ถอดบทเรียน ‘เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์’: หนุนเยาวชนพัฒนาความรู้ เสริมทักษะใหม่ เปลี่ยนแปลงตัวเองสู่เวอร์ชั่นที่ดีที่สุด

Brand Inside - 13 July 2023 - 16:30

ปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ โดยหนึ่งในปัจจัยที่จะลดความเหลื่อมล้ำได้ นั่นก็คือการให้โอกาสทางการศึกษา มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญาเห็นความสำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชน และนี่คือส่วนหนึ่งของการพยายามผลักดันโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ ให้เกิดขึ้น

โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ คือโครงการที่ช่วยส่งเสริมและผลักดันให้เยาวชนหรือนักเรียนระดับมัธยมปลายได้มีองค์ความรู้จากการเรียนรู้ ฝึกฝน เพื่อทดลองลงมือทำธุรกิจจริง เป็นโครงการที่ช่วยสนับสนุนให้นักเรียนที่ต้องการเติบโตไปเป็นผู้ประกอบการในวันข้างหน้า สามารถนำแนวคิดไปลงมือปฏิบัติจริงได้ องค์ความรู้ดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงที่มาจากความล้มเหลวเพราะความไม่รู้ได้ โครงการนี้ดำเนินการภายใต้แนวคิด “66 วันเรียนรู้ชีวิต ทำธุรกิจให้เป็นจริง” 

PohPhanPanya

ความโดดเด่นของโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ หาได้ยากจากโครงการอื่น

ความโดดเด่นของโครงการนี้ โดยเฉพาะแนวคิดที่เปิดโอกาสให้นักเรียนชั้นมัธยมปลายได้มีโอกาสเรียนรู้จากการลงมือทำจริง เป็นการนำความรู้ด้านการทำธุรกิจสมัยใหม่ รวมถึงเรื่องราวต่างๆ จากวิทยากรนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศและนักธุรกิจในจังหวัดน่านที่มาแบ่งปันประสบการณ์ผนวกกับการเรียนรู้นอกห้องเรียนในรูปแบบใหม่ให้โจทย์เรื่องการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่น ทำให้เป็นโครงการที่มีความแตกต่างที่สำคัญคือ

1) เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะและความรู้ใหม่ด้านธุรกิจที่เกิดจากการปฏิบัติจริงและทำธุรกิจจริง ไม่ใช่เพียงการคิดโครงงานหรือนำเสนอแผนงาน

2) เป็นการเรียนรู้ที่กระตุ้นไอเดียของเยาวชนให้มองเห็นถึงประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่น สิ่งนี้ช่วยส่งเสริมให้เยาวชนรู้สึกภูมิใจในบ้านเกิดของตนเอง และนำอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของท้องถิ่นมาทำให้เกิดจุดเด่นในตัวสินค้า

โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นแรกเปิดโอกาสให้นักเรียนชั้นมัธยมปลายที่เคยผ่านกระบวนการเพาะพันธุ์ปัญญาจาก 8 โรงเรียนในเมืองและพื้นที่ห่างไกลของจังหวัดน่าน โรงเรียนละ 5 คน รวม 40 คน ได้เรียนรู้และทดลองทำธุรกิจจริงทุกขั้นตอน ผ่านการร่วมกิจกรรม 3 แคมป์ คือ แคมป์กล้าเรียน คือแคมป์ที่ปูพื้นฐานและแนวคิดด้านธุรกิจ จากนั้นคือแคมป์กล้าลุย ให้นำผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมาทดลองขายและพบปะกับลูกค้าตัวจริง เพื่อนำความเห็นของลูกค้าไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป และแคมป์กล้าก้าว คือแคมป์ที่จะสรุปบทเรียนและนำเสนอผลประกอบการ

PohPhanPanya

สำหรับเยาวชนทั้ง 8 โรงเรียนที่พัฒนาผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรหรือสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นและสามารถนำมาเพิ่มมูลค่าต่อยอดเป็นธุรกิจได้น่าสนใจ ประกอบด้วย 

1) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 56 จังหวัดน่าน (คุกกี้ แบรนด์ Ten Bites) มีส่วนผสมของวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์แต่ละชาติพันธุ์ของน่าน รวมทั้งผ้าปักลายเฉพาะของแต่ละชนเผ่า หัตถกรรมท้องถิ่นในจังหวัดน่าน

2) โรงเรียนพระธาตุพิทยาคม (กาแฟ พิซซ่าม้ง แบรนด์ มองเดอพี) กาแฟจากบ้านมณีพฤกษ์ แหล่งกาแฟที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และพิซซ่าม้งที่เป็นอาหารเฉพาะของชนเผ่าม้ง ทำทานในเทศกาลปีละครั้ง สามารถทำให้ผู้คนเข้าถึงอาหารเฉพาะถิ่นในวงที่กว้างขึ้นได้

3) โรงเรียนเมืองลีประชาสามัคคี (ข้าวแคบ แบรนด์ลินา) พัฒนาข้าวแคบให้มีรูปลักษณ์แตกต่างจากเดิมและมีรสชาติหลากหลาย เป็นแปลงอาหารทานเล่นที่ชุมชนรู้จักดี ให้มีรสชาติแปลกใหม่และทานง่าย

PohPhanPanya

4) โรงเรียนเชียงกลาง “ประชาพัฒนา” (น้ำพริก แบรนด์น้ำพริกสามช่า) เป็นน้ำพริกมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมสาหร่ายไกยี สาหร่ายน้ำจืดที่มีประโยชน์จากแม่น้ำในพื้นที่จังหวัดน่าน

5) โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารจังหวัดน่าน (สแน็คบ็อกซ์พรีเมี่ยม แบรนด์ NALANA) เป็นการออกแบบสแน็คบ็อกซ์ที่ยกระดับ 6 ขนมของดังที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละอำเภอในจังหวัดน่าน บรรจุในแพคเกจลายพิเศษเพื่อเพิ่มมูลค่า

6) โรงเรียนสา (ข้าวหลามถอดเสื้อ แบรนด์หลามรวย) เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาข้าวหลามให้มีหีบห่อที่สามารถรับประทานได้ง่ายขึ้น ยืดอายุการจัดเก็บและขนส่งเพื่อจำหน่ายได้หลายวัน มีหลากรส และยังมีมะแขว่นพืชประจำถิ่นมาปรุงรสด้วย

7) โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม (น้ำสลัดอะโวคาโด แบรนด์ KADO) พัฒนาน้ำสลัดจากเนื้ออะโวคาโดแท้ ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดน่าน ทำให้อาหารคลีนมีรสชาติกลมกล่อมและยังมีการนำเกลือสินเธาว์จากจังหวัดน่านมาใช้ด้วย

8) โรงเรียนปัว (เนยถั่วมะมื่น แบรนด์มะมื่นบัตเตอร์) มะมื่นหรืออีกชื่อคืออัลมอนต์เมืองไทยยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก นำมาพัฒนาเป็นเนยถั่วที่ดีต่อสุขภาพและรสชาติดี สามารถเสิร์ฟพร้อมอาหารจากตะวันตกได้ดี

จากรายชื่อผลิตภัณฑ์จากทั้ง 8 โรงเรียนเผยให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นทรัพยากรหรือสิ่งที่โดดเด่นขึ้นชื่อที่มีเฉพาะท้องที่มาพัฒนาเป็นสินค้าที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น ทำให้เยาวชนได้เรียนรู้วิธีคิดในการทำธุรกิจจากการลงมือทำจริง ทำให้พวกเขาสามารถใช้โอกาสนี้ต่อยอดได้ จากสิ่งที่หาได้ง่ายในพื้นที่ของตนเอง เรามาดูการสรุปบทเรียนจากสิ่งที่เยาชนเหล่านี้ได้เรียนรู้จากการร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์นี้บ้าง ว่าพวกเขาได้อะไรไปบ้างจากกิจกรรมเหล่านี้

PohPhanPanya

ถอดบทเรียนจากเยาวชนวัยมัธยมปลาย กับการเรียนรู้ที่ได้รับจากโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์

เริ่มที่ทีมโรงเรียนพระธาตุพิทยาคม (กาแฟ พิซซ่าม้ง แบรนด์ มองเดอพี) พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากันระหว่างคนในทีม รู้จักยอมรับกันและกัน เรียนรู้ที่จะประชุมและพูดคุยหารือกัน เรียนรู้ที่จะรับฟังปัญหาและข้อจำกัดของสมาชิกในทีม จากแนวคิดแรกที่จะทำธุรกิจท่องเที่ยว แต่ด้วยอุปสรรคทั้งเรื่องไฟป่าและปัญหาหมอกควัน จึงทำให้ค่อยๆ ปรับแผน สุดท้ายพวกเขาก็ได้เรียนรู้ความผิดพลาดจากการลงมือทำจริง เรียนรู้บทบาทการเป็นผู้นำ ความพร้อมที่จะปรับตัว เรียนรู้ว่าตัวเองพัฒนาสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น 

ทีมโรงเรียนเมืองลีประชาสามัคคี (ข้าวแคบ แบรนด์ลินา) บทเรียนที่ทีมนี้ได้จากการทำงานร่วมกันผ่านโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ก็คือพวกเขาเรียนรู้ว่าการแบ่งงานกันทำตามหน้าที่ที่แต่ละคนถนัดและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดจะทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้ ทีมนี้เรียนรู้ที่จะผลักดันให้สมาชิกในทีมแต่ละคนมีบทบาทที่โดดเด่น พร้อมทั้งชูจุดเด่นของสินค้าได้ดี เรียนรู้ที่จะปรับปรุงผลิตภัณฑ์โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ปรับกลยุทธ์เมื่อพบว่าสินค้าแบบไหนตอบโจทย์ลูกค้า เช่น การอบข้าวแคบทำให้เนื้อสัมผัสแข็งกระด้าง เปลี่ยนมาใช้ข้าวแคบทอด ผลตอบรับก็ดีขึ้น ตลอดจนรู้จักปรับกลยุทธ์เมื่อพบว่าพื้นที่จัดจำหน่ายบริเวณข่วงเมืองมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง ก็ปรับมาเจาะตลาดกลุ่มเล็กก่อน แล้วจึงค่อยๆ เรียนรู้ที่จะขายในชุมชนมากขึ้นโดยที่ค่าขนส่งไม่สูงเท่าเดิม เป็นต้น

