตทางการเงินเดินมาถึงจุดนี้ ในวันที่เรามีเงินก็อย่าลืมวางแผนการเงินให้มีประสิทธิภาพ และหลีกเลี่ยงการกู้เงินด่วนจะดีกับตัวเราที่สุด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post กู้เงินออนไลน์ อย่างไรให้ปลอดภัยชัวร์! ไม่มีโดนหลอก first appeared on Brand Inside.

รู้ใจ ประกันออนไลน์ เข้าซื้อกิจการ บมจ. เอฟดับบลิวดีประกันภัย ต่อยอดประกันดิจิทัลเต็มรูปแบบ

Brand Inside - 3 July 2023 - 16:12

รู้ใจ ประกันออนไลน์ของประเทศไทย ตกลงเข้าซื้อกิจการ บมจ. เอฟดับบลิวดีประกันภัย โดยการเข้าซื้อกิจการจะทำให้รู้ใจมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้น ด้วยเบี้ยประกันรายปีรวมกันกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,740 ล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมใบอนุญาตผู้รับประกันวินาศภัย

Roojai

รู้ใจ ซื้อ เอฟดับบลิวดีประกันภัย เดินหน้าประกันดิจิทัล

นิโคลัส ฟาร์เกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง รู้ใจกรุ๊ป กล่าวว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2016 บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการที่มีทางเลือกที่หลากหลาย ให้ลูกค้าสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และมอบเบี้ยประกันในราคาคุ้มค่า

ดังนั้นการซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการผลักดันประสิทธิภาพ และความหลากหลายของบริการให้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทประกันออนไลน์ที่มอบประสบการณ์การประกันภัยที่ครบวงจร การก้าวเดินครั้งสําคัญในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการบริการอันเป็นประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า

รู้ใจ ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 มีจุดเด่นเรื่องการนวัตกรรมมาใช้ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการ เช่น ผลิตภัณฑ์ และบริการในหมวดประกันภัยรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับอีกหลายบริษัทในอุตสาหกรรมเพื่อทำให้การทำประกันมีราคาที่ยุติธรรม ส่วนเงื่อนไขของการทําธุรกรรมนี้ยังไม่เป็นที่เปิดเผย

รู้ใจ มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนกว่า 160,000 ราย โดยจากนี้ รู้ใจ จะทำการปรับภาพลักษณ์องค์กร และเปลี่ยนชื่อภายใต้แบรนด์รู้ใจตามกฎระเบียบข้อบังคับทางกฎหมาย โดยการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อกรมธรรม์ปัจจุบันของลูกค้าที่ยังอยู่ในความคุ้มครอง การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หรือการให้บริการลูกค้าแต่อย่างใด

อ้างอิง // FWD

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post รู้ใจ ประกันออนไลน์ เข้าซื้อกิจการ บมจ. เอฟดับบลิวดีประกันภัย ต่อยอดประกันดิจิทัลเต็มรูปแบบ first appeared on Brand Inside.

Lotus’s เปิดค้าปลีกแนวใหม่ หยิบของ เดินออก ก็จ่ายเงินอัตโนมัติ พนักงานมีหน้าที่แค่เติมสินค้า

Brand Inside - 3 July 2023 - 15:38

Lotus’s เปิดตัว Lotus’s Pick & Go by True Digital ร้านค้าปลีกอัจฉริยะที่เพียงสแกน QR Code ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet หยิบสินค้า แล้วเดินออก ระบบจะชำระค่าสินค้าอัตโนมัติ เริ่มต้นในพื้นที่สาขานอร์ธ ราชพฤกษ์ ย้ำพนักงานของสาขานี้มีหน้าที่แค่หยิบสินค้าเติมเท่านั้น

Lotus's

Lotus’s เดินหน้าสาขาไร้พนักงาน

มนต์ชัย อินทรพรอุดม ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานพัฒนาการปฏิบัติการธุรกิจ Lotus’s เล่าให้ฟังว่า Lotus’s มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มายกระดับธุรกิจค้าปลีก เช่น การใช้ป้ายราคาอัจฉริยะ, การใช้กล้องวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และการบริหารจัดการคลังสินค้า

ล่าสุด Lotus’s ร่วมมือกับ True Digital พัฒนาสาขารูปแบบใหม่ Lotus’s Pick & Go by True Digital ค้าปลีกอัจฉริยะไร้แคชเชียร์ โดยลูกค้าสามารถใช้บริการเพียงแค่สแกนบัญชี TrueMoney เพื่อเข้ามาในพื้นที่ร้าน จากนั้นหยิบสินค้าที่ต้องการ และเดินออกจากร้านได้ทันที โดยระบบของร้านจะตัดเงินจากบัญชี TrueMoney อัตโนมัติ

Lotus’s Pick & Go by True Digital ตั้งอยู่ในพื้นที่ Lotus’s สาขานอร์ธ ราชพฤกษ์ มีพื้นที่ร้าน 30 ตร.ม. มีสินค้าทั้งหมด 400 รายการ แบ่งเป็น 5 หมวดหมู่สินค้า โดย 90% เป็นสินค้าประเภทอาหาร 10% เป็นสินค้าประเภทของใช้ทั่วไป

