กว่าหกปีที่ผ่านมาที่หัวเว่ยได้เปิดตัว HUAWEI nova Series สู่สายตาชาวโลก สมาร์ทโฟนซีรี่ส์นี้ก็กลายเป็นโทรศัพท์มือถือที่โดนใจคนรุ่นใหม่วัยมันมาโดยตลอด ด้วยคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง ทำให้แบรนด์ nova กลายเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานกับราคาที่คุ้มค่าต่อการจับจอง ในปี 2564 นี้หัวเว่ยได้เปิดตัว HUAWEI nova 9 สมาร์ทโฟนที่จัดเต็มด้วยหน้าจอสวยงามคมชัด ที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นกับกล้องหลัก 50MP Ultra Vision AI Quad Camera ภาพคมชัด 4K พ่วงด้วยประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลทันใจกับอัตรารีเฟรชหน้าจอ 120Hz พร้อมฟังก์ชันชาร์จเร็ว ไปจนถึงการเป็นศูนย์รวมแอปพลิเคชันชั้นนำที่ดาวน์โหลดได้ง่ายๆ ผ่าน HUAWEI AppGallery
NT ปลื้มรางวัล AWS Partner of the Year 2021 พันธมิตรมาแรงแห่งปีของ Amazon Web Services (AWS) สาขา New Market Public Sector คู่ค้าตลาดใหม่ภาครัฐของ AWS ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยผลงานสร้างตลาดเติบโตอย่างโดดเด่น สนับสนุนลูกค้าขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัลขององค์กรด้วยสุดยอดโซลูชันที่สร้างบน AWS จากงานประกาศรางวัล AWS Partner Summit Online 2021
หลังจากเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และดีไวซ์คุณภาพมากมายจากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กลับมาสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเต็มรูปแบบอีกครั้ง กับการเผยโฉม HUAWEI nova 9 สมาร์ทโฟนตัวล่าสุดซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีระดับเรือธงและคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลได้อย่างเหนือชั้น จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า HUAWEI nova 9 จะมาสร้างความคึกคักให้กับตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงปลายปีนี้ และพร้อมเดินเกมปลดล็อคข้อจำกัดของการใช้งานแอปต่างๆ ด้วยการดาวน์โหลดแอปที่หลากหลายและใช้งานได้จริงผ่าน HUAWEI AppGallery และในโอกาสนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดความน่าสนใจของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไปพร้อมๆ กัน
ปัญหาไฟป่าเป็นปัญหาที่ลุกลามมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคเหนือของไทย ที่มีสภาพอากาศแห้งแล้ง เป็นเหตุให้เกิดประกายไฟและการลุกลามของไฟป่าได้ง่าย ยังรวมถึงกิจกรรมของคนในพื้นที่ที่ก่อให้เกิดไฟลุกลามอยู่บ่อยครั้ง เช่น การจุดไฟเผาพื้นที่ให้โล่งเพื่อเดินทางเข้าไปเก็บของป่า การเผาไร่ก็เพื่อกำจัดวัชพืชหรือเศษซากพืชที่เหลืออยู่ภายหลังการเก็บเกี่ยว
ไฟป่าเมื่อเกิดขึ้นและลุกลามเป็นวงกว้างก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศในพื้นที่ รวมถึงส่งผลให้เกิดหมอกควัน และมลพิษทางอากาศ PM 2.5 ที่รุนแรงเป็นประจำในช่วงปลายปี ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ส่งผลต่อสุขภาพที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางมลพิษ และกระทบต่อการท่องเที่ยว
ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าการจะหาแล็ปท็อปคู่ใจที่ลงตัวในทุกด้าน ตอบโจทย์ได้ทั้งการใช้ทำงานอย่างหนักหน่วงในวันธรรมดา แล้วยังเอาไปใช้ดูหนังฟังเพลงอย่างจริงจังต่อในวันหยุดเสาร์อาทิตย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งถ้าเป็นเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอดีๆ ภาพคมชัดสูงและแสดงผลภาพได้อย่างรวดเร็วนี่ยิ่งหายาก ราวกับการหาเนื้อคู่ที่เป็นไฮโซออปชันจัดเต็มผสมกับอัจฉริยะด้านไอทีในร่างเดียว
แต่ถ้าวันนี้เราจะมาบอกว่าแล็ปท็อปคู่แท้ครบจบ 360º ที่คุณคิดว่าหายากอาจจะอยู่.ใกล้แค่เอื้อม เพราะแล็ปท็อป HUAWEI MateBook 14s เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์อย่างครบครัน ทั้งหน้าจอสัมผัสอัจฉริยะ ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรชหน้าจอที่ดันให้สูงสุดถึง 90Hz ที่สำคัญยังพกพาชิปประมวลผล Intel เจเนอเรชัน 11 H-Series สุดแรงมาให้ด้วย พร้อมส่งมอบประสบการณ์การปั่นงานอย่างสุนทรีย์และความบันเทิงแบบพรีเมียมสำหรับคุณอย่างครบถ้วน เจอแบบนี้เข้าไปทั้งสายทำงานและสายบันเทิงจะไม่หลงรักได้ไง และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปทำความรู้จักกับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์ “HUAWEI MateBook 14s” ตัวนี้กันดีกว่า แล้วมาตอบคำถามไปพร้อมกันว่านี่คือแล็ปท็อปครบเครื่องในฝันที่คุณเฝ้ารอหรือไม่?