PohPhanPanya

โรงเรียนเชียงกลาง “ประชาพัฒนา” (น้ำพริก แบรนด์น้ำพริกสามช่า) ทีมนี้เรียนรู้ที่จะทำงานเป็นทีมมากขึ้น เข้าใจตัวเองว่ายังแบ่งหน้าที่ไม่ดีพอ จนค่อยๆ ปรับและทำให้งานราบรื่นและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าช่วงแรก จากเดิมที่คิดว่าจะทำที่ข่วนเล็บแมวจากชานอ้อย แต่อุปสรรคสำคัญคือจังหวัดน่านไม่ใช่พื้นที่ปลูกอ้อย จึงทำให้หาชานอ้อยได้ยาก สุดท้ายจึงเปลี่ยนผลิตภัณฑ์มาเป็นขายน้ำพริก ทำไกแผ่นที่เป็นสาหร่ายเฉพาะถิ่นขาย ซึ่งมีผลตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี เนื่องจากประชุมทีมบ่อยขึ้นจึงทำให้เข้าใจกันมากขึ้น หลังร่วมกิจกรรมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ ก็ทำให้เรียนรู้ในการทำธุรกิจและเข้าใจอุปสรรคในการทำธุรกิจมากขึ้น จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ยังค้นหาตัวเองไม่พบ ก็รู้จักปรับตัวและเห็นหนทางที่จะเรียนต่อในสาขาที่สามารถพัฒนาความรู้ในอนาคตได้ดีขึ้น

โรงเรียนปัว (เนยถั่วมะมื่น แบรนด์มะมื่นบัตเตอร์) ทีมได้เรียนรู้ที่จะลงมือทำจริงมากกว่าเรียนรู้จากหน้าจอสไลด์ ได้ลองพัฒนาสินค้าจริง ลงตลาดจริงและลงมือขายจริง ทีมได้รู้จักกันมากขึ้นจากการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเม็ดมะมื่น รู้สึกดีที่สามารถทำให้วัตถุดิบพื้นบ้านท้องถิ่นที่ถูกลืม ให้ผู้คนรู้จักมากขึ้น การเรียนรู้จากแคมป์ทำให้มีความคิดที่เป็นระบบและรอบคอบมากขึ้น ทำให้เห็นมองสิ่งต่างๆ ด้วยความเป็นเหตุเป็นผล

จากบทสัมภาษณ์บางส่วนของกลุ่มนักเรียนที่ได้ผ่านโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ในครั้งนี้ พบว่าโครงการนี้ช่วยทำให้นักเรียนได้เรียนรู้ระบบการทำงานเป็นทีมมากขึ้น ทำให้เรียนรู้ที่จะพัฒนาธุรกิจจากการลงมือทำจริง พร้อมผลักดันให้วัตถุดิบในท้องถิ่นให้มีมูลค่าเพิ่มและเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ฟังเสียงสะท้อนการเรียนรู้จากมุมมองของฝั่งครู

นอกจากการสะท้อนมุมมองจากฝั่งนักเรียนแล้ว เรายังมีตัวอย่างบทสัมภาษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองครูที่ปรึกษาจากแต่ละโรงเรียนที่มีต่อพัฒนาการของนักเรียนผ่านโครงการ ดังนี้

โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร โดยศิริลักษณ์ ทรายคำ และศาสตราพิพัฒน์ ศิริภาณุกุล ครูสะท้อนมุมมองว่าการเรียนรู้วิธีคิดในการทำธุรกิจนั้น ไม่ใช่แค่เด็กนักเรียนที่ได้เรียนรู้ แต่รวมถึงครูก็ได้เรียนรู้ด้วย เป็นกระบวนการเรียน การสอนที่ได้ลงมือทำจริง ทำให้เด็กกล้าคิด กล้าปฏิบัติ และคิดว่าสิ่งนี้น่าจะนำไปประยุกต์ใช้ในห้องเรียน ตลอดจนสามารถนำไปใช้ต่อในชีวิตจริงได้

โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม โดยณัฐพร ธรรมวงศ์ และกันตพงษ์ หมั่นดี ครูทั้งสองพบว่า โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ เป็นโครงการที่สนับสนุนให้นักเรียนได้มีความคิดสร้างสรรค์ ลงมือทำจริงกับไอเดียทางธุรกิจที่พวกเขาได้เรียนรู้ เป็นประสบการณ์ชั้นเลิศที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง จากการติดตามพัฒนาการก็พบว่านักเรียนมีความกล้ามากขึ้น กล้าเรียน กล้าลุย มีวิธีการทำงานที่เป็นระบบมากขึ้น มีวินัยสูงและรู้จักบริหารจัดการ เรียนรู้ที่จะทำงานเป็นทีมมากขึ้น

PohPhanPanya

สรุปผลโครงการและความคาดหวังจากมูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา

ดร. อดิศวร์ หลายชูไทย กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา สรุปผลของโครงการดังกล่าวว่า โครงการนี้ทำทั้งหมด 3 ค่าย เพื่อผลักดันให้นักเรียนระดับมัธยมปลายได้เรียนรู้ แคมป์กล้าเรียนคือแคมป์แรกที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ขณะที่แคมป์สองคือแคมป์กล้าลุย ทำให้นักเรียนรู้จักลงมือทำจริง และแคมป์ที่สามคือแคมป์กล้าก้าว เป็นแคมป์ที่เผยบทสรุปจากสิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้และลงมือทำก่อนหน้านี้ ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาได้จากการเรียนรู้ ส่งผลอย่างไรบ้าง

จากการร่วมกิจกรรมภายใต้โครงการดังกล่าว พร้อมทั้งได้พูดคุยกับบรรดาครูที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ได้สะท้อนให้รู้ว่าเด็กมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไป มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้ สามารถพัฒนาทักษะตัวเองและองค์ความรู้จนกลายเป็นตัวเองในแบบฉบับที่ดีที่สุดได้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่มูลนิธิคาดหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่บวกจากผู้เข้าร่วมโครงการนี้ทั้งในสถานะนักเรียน ครู และสังคม

จากการดำเนินโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาดังกล่าว มูลนิธิคาดหวังว่าประโยชน์จากความรู้ผ่านการลงมือทำจริงจากการร่วมแคมป์ต่างๆ จะส่งผลให้ช่วยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำลงบ้างไม่มากก็น้อย แน่นอนว่าโครงการดังกล่าวอาจแก้ปัญหาไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% แต่อย่างน้อยที่สุด ผู้ที่ได้โอกาสในการเข้าร่วมโครงการก็สามารถมีความรู้ได้ไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆ ได้เรียนรู้ความรู้ที่เหนือจากหลักสูตรปกติทั่วไป อย่างน้อยโครงการก็ได้มีส่วนในการอุดช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมบ้าง สำหรับปีต่อไป หลังจากได้เรียนรู้แล้วว่าเด็กต้องการใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ผ่านโครงการอย่างไร ก็จะทำให้โครงการสามารถพัฒนาหลักสูตรในการให้ความรู้และออกแบบกิจกรรมที่มีขึ้นต่อไปในอนาคตให้มีความเข้มข้นมากกว่าเดิมและสร้างประโยชน์ให้สังคมมากกว่าเดิมได้

ดร. อดิศวร์ หลายชูไทย กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา

สรุป

โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ที่ได้บ่มเพาะและหล่อหลอมเยาวชนจากจังหวัดน่านให้เติบโตขึ้นผ่านการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง ไม่เพียงเป็นการเพิ่มโอกาสในการเพิ่มทักษะให้แก่เยาวชนตลอดจนครูผู้สอนผ่านการเข้าร่วมกิจกรรม แต่ยังถือเป็นอีกกลไกหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้งในแง่ของการให้โอกาสเยาวชนที่อาศัยอยู่ในชนบท ห่างไกลจากโอกาสในการสรรหาความรู้ทั้งจากผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริงในการทำธุรกิจ ตลอดจนความรู้จากการลงมือทำจริงซึ่งหาได้ยากจากโครงการอื่นๆ 

สิ่งที่เยาวชนระดับมัธยมปลาย ครูที่ปรึกษาจากแต่ละโรงเรียน ตลอดจนมูลนิธิผู้เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดทำกิจกรรมได้เรียนรู้ คือการเพิ่มความรู้และทักษะผ่านการเข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ต่างสะท้อนมุมมองที่เป็นสาระสำคัญจากโครงการตรงกันว่า เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 40 คนต่างมีพัฒนาการในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักทำงานเป็นทีมเรียนรู้ที่จะชูประโยชน์และทำให้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นโดดเด่นและมีความสำคัญมากขึ้น ตลอดจนหารายได้ให้กับชุนชนเพิ่มมากขึ้นด้วย อาจกล่าวได้ว่า โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ไม่เพียงทำให้เยาวชนเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์และเพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น แต่ยังได้พัฒนาความรู้และทักษะและสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยกระดับให้ตัวเองอยู่ในรูปแบบที่ดีที่สุดขึ้นได้จากการเข้าร่วมเรียนรู้และลงมือทำผ่านประสบการณ์จริง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ถอดบทเรียน ‘เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์’: หนุนเยาวชนพัฒนาความรู้ เสริมทักษะใหม่ เปลี่ยนแปลงตัวเองสู่เวอร์ชั่นที่ดีที่สุด first appeared on Brand Inside.