พนักงานมีหน้าที่เติมสินค้าเท่านั้น

แม้จะเป็นสาขาอัจฉริยะ และไม่มีจุดชำระเงิน แต่ Lotus’s Pick & Go by True Digital ยังต้องมีพนักงานที่ดูแลสาขานี้ โดยพนักงานดังกล่าวมีหน้าที่เติมสินค้าที่หมดจากเชลฟ์จำหน่ายเท่านั้น ส่วนหน้าที่อื่นจะมีระบบอัตโนมัติต่าง ๆ คอยบริหารจัดการให้

“สาขานี้เรามีกล้อง 38 ตัว ทั้งหมดมีหน้าที่จับการเคลื่อนไหวของสินค้า และลูกค้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกประมวลผลด้วย AI เพื่อคำนวณว่าสินค้านั้นถูกหยิบออกจากเชลฟ์คืออะไร และใครเป็นผู้หยิบออกไป นอกจากนี้ตัวร้านยังมีเซ็นเซอร์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการบริการให้มากที่สุด”

Lotus’s Pick & Go by True Digital จำกัดลูกค้าครั้งละ 6 คน และผู้ใช้ต้องเติมเงินใน TrueMoney Wallet อย่างน้อย 200 บาท เพื่อการันตีในการใช้บริการ และยังไม่สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตผ่าน TrueMoney Wallet ได้ ส่วนถ้าหยิบสินค้าเกินมูลค่าใน TrueMoney Wallet ระบบจะหักเงินคืนในกรณีที่มีการเติมเงินเข้ามาอีกครั้ง

วางแผนขยายเพิ่ม เปิดคู่กับ Lotus’s ใหญ่

Lotus’s มีแผนขยายสาขา Lotus’s Pick & Go by True Digital ในปี 2023 เพิ่มเติม เบื้องต้นยังไม่กำหนดจำนวน แต่จะเป็นการขยายไปอยู่ใน Lotus’s สาขาขนาดใหญ่ และลูกค้ามีพฤติกรรมเร่งรีบ รวมถึงมีความเป็นธุรกิจมากกว่าสาขานอร์ธ ราชพฤกษ์ เพราะสาขานี้ถูกวางไว้เป็นสาขาทดลองค้าปลีกอัจฉริยะ

“ที่นอร์ธ ราชพฤกษ์ เราอยากให้เป็นสาขาทดลอง แต่ทุกคนสามารถมาใช้บริการได้ โดยคาดว่าหลังจากนี้จะมีการเข้ามาใช้บริการ 50-100 คน/วัน อาจดูน้อยเมื่อเทียบกับทรานแซกชั่นของ Lotus’s ที่มีกว่า 10 ล้านรายการ/สัปดาห์ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเดินหน้าค้าปลีกอัจฉริยะหลังจากนี้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Lotus’s มีสาขารูปแบบต่าง ๆ กว่า 2,000 แห่ง มีพนักงานประจำ กับพนักงานชั่วคราวรวมกว่า 50,000 คน โดย Lotus’s คือหนึ่งในธุรกิจของเครือ CP อยู่ใต้ บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า หรือชื่อเดิม บมจ. สยามแม็คโคร ส่วนเทคโนโลยีที่ใช้ใน Lotus’s Pick & Go by True Digital บริษัทมีแผนนำไปให้บริการกับค้าปลีกในเครือ CP และค้าปลีกอื่น ๆ ในตลาด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Lotus’s เปิดค้าปลีกแนวใหม่ หยิบของ เดินออก ก็จ่ายเงินอัตโนมัติ พนักงานมีหน้าที่แค่เติมสินค้า first appeared on Brand Inside.

ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีแรก หลุด 1,500 จุด แต่ระยะสั้นต้องจับตาหลายปัจจัย

Brand Inside - 3 July 2023 - 14:49

ผ่านพ้นครึ่งปีแรก 2023 ตลาดหุ้นไทยหรือ ดัชนี SET ผลตอบแทนไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก หากเทียบจากช่วงต้นปีนี้พบว่า ดัชนี SET ปรับตัวลดลง 9.92% (YTD) โดยมีบางช่วงปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,500 จุด (1,466.93 จุด) และวันที่ 2 ก.ค. 2023 นี้ราว 10.49 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,499.87 จุด

ทั้งนี้ หลายสำนักต่างคาดการณ์ว่าดัชนี SET จะผันผวนอยู่ในกรอบจำกัดโดยตลาดจะติดตามปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้จะมีการเปิดประชุมภาพผู้แทนราษฎรในวันอังคาร (3 ก.ค.) เพื่อเลือกประธานสภา ซึ่งจะนำสู่การเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องจับตามองได้แก่

  • อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของประเทศไทย
  • แถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ
  • ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท)
  • การประชุมของกลุ่ม OPEC (5-6 ก.ค.)

นอกจากนี้ยังต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญและจะทยอยออกมา ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ตลอดจนบันทึกการประชุมเฟด ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น จีนและยูโรโซน

โดยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้ InnovestX คาดว่าดัชนี SET จะผันผวนในช่วง 1,500 จุด โดยจะบวกลบราว 20 จุด ส่วนในสัปดาห์นี้ (3-7 ก.ค.) บล. กสิกรไทย มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,480 และ 1,460 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,520 และ 1,545 จุด ตามลำดับ

ที่มา – บล.กสิกรไทย,​ InnovestX 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีแรก หลุด 1,500 จุด แต่ระยะสั้นต้องจับตาหลายปัจจัย first appeared on Brand Inside.

ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุในฝรั่งเศส เตรียมใช้งานยางไร้ลม Michelin ในรถขนส่ง 40 คัน ภายในปี 2024

Brand Inside - 3 July 2023 - 11:23

La Poste ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุในฝรั่งเศส ประกาศความร่วมมือกับ Michelin เพื่อใช้งานยางไร้ลมตระกูล Uptis ในรถขนส่งพัสดุ 40 คัน ภายในปี 2024 หวังแก้ปัญหายางรั่วซึม และประหยัดต้นทุนในการเปลี่ยนยาง ถือเป็นการช่วยเรื่องรักษ์โลกทางอ้อม

MichelinMichelin et La Poste ont dévoilé, en exclusivité européenne, les premiers véhicules de facteurs équipés du pneu sans air, MICHELIN UPTIS le 27 juin 2023, à Roost Warendin (59) en France. Photo : JEROME CAMBIER/MICHELIN ยางไร้ลมเริ่มถูกใช้งานจริง

Michelin แจ้งอย่างเป็นทางการว่า บริษัทได้ประกาศความร่วมมือกับ La Poste ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุในฝรั่งเศส เพื่อนำยางไร้ลมตระกูล Uptis ไปใช้งานในรถขนส่งจดหมาย และพัสดุกว่า 40 คัน ภายในปี 2024 โดยรถขนส่งเหล่านั้นจะวิ่งจริงเพื่อขนส่งในพื้นที่ตอนเหนือของฝรั่งเศส

ปัจจุบันมีรถขนส่งพัสดุของ La Poste ติดตั้งยางไร้ลมของ Michelin ทั้งหมด 3 คัน โดยความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กรจะกินเวลา 2 ปี และถือเป็นครั้งแรกที่ Michelin จับมือกับองค์กรเพื่อใช้งานยางไร้ลมในฝรั่งเศส และยุโรป โดยเป็นการต่อยอดจากความร่วมมือก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นในเอเชีย

สำหรับ Uptis จะเป็นยางไร้ลม ไม่มีปัญหาเรื่องการรั่วซึม เพราะไม่ต้องเติมลม โดยยางตระกูลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในรถยนต์นั่ง และรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก มีโครงสร้างพิเศษที่ทำหน้าที่ได้เหมือนลมในยาง ช่วยลดความกังวลในการขับขี่ และการดูแลรักษา ซึ่งเรื่องนี้ช่วยลดการเกิดขยะ และเป็นการรักษ์โลกอีกทาง

ปัจจุบัน La Poste มีรถขนส่งพัสดุในฝรั่งเศสกว่า 50,000 คัน มากที่สุดในประเทศ ส่วนยางไร้ลม Uptis ของ Michelin เป็นยางไร้ลมเพียงรุ่นเดียวในตอนนี้ที่มีการใช้งานวิ่งจริงบนสภาพถนนต่าง ๆ ผ่านระยะทางรวมกว่า 3 ล้าน กม.

อ้างอิง // Michelin

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุในฝรั่งเศส เตรียมใช้งานยางไร้ลม Michelin ในรถขนส่ง 40 คัน ภายในปี 2024 first appeared on Brand Inside.

9 วิธิ ตั้งค่า iPhone ให้ปลอดภัย (อัปเดต 2023)

iPhonemod - 3 July 2023 - 11:07

สำหรับปี 2023 นี้ มาอัปเดตวิธีตั้งค่า iPhone ให้มีความเ […] More

The post 9 วิธิ ตั้งค่า iPhone ให้ปลอดภัย (อัปเดต 2023) appeared first on iMoD.

Apple ต่อสัญญาทำข้อตกลงกับ Nokia ให้เข้าถึงสิทธิบัตรเทคโนโลยี และ 5G ได้!

MacThai - 3 July 2023 - 10:00

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางแอปเปิล และโนเกีย ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกัน ว่าอนุญาตให้เข้าถึงสิทธิบัตรเทคโนโลยี รวมไปถึง 5G ของโนเกียได้!

ถือว่าเป็นการลงนามครั้งใหญ่ของทั้งสองบริษัทเลยก็ว่าได้ หลังเคยลงนามนี้ร่วมกันมาก่อนแล้วในปี 2560 โดยข้อตกลงเก่าก็จะหมดอายุลงในปี 2566 พอดี

แต่ทั้งแอปเปิล และโนเกียก็ลงนามร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งแม้จะไม่รู้รายละเอียดสำคัญในการลงนามร่วมกัน แต่การได้เข้าถึงสิทธิบัตรเทคโนโลยีของโนเกีย ก็อาจจะช่วยนำไปพัฒนาหลาย ๆ ด้านของแอปเปิลมากขึ้น

โดยโนเกียเป็นเจ้าของสิทธิบัตรมากกว่า 20,000 ฉบับ รวมถึงสิทธิบัตร 5,500 รายการ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5G ด้วย  และแน่นอนว่าครั้งนี้ก็ได้รับเงินจากการเข้าถึงสิทธิบัตรระยะยาวเหล่านี้ไปจากแอปเปิลเช่นกัน

