ปลายปีที่แล้วมีข่าวเกี่ยวกับแผนการของ Google ที่จะทำบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่ายเงินจากบัญชี Google Wallet แต่แล้วข่าวนี้ก็เงียบหายไป กระทั่งล่าสุดมีข่าวลือโพล่งขึ้นมาว่าฟีเจอร์บัตรจ่ายเงินนี้เกือบจะได้รับการเปิดตัวบนเวที Google I/O อยู่รอมร่อแล้ว ทว่ากลับโดน Larry Page ซีอีโอคนปัจจุบันของ Google สั่งถอดเรื่องนี้ออกจากงานดังกล่าวเสียก่อน

แม้จะเป็นที่คาดกันว่าแผนการณ์เปิดตัวบัตรเครดิต Google Wallet นั้นเตรียมความพร้อมถึงขนาดสั่งผลิตบัตรจริงเอาไว้แล้ว แต่กระนั้น Page ก็เลือกที่จะสั่งระงับเรื่องดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่า "มันยังมิได้ผลักดันนวัตกรรมในระดับที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านระบบการทำธุรกรรมอย่าง Square ได้เคยสร้างผลงานเอาไว้"

หนังสือพิมพ์ The Korea Times รายงานข่าวไม่ยืนยันว่า Larry Page ซีอีโอของกูเกิลไปเยือนเกาหลีใต้แบบเงียบๆ เมื่อสัปดาห์ก่อน และนัดพบกับผู้บริหารระดับสูงของทั้งซัมซุงและแอลจี

The Korea Times ยังให้ข้อมูลอีกว่าแอลจีกำลังทำสมาร์ทโฟนแบรนด์ Nexus อีกหนึ่งรุ่น (ซึ่งยังไม่ระบุว่าเป็น Nexus 4 รุ่นใหม่หรือ Nexus 5 ตามที่เคยมีข่าว) รวมถึงพูดคุยความเป็นไปได้ด้านสมาร์ททีวี และอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ อย่าง Google Glass

แหล่งข่าวยังบอกอีกว่าเราจะได้เห็นทีวี OLED ที่เป็นแบรนด์ร่วมระหว่างแอลจีกับกูเกิลด้วย

ที่ผ่านมากูเกิลไม่เผยข้อมูลทางเทคนิคของ Google Glass มากนัก (สเปกฮาร์ดแวร์เพิ่งออกมาเมื่อวันก่อน) ในส่วนของระบบปฏิบัติการก็มีคนคาดเดากันไปว่ามันอาจใช้ระบบปฏิบัติการเฉพาะของตัวเอง เพื่อให้เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กและมีลักษณะเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของกูเกิล มีคนถามคำถามนี้กับซีอีโอ Larry Page และได้รับคำยืนยันจากปากเขาเองว่า Google Glass ใช้ Android ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Android สามารถทำงานได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย และเขาคิดว่าทิศทางนี้จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เว็บไซต์ AllThingsD สัมภาษณ์ John Hanke หัวหน้าทีม Niantic Labs หน่วยย่อยของกูเกิลและผู้พัฒนาเกม Ingress

Hanke เล่าเบื้องหลังว่า Niantic Labs ได้รับคำท้าจากซีอีโอ Larry Page ให้ประดิษฐ์ประสบการณ์ใหม่ของการใช้งานอุปกรณ์พกพาในอนาคต

Hanke ยังบอกว่าทิศทางของ Niantic ในปัจจุบัน (ที่เน้นการสำรวจทิศทางของเกมแบบอิงสถานที่) ถือว่าแยกส่วนจากทิศทางหลักของกูเกิล เขาบอกว่ากูเกิลมีเทคโนโลยีน่าสนใจทั้ง Android และ Google Glass ที่ Niantic นำไปต่อยอดได้

ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 4 ของกูเกิล ซีอีโอ Larry Page ตอบปัญหาเรื่อง Nexus 4 สินค้าขาดตลาดว่ากูเกิลต้องเร่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ดีกว่านี้ และเป็นงานเร่งด่วนสำหรับทีมของเขา

นอกจากนี้เขายังพูดถึงงานที่ Motorola กำลังทำอยู่ ซึ่งมีเรื่องแบตเตอรี่ (ตามข่าวเก่า) และเรื่องความทนทานของเครื่อง "ผู้ใช้ทำโทรศัพท์ตกแล้วไม่ควรกระจัดกระจาย"

ที่มา - TechCrunch

Larry Page ซีอีโอของกูเกิลให้สัมภาษณ์กับ Wired ในหลายประเด็น (แนะนำให้อ่านฉบับเต็ม) ประเด็นที่น่าสนใจมีดังนี้

ในงานแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสของกูเกิล มีผู้ถือหุ้นถามคำถามเรื่องปัญหาสุขภาพของซีอีโอ Larry Page (ที่ไม่ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว) ว่ามีสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง

Nikesh Arora หัวหน้าฝ่ายธุรกิจของกูเกิลเป็นคนตอบคำถามนี้ โดยบอกสั้นๆ เพียงว่า Page ยังมีปัญหาเรื่องเสียงอยู่ แต่เขาก็ยังทำงานบริหารบริษัทอยู่เช่นเดิม และมีส่วนในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของบริษัทเช่นปกติ

ตอนนี้กูเกิลยังไม่ให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพของ Page ละเอียดไปกว่านี้ ซึ่งกรณีของสตีฟ จ็อบส์ ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสุขภาพของผู้บริหารสูงสุดมีผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั่นเอง

Larry Page ซีอีโอของกูเกิลมีปัญหาเรื่องเสียง (ไม่มีข้อมูลว่าเขาป่วยเป็นอะไรกันแน่) และไม่ได้เข้าร่วมงานประชุมผู้ถือหุ้นของกูเกิลเมื่อวานนี้

Eric Schmidt ประธานของกูเกิลซึ่งทำหน้าที่แทน ระบุว่า Page จะไม่เข้าร่วม Google I/O ในสัปดาห์หน้า และอาจพลาดงานแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสในเดือนหน้าด้วย

ที่มา - AllThingsD

วันนี้เป็นคิวของ Larry Page ซีอีโอของกูเกิลที่ต้องขึ้นให้การต่อศาลในคดีระหว่างออราเคิลกับกูเกิลที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ แต่ดูท่าทางของ Larry Page จะไม่ค่อยดีนัก โดยเมื่อ Larry Page ถูก David Boies ซึ่งเป็นทนายความของฝั่งออราเคิลถามคำถามใดๆ เขามักจะแสดงท่าทางไม่สบายใจ, ไม่ค่อยสบตากับ David Boies และปฏิเสธว่าจำเอกสารภายในของกูเกิล (ที่ออราเคิลนำมาใช้ในการสู้คดี) ไม่ได้อยู่บ่อยๆ

กูเกิลรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2012 กำไรสุทธิ 3.33 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 2.64 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้สุทธิอยู่ที่ 1.065 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

เมื่อจำแนกส่วนรายได้ออกมา ในส่วนของรายได้จากโฆษณาบนเว็บกูเกิลเองเพิ่มขึ้น 24%, Adsense เพิ่ม 20%, Paid click เพิ่มขึ้นถึง 39% ขณะที่ราคาต่อคลิกลดลง 12%

อีกเนื้อหาสำคัญในการประกาศผลประกอบการณ์นี้ คือการประกาศปันผลหุ้นคลาส C โดยผู้ถือหุ้นกูเกิลเดิมซึ่งถือเป็นคลาส A จะได้รับหุ้นปันผลคลาส C ซึ่งเป็นหุ้นด้อยสิทธิ์ออกเสียง (non-voting) ในอัตราส่วน 2 หุ้นคลาส C ต่อการถือ 1 หุ้นคลาส A เดิมซึ่งทำให้หลังจากนี้หุ้นกูเกิลจะมีการซื้อขายกันในตลาดแยกเป็น 2 ตัวย่อในราคาที่ไม่เท่ากัน โดยซีอีโอ Larry Page ชี้แจงว่าการปันผลหุ้นในวิธีดังกล่าวก็เพื่อรักษาโครงสร้างทางการเงินและสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นกูเกิลเดิมไว้

ในส่วนของเนื้อหาช่วงแถลงผลประกอบการณ์กับนักวิเคราะห์มีดังนี้ครับ

Larry Page ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของกูเกิล เขียนจดหมายถึงนักลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัท เนื่องในโอกาสที่เขาทำงานในตำแหน่งซีอีโอมาครบ 1 ปี

จดหมายนี้ไม่มีประกาศอะไรใหม่ แต่ก็มีข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจของกูเกิลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา รวมถึงสถิติเป็นตัวเลขอีกหลายประการ (และมีพูดถึงเมืองไทยด้วย!) สรุปประเด็นแยกเป็นข้อๆ นะครับ

หลังจาก Larry Page ได้ออกมาพูดผ่านสื่อวันก่อนว่าเรื่องที่ Steve Jobs ต้องการทำสงครามกับ Android เป็นแค่การแสดงเท่านั้น ล่าสุดทาง Walter Isaacson ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติของ Steve Jobs ได้ออกมาโต้แย้งว่าความโกรธของ Steve Jobs นั้นเป็นของจริง