ปลายปีนี้หัวเว่ยส่งสมาร์ทดีไวซ์ลงชิงพื้นที่ตลาดในประเทศไทยกันแบบคึกคักและครบครัน ซึ่งหลายคนอาจจะได้เห็นกันไปแล้วในงานเปิดตัวครั้งใหญ่อย่าง HUAWEI APAC Autumn Product Launch Event ที่เพิ่งผ่านมานี้ ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI nova 9, HUAWEI MateBook 14s, HUAWEI WATCH GT 3 Series และ HUAWEI Vision S
นับได้ว่าประกาศเปิดเกมรุกเต็มตัว พร้อมชูจุดแข็งของแบรนด์ด้วยการมี “อีโคซิสเต็ม” ที่ทุกอุปกรณ์เชื่อมต่อถึงกันได้อย่างครบวงจรตามกลยุทธ์ “ชีวิตเอไอไร้รอยต่อ” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดอัจฉริยะแห่งโลกอนาคต รองรับการใช้งานทุกสถานการณ์ ลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละดีไวซ์ที่ปล่อยออกมามีทีเด็ดอะไร ที่ทำงานเชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว และแน่นอนว่าทั้งเสริมศักยภาพด้านการทำงาน เติมเต็มไลฟ์สไตล์ได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมการดูแลสุขภาพที่ขาดไม่ได้ในยุคสมัยนี้
ในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็นผลงานสำคัญของ KBTG ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินหลากหลายรูปแบบที่ใกล้ชิดกับการใช้ชีวิตของคนทั่วไป ทั้งขุนทอง แชทบอทช่วยเก็บเงินจากกลุ่มเพื่อนผ่านไลน์, Eatable แพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกให้คนทำธุรกิจร้านอาหาร
แม้คำว่า Digital Transformation จะได้รับการพูดถึงมายาวนาน แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีองค์กรเพียงไม่กี่แห่งที่เริ่มลงมือนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของตนเอง จนก้าวล้ำหน้าและยืนหยัดท่ามกลางสมรภูมิแห่งความไม่แน่นอน
จนเมื่อทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจากการเผชิญหน้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด หรือว่ากำลังมีความต้องการพัฒนาองค์กร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนี้จึงทำให้คำว่า Digital Transformation ได้รับการพูดถึงอย่างมากอีกครั้ง และหลายบริษัทต่างเห็นพ้องต้องกันว่า นี่คือเวลาของความท้าทาย ที่ต้องเร่งปรับตัวเปลี่ยนแปลงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนธุรกิจอย่างจริงจังเสียที
ไดเร็ค เอเชีย (DirectAsia) ผู้นำด้านนวัตกรรมประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ เผยเส้นทางการเป็น Digital Car Insurance Broker อันดับ 1 ในไทย ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด ‘ความสัมพันธ์ออนไลน์’ ควบคู่กับ Tagline ใหม่ “DirectAsia เราพร้อมอยู่กับคุณตั้งแต่ต้นจนจบ”
สาวก vivo คงจะได้สัมผัสกับสมาร์ทโฟน vivo X70 Series 5G ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่จากบทความที่ Blognone รีวิวไปแล้ว
ซึ่งอีกโปรดักต์ที่เปิดตัวมาพร้อมกันคือ vivo TWS 2 หูฟังไร้สายตัวท็อป ที่คราวนี้มาในดีไซน์ต่างจากรุ่นก่อนหน้า ตัวเคสมีขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้นจึงการันตีได้เลยว่า vivo TWS 2 จะมาพร้อมแบตเตอรีที่อึดขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
หลังจากที่เรารีวิว vivo X60 Pro 5G ที่เป็นมือถือกล้อง ZEISS รุ่นแรกของ vivo ไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา คราวนี้ vivo กลับมาพร้อมรุ่นต่อยอด vivo X70 Pro 5G
คราวนี้ vivo X70 Pro 5G มาร้อมเลนส์ ZEISS ขั้นเทพที่อัพเกรดไปอีกระดับ ด้วยการเคลือบกล้องแบบ ZEISS T* ให้ภาพสีสด เต็มรายละเอียด ถ่ายภาพกลางคืนได้แบบไม่มีแสงสะท้อน พร้อมสโลแกน “Photography Redefined” ที่จะมาปฏิวัติวงการการถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือเลยทีเดียว
KBTG จัดงาน The Next Chapter of KBTG แถลงกลยุทธ์สำคัญของบริษัท พร้อมทั้งเปิดตัวอภิมหาโปรเจกต์มากมายที่จะสร้าง Impact ต่อโลกธุรกิจ การเงิน และเทคโนโลยีในประเทศไทย
ภายในงานมีการเปิดตัวกลยุทธ์อย่างเป็นทางการของ KASIKORN X หรือ KX บริษัทลงทุนในเทคโนโลยีเกิดใหม่ ที่มีภารกิจสร้าง Fintech Unicorn รายแรกของประเทศไทยให้ได้ และเปิดตัว Coral แพลตฟอร์มซื้อขายงานศิลปะในรูปแบบ NFT ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่ KBTG ก้าวเข้าสู่โลกใหม่ทางการเงินอย่างสินทรัพย์ดิจิทัลและ Decentralized Finance (DeFi) หลังจากก่อนหน้านี้เปิดตัวบริษัทลูก Kubix ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลผ่านบล็อกเชนไปแล้ว
ทาง IBM มีการเปิดตัวเครื่องเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง IBM ยังคงนำเสนอเครื่องในตระกูล Power Systems อันทรงพลังเช่นเดิม แต่ออกแบบและพัฒนาต่อยอดไปอีกขั้นโดยเปิดตัวซีพียูประมวลผลรุ่นล่าสุด Power10 ที่ผลิตบนมาตรฐานการผลิตชิปเซ็ตสถาปัตยกรรมสมัยใหม่แบบ 7 nm ทำให้ประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผลเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ช่วยให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้ทำงานได้ดีขึ้นแต่ใช้พลังงานต่ำลง แน่นอนว่าผู้ใช้ระดับองค์กรได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนระบบไปใช้เครื่อง Power10 เต็ม ๆ นั่นคือ การทำงานของแอปพลิเคชันหรือระบบงานเดิมทำงานได้เร็วขึ้น หรือรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น หรือระบบโดยรวมมีเสถียรภาพสูงขึ้น ลดปัญหา Downtime ที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าของระบบได้เป็นอย่
หากพูดถึงบริษัทน้องใหม่มาแรงในตลาดหลักทรัพย์ชั่วโมงนี้ ชื่อของ บลูบิค กรุ๊ป ต้องเบียดขึ้นมาติดโผอันดับต้นๆ ด้วยแรงส่งจากภาคธุรกิจทุกอุตสาหกรรม ที่หันมาปรับตัวสู่ดิจิทัลแบบ 360 องศา การเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่ชูธงความเชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation จึงเป็นหมุดหมายที่ตั้งไว้แบบถูกทิศถูกทาง ทำให้คาดเดาถึงการเติบโตสู่ระดับภูมิภาคหลังจากนี้ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อได้การระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์มาช่วยจัดทัพเสริมบุคลากร และพัฒนาทีมงานให้วิ่งไปได้เร็วและแรงกว่าเดิม
ในปัจจุบัน การป้องกัน Ransomware ด้วยการเสริมการใช้งานของ EDR นั้น เป็นการทำงานในรูปแบบ Detection and Response ซึ่งจำเป็นต้องให้มัลแวร์ที่เข้ามาโจมตี ได้เริ่มออกคำสั่งไปก่อน แล้วค่อยตามไปดูความผิดปกติ หรือพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ประสงค์ การทำงานแบบนี้ เรียกว่า Post-Execution Prevention และสร้างความเสี่ยงให้กับระบบได้ จากที่เห็นมาใน Ransomware campaign หลาย ๆ ครั้ง
ก่อนโควิด-19 เรามักจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอยู่เสมอ คนในวงการเทคโนโลยี นักธุรกิจและผู้ประกอบการ ต่างอยากรู้อยากเห็นและคาดการณ์เทรนด์เทคโนโลยีไว้ล่วงหน้า 10 ปี 20 ปี เพื่อที่จะได้ตั้งรับและปรับตัวได้ทัน ในแง่การลงทุนก็เช่นกัน นักลงทุนมองหาเทรนด์ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อบริหารความมั่งคั่ง และมีแนวโน้มที่จะลงทุนในเมกะเทรนด์ หรือเทรนด์ที่จะมามีส่วนสำคัญในธุรกิจกระแสหลักในอนาคตอันใกล้
สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้พนักงานในองค์กรทั้งรัฐบาลและเอกชน ต้องทำงานที่บ้านเพื่อความปลอดภัย แพลตฟอร์มหลักๆ ที่ใช้กันก็หนีไม่พ้น Microsoft 365 บริการคลาวด์ของ Microsoft เพราะรวมเครื่องมือการทำงานที่จะช่วยให้พนักงานทำงานประสานกันได้อย่างราบรื่นแม้ไม่ได้เข้าไปทำงานที่สำนักงาน เครื่องมือของ Microsoft 365 มี หลากหลายตั้งแต่ อีเมล การประชุมออนไลน์ผ่าน Microsoft Teams หรือการเก็บข้อมูลบนOneDive และ อื่นๆเห็นได้จากสถิติผู้ใช้ที่เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 22 ในปีที่ผ่านมา และในตอนนี้มีผู้ใช้ทั่วโลกเกิน 50 ล้านคน
ในโลกยุคใหม่ การทำงานนอกออฟฟิศ กลายเป็นเรื่องปกติที่แทบทุกธุรกิจต้องทำ แต่การจัดการปัญหาคอมพิวเตอร์ให้ผู้ใช้ในองค์กร หรือการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็เป็นความท้าทายขององค์กรจำนวนมากที่ต้องจัดการคอมพิวเตอร์จำนวนมากโดยที่พนักงานไม่ได้อยู่ในสำนักงาน
หากทีมไอทีไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือ และแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ให้พนักงานที่ทำงานจากบ้านได้ อาจทำให้งานต้องหยุดชะงักเป็นเวลานาน แถมความเสี่ยงข้อมูลหลุดยังมีสูงขึ้น เมื่อพนักงานต้องพกคอมพิวเตอร์กลับไปทำงานในสถานที่อื่น เช่นบ้านหรือร้านกาแฟ และโคเวิร์คกิ้งสเปซ
เทรนด์เทคโนโลยี AI และ Robotics ได้รับความสนใจและมีการนำมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในภาคธุรกิจและชีวิตประจำวัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในองค์กร นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานแล้ว ยังสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ และนำไปสู่การพัฒนาเมืองและประเทศให้ไปต่อได้ไกลยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของไทย “Skyller” ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันโดยนำ AI และ Machine Learning มาใช้งานร่วมกับโดรนและหุ่นยนต์ มุ่งเน้นการแก้ Pain Point ของธุรกิจในเชิงอุตสาหกรรม
กิจกรรมออนไลน์ของคนไทยในช่วงโรคระบาดถือว่ามีความหลากหลาย และใช้กำลังหรือแบนวิดธ์มากขึ้น ทั้งการประชุมออนไลน์ เรียนออนไลน์ หรือแม้แต่ทางเลือกช้อปปิ้งใหม่ๆ อย่างการไลฟ์ขายของ รวมทั้งรับชมความบันเทิงในรูปแบบไลฟ์ในภาวะที่ไม่สามารถจัดคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ในสถานที่จริงได้
รายงานล่าสุดครึ่งปีหลังปีนี้จาก Global Digital Report 2021 ของ We Are Social และ Hootsuite พบว่าคนใช้มีพฤติกรรมใช้งานโซเชียลถึง 78% เป็นอันดับ 1 ของโลก ใช้งานโซเชียลมีเดีย และช้อปปิ้งออนไลน์ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากการล็อกดาวน์จากสถานการณ์โรคระบาด
อีกสถิติที่น่าสนใจคือ เมื่อคนอยู่บ้าน จำนวนเกมเมอร์ก็เพิ่มขึ้นตาม และอุปกรณ์หลักที่คนไทยใช้เล่นเกมคือมือถือ ตัวเลขจาก We Are Social เผยว่าอุปกรณ์หลักที่คนไทยนิยมใช้เล่นเกมคือโทรศัพท์มือถือ 90.7%
มัลแวร์เรียกค่าไถ่ หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า Ransomware ได้พัฒนามาเป็นหนึ่งในอาวุธหลักของอาชญากรในโลกดิจิทัล ซึ่งเท่ากับว่าทุกองค์กรและธุรกิจ ไม่ว่าจะขนาดเท่าใดหรืออยู่ในอุตสาหกรรมไหน ไม่สามารถมองข้ามภัยร้ายนี้ไปได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาชญากรเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาพร้อมที่จะจู่โจมเป้าหมายแบบไม่เลือกหน้า
ช่วงเรียนจากบ้าน หรือทำงานจากบ้านต่อเนื่องยาวๆ แบบนี้ หลายๆ คนอาจเบื่อกับการนั่งหลังขดหลังแข็ง จ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กทั้งวัน จนอาจอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ออกมานั่งเล่นบนโซฟา หรือนอกระเบียงบ้าง โดยที่ยังทำงานได้อยู่ รวมถึงผ่อนคลายช่วงหลังเลิกงาน กับหนังและซีรีส์ หรือเกมแบบเต็มตา