และคงต้องรอดูรายได้ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ของโนเกียอีกทีว่าการลงนามกับแอปเปิลอีกครั้งจะให้ผลสะท้อนในทางที่ดีอย่างไรบ้าง เพราะเงื่อนไขการลงนามยังคงเป็นความลับระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย

ซึ่งด้าน Jenni Lukander ประธานของ Nokia Technologies ก็กล่าวเอาไว้เช่นกันว่า “มีความยินดีที่ได้ทำข้อตกลงอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรระยะยาวกับแอปเปิลอย่างเป็นมิตร เพราะข้อตกลงดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสิทธิบัตรของโนเกีย ว่ามีการลงทุนด้าน R&D ที่ยาวนานหลายทศวรรษ และการมีส่วนร่วมในมาตรฐานเซลลูล่าร์ กับเทคโนโลยีอื่น ๆ ด้วย”

The post Apple ต่อสัญญาทำข้อตกลงกับ Nokia ให้เข้าถึงสิทธิบัตรเทคโนโลยี และ 5G ได้! appeared first on Macthai.com.

Fender ชี้ ปี 2030 APAC ขึ้นแท่นตลาดดนตรีเบอร์ 1 โลก เร่งลงทุนเพิ่ม เกาะกระแสกีต้าร์โตช่วงโควิด

Brand Inside - 2 July 2023 - 14:53

Fender ผู้ผลิตกีต้าร์อันดับ 1 ของโลก ชี้ ปี 2030 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือ APAC จะก้าวขึ้นเป็นตลาดดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมลงทุนขยายสาขาระดับเรือธง หลังเพิ่งเปิดในประเทศญี่ปุ่น หวังเป็นพื้นที่สำคัญคล้ายสาขาของ Apple Store และเกาะกระแสยอดขายกีต้าร์เติบโตตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด

Fender

Fender เร่งลงทุนเจาะตลาด APAC

Andy Moone ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Fender Musical Instruments เล่าให้ฟังว่า ตลาดดนตรีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่ระหว่างเติบโต และภายในปี 2030 จะขึ้นสู่เบอร์ 1 ของตลาดดนตรีโลก ทำให้บริษัทเตรียมแผนลงทุนเพิ่มเติมในภูมิภาคนี้

ล่าสุด Fender เปิดหน้าร้านระดับเรือธงในประเทศญี่ปุ่น พร้อมต้องการวางตำแหน่งเป็นหน้าร้านระดับเรือธงคล้ายกับ Chanel และ Apple รวมถึงแบรนด์ต่างชาติอื่น ๆ ที่นั่น โดยภายในสาขานี้นอกจากจะจำหน่ายกีต้าร์หลายรุ่น ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงกีต้าร์ และเป็นสวนสนุกของผู้ชื่นชอบกีต้าร์ และดนตรีทุกคน

“รายได้ในประเทศญี่ปุ่นเติบโตเป็นอัตราตัวเลขสองหลักตั้งแต่ปี 2015 และ Fender เองมีรุ่นที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดมานานแล้ว และจำหน่ายควบคู่ไปกับรุ่นที่ผลิตในเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา จึงไม่แปลกที่ประเทศญี่ปุ่นจะสำคัญในอันดับต้น ๆ”

นับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 ภาพรวมตลาดกีต้าร์เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยในช่วงเวลาดังกล่าวมีการสำรวจพบว่า ผู้คนเลือกซื้อกีต้าร์โปร่ง และกีต้าร์ไฟฟ้าเป็นครั้งแรกทั่วโลกกว่า 30 ล้านคน และหาก 1 ใน 10 ของจำนวนนี้ยังมีการเล่นกีต้าร์อย่างต่อเนื่อง ตัวเลขนั้นจะกลายเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้บริษัท

ขณะเดียวกัน Fender ยังแจ้งว่า ในช่วงปีที่โรคโควิด-19 ระบาด ยังทำให้รายได้ของบริษัทพุ่งใกล้ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปกติที่อยู่ราว 500 ล้านดอลลาร์ โดยกีต้าร์รุ่นเริ่มต้นภายใต้แบรนด์ Fender จะอยู่ราว 1.1 แสนเยน หรือราว 27,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Fender ก่อตั้งโดย Leo Fender ในช่วงทศวรรษที่ 40s และปัจจุบันถือครองแบรนด์ Fender, Squier, Gretsch, Jackson, Charvel และ EVH โดยในประเทศไทยมี เบ๊เงียบเส็ง ที่เริ่มต้นจากร้านขายของเก่า ก่อนช่วงทศวรรษ 60s จะเป็นผู้นำเข้าเครื่องดนตรีตะวันตกเข้ามาจำหน่ายเพื่อตอบรับตลาดในขณะนั้น

หากอ้างอิงจากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างดนตรีเบ๊เงียบเส็ง มีรายได้ดังนี้

  • ปี 2022 รายได้รวม 234 ล้านบาท กำไรสุทธิ 25 ล้านบาท
  • ปี 2021 รายได้รวม 182 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18 ล้านบาท
  • ปี 2020 รายได้รวม 194 ล้านบาท กำไรสุทธิ 26 ล้านบาท

อ้างอิง // Japan Today, CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Fender ชี้ ปี 2030 APAC ขึ้นแท่นตลาดดนตรีเบอร์ 1 โลก เร่งลงทุนเพิ่ม เกาะกระแสกีต้าร์โตช่วงโควิด first appeared on Brand Inside.