Walter Isaacson ได้กล่าวที่ Royal Institute โดยเล่าถึงที่มาของความโกรธของ Jobs ที่มีต่อ Android ว่าเริ่มจากยุคปี 1980 ที่แนวคิด GUI ของเครื่อง Mac ได้ถูกไมโครซอฟท์ขโมยความคิดไปสร้างระบบปฏิบัติการเลียนแบบ แล้วเอาไลเซนส์ไปเร่ขายให้กับบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จนภายหลังไมโครซอฟท์ก็กลายเป็นเจ้าตลาดพีซีในที่สุด

Larry Page ซีอีโอคนปัจจุบันและผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Businessweek ว่าเรื่องสงครามระหว่างสตีฟ จ็อบส์กับ Android นั้นเป็นเพียงแค่เรื่องที่สร้างไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น และทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้าง "คู่แข่ง" ให้กับบริษัท เพื่อจะได้ชี้นำพนักงานของแอปเปิลในทางที่ต้องการได้

Page เองได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจ็อบส์ด้วย โดยบอกว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจ็อบส์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เวลามากมายด้วยกัน แต่ก็ได้พบเจอกันบ่อย ๆ แล้วตัวเขาเองเห็นว่าการสร้างคู่แข่ง ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากกว่าการให้พนักงานทำให้ดีที่สุดในการพัฒนาโลกของเรา

นิตยสาร Forbes ประกาศอันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2012 ออกมาเรียบร้อยแล้ว (อันดับของปี 2011) ปีนี้กลุ่มอันดับต้นๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงนัก โดยอันดับ 1 เป็นของ Carlos Slim มหาเศรษฐีชาวเม็กซิโกและครอบค

Larry Page ซีอีโอของ Google ได้กล่าวใน Google+ ของเขาว่าคนใช้ Chrome มีทักษะการแก้ปัญหาดีกว่าคนใช้ IE อีก โดยอ้างอิงจากสถิติการแก้ปัญหาจากเว็บไซต์ Online Calcudoku Puzzles ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกมแนวปริศนาคล้ายกับเกม Sudoku ซึ่งจากสถิติพบว่า ผู้ใช้งาน Chrome มีความเร็วในการแก้ปัญหาได้สูงที่สุด โดยรองลงมาคือ Firefox และ IE ตามลำดับ

ซึ่งทาง The Next Web ก็สรุปเอาไว้อย่างเอาฮาว่า บางทีคนใช้ Chrome อาจจะเป็นพวกเนิร์ด หรือไม่แน่ว่าคนเล่น Calcudoku ทั้งหมดนี้อาจทำงานอยู่กับ Google ก็เป็นไปได้

Larry Page ตอบคำถามนักลงทุนใน งา

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข้อมูลของ "ทีมผู้บริหารระดับสูงสุด" ของกูเกิล ซึ่งแต่งตั้งโดย Larry Page เมื่อเขารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ช่วงต้นปี โดยทีมผู้บริหารชุดนี้ถูกเรียกว่า L Team (L = Larry) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและร่วมประชุมตัดสินใจสำคัญๆ ภายในบริษัท

ข่าวนี้ถือว่าเงียบมาก เพราะ L Team ถูกตั้งขึ้นตั้งแต่ Page ขึ้นเป็นซีอีโอ แต่เพิ่งมีข้อมูลของมันหลุดออกมาช่วงนี้เอง (เงียบมาได้ราว 9 เดือน)

L Team นั้นมาทดแทนทีมผู้บริหารระดับสูงที่เรียกว่า operating committee (OC) ในสมัยของ Eric Schmidt โดย L Team เปลี่ยนตัวผู้บริหารจาก OC ไปหลายคน

ผู้บริหารที่เคยอยู่ใน OC และยังอยู่ใน L Team ได้แก่

ข่าวนี้เป็นผลมาจากบทสัมภาษณ์โดย Walter Isaacson บันทึกเทปรายการ 60 Minutes ซึ่งตอนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์นั้นจ็อบส์ได้กล่าวถึงบุคคลสำคัญทางด้านไอทีสามคนไว้อย่างน่าสนใจ ดังรายละเอียดในข่าว

จ็อบส์พูดถึงซัคเกอร์เบิร์กไว้ว่าเขารู้สึกชื่นชมที่ซัคเกอร์เบิร์กไม่ตัดสินใจขายเฟซบุ๊กและมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัทเป็นของตัวเอง และแม้คำว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คจะพูดถึงบริการโดยรวม แต่เขาก็ไม่เห็นผู้เล่นรายใดโดดเด่นกว่าเฟซบุ๊ก

การจัดอันดับเศรษฐีอเมริกา Forbes 400 ปีล่าสุด บิล เกตส์ ยังรักษาแชมป์ไว้ได้ โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 59 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ (แต่วัดกันที่ระดับโลก เกตส์เป็นเบอร์สองนะครับ)

การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจคือ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ไต่อันดับความรวยเร็วที่สุด มีทรัพย์สินคิดมูลค่ารวม 17.5 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นมาอยู่อันดับ 14 แซงหน้าสองผู้ก่อตั้งกูเกิลซึ่งมีทรัพย์สินเท่ากันคนละ 16.7 พันล้านดอลลาร์ อยู่อันดับ 15 ร่วม ปัจจัยสำคัญของความรวยเกิดจากมูลค่าหุ้นของ Facebook ที่ซื้อขาย (นอกตลาด) กันแพงมากนั่นเอง

ข้อมูลการเจรจาระหว่างสองซีอีโอ Larry Ellison และ Larry Page ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่คนวงในที่รับรู้ข้อมูลของเจรจาครั้งนี้ บอกกับ Businessweek ว่าผ่านมาสองวัน "คืบหน้าเพียงเล็กน้อย" เท่านั้น

ซีอีโอทั้งสองคนจะมาเจรจากันต่อในวันนี้ (21 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ) และถ้าการเจรจารอบนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะเข้ากระบวนการทางศาลต่อในเดือนตุลาคม

ที่มา - Businessweek

จากข่าว ศาลสั่งให้ Larry Ellison และ Larry Page มาเป็นคนเจรจาไกล่เกลี่ยคดีด้วยตัวเอง เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ) ซีอีโอทั้งสองรายก็เดินทางมาที่ศาลด้วยตัวเองตามคำสั่ง

ต่อเนื่องจากข่าวเดิม ผู้บริหารกูเกิล-ออราเคิล เตรียมเจรจาไกล่เกลี่ยคดีตามคำสั่งศาล ซึ่งฝั่งออราเคิลจะส่งเบอร์สอง S

เข้าสู่เทศกาลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสอีกครั้ง ปีนี้กูเกิลขอเป็นผู้แจ้งผลประกอบการก่อนคนอื่นโดยเผยตัวเลขรายได้สุทธิ 6.54 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 29% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยคิดเป็นกำไรสุทธิ 2.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 17% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

แม้จะฟังดูเติบโตดีแต่นักวิเคราะห์ต่างตั้งคำถามกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของไตรมาสนี้ โดยเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.84 พันล้านดอลลาร์หรือ 55% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ตัวเลขดังกล่าวมาจากค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ตลอดจนถึงเงินเดือนพนักงาน สอดรับกับความเชื่อของนักวิเคราะห์ว่ากูเกิลภายใต้ซีอีโอคนใหม่ Larry Page น่าจะเกิดการใช้จ่ายต่างๆ เพื่อลงทุนในสินค้าตัวใหม่ซึ่งไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อยหนักมากขึ้น

In The Plex: How Google Thinks, Works, and Shapes Our Lives คือหนังสือเล่มใหม่โดย Steven Levy ซึ่งเปิดเผยแง่มุมใหม่ๆ เชิงลึกของกูเกิลที่เขาศึกษาในช่วงสองปีที่ผ่านมา

หนังสือเปิดเผยว่าในสมัยที่สองผู้ก่อตั้ง Sergey Brin และ Larry Page กำลังหาคนมาเป็นซีอีโอนั้น สตีฟ จ็อบส์ คือตัวเลือกที่พวกเขาต้องการมากที่สุด แน่นอนว่าจ็อบส์ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แต่เพราะจ็อบส์มองเห็นอนาคตของเสิร์ชที่กูเกิลทำอยู่ เขาจึงตกลงเป็นพี่เลี้ยง (mentor) ให้กับสองผู้ก่อตั้ง ซึ่งที่นั่นเองทำให้พวกเขาได้พบกับ Eric Schmidt ซึ่งเป็นกรรมการบอร์ดของแอปเปิล ผู้กลายมาเป็นซีอีโอของกูเกิลช่วงที่ผ่านมา

ซีอีโอใหม่อย่าง Larry Page มีแผนการมากมายสำหรับกูเกิล เป้าหมายแรกของเขาคือความรวดเร็วในการตัดสินใจและความคล่องตัวขององค์กร ซึ่งหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรใหม่นั่นเอง

หลังจาก Page ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งซีอีโอไม่กี่วัน ผู้บริหารใหญ่ของกูเกิลอย่าง Jonathan Rosenberg ก็ประกาศลาออก ล่าสุดมีข่าวว่า Page ได้แต่งตั้งผู้บริหารใหม่ 7 ตำแหน่ง เพื่อควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์สำคัญๆ ของกูเกิลแล้ว

ตำแหน่งใหม่ที่ Page แต่งตั้งคือ Senior Vice President (SVP) ซึ่งดูแลผลิตภัณฑ์ 7 สาย ทุกคนจะรายงานตรงต่อ Page และมีอิสระในการบริหารงานเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก

ผู้ที่ได้รับการโปรโมทในรอบนี้ได้แก่