ลาแล้วไปไหน? ลาทีไรโดนถามทุกที สำรวจวิธีคิดหัวหน้าและองค์กร ทำไมไม่เข้าใจเรื่องสิทธิและความเป็นส่วนตัว

Brand Inside - 13 July 2023 - 16:13

ทำงานลากยาวมาทั้งเดือน อยากจะพักผ่อนหย่อนใจ หรือมีธุระส่วนตัวเร่งด่วนอยากไปจัดการ วันลาคือคำตอบ มีทั้งลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อน ให้เลือกใช้ได้ตามสะดวก แต่ก็ใช่ว่าจะลาได้ดั่งใจ ยื่นใบลาแต่ละที ต้องผ่านด่านคำถามร้อยแปด “ลาไปไหนอะ?” “ธุระหรอ ธุระอะไรอะ?” “ต้องไปเองเลยหรอ คนอื่นไปแทนได้มั้ย?” ยังไม่รวมว่าลาแล้วก็เหมือนไม่ได้ลาจริง ยังมีแจ้งเตือนคอยถามถึงเรื่องงาน ทั้งที่อยู่ในวันลาแล้วแท้ ๆ ทำไมการลาถึงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแบบนี้ได้นะ? 

เราลองมาดูวันหยุดหรือวันลาที่เราใช้กันบ่อย ๆ ในชีวิตจริงกันบ้าง อย่าง ลาป่วย ลากิจ และลาพักร้อน (ในพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานเรียกว่า วันหยุดพักผ่อนประจำปี) แต่ปัญหาที่หลายคนเจอ คือ หัวหน้าไม่ให้ลา ยื่นใบลาไปก็โดนปัดตกทิ้งไปเสียดื้อ ๆ ทั้งที่ใช้สิทธิ์ลาตามปกติของเรา หัวหน้าทำแบบนี้ได้หรือเปล่า?

  • หากเป็นวันลาป่วย เราสามารถแจ้งลาป่วยได้ และไม่จำเป็นต้องยื่นใบรับรองแพทย์ หากไม่ได้ลาติดต่อกันเกิน 3 วัน 
  • หากเป็นลากิจ เราต้องขออนุญาตตามขั้นตอนของแต่ละบริษัท ซึ่งหัวหน้ามีสิทธิ์ที่จะอนุมัติหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าหากเราใช้สิทธิ์ตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมาย แล้วหัวหน้าไม่อนุมัติ โดยไม่มีเหตุผลมารองรับ อันนี้ไม่ได้ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างในวันที่ลูกจ้าง หยุดงาน ตาม ม.57/1 ในทางกลับกัน ถ้าหัวหน้ามีเหตุผลมารองรับ แล้วเราดื้อดึงหยุดวันนั้นเอาเอง นายจ้างก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างในวันนั้น
  • หากเป็นลาพักร้อน หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี กรณีคล้ายกันกับลากิจ แม้จะเป็นวันหยุดที่นายจ้างต้องมีให้ลูกจ้าง แต่ก็ต้องอนุญาตตามขั้นตอนของแต่ละบริษัทเช่นกัน นายจ้างก็ต้องมีเหตุผลมารองรับหากไม่อนุมัติ  เช่น ลาหลาย ๆ วันติดกัน แล้วเกิดผลเสียต่อการทำงาน เป็นต้น

ทำไมต้องขอก่อน ยื่นลาแล้วไปเลยได้ไหม? หากซูมเข้าไปดู พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน แบบใกล้ ๆ เราจะเห็นคำว่า “กำหนดให้ตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน” ซึ่งอาจตีความได้ว่า ไปตกลงแบบเข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่ายก่อนนะถึงจะหยุดได้ ถ้าเราเลือกที่จะหยุดงานโดยโนสนโนแคร์ความเห็นของหัวหน้า อาจเข้าข่ายการละทิ้งการงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 583 ซึ่งนายจ้างมีสิทธิ์เลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกล่วงหน้าได้เลย

นี่อาจจะทำให้การลาแต่ละครั้งยากเย็นเหลือเกิน แต่จากมุมนายจ้างเอง ก็ต้องคอยดูแลภาพรวมของงานให้เป็นไปได้ด้วยดีในทุกสถานการณ์เช่นกัน แต่ปัญหาของการลาเหมือนจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อลาได้สักทีแต่ทำไมนะ ยังมีอีเมล ข้อความ เรื่องงานส่งมารัว ๆ เหมือนกับว่านี่ไม่ใช่วันหยุด แค่ย้ายที่ทำงานจากออฟฟิศเป็นบ้านหรือริมทะเลเฉย ๆ 

เมื่อลาแล้วไม่ได้ลาจริง ยังมีข้อความตามเรื่องงานไม่ขาดสาย แม้แต่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือหลังเวลาเลิกงาน แน่นอนว่าเราสามารถเลือกที่จะไม่ตอบได้ โดยไม่มีความผิดใด ๆ ในทางกลับกัน หัวหน้าหรือบุคคลที่ส่งข้อความมาหลังเลิกงานนั้น นอกจากจะสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้แล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย 

ในยุโรป มีสิ่งที่เรียกว่า ‘Right to disconnect’ สิทธิที่จะตัดขาดการติดต่อสื่อสารนอกเวลางาน โดยเริ่มต้นบังคับในยุโรป ตั้งแต่ปี 2003 เรียกได้ว่ามีการตื่นตัวต่อสิทธิของลูกจ้างมานานแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลไป ในประเทศไทยของเราก็มีสิ่งที่ใกล้เคียงอยู่เหมือนกัน

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2566 ได้เพิ่มเติมเนื้อหาใน มาตรา 23/1 ไว้ดังนี้ 

“เมื่อสิ้นสุดเวลาาทำงานตามปกติที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน หรือสิ้นสุดการทำงานตามที่นายจ้างมอบหมาย ลูกจ้างมีสิทธิปฎิเสธในการติดต่อสื่อสารไม่ว่าในทางใด ๆ กับนายจ้าง หัวหน้างาน ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ตรวจงาน เว้นแต่ลูกจ้างได้ให้ความยินยอมโดยทำหนังสือล่วงหน้าไว้ก่อน 

ลูกจ้างซึ่งทำงานที่บ้าน หรือที่พักอาศัย หรือทำงานผ่านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสถานที่ใด ๆ มีสิทธิเช่นเดียวกับลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบกิจการหรือสำนักงานของนายจ้าง”

ทั้งหมดทั้งมวลนั้น ว่าด้วยเรื่องสิทธิของลูกจ้างกันไปแล้ว แต่ปัญหายังไม่จบแค่นั้น เพราะนอกจากเรื่องของกฎหมาย มันยังมีเรื่องของความเป็นส่วนตัว ที่ค่อนข้างจะเป็นเรื่องของความรู้สึก ค่อนข้างจะนามธรรม แต่ยิ่งเป็นเรื่องของความรู้สึก มันยิ่งทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าหรือเปล่านะ? อาจเพราะโลกนี้ติดต่อสื่อสารกันง่ายมากขึ้น เราสามารถเชื่อมต่อกันได้ 24 ชั่วโมง แต่นั่นไม่ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้เราสามารถเอาเรื่องงานมาพูดคุยกันได้ตลอดเวลา 

แม้จะอ้างว่า แปะไว้ก่อนเฉย ๆ พรุ่งนี้ค่อยมาอ่าน แต่คนที่เห็นแจ้งเตือนนั้นไปแล้ว ก็คงอดไม่ได้ที่จะมีอะไรค้างอยู่ในใจ เหมือนกับว่า การแปะงานทิ้งไว้แบบเร่งรีบของอีกฝ่าย กลับกลายเป็นการถ่ายโอนความกังวลใจให้ผู้รับแทน 

หากคุณเป็นหัวหน้า แล้วถามถึงเหตุผลในการลาเพื่อมาพิจารณา workflow เมื่อลูกน้องคนนั้นไม่อยู่ ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่การละลาบละล้วงถึงความเป็นส่วนตัว ไปจนถึงคำพูดแย่ ๆ ที่หลายคนอาจเคยเจอ “ลาไปไหน?” “ไปงานศพหรอ? เขาไม่มีคุณเขาก็จัดงานกันได้” “ไปแล้วเขาจะฟื้นขึ้นมาหรอ?” คงไม่ใช่การให้เหตุผลที่ดีนัก 

ข้อมูลที่น่าสนใจจาก ReachMail บริษัท Email Marketing Services ได้เผยว่า ชาวมิลเลนเนียลจะได้รับอีเมลทำงานนอกเวลาทำงานมากกว่าคนรุ่นอื่น ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เป็นกลุ่มที่ส่งอีเมลนอกเวลางานน้อยที่สุดด้วย และกลุ่มคน Gen X เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มส่งอีเมลหลังเที่ยงคืนมากที่สุด อาจด้วยวิธีการทำงานของคน Gen X ที่เน้นการทำงานหนักเพื่อให้มีชีวิตที่ดี และยังไม่ได้สนใจในไอเดีย Work Life Balance มากนัก 

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความแตกต่างของสภาพเศรษฐกิจ สังคมและสภาพแวดล้อมของคน Gen X หรือ Baby Boomer ที่ต้องตั้งตัวมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีส่วนอย่างมากที่ที่ทำให้คนรุ่นก่อน มองเด็กรุ่นใหม่ไม่สู้งาน รวมถึงการปลูกฝังในสังคมไทย ที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องสิทธิและความเป็นส่วนตัวมาตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตรงข้ามกับช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาที่เรื่องนี้ถูกหยิบยกมาพูดถึงมาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่ทำให้การลา ที่ควรจะเป็นเรื่องง่าย กลายเป็นเรื่องน่าปวดหัว เพียงเพราะคำถาม “ลาไปไหน”  บางคนอาจมองว่า ถามนิดถามหน่อยจะเป็นอะไรไป แค่พิมพ์ตอบมาเฉย ๆ คงไม่เสียเวลาอะไรมากนัก บางคนอาจมองว่า ก็ควรเคารพความเป็นส่วนตัวกันบ้าง

หากใครที่รู้สึกว่าเรื่องนี้กำลังรบกวนการทำงานของเราอยู่ สามารถแจ้งหัวหน้าหรือ HR เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีเรื่องให้ขุ่นข้องหมองใจกัน ถึงเวลาทำงานก็ทำอย่างเต็มที่ ถึงเวลาเลิกงานก็กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่โดยไม่มีอะไรกวนใจเช่นเดียวกัน 

 

อ้างอิง

Labour.go.th / mol.go.th / legal.labour.go.th / area8.labour.go.th / eurofound.europa.eu / inc.com

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ลาแล้วไปไหน? ลาทีไรโดนถามทุกที สำรวจวิธีคิดหัวหน้าและองค์กร ทำไมไม่เข้าใจเรื่องสิทธิและความเป็นส่วนตัว first appeared on Brand Inside.