Apple โผล่ไลฟ์สดขายของบนแอป E-Commerce จีน!

MacThai - 2 July 2023 - 10:00

แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นแอปเปิลไปโผล่ในช่องโฮมชอปปิงทางทีวี หรือแอปขายของออนไลน์ต่าง ๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว…

เมื่อไลฟ์สตรีมเป็นช่องทางการขายที่แมสในจีนมาก ๆ เพื่อโปรโมตสินค้าตั้งแต่ช่วงที่โควิดระบาด โดยมีการจ้างโฮสต์สตรีมขายสินค้ามากกว่า 1.23 ล้านคน และทำยอดขายในจีนไป 4.8 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

ซึ่งแอปเปิลก็ได้จ้างโฮสต์ที่เป็น Product Expert มาสร้างหนังบน iPhone และ Apple Watch เน้นสร้างเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ ตามสไตล์ Soft Sell แบบตัวเองที่เคยขายสินค้ามาตลอด ต่างจากร้านค้าออนไลน์อื่น ๆ ที่จะเน้นการขายแบบ Hard Sell ลด แลก แจก แถมแบบกระหน่ำเซลล์มากกว่า

เพราะการที่โฟกัสไปกับการสร้างคอนเทนต์เพื่อบิวต์การขายผลิตภัณฑ์ แทนที่จะเสนอการขายแบบหนัก ๆ วิธีขายด้วยเรื่องราวจะทำให้ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคมากขึ้น

ซึ่งการมุ่งสู่เนื้อหามากกว่าขายแบบโปรโมต จะช่วยให้ผู้คนได้รับประโยชน์สูงสุดจากผลิตภัณฑ์ และกระตุ้นยอดขายได้เยอะกว่า

ที่มา – 9To5Mac

The post Apple โผล่ไลฟ์สดขายของบนแอป E-Commerce จีน! appeared first on Macthai.com.

หลายธนาคารล่ม โอนเงินไม่ได้: สมาคมธนาคารให้เว้นระยะ ทำธุรกรรมผ่าน ATM หรือสาขาไปก่อน

Brand Inside - 1 July 2023 - 16:38

สมาคมธนาคารไทยชี้แจง หลังหลายธนาคารไม่สามารถโอนเงินได้

เนื้อหาคำชี้แจงระบุว่า ขณะนี้ได้พบปัญหาขัดข้องใสระบบบริการโอนเงินไปต่างธนาคาร ซึ่งส่งผลต่อการทำธุรกรรมโอนเงินไปต่างธนาคารผ่านช่องทาง Mobile Banking, Internet Banking ให้ทำธรุกรรมไม่ได้ ขอแนะนำให้ลูกค้าเว้นระยะทำรายการ

สมาคมธนาคารไทย

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถใช้บริการโอนเงินผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น ATM และสาขาของธนาคารได้ตามปกติ ลูกค้าสามารถสอบถามหรือแจ้งปัญหาไปที่สาขาหรือที่คอลเซ็นเตอร์ของธนาคารที่ท่านมีบัญชีอยู่ สำหรับลูกค้าที่ทำการโอนเงินไปต่างธนาคารวันนี้ (1 ก.ค.) ตั้งแต่ 14.00 น. และเงินยังไม่เข้าปลายทางธนาคารปลายทาง จะนำเงินเข้าบัญชีภายใน 19.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (2 ก.ค.)

หากระบบดังกล่าวสามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว ทางสมาคมจะรีบแจ้งให้ทราบต่อไป

ขออภัยในความไม่สะดวก มา ณ ที่นี้

SCB

KTB

KBank

ที่มา – SCB

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post หลายธนาคารล่ม โอนเงินไม่ได้: สมาคมธนาคารให้เว้นระยะ ทำธุรกรรมผ่าน ATM หรือสาขาไปก่อน first appeared on Brand Inside.

Loud quitting เทรนด์ใหม่ของการทำงานแบบผิดที่ผิดทาง บริษัทหาทางแก้ไขได้ ถ้าใส่ใจมากพอ

Brand Inside - 1 July 2023 - 11:54

ปีที่ผ่านมา เทรนด์การทำงานแบบ “Quiet quitting” มาแรง แต่ตอนนี้เทรนด์ที่มาแทนคือ “Loud quitting” แถมพนักงานราว 1 ใน 5 ขององค์กรดันมีแนวโน้มที่จะมุ่งสู่หนทางนี้ซะด้วย 

Career, Employee
ต้องบอกว่าเทรนด์หลักสำหรับการทำงานของปีที่แล้วคือ Quiet quitting ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นหลังโลกเข้าสู่ยุคโรคระบาดโควิด-19 โลกที่เส้นแบ่งของการทำงานกับการพักผ่อนเลือนลางจนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้คนมีอาการเหนื่อยล้าสะสม จนนำไปสู่อาการหมดไฟ หรือ Burnout จากการทำงานอย่างหนักเพราะไม่ได้พักผ่อน และในที่สุดก็นำไปสู่วิถีแห่งการปลดปล่อยตัวเองจากการทุ่มเททำงานหนัก