Xiaomi Pad 5 เป็นอีกตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้ โดยเป็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ขนาด 11 นิ้ว หน้าจอ IPS LCD ความละเอียด WQHD+ (2560 x 1600 พิกเซล) พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz ลื่นไหล สบายตา ใช้งานกับ Xiaomi Smart Pen (ซื้อเพิ่ม) ตอบสนองได้ดีกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไป
โอกาสสำหรับคนสายเทคโนโลยีและ Start-up ที่ต้องการลับคมตัวเองมาแล้ว กับงาน ARV Hackathon 2021 พร้อมโจทย์สุดท้าทายที่ผู้เข้าร่วมจะได้ใช้ทักษะ สร้างโซลูชั่นที่นำมาใช้จริงในอุตสาหกรรมพลังงาน
AI and Robotics Ventures หรือ ARV มุ่งมั่นสู่การเป็นศูนย์กลางของธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ (Artificial intelligence and Robotics) ที่ล้ำสมัยอย่างครบวงจร เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าว กระโดด และเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. สผ. ซึ่งปีนี้ ARV ได้นำหัวข้อ Cyber Security และ Subsea Machine Learning มาเป็นโจทย์หลักของงาน ARV Hackathon 2021 เฟ้นหาสุดยอดทีมนักพัฒนาที่อยากท้าทายตัวเอง และสนใจเทคโนโลยี ร่วมโชว์ศักยภาพสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ ที่สามารถสร้างความปลอดภัยให้กับโลกไซเบอร์ ปกป้องข้อมูล และแก้ไขช่องโหว่ของระบบที่มีในปัจจุบัน ตลอดจนถึงการพัฒนาขีดความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ เพื่อต่อยอดธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงการทำงานครั้งยิ่งใหญ่ แนวโน้มหลายองค์กรมีการเปลี่ยนแปลงการทำงาน มีแนวโน้มให้พนักงานทำงานแบบไฮบริด (Hybrid working) มากขึ้นเรื่อยๆ สู่การทำงานได้จากทุกที่หรือ Work from Anywhere ซึ่งเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งระบบไอทีควรมีความพร้อมสนับสนุนองค์กรใน
การขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างราบรื่น เพื่อให้องค์กรสามารถใช้งาน Cloud และขับเคลื่อนธุรกิจองค์กรในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันได้อย่างสมบูรณ์ ระบบเครือข่ายและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยจึงสำคัญ
AIS Business และ AIS The StartUp จัดงาน NATIONAL DIGITAL CTO FORUM 2022 รวมผู้นำวงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ อัพเดตเทรนด์เทคโนโลยี โอกาสและความท้าทายของวงการสตาร์ทอัพที่กำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สอง
ย้อนกลับไปราวปี 2011 ถือเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของวงการสตาร์ทอัพในไทย เรามองเห็นการจัดการแข่งขันประชันไอเดีย สร้างโมเดลธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ pain point ของลูกค้าและสังคม เรามองเห็นการระดมทุนอย่างคึกคักและไทยก็ถือว่ามีศักยภาพเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอัพในอาเซียนได้
แนวคิดของหน่วยงาน AIS the StartUp เองเริ่มก่อตั้งขึ้นในปลายปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงระยะแรกของวงการสตาร์ทอัพพอดี โดยเอไอเอสเล็งเห็นแล้วว่าประเทศไทยไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยสินค้าอย่างเดียว แต่ขับเคลื่อนด้วยบริการและต้องเป็นบริการดิจิทัลด้วย จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ผู้บริหารเริ่มโครงการ Startup ขึ้นมา
จนถึงตอนนี้ผ่านมาสิบปี ก้าวสู่ทศวรรษที่สองของสตาร์ทอัพ มีการเปลี่ยนแปลงจากสิบปีที่แล้วอย่างไร และต้องเตรียมความพร้อมเข้าสู่ทศวรรษที่สองของสตาร์ทอัพได้อย่างไร Blognone จะพาไปหาคำตอบที่งานเสวนาออนไลน์ครั้งนี้