มหิดลมอบรางวัล CMMU – ESG AWARD ครั้งแรกให้ 7 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนประจำปี 2023

Brand Inside - 13 July 2023 - 15:26

7 บริษัทจาก 7 อุตสาหกรรมในประเทศไทยอย่างเซ็นทรัลพัฒนา ไทยเบฟเวอเรจ อินทัช โฮลดิ้งด์ เข้ารับรางวัลจากการดำเนินธุรกิจที่ยึดถือหลัก ESG จากสถาบันการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นครั้งแรก

สถาบันการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดลหรือ CMMU ได้จัดเวที CMMU Sustainability Fest 2023 ขึ้นมอบรางวัล CMMU – ESG AWARD ครั้งแรกของประเทศไทยให้กับ 7 บริษัทในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจตามหลักความยั่งยืนหรือหลัก ESG ที่เน้นความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม (Environment) ความยั่งยืนทางสังคม (Social) และความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ (Governance) พร้อมให้ทั้ง 7 บริษัทได้เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจดังนี้

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) – กลุ่มเกษตรกรรม

บริษัทเผยว่า ไทยเบฟเวอเรจได้เริ่มต้นการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG มานานมากแล้วตั้งแต่เมื่อปี 2014-2015 ต่อยอดมาจากหลักการ CSR 

บริษัทเริ่มต้นจากการใช้หลัก ESG ในองค์กร มีเกณฑ์และรูปแบบการทำงานมากกว่า 10-15 ด้านตามหลัก การ ส่วนกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้จัดกลุ่มออกมาประมาณ 8 กลุ่มเพื่อนำรูปแบบการดำเนินงานไปใช้ จนขยายไปถึงธุรกิจในซัพพลายเชนและไปถึงลูกค้าผ่านความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ อย่าง CMMU

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) – กลุ่มบริการทางการเงินและการธนาคาร

ธนาคารกสิกรไทยเผยว่า ความยั่งยืนเป็นโอกาสในการลดความเสี่ยงและหาช่องทางทำธุรกิจได้ในระยะยาว ทำให้ธนาคารมีบทบาทใน 2 เรื่องหลัก อย่างแรกคือ การเป็นสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนทางการเงินและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ในปัจจุบัน ต้องยึดหลักการเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมร่วมด้วย การดำเนินงานของธุรกิจที่ได้รับสินเชื่อจากธนาคารจะต้องไม่สร้างผลกระทบในเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

มีการประยุกต์ความยั่งยืนในกลยุทธ์การดำเนินงาน มีการประเมินและวัดผลเพื่อการพัฒนาในอนาคต และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งได้ประกาศจุดยืนการเป็นผู้นำด้านธุรกิจ ESG ของธุรกิจธนาคารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ธนาคารมี 12 นโยบายเพื่อผลักดันหลักการ ESG อย่างเช่น ด้านสิ่งแวดล้อม มีการประกาศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งเชื่อว่าสำเร็จในปี 2030 ส่วนเรื่องการให้สินเชื่อปัจจุบันให้การสนับสนุนเงินทุนเพื่อความยั่งยืน 1-2 แสนล้านบาทและหลักการ ESG ไปพิจารณาเรื่องการให้สินเชื่อโดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดใหญ่

บริษัท สยามซีเมนต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) – กลุ่มก่อสร้าง

SCG จะปรับใช้หลักการ ESG 4+ กับการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ Net Zero, Go Green, Lean เหลื่อมล้ำ, ย้ำร่วมมือ

ภายใต้หลักการ “Net Zero” บริษัทตั้งเป้าว่าจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยจะวางแนวทางนำพลังงานสะอาดมาใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างการใช้พลังงานชีวมวล (Biomass) การใช้ระบบโซลาร์ขนาดใหญ่ การเอาลมร้อนที่เหลือใช้จากการผลิตปูนกลับมาเป็นพลังงานอีกครั้ง ปัจจุบัน SCG ลดการใช้พลังงานฟอสซิลลงได้ถึง 40% จากการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด ส่วน “Go green” บริษัทได้ผลักดันสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมพร้อมตั้งเป้าว่าจะผลิตให้ได้ 67% ของสินค้าทั้งหมด

“Lean เหลื่อมล้ำ” คือ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย เน้น 3 ด้านใหญ่ที่เป็นพื้นฐานอย่างการศึกษา การสร้างอาชีพ และสาธารณสุข ส่วน “ย้ำร่วมมือ” หมายถึงการอาศัยความร่วมมือทั้งจากรัฐบาลและเอกชน 

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) – กลุ่มพลังงาน

บริษัทได้ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนยืภายในปี 2050 ซึ่งยังความท้าทายมากทั้งจากการลงทุน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติม

สิ่งที่ให้ความสำคัญมากขึ้นเพื่อผลักดันหลักการเรื่องความยั่งยืน คือ ศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เป็นความท้าทาย เริ่มจากการควบคุมการดำเนินงานของซัพพลายเชน สร้างการแข่งขันของตัวเอง มีความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ  

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) – กลุ่มค้าปลีก

ตัวแทนของบริษัทเผยว่า ในทุกวันจะมีผู้คนเข้ามาใช้พื้นที่ของเครือเซ็นทรับมากกว่า 1 ล้านคน ทำให้เซ็นทรัลมุ่งมั่นพัฒนาใน 3 ประเด็น 

อย่างแรก คือ การทำให้พื้นที่เป็นที่สาธารณะเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี เป็นพื้นที่สร้างการเรียนรู้ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี สร้างคุณภาพชีวิตในพื้นที่ของเซ็นทรัล เช่น การใช้พื้นที่เป็นจุดฉีดวัคซีน 

นอกจากนี้ ยังผลักดันความภาคภูมิใจของท้องถิ่น ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชน ให้โอกาสกับผู้ค้าและเกษตรกรเข้ามาใช้พื้นที่ในการค้าขาย ไปพร้อมกับการอนุรักษ์เอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้น ๆ ไว้ ส่วนด้านสุดท้าย คือ ด้านสิ่งแวดล้อม เริ่มจากองค์กรที่ผลักดันให้การทำงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน ส่งเสริมให้คู่ค้าดำเนินการด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  

บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) – กลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม

เนื่องจากบริษัทดำเนินการด้านการลงทุน ไม่ใช่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจทั่วไปจึงได้ควบรวมหลักการเข้าไปในการลงทุน แบ่งเป็นขั้นตอนทั้งก่อนและหลังการลงทุน

สำหรับขั้นตอนก่อนการลงทุน ในอดีตบริษัทจะเน้นเรื่องการคืนทุนเป็นหลัก แต่ปัจจุบันไม่ใช่การตัดสินใจหลักเพราะมีการพิจารณาเรื่องความยั่งยืนตามหลัก ESG เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนขั้นตอนภายหลังการลงทุนจะมีการประเมินบริษัทที่เข้าไปลงทุนเพื่อการปรับปรุงให้ดำเนินการตามหลัก ESG มากขึ้นในอนาคต

บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชัน) – Best Disclosure 

ปิดท้ายด้วยรางวัล Best Disclosure เป็นรางวัลที่มอบให้กับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้วยการให้ข้อมูลอย่างเปิดเผย โปร่งใส ถูกต้อง และตรวจสอบได้

สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือกมาจากระบบที่เรียกว่า ESG Tracker เป็นความร่วมมือในการพัฒนาระหว่าง CMMU ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ACSDSD) และ มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย มาเป็นกรอบในการคัดเลือก 7 องค์กรจาก 20 องค์กรที่มีทุนจดทะเบียนสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์โดยพิจารณาเรื่องความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานของบริษัท รวมทั้งคุณภาพของข้อมูบที่ตรงประเด็นเรื่องความยั่งยืน

ที่มา – ข่าวประชาสัมพันธ์จาก CMMU

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post มหิดลมอบรางวัล CMMU – ESG AWARD ครั้งแรกให้ 7 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนประจำปี 2023 first appeared on Brand Inside.

Live Wallpaper กลับมาแล้วใน iOS 17!

iPhonemod - 13 July 2023 - 15:12

Apple นำ Live Wallpaper กลับมาให้เราได้ใช้งานอีกครั้งใน […] More

The post Live Wallpaper กลับมาแล้วใน iOS 17! appeared first on iMoD.