หลังจากเลิกทุ่มเทจากการทำงานหนักแบบเงียบๆ กันมาระยะหนึ่ง หรือที่เรียกว่า Quiet quitting เทรนด์ที่เข้ามาใหม่ตอนนี้ ไม่ใช่การเลิกทุ่มเททำงานหนักแบบเงียบๆ อีกต่อไป แต่เป็นการเปิดเผยตัวตนอย่างชัดเจนว่าเลิกทุ่มเททำงานหนักแล้วนะ (Loud quitting

แนวคิดดังกล่าว ถูกนิยามโดย Gallap เป็นการรายงานจากบริษัทวิจัยและบริษัทที่ปรึกษา สำรวจข้อมูลจากพนักงานราว 122,416 คน อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป

Gallap ได้เผยแพร่รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาพบว่า 18% ของพนักงานที่เขาได้ไปสำรวจนั้น เรียกกันว่าเป็นกลุ่มคน “Loud quitters เป็นผู้ที่แสดงออกชัดเจนเลยว่า “เลิกเกี่ยวพัน” กับงานที่ทำ ซึ่งจะเป็นด้านตรงข้ามกับกลุ่ม Quiet quitting ที่แสดงออกว่า “ไม่อยากมีส่วนร่วม เฉยๆ”

สัดส่วนของงานสำรวจพบว่า

  • 18% พนักงานยอมรับว่าพวกเขามีท่าทีเป็น Loud quitting จริ
  • 59% เป็นกลุ่มที่บอกว่าพวกเขาเป็น Quiet quitting

Gallap ประเมินแล้วว่า พนักงานที่มีความเกี่ยวพันกับงานต่ำ ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลกสูงถึง 8.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 310 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9% ของ GDP โลก

การจัดประเภทกลุ่มคนทำงานดังกล่าว กลุ่มตัวอย่างจะต้องตอบคำถาม 12 ข้อ ด้วยกัน ซึ่งก็มีหลายเรื่อง เช่น พนักงานได้มีโอกาสทำสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดทุกวันหรือไม่? บอสหรือคนอื่นๆ ในที่ทำงานให้ความใส่ใจในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งหรือไม่?

ภารกิจที่ได้รับมอบหมายทำให้พวกเขารู้สึกว่างานของพวกเขามีความหมาย มีความสำคัญหรือไม่? ไปจนถึง พวกเขาได้มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้และเติบโตมากขึ้นจากงานที่ทำบ้างหรือไม่ในรอบปีที่ผ่านมา เป็นต้น

Gallap จัดพนักงานออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1) Thriving at work กลุ่มคนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน

เป็นกลุ่มที่รู้สึกเกี่ยวพันกับงานที่ทำ มีเพียง 23% เท่านั้น คนกลุ่มนี้จะหาความหมายจากงานที่พวกเขาทำและรู้สึกเชื่อมโยงกับทีมและองค์กรที่ทำงานด้วย พวกเขารู้สึกภูมิใจในงานที่พวกเขาทำ  และมีความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผลงานของตัวเอง 

2) Quiet quitting เรื่องน่าเศร้าก็คือ คนกลุ่มนี้เป็นพนักงานกลุ่มใหญ่ที่สุด

ลักษณะของคนกลุ่มนี้คือ คนที่นั่งทำงานแบบเฝ้ารอเวลางานให้หมดไปวันๆ พวกเขาจะใส่แรงในงานน้อยๆ และไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับนายจ้างของตัวเอง แม้จะดูมี Productivity น้อย แต่กลับเป็นกลุ่มคนที่เครียดและหมดไฟกับงานที่พวกเขาทำมากที่สุด เพราะพวกเขารู้สึกสูญเสียความเชื่อมโยงกับงานที่ทำนั่นเอง

3) Loud quitting คนกลุ่มนี้เป็นภัยต่อองค์กร

คนกลุ่มนี้จะแสดงออกชัดเจนว่าไม่เกี่ยวพันกับงาน ต่อต้านผู้นำ ความไว้วางใจระหว่างนายจ้างกับพนักงานเกิดรอยร้าวขึ้นแล้ว คนกลุ่มนี้จะรู้สึกอยู่ไม่ถูกที่ ได้รับบทบาทไม่ตรงกับความสามารถ ทำให้เกิดวิกฤตได้

ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คำว่า Quiet quitting ก็คือการทำงานตามคำสั่ง ทำตามหน้าที่ ไม่ทำงานนอกเหนือคำสั่ง หรือสร้างสรรค์ผลงานให้ไกลกว่าที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งก็เป็นผลมาจาก Work life balance ของคนพังทลายในช่วงโควิดถล่มชีวิตคนนั่นเอง

แต่ Loud quitting หนักกว่านั้น มีทั้งการทำลายเป้าหมายนายจ้าง การทำให้แบรนด์เสียหาย ฯลฯ สาเหตุที่มีท่าทีเช่นนี้ก็มาจากหลายเหตุผลด้วยกัน มีทั้งไม่พอใจในการทำงานแบบผิดฝาผิดตัว เหมือนพนักงานถนัดหรือเชี่ยวชาญอย่างหนึ่งแต่ให้ไปทำอีกอย่างหนึ่งที่พนักงานไม่แม้แต่จะสนใจหรือไม่เข้าใจในเนื้องานนั้นแม้แต่น้อย หรือองค์กรอาจจะทำให้พวกเขารู้สึกสูญเสียความไว้วางใจในตัวผู้ว่าจ้างหรือบอส หรือหมดความมั่นใจในบอสหรือหัวหน้างานนั่นเอง 

มีกลุ่มคนที่เป็น Loud quitting ในองค์กร ส่งผลอย่างไร?

อย่างไรก็ดี CNBC ได้สะท้อนความสำคัญของกลุ่มคนที่เป็น Loud quitting ไว้น่าสนใจว่า คนกลุ่มนี้สามารถสร้างความเสี่ยงที่สำคัญต่อองค์กรได้ เพราะพวกเขาจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่รู้สึกเกี่ยวพันกับงานที่ทำ แถมยังเป็นกลุ่มคนที่มีความเครียดต่องานที่ทำมากกว่ากลุ่มคนอื่นๆ

มีการอ้างรายงานถึงคนที่รู้สึกเกี่ยวพันกับงานที่ทำว่าคนกลุ่มนี้มีเพียง 30% ที่มีความเครียดมาก เทียบกับกลุ่มที่เป็น Loud quitting มีมากถึง 56% ซึ่งแน่นอนว่าคนที่อยู่ในกลุ่ม Loud quitting นี่แหละ จะเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะลาออกจากงาน ซึ่ง 61% ของคนกลุ่มนี้กำลังมองหางานใหม่ เทียบกับคนที่รู้สึกเกี่ยวพันกับงานที่ทำ คนกลุ่มนี้ก็เตรียมหางานใหม่ทำเช่นกัน แต่อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าคือ 43%

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคน Loud quitting หรือ Quiet quitting ต่างก็เป็นกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนงานทั้งนั้น ถ้าเทียบคนสองกลุ่มนี้กับคนที่มีความรู้สึกเกี่ยวพันกับงานที่ทำ พบว่าคนสองกลุ่มแรกพร้อมจะเปลี่ยนงานไปสู่งานที่ได้รับค่าตอบแทนต่ำกว่าเดิม ขณะที่กลุ่มที่รู้สึกเกี่ยวพันกับงานที่ทำก็เป็นกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนงานเช่นกัน แต่ต้องการค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น 31%

แม้จะมีกลุ่มคน Quiet quitting หรือ Loud quitting ในองค์กร แต่บริษัทก็ยังไม่อยู่ในภาวะสิ้นหวัง

Gallap แนะนำว่า มันมีทางแก้ แม้จะดูไม่ค่อยมีความหวังเท่าไร แต่แทนที่จะเพ่งโทษไปที่พนักงานกับท่าทีที่ติดลบดังกล่าว ควรจะหันมาสำรวจตัวองค์กรเองและหันมาใส่ใจพนักงานกันสักหน่อยดีไหม?

เขาบอกว่า กลุ่มคนที่เป็น Quiet quitting แม้จะดูเหมือนเลิกทุ่มเทในการทำงานแล้ว แต่องค์กรก็สามารถดึงเขากลับมาได้อยู่ แค่องค์กรรู้จักสร้างแรงบันดาลใจและสร้างแรงจูงใจให้พวกเขาได้อยู่บนวิถีทางในการทำงานที่ถูกต้อง ก็จะช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับทีมได้มากแล้ว

ตลอดจนการรู้จักเติมเต็มในส่วนที่ขาด ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าทีมที่รู้จักสนับสนุนลูกทีม ไปจนถึงสะท้อนให้พนักงานได้รับรู้ว่างานของพวกเขาสำคัญอย่างไร หรือแม้แต่กลุ่มคน Loud Quitting ก็ควรทำความเข้าใจบทบาทในงานและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบกันใหม่ ถ้าหาทางสนทนาแล้วรู้สึกว่ากำลังทำงานแบบผิดที่ผิดทาง ผิดฝาผิดตัว หรือผิดบทบาทอยู่

Gallap แนะนำว่า พนักงานในระดับผู้จัดการหรือผู้นำขององค์กรควรแก้ปัญหาโดย หาทางสร้างบทสนทนาที่มีคุณค่า มีความหมายต่อพนักงานทุกคนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อน Feedback หรือการทำให้พวกเขารับรู้คุณค่าของงานที่พวกเขารับผิดชอบอยู่

ไปจนถึงหารือเป้าหมายร่วมกัน หรือจัดลำดับความสำคัญของงานร่วมกัน นี่ก็คือหนทางที่เรียบง่ายที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง เพียงแต่อาจจะต้องเพิ่มความใส่ใจทั้งเนื้องานและทั้งตัวของพนักงานที่อยู่ภายใต้การดูแลของตนเองบ้าง

ที่มา – Insider, CNBC, Gallap

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Loud quitting เทรนด์ใหม่ของการทำงานแบบผิดที่ผิดทาง บริษัทหาทางแก้ไขได้ ถ้าใส่ใจมากพอ first appeared on Brand Inside.