ไทยโตสูงในอาเซียน! AAS เผยยอดขาย Porsche ครึ่งแรกปี 2023 ในไทยแตะ 830 คัน เพิ่มขึ้น 68%

Brand Inside - 13 July 2023 - 14:56

AAS ผู้นำเข้า และจัดจำหน่าย Porsche รายเดียวในประเทศไทย รายงานยอดขายครึ่งแรกของปี 2023 ในไทยที่ 830 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 68% เป็นหนึ่งในประเทศที่โตสูงในอาเซียน ส่วนระดับโลก Porsche ส่งมอบรถยนต์ 6 เดือนแรกได้ 1.67 แสนคัน โต 15% จากปีก่อน SUV ขายดีเช่นเดิม

Porsche

Porsche ในประเทศไทยโตกว่าตลาด

AAS Group ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ Porsche อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย รายงานยอดขาย Porsche ครึ่งแรกของปี 2023 ว่า มียอดจำหน่าย 830 คัน เพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 โดยประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงในพื้นที่อาเซียน

และเพื่อรองรับการเติบโตนี้ AAS Group เตรียมเพิ่มโชว์รูม และศูนย์บริการอีก 3 แห่ง หลังจากนี้ ประกอบด้วยที่กัลปพฤกษ์, บางนา และพัทยา จากเดิมที่มีโชว์รูม และศูนย์บริการทั้งหมด 4 แห่ง อยู่ในพื้นที่กรุงเทพทั้งหมด โดยบริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย Porsche มาตั้งแต่ปี 1993

Porsche

สำหรับภาพรวมการจำหน่ายรถยนต์ 5 เดือนแรกของปี 2023 ในประเทศไทย (ม.ค.-พ.ค. 2023) อ้างอิงข้อมูลจาก Toyota พบว่า มียอดขายทั้งหมด 3.41 แสนคัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 ที่ 4.9% โดย Toyota มียอดขายมากที่สุดที่ 1.1 แสนคัน รองลงมาเป็น Isuzu 73,776 คัน และ Honda 39,067 คัน

ส่วนระดับโลก Porsche มียอดส่งมอบรถยนต์ 6 เดือนแรกของปี 2023 ที่ 1.67 แสนคัน เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน โดยยอดส่งมอบให้ลูกค้าส่วนใหญ่ยังมาจากรถยนต์กลุ่ม SUV เช่น Macan ส่งมอบได้ 47,755 ราย เพิ่มขึ้น 26% และ Cayenne 46,884 ราย เพิ่มขึ้น 12% ส่วนรถสปอร์ตจะนำโดย 911 ส่งมอบได้ 26,124 ราย เพิ่มขึ้น 21%

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไทยโตสูงในอาเซียน! AAS เผยยอดขาย Porsche ครึ่งแรกปี 2023 ในไทยแตะ 830 คัน เพิ่มขึ้น 68% first appeared on Brand Inside.

Kickresume เว็บ AI ทำเรซูเม่ภาษาอังกฤษภายใน 30 วินาที!

iPhonemod - 13 July 2023 - 14:48

ใครที่กำลังมองหาเว็บทำเรซูเม่ ที่รวดเร็วและเสร็จภายในไม […] More

The post Kickresume เว็บ AI ทำเรซูเม่ภาษาอังกฤษภายใน 30 วินาที! appeared first on iMoD.

แนะนำแอป Watch Faces by Facer โหลดหน้าปัด Apple Watch สวย ๆ มาใช้ฟรี

iPhonemod - 13 July 2023 - 14:18

คนที่ใช้งาน Apple Watch ทุกวัน คงจะเบื่อหน้าปัดเดิม ๆ ท […] More

The post แนะนำแอป Watch Faces by Facer โหลดหน้าปัด Apple Watch สวย ๆ มาใช้ฟรี appeared first on iMoD.

macOS Sonoma กรอกข้อมูลบน PDF ง่าย ครบ จบ ด้วย Document AutoFill

iPhonemod - 13 July 2023 - 12:15

macOS Sonoma กรอกข้อมูลบน PDF ง่าย จบ ครบ ด้วย Document […] More

The post macOS Sonoma กรอกข้อมูลบน PDF ง่าย ครบ จบ ด้วย Document AutoFill appeared first on iMoD.

Live Text ใน iOS 17 รองรับตรวจจับข้อความภาษาไทยแล้ว!

iPhonemod - 13 July 2023 - 11:08

iOS 17 Public Beta มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายอย่าง และหนึ่ […] More

The post Live Text ใน iOS 17 รองรับตรวจจับข้อความภาษาไทยแล้ว! appeared first on iMoD.

แชร์ How To ใช้ “Camera Level” ปรับมุมกล้องให้ตรงด้วยฟีเจอร์ใหม่บน iOS 17!

MacThai - 13 July 2023 - 10:00

ปัญหาของการถ่ายภาพบางครั้งก็ยากที่จะดูว่ามันตรงหรือไม่ตรง โดยเฉพาะกับกริด (Grid) ที่บางคนก็รู้สึกรกเวลาใช้งานกล้องถ่ายภาพบนไอโฟน แต่สำหรับ iOS 17 และฟีเจอร์ใหม่อย่าง “Camera Level” จะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้แล้ว

โดยแอปเปิลได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่นี้กับ iOS 17 ที่ช่วยปรับให้มุมการถ่ายภาพของผู้ใช้ตรงมากขึ้นก่อนที่นิ้วจะกดชัตเตอร์ถ่ายบนแอป Camera บนไอโฟน

ซึ่งฟีเจอร์ Camera Level จะมีการตั้งค่าเสริมในการใช้งาน ให้การถ่ายรูปที่ตรง และไม่เอียงเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น เพราะมีเส้นตารางที่สามารถซ้อนทับวัตถุบนช่องมองภาพ เพื่อปรับให้ตรงกับกฎสามส่วน และยังมีการเล็งเป้าแบบลอยเพื่อช่วยให้จัดคอมโพสิชันง่ายขึ้นเช่นกัน

ถือเป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่แยกออกจากโหมดกริด และเป็นการตั้งค่าการใช้งานส่วนบุคคลได้ ซึ่งจะมีให้เลือกใช้โหมดนี้ได้ทั้งกับภาพที่เป็นแนวตั้ง และแนวนอนเลย

แถมเส้นสีขาวที่ใช้วัดความตรงของภาพ ยังโชว์ขึ้นมาเมื่อองศาการถ่ายของเราเอียงจากแนวนอนที่ควรจะเป็นด้วย เว้นแต่การตั้งระยะแนวนอนหรือแนวตั้งตรงตามกฎสามส่วนแล้ว เส้นสีขาวที่เราปรับมุมให้ตรงแล้ว จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทันที

โดยฟีเจอร์ Camera Level ต้องเปิดการใช้งานตามขั้นตอนต่อไปนี้ก่อน เพราะไม่สามารถตั้งค่าเป็นแบบ Default มาตั้งแต่เริ่มต้นเปิดแอป Camera ได้

 

  1. เปิดแอปตั้งค่าบนไอโฟน
  2. เลือกแอปกล้อง (Camera)
  3. มาที่เมนู “Level” และสไลด์ไปด้านขวาเพื่อเปิดใช้งานโหมด Camera Level

และสำหรับสาวกคนไหนที่กังวลว่าป๊อบอัปการปรับระดับจะขึ้นมากวนใจเวลาถ่ายภาพ มันจะขึ้นมาโชว์ช่วงมุมแคบ ๆ ใกล้กับแนวนอนในเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

ที่มา – MacRumors

The post แชร์ How To ใช้ “Camera Level” ปรับมุมกล้องให้ตรงด้วยฟีเจอร์ใหม่บน iOS 17! appeared first on Macthai.com.

วิธีลงทะเบียนทดสอบ iOS 17 Public Beta (iPadOS 17, watchOS 10, macOS Sonoma ด้วย)

iPhonemod - 13 July 2023 - 07:36

Apple ได้เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปทดสอบ iOS 17 Public Beta แล […] More

The post วิธีลงทะเบียนทดสอบ iOS 17 Public Beta (iPadOS 17, watchOS 10, macOS Sonoma ด้วย) appeared first on iMoD.

ฟังเสียงพิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก่อน กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

Brand Inside - 12 July 2023 - 18:31

“ประชาชนตื่นแล้ว เขาตื่นและเห็นความหวัง
ความเปลี่ยนแปลงที่รอมานาน
ผมมีหน้าที่พิทักษ์และปกป้องเสียงประชาชนที่ได้ออกคะแนนมาแล้ว
ประชาชนไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องผม
ผมมีหน้าที่ปกป้องประชาชน”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ให้สัมภาษณ์รายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า “ประชาชนตื่นแล้ว ทำไมใครต้องไปปลุกอีก เขาตื่นและเห็นถึงความหวัง ความเปลี่ยนแปลงที่รอมานาน เขาก็ส่งเสียงมานาน แต่มันยังไม่ถึงฝั่งสักทีหนึ่ง เขาคิดมาแล้ว แต่มันยังไม่ถึง เขาโหวตมาแล้ว แต่มันยังไม่ถึง เพราะฉะนั้นผมก็มีหน้าที่ที่จะลงไปพิทักษ์และก็ปกป้องเสียงของประชาชนที่ได้ออกคะแนนมาแล้ว ประชาชนไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องผม ผมมีหน้าที่ปกป้องประชาชนและคอยอัพเดต”

“อย่างที่ผมพูดไปแล้วช่วงเริ่มรายการ ว่าตอนนี้มันคือสถานการณ์ความกังวลปะทะกับความกังวล ฝั่งหนึ่งก็กังวลว่าผมจะได้เป็นนายกฯ อีกฝั่งหนึ่งก็กังวลว่าลงคะแนนไปแล้ว อาจจะลงคะแนนให้ผมหรือพรรคอื่นแล้วมันไม่เป็นไปตามนั้น

“ผมก็พยายามที่จะลงพื้นที่เพื่อคลายข้อกังวล คลายความตึงเครียด หล่อเลี้ยงความหวังที่มาจากเค้าผ่านการเลือกตั้ง ผมก็พยายามที่จะหล่อเลี้ยงเขาว่า OK ไม่เป็นไร รู้ว่ามันมีขวากหนามเยอะ เมื่อวานไปสมุทรปราการ ทำไมมีปราการก่อนจะเป็นนายกฯ อย่างนู้น อย่างนี้เยอะ เดี๋ยวก็จะแก้ข้อบังคับ เดี๋ยวก็มาเร่งรัด เดี๋ยว กกต. ก็ประชุมกันเยอะแยะ จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”

“ฉันก็เลือกของฉันมาแล้ว ทำไม มันยังไม่จบสักที”

“เลือกไปแล้วยังต้องมาลุ้นอีก”

อันนี้คำพูดคุณยายเมื่อวานนี้ “ฉันเลือกมาแล้ว ทำไมฉันยังต้องมาลุ้นอีก”

“แต่ก็อย่างที่บอกว่าสถานการณ์ผมก็ยังมีความมั่นใจแต่มันประมาทไม่ได้ กระพริบตาไม่ได้จริงๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงสุดท้าย ก็ยังยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในช่วง 24 ชั่วโมงสุดท้ายและก็พรุ่งนี้จะใช้เวทีรัฐสภาเป็นเวทีในการพูดคุย”

คำถามเรื่องกระแสต่อต้านจากสมาชิกวุฒิสภา?

พิธากล่าว “ไม่ได้เกินความคาดหมาย และก็ได้พูดคุยกัน ผิดคาดตรงที่ว่าจริงๆ แล้วมันมีอะไรที่เราทำร่วมกันได้เยอะกว่าที่คิด เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พูดคุยกันเท่าไร แต่จริงๆ แล้วมันมีเรื่องที่เราเห็นร่วมกันเยอะกว่าที่เราเห็นต่างกัน แล้วท่านเห็นต่างอะไร ท่านถามมา อย่างที่พี่ยุทธ (สรยุทธ สุทัศนะจินดา) มีแบ่งแยกดินแดนไหม มีฐานทัพที่เชียงใหม่ไหม ท่านทูตสหรัฐฯ ก็ออกมาพูดแล้วว่ามันไม่ได้เป็นความจริง เขาเป็นกลางทางการเมือง”

“หรือว่าแม้กระทั่งท่าทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ได้อธิบายต่อเขาเหมือนกับที่อธิบายกับพี่ยุทธไปเมื่อกี้ ก็ดูเบาลง เข้าใจกันมากขึ้น พูดคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่ายมากขึ้น”

“แต่ว่าสิ่งที่เห็นว่า มีความพยายามที่จะสกัดกั้นผมทุกวิถีทาง ที่เคยคาดคิดว่าเริ่มที่จะมีการตะลุมบอนใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา”

“ผมได้ปราศรัยหลายครั้งๆ ว่าต้องอย่าเหมารวมวุฒิสภาอันที่หนึ่ง อันที่สองต้องชื่นชมและขอบคุณในความกล้าหาญของเขา ว่ามีทั้งพระเดช พระคุณ มีพระคุณคือให้กล้วย ให้สินจ้าง ให้ตำแหน่งก็มี ได้ข่าวมาว่า มีการขู่ มีแบล็คเมล์ เท่าที่ได้ยินมีการขู่ว่า บัญชีทรัพย์สินระวังไว้ให้ดีนะ หลังจากลงจากวุฒิสภา มีทั้งพระเดช พระคุณ”

“แต่ยังมีวุฒิสภาจำนวนมากที่ยังกล้าหาญและออกมาบอกกับประชาชนว่า เขาก็เป็นนักการเมืองของประชาชนเหมือนกัน ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องมาตัดสินเรื่องคดีอะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องตัดสินนโยบายอะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อประชาชนเสียงข้างมากเลือกมาแล้ว เขาคือวุฒิสภาที่อยู่ข้างประชาชน อันนี้ก็เป็นสิ่งที่วุฒิสภาต้องใช้ความกล้าหาญอย่างหนัก พวกท่านก็เป็นปัจเจกชนที่มีประสบการณ์ในการทำงาน ท่านอาจจะเป็นอดีตข้าราชการ ท่านอาจจะเป็นอดีตข้าราชการในกองทัพมาก่อน ท่านก็มีความคิดความอ่านของตัวเอง และก็มีหลักการของตัวเองเช่นเดียวกัน”

“ต้องชื่นชมว่าท่านใช้ความกล้าหาญและความอดทนมาก อย่างที่เห็นในไลน์แชทหลุดว่าที่ยืนยันแล้วว่ามีจริงในไลน์กลุ่ม ส.ว. ตามที่คุณสรยุทธได้พูดขึ้นมา แต่เขาก็ยังยืนยันว่า จะโหวตตามเสียงข้างมาก ซึ่งไม่มีชื่อพิธาอยู่ในนั้นเลยนะครับเท่าที่ผมฟัง ไม่มีชื่อพรรคก้าวไกลอยู่ในนั้นเลยนะครับ มีแต่คำว่าประชาชน มีแต่คำว่าเสียงข้างมาก และเมื่อระบบมันเป็นอย่างนั้นเมื่อไรปุ๊บ”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

“ถึงแม้วันนั้นผมเป็นนายกฯ ท่านก็ยังตรวจสอบผมได้ สื่อมวลชนก็ยังตรวจสอบผมได้ อีก 3-4 ปีถ้าผมทำไม่ได้อย่างที่ผมพูด ท่านก็มีสิทธิที่จะโหวตผมออกจากตำแหน่งได้ ระบบมันเป็นอย่างนั้น และก็จะมีคนที่ท่านเห็นว่าดีกว่าขึ้นมาแทน ผมก็ต้องยอมแพ้ ผมก็จะส่งมอบสิ่งที่ผมยังทำไม่ทำสำเร็จให้เขาอย่างดีที่สุด เพราะเราเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง เพราะว่าเราเอาระบบมาเป็นที่ตั้งไง”

“แต่ถ้าเกิดคุณบอกว่าไม่ใช่ ผมหมั่นไส้ อย่างที่พี่สรยุทธ์ถาม คนบอกว่าเป็นสนามเด็กเล่น ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ผมอายุ 42 ปีแล้ว เป็นฉันทามติระหว่างคนรุ่นใหญ่กับคนรุ่นใหม่ได้พอดี ก็ ส.ส. อายุน้อยที่สุด 25 ปี ผม 42 ปี ผมก็ไม่ได้เด็กครับ และก็เป็นคนที่อยู่ในจุดที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนรุ่นใหญ่และคนรุ่นใหม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ว่าอย่างที่บอก มันคือการให้เป็นระบบหลักการเสียงข้างมาก เหมือนที่เขาบอกว่า ก็ปี 62 พลเอกประยุทธ์ รวมเสียงในสภาล่างได้เกินครึ่ง ก็โหวตตามนั้น ปีนี้ พิธาหรือ นาย ก. นาย ข. สามารถที่จะรวมได้ 312 เสียงก็ต้องโหวตตามนั้นเช่นเดียวกัน แค่นั้นเลย”

“ผมก็คิดว่ามันต้องใช้ความกล้าหาญขนาดไหน เพราะว่ามันมีทั้งความกดดันลงมา รวมถึงมีการจูงใจด้วยกล้วย ด้วยตำแหน่ง และมีคดีความมากดดันอีก แต่ท่านก็ยังยืนยันมากมายว่าไม่ ระบบก็คือระบบ มติก็คือประชาชน นี่คือสิ่งที่ต้องยืนยันในหลักการ”

สรยุทธระบุว่า “ใน 48 ชั่วโมงนี้มาเต็มมาก ก่อนจะโหวต โหวตได้ครั้งเดียว โดยอ้างว่า มีข้อบังคับเรื่องญัตติ แต่ก็มีจำนวนหนึ่งคัดค้านว่ากรณีของการโหวตเรื่องนี้เป็นการโหวตเรื่องนายกฯ กฎหมายไม่เคยห้ามว่าโหวตซ้ำได้ แต่สุดท้ายอาจเป็นการขอมติจากที่ประชุม ขอมติ แปลว่า ที่ประชุม 750 เสียงส่วนใหญ่ว่ายังไง แล้วลงมติ”

“สมมติให้เสนอได้ครั้งเดียว สัญญาณจากรองนายกฯ วิษณุ ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าโหวตกี่ครั้งก็ได้ โหวตทุกวันยังได้เลย แต่ล่าสุดบอกว่าขึ้นอยู่กับประธานสภาและสมาชิกวุฒิสภา ไปตกลงกัน นั่นแปลว่า ถ้าตกลง สมมติในทางร้าย คุณพิธาไม่ได้ จะว่ายังไง”

พิธา กล่าว “อันนี้ก็เป็นหนึ่งในสัญญาณตะลุมบอน ก่อนที่จะตอบชัดๆ อันนี้มีเชิงอรรถให้ท่านผู้ฟังฟังก่อน อันที่หนึ่งคือ เมื่อวานที่มีการประชุมวิปสามฝ่าย ประธานวันนอร์เป็นประธาน บอกว่าพรุ่งนี้ในการอภิปราย จะเน้นที่คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว เรื่องกระบวนการในการโหวต ว่าโหวตกี่ครั้ง มีการเลื่อนประชุม อะไรประมาณนี้ ไม่มี ที่วิปสามฝ่ายคือวุฒิสภา ตัวแทนที่จะเป็นรัฐบาลและตัวแทนที่จะเป็นฝ่ายค้าน ตกลงกันแล้วเมื่อวาน มีการวิปไปแล้ว ว่าสิ่งออกมาเป็นข่าวตรงนี้ จะไม่เกิดขึ้นในการประชุมวันพรุ่งนี้นะ”

“แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ามันมีอะไรที่หลุดออกจากในสัญญากันไว้ หรือหลุดออกจากวิปกันไว้ ทางฝั่งเราก็เตรียมพร้อม ถ้ามี ซึ่งจริงๆ เราจะไม่พูดอยู่แล้ว เพราะเราสัญญาไปแล้วว่าคือการอภิปราย คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ไม่ได้มีการอภิปรายกันในเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการ”

“สถานการณ์อย่างนี้ ถ้าเป็นภาษารัฐศาสตร์ เขาเรียก Hung Parliament คือแขวนไว้ คือสถานการณ์ที่หาข้อยุติในรัฐสภาไม่ได้ บางประเทศ อย่างเบลเยียมหรือเอสโตเนีย ก็ใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะหาข้อยุติไม่ว่าจะผ่านงบประมาณ หรือได้ตัวนายกฯ หรือได้ตัวประธานสภา แต่เขายึดว่า เจตจำนงของประชาชนต้องการแบบไหน เขาต้องการให้คนนี้เป็นประธานสภา เพราะฉะนั้น โหวตไป วิปไป โหวตไป วิปไป จนกระทั่งได้ประธานสภาคนเดิม 15 ครั้ง”

“สิ่งที่น่าจะอนุมานเปรียบเทียบกันได้ก็คือในเมื่อเขาให้ฉันทานุมัติ พรรคว่าจะเลือกใครเป็นประธานสภา และตามเจตจำนงของประชาชนที่ให้มา และต้องหาข้อตกลง มีการประนีประนอมอะไรก็แล้วแต่ เพื่อที่จะให้ได้คนคนนั้นเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติของเขาให้ได้”

“ฝั่งนี้ก็คงเหมือนกันว่า ประชาชนจำนวนมากรวม 14 ล้านเสียงก็เลือกพรรคก้าวไกลให้มาเป็นอันดับ 1 และเขาก็ให้ฉันทานุมัติผมมา ให้ไปจัดตั้งรัฐบาลมา ผมก็จัดตั้งรัฐบาลมา ดึงมา 8 พรรค ได้มา 312 เสียงจาก 500 เสียง ทั้งหมดประมาณ 25 ล้านเสียง ก็รวม 70% กว่าของคนที่ไปใช้สิทธิทั้งหมดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา”

“อันนี้ก็คือเสียงข้างมาก เพราะฉะนั้นถ้ายึดตรงนี้ไว้ ก็ควรจะยึดโยงกับสิ่งที่ประชาชนได้ส่งเสียงออกมาอย่างสุดความสามารถที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ที่มา – เรื่องเล่าเช้านี้ (1), (2)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ฟังเสียงพิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก่อน กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ first appeared on Brand Inside.

บทวิเคราะห์ SCB FM: หากแต่งตั้งนายกฯ ได้เร็ว ความเชื่อมั่นดีขึ้น เงินบาทแข็งค่า เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับ

Brand Inside - 12 July 2023 - 18:04

“หากแต่งตั้งนายกฯ ได้เร็ว ความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทย เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ในระยะสั้น”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

บทวิเคราะห์จากกลุ่มงานตลาดการเงิน SCB ระบุว่า ความผันผวนในตลาดการเงินไทยจะยังสูง ปัจจัยที่ต้องจับตาคือระยะเวลาในการแต่งตั้งนายกฯ และการจับขั้วตั้งรัฐบาล หากสามารถตั้งนายกฯ ได้เร็ว จะทำให้ความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทย ทำให้เงินบาทกลับแข็งค่าได้ในระยะสั้น

ส่วนแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายและค่าเงินในระยะกลางถึงยาวจะขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลและใช้นโยบายที่ Pro-market จะทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าต่อได้

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้การโหวตนายกฯ มีความไม่แน่นอนมากขึ้นคือ การส่งฟ้องคดีถือหุ้นสื่อของคุณพิธาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลและเพิ่มความผันผวนในตลาดการเงินมากขึ้น

วชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้ง

แม้ว่าการเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยังมีอยู่มาก แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยังมีอยู่มาก ทั้งเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งระยะเวลาที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อความเนื่องของการดำเนินนโยบายภาครัฐและนัยต่อเศรษฐกิจของไทย ด้วยเหตุนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติจังยังไม่ปรับดีขึ้นมากนัก เงินทุนเคลื่อนย้ายจึงยังไม่ไหลกลับเข้ามาอย่างชัดเจน

ในช่วงที่มีการเลือกตั้งในอดีต เงินทุนเคลื่อนย้ายก็ไหลออกจากตลาดการเงินไทย แต่ในอัตราที่ต่างกัน หากสถานการณ์ความไม่แน่นอนยาวนานกว่า จะทำให้เงินทุนไหลออกมากกว่าในปี 2557 ที่ความไม่แน่นอนสูงกว่า เนื่องจากการแต่งตั้งนายกฯ ใช้เวลานานกว่า และมีการประท้วงการเลือกตั้ง จึงทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากตลาดการเงินไทยในปริมาณที่มากกว่า

สำหรับ Scenario ของสถานการณ์การแต่งตั้งนายกฯ ในสัปดาห์นี้จะส่งผลต่อแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้าย และค่าเงินบาทรวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างมาก แบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1: จัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว

หากพิธารวบรวมเสียงจากทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ได้เกินกว่า 376 เสียง ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่น่าจะใช้เวลานานนัก การดำเนินนโยบายภาครัฐน่าจะไม่ขาดตอน เงินทุนไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทยได้ในระยะสั้น ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น

ในระยะกลางถึงยาว เงินบาทอาจกลับมาอ่อนค่าได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่อาจมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและแนวทางการดำเนินนโยบายภาครัฐ

กรณีที่ 2: จัดตั้งรัฐบาลได้ช้ากว่า แต่ไม่เกิดการประท้วง

หากพิธาไม่สามารถรวมเสียงครบ 376 เสียง ทำให้ต้องเสนอชื่อนายกฯ จากพรรคอื่น มีโอกาสที่จะมาจากพรรคเพื่อไทย เงินทุนจะไหลออกจากตลาดการเงินไทยในช่วงแรกที่การโหวตยังไม่ผ่าน

ทำให้เงินบาทอาจอ่อนค่าในระยะสั้น แต่หลังจากได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยแล้ว เงินทุนเคลื่อนย้ายอาจทยอยไหลกลับมา เนื่องจากนโยบายของพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้ม Pro-market มากกว่า เงินบาทจึงมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าในระยะกลาง

กรณีที่ 3: จัดตั้งรัฐบาลได้ช้ากว่า และเกิดการประท้วงวงกว้าง

หากพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายเสนอชื่อนายกฯ พร้อมมีการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ระยะจัดตั้งรัฐบาลนานกว่ากรณีที่ 2 เงินทุนไหลออกจากตลาดการเงินไทยต่อเนื่องและมากกว่ากรณีที่ 2 ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า อีกทั้งในช่วงที่เงินทุนไหลกลับเข้ามา อาจเข้ามาน้อยกว่าสองกรณีแรก การแข็งค่าในช่วงไตรมาส 4 จึงอาจน้อยกว่ากรณีอื่น

ที่มา – SCB (1), (2)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post บทวิเคราะห์ SCB FM: หากแต่งตั้งนายกฯ ได้เร็ว ความเชื่อมั่นดีขึ้น เงินบาทแข็งค่า เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับ first appeared on Brand Inside.

มะพร้าว 1 ลูก ทำอะไรได้มากกว่าคิด Tropicana จากแบรนด์ SME ไทย สู่การส่งออกตลาดโลก

Brand Inside - 12 July 2023 - 17:00

มะพร้าว 1 ลูก ทำอะไรได้มากกว่าคิด Tropicana จากแบรนด์ SME ไทย สู่การส่งออกตลาดโลก

  •  Tropicana เป็นมากกว่าน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพื่อบริโภค อีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพ 
  • ขยายไลน์สู่ตลาดคอสเมติกและความท้าทายใหม่ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาสระผม คลีนซิ่งล้างหน้า ครีมบำรุงหน้า สครับขัดผิว ครีมบำรุงเท้า
  • นำกากอุตสาหกรรมที่เหลือจากการผลิตน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ไปบำรุงต้นผักสลัด และเป็นอาหารปลา เป็นการสร้าง Zero west เพื่อโลกใบนี้
  • สนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการให้ความรู้และทำ Contact Framing เพิ่มมูลค่าให้แก่มะพร้าวที่ปลูก ด้วยการการันตีว่าเป็นมะพร้าวออร์แกนิก 

‘น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น’ ผลิตภัณฑ์ที่สาว ๆ หลายคนรับประทานในรูปแบบแคปซูล เพื่อเป็นการเพิ่มไขมันดีเข้าสู่ร่างกาย หรือ ส่วนใหญ่จะเคยได้ยินว่านำ ‘น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น’ มากลั้วปาก เพราะใน ‘น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น’ กรดลอริคเมื่อถูกกับเอนไซม์ในน้ำลายจะแตกตัวเป็นโมโนกลีเซอไรด์ ที่ชื่อว่า ‘โมโนลอริ’  ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค ได้แก่ แบคทีเรีย ยีสต์ รา โปรโตซัว และไวรัส สิ่งเหล่านี้คือ ผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่ผู้บริโภคเคยได้ยินหรือรู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่ทราบหรือไม่ผลิต ‘น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น’ ยังสามารถนำไปพัฒนาเป็นสินค้าอื่นๆได้อีกมากมาย ใช้ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า

ตั้งใจเปิดธุรกิจเป็นของครอบครัว กลายเป็นติดหนีเกือบ 10 ล้าน

Brand Inside ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ณัฐณัย นิลเอก Business Development Manager Tropicana oli ทายาทผู้สืบทอดกิจการของครอบครัว กว่าธุรกิจครอบครัวจะมีวันนี้ พ่อเคยเป็นหนี้มา 10 ล้าน จึงหวนคิดและกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิด จ.สุราษฎร์ธานี ดินแดนแห่งมะพร้าวกะทิ 