แอป Photos บน iOS 17 จะสแกนบอกวิธีซักรีดจากป้ายแท็กได้

MacThai - 1 July 2023 - 09:00

สำหรับแอป Photos ของไอโฟนที่สามารถสแกนบอกพันธุ์สัตว์ หรือคิวอาร์โค้ดได้แล้ว ตอนนี้บน iOS 17 ยังสามารถบอกรายละเอียดวิธีการซักรัดเสื้อผ้าจากป้ายแท็กได้ด้วย

แม้รายละเอียดบนป้ายแท็กจะเป็นสิ่งที่มีบาสัญลักษณ์ที่คนไม่เข้าใจ แต่ไอโฟน และ iOS 17 จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ โดยการสแกนรายละเอียด และให้คำแนะนำในการซักรีดได้ถูกต้องมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นวิธีการซักที่เหมาะสมกับเนื้อผ้า อุณหภูมิในการซัก คำแนะนำในการฟอกสีหรืออบผ้า ไปจนถึงอุณหภูมิในการรีดที่เหมาะกับผ้าต่าง ๆ เป็นต้น

เพราะการค้นหาด้วยภาพบนแอป Photos ของ iOS 17 จะมีการจดจำสัญลักษณ์ของการซักรีด เพื่อให้ข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งเป็นการเพิ่มการรองรับ Visual Lookup ที่เริ่มใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้มากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการจดจำสัตว์เลี้ยง (Pet Recognition), ครอบภาพเพียงแท็บเดียว (One-tap Crop), สร้างสติ๊กเกอร์เคลื่อนไหวได้ (Animate Stickers) จาก Live Photo และการค้นหาสูตรอาหารจากรูปอาหาร (Recipe Researchs) ที่เราจะได้เห็นหมดนี่ใน iOS 17 ที่ใกล้จะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าด้วย

ที่มา – MacRumors

The post แอป Photos บน iOS 17 จะสแกนบอกวิธีซักรีดจากป้ายแท็กได้ appeared first on Macthai.com.

ครั้งแรกของสิงคโปร์! ติด Top 10 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ส่วนจุฬาฯ ติดอันดับที่ 211 ดีกว่าปีที่แล้ว

Brand Inside - 30 June 2023 - 16:45

เรียนที่ไหนก็ได้ แต่คุณภาพไม่เหมือนกัน มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore หรือ NUS) ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกอันดับที่ 8 ตามการจัดอันดับ World University Rankings ประจำปี 2024 

การจัดอันดับดำเนินการโดย Quacquarelli Symonds (QS) องค์กรชั้นนำระดับโลกด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา ครอบคลุมมหาวิทยาลัย 1,500 แห่ง จาก 104 ประเทศทั่วโลก ตัดสินโดยการวิเคราะห์เอกสารทางวิชาการ 17.5 ล้านชิ้นและจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการกว่า 240,000 คน

การจัดอันดับในปีนี้ได้เพิ่ม 3 เกณฑ์ใหม่ ดังนี้

(1) การมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยในการสร้างความยั่งยืน
(2) ผลลัพธ์การจ้างงาน
(3) เครือข่ายวิจัยนานาชาติ 

รวมถึงการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ก่อนหน้าแล้วเช่น ชื่อเสียงทางด้านวิชาการคิดเป็น 30% จากเดิมเป็น 40%  ทัศนคติของผู้จ้างงานต่อบัณฑิตเพิ่มเป็น 15% จาก 10%  

NUS เคยถูกจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 11 ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยประจำปี 2023 ซึ่งเผยแพร่ออกมาในปี 2022 ก่อนที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น จนเลื่อนอันดับขึ้นเป็นที่ 8 ในปีนี้ ซึ่งนับเป็นการจัดอันดับครั้งที่ 20 แล้ว

มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์

สำหรับการจัดอันดับของ NUS มีรายละเอียด ดังนี้

  • ติดอันดับที่ 7 ของโลกด้านการจ้างงาน
  • ติดอันดับที่ 15 ด้านชื่อเสียงทางวิชาการ
  • ติดอันดับที่ 54 ด้านทัศนคติของผู้จ้างงานต่อบัณฑิต และ
  • ติดอันดับที่ 64 ด้านการอ้างอิงงานวิจัย สิ่งนี้สะท้อนถึงอิทธิพลทางด้านงานวิจัยทางวิชาการ ยิ่งได้รับการอ้างอิงหรือพูดถึงมาก ยิ่งสะท้อนขอบเขตอิทธิพลสูง

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยในเอเชียได้ไต่อันดับสู้มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่จะเป็นมหาวิทยาลัยจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ส่งผลให้ NUS ขึ้นแท่นเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2024
  1. สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) – สหรัฐอเมริกา
  2. มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) – สหราชอาณาจักร
  3. มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) – สหราชอาณาจักร
  4. มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) – สหรัฐอเมริกา
  5. มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) – สหรัฐอเมริกา
  6. อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน (Imperial College London) – สหราชอาณาจักร
  7. สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก (ETH Zurich) – สวิตเซอร์แลนด์
  8. มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) – สิงคโปร์ 
  9. มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) – สหราชอาณาจักร
  10. มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley) – สหรัฐอเมริกา
สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์

ส่วนมหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ติดอันดับ 500 แห่งแรกของโลก คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันดับที่ 211 และมหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 382 ส่วนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อยู่ในอันดับที่ 571 และ 600 ตามลำดับ 

ที่มา – QS, QS 2, Straits Times

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ครั้งแรกของสิงคโปร์! ติด Top 10 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ส่วนจุฬาฯ ติดอันดับที่ 211 ดีกว่าปีที่แล้ว first appeared on Brand Inside.

Pages