“หลังจากที่พ่อ สุรเดช นิลเอก เรียนจนและมีโอกาสเข้าทำงานในเครือสหพัฒน์ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับระบบธุรกิจ ระบบโรงงานต่าง ๆ พอออกจากงาน พ่อก็อยากเป็นเจ้าของกิจการเอง จึงตัดสินใจมาเปิดโรงงานของตัวเองรับผลิตพื้นรองเท้าให้แบรนด์รองเท้ากีฬาชื่อดัง แต่ต้องมาเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจจากสงครามอ่าวเปอร์เซียในปีพ.ศ.2534 ทำให้ไม่มีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามา 

ตอนนั้นธุรกิจของพ่อติดหนี้เกือบ 10 ล้าน แต่พ่อไม่เคยท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้น และช่วงนั้นเป็นจังหวะที่ทำให้พ่อมองหาวัตถุดิบที่มีอยู่ที่บ้านเกิดตัวเอง ซึ่งก็คือ “มะพร้าวที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี” เรามีญาติปลูกมะพร้าวอยู่หลายสิบไร่  

ในตอนนั้นมองว่ามะพร้าว 1 ลูก ถ้าขายในตลาดทั่วไป แบบไม่แปรรูป ราคาหนึ่งลูกอาจจะไม่ถึง 10 บาท แต่ถ้าแปรรูปเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น จากเดิมลูกหนึ่ง 10 บาท เราจะขายได้ลิตรหนึ่งประมาณ 500 กว่าบาท เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวมะพร้าว 

“ตรงนั้นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Tropicana ซึ่งแปลว่าคนที่อาศัยอยู่ในเขตร้อนชื้น คำว่า tropical มาจากคำว่า tropical area เป็นโซนที่ในเส้นศูนย์สูตรหรือ tropical zone คือโซนที่ปลูกมะพร้าวได้ดี จึงนำมาใช้เป็นชื่อแบรนด์”

เดินหน้ากลับบ้านเกิดสร้างมูลค่าให้มะพร้าวกะทิ 

เมื่อรู้ว่าพื้นที่บ้านเกิดตัวเองเป็นแหล่งผลิตขุมทรัพย์ แต่จะทำอย่างไรให้มะพร้าวที่เป็นสินค้าหลักมีมูลค่ามากกว่ามะพร้าวกะทิ และเป็นผลไม้ใกล้ตัวที่มีอยู่จำนวนมาก พ่อ สุรเดช จึงค้นหาความรู้และงานวิจัยจากต่างประเทศและพบว่า ในต่างประเทศแถบยุโรป อเมริกา ประชาชนบริโภคน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีกันเป็นประจำ เพราะงานวิจัยระบุว่า ในน้ำมันมะพร้าวมีไขมันดีเมื่อรับประทานไปแล้วส่งผลดีต่อสุขภาพ 

“ตอนนั้นเราคิดแล้วว่าจะทำ “น้ำมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค” แต่ความท้าทายของการทำธุรกิจนี้ ก็อยู่ที่จะทำอย่างไรให้คนไทยเปิดใจยอมรับบริโภคน้ำมันมะพร้าว เพราะเมื่อ 10-15 ปีที่แล้ว การสื่อสารโซเชียลมีเดียยังไม่พัฒนาเท่ากับปัจจุบัน ทำได้เพียงโฆษณาและสื่อสารผ่านหนังสื่อพิมพ์ นิตยสาร เราพยายามนำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เรื่องคุณประโยชน์จากน้ำมันมะพร้าว เพื่อให้คนไทยเข้าใจมากขึ้น จากนั้นคนก็เริ่มรู้จักแบรนด์ Tropicana “น้ำมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค” 

สิ่งสำคัญคือการกำจัดเรื่องกลิ่นเหม็นหืนในน้ำมันมะพร้าว

ปัญหาแรก ๆ ของการทำธุรกิจ “น้ำมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค” คือ เรื่องกลิ่นเหม็นหืน แต่ด้วยกระบวนการผลิตของแบรนด์ Tropicana เราคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญแรก ๆ 

ณัฐณัย เล่าว่า แม้ว่าเราจะสะท้อนให้คนไทยเห็นคุณประโยชน์ในน้ำมะพร้าวแล้ว แต่ผู้บริโภคคนไทยก็ติดเรื่องกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เหม็นหืนในน้ำมันมะพร้าว แบรนด์ Tropicana จึงเป็นเจ้าแรกในการผลิต “น้ำมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค” ที่ไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เหม็นหืนในน้ำมันมะพร้าว หลังจากนั้นก็มีแบรนด์และธุรกิจ “น้ำมะพร้าวสกัดเย็น” เกิดขึ้นตามามากมาย 

ขยายไลน์สินค้าจาก “น้ำมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค” เป็น “ผลิตภัณฑ์คอสเมติกที่มีส่วนผสมของน้ำมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค” 

เมื่อมีคนให้ความสนใจหันมาทำธุรกิจ น้ำมะพร้าวสกัดเย็น เพิ่มขึ้น การแข่งขันก็มากขึ้น  แบรนด์ Tropicana จึงต้องสร้างความแตกต่าง ณัฐณัย เล่าว่า แบรนด์ของเราต้องโดดเด่นกว่าคนอื่น ซึ่งโชคดีที่เราให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนา เรามีทีม R&D ของตัวเอง เลยทำให้เรามีข้อมูลจากการรีเสิร์ช การเก็บการทดลองต่างๆ มาพัฒนาน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นให้เป็นส่วนประกอบในการทำเครื่องสำอาง อย่างเช่น โลชั่น ยาสระผม สครับขัดผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายและผิวหน้า รวมไปถึง สบู่และน้ำยาซักผ้า แล้วก็พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ เฉพาะแบรนด์ทรอปิคานา เรามีสินค้ากว่า 100 ชนิด ส่งออกกว่า 20 ประเทศ” เรียกได้ว่า แบรนด์ ของเรามีผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าหรือผู้บริโภคสามารถเลือกใช้สินค้าได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า

กากอุตสาหกรรมที่เหลือจากการผลิตน้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็น ไปทำปุ๋ยบำรุงพืช

นอกจากเนื้อมะพร้าวที่นำมาทำเป็น น้ำมะพร้าวสกัดเย็น แล้ว ส่วนอื่น ๆ ของมะพร้าวก็สามารถนำไปทำประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย อย่าง กะลามะพร้าวเราส่งขายต่อให้กับโรงงานผลิตถ่านฝืน ส่วนขุยมะพร้าวทางแบรนด์เรานำไปทำปุ๋ยบำรุงต้นไม้ โดยเฉพาะผักสลัด และนำผักสลัดนั้มาขายต่อให้กับลูกค้าเป็นผักสลัดออร์แกนิค  รวมไปถึงจาวมะพร้าวเรานำไปเป็นอาหารปลา เหตุผลที่เราต้องทำสิ่งเหล่านี้ เพื่อเป็นสร้าง Zero west ไม่ให้มีขยะเหลือทิ้ง หรือเป็นการเหลือขยะให้น้อยที่สุด ณัฐณัย เล่า

ส่งเสริมชีวิตกรในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการให้ความรู้และทำ Contact Framing 

โดยทั่วไปแล้วมะพร้าวจะถูกนำมาคั้นเป็นน้ำกะทิเพื่อการบริโภค มูลค่าของมะพร้าวจึงถูกรับซื้อขายเพียงลูกละ 5-10 บาท แต่เมื่อมะพร้าวถูกนำมาทำเป็น น้ำมะพร้าวสกัดเย็น ก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมา ซึ่งมูลค่าจะถูกเพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อมะพร้าวของเกษตรกรที่ปลูกได้รับการันตีด้วยเครื่องหมาย USDA Oraganic รับรองว่าเป็น “มะพร้าวออร์แกนิค” 

“เกษตรกรในพื้นที่ จ.สราษฎร์ธานี ที่จะปลูกต้นมะพร้าวและส่งผลผลิตให้กับทางแบรนด์ ต้องทำ Contact Framming  เพราะเราจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ปลูกที่เป็น ออร์แกนิค 100% หมายความว่าโดยรอบบริเวณพื้นที่ปลูกมะพร้าว จะต้องไม่มีพืชหรือผลผลิตทางเกษตรที่ใช้สารเคมี” สิ่งเหล่านี้นี้คือการเพิ่มมูลค่าให้มะพร้าวและเกษตรกรก็มีชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่าการขายมะพร้าวกะทิทั่วไป 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post มะพร้าว 1 ลูก ทำอะไรได้มากกว่าคิด Tropicana จากแบรนด์ SME ไทย สู่การส่งออกตลาดโลก first appeared on Brand Inside.

อินฟลูฯ TikTok ตะโกนลั่นร้าน ไม่พอใจการบริการของ Apple Store

iPhonemod - 12 July 2023 - 15:27

ทีมงานมาขอสรุปเรื่องราวที่กลายเป็นไวรัลใน TikTok เกี่ยว […] More

The post อินฟลูฯ TikTok ตะโกนลั่นร้าน ไม่พอใจการบริการของ Apple Store appeared first on iMoD.

Edukey เว็บทำแบบทดสอบ ค้นหาอาชีพที่ใช่!

iPhonemod - 12 July 2023 - 15:04

เพื่อน ๆ เป็นกันมั้ยไม่รู้จะทำอาชีพอะไร แต่วันนี้ทีมงาน […] More

The post Edukey เว็บทำแบบทดสอบ ค้นหาอาชีพที่ใช่! appeared first on iMoD.

Pages