จากกรณี Apple vs FBI เรื่องการปลดรหัสเข้า iPhone ของผู้ต้องสงสัย Pew Research Center ศูนย์วิจัยอิสระทำแบบสอบถามความเห็นชาวอเมริกัน 1,002 คน ว่ามีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้
ผู้ตอบแบบสำรวจ 51% มองว่าแอปเปิลควรปลดล็อค iPhone ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมี 38% และอีก 11% ไม่ทราบ การสำรวจเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ถ้าแยกตามกลุ่มอายุ ระดับการศึกษา และอุดมการณ์ทางการเมือง ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบทุกกลุ่มเห็นว่าแอปเปิลควรปลดล็อคด้วยสัดส่วนที่มากกว่า จะมียกเว้นในกรณีเป็นผู้ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด (independent) ที่มีความเห็นเข้าข้างพรรคเดโมแครต (Lean Democrat) เท่านั้นที่เห็นว่าแอปเปิลไม่ควรปลดล็อค
ถ้านับเฉพาะผู้ตอบแบบสำรวจที่มี iPhone ผู้ตอบแบบสำรวจ 47% เห็นว่าแอปเปิลควรทำตาม FBI ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมี 43%
ที่มา - Pew Research Center
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
กลุ่มสำรวจ 51% สนับสนุนให้เปิดประตูบ้านทิ้งไว้
ส่วนใหญ่คงไม่รู้หรอกว่ามันคือการเปิดประตูบ้านทิ้งไว้
usa มีคนประมาณ 300,000,000 คน สุ่มตัวอย่างแค่ 1,002 คนเป็นตัวอย่างที่น้อยมากครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ในทางสถิติแล้ว มันก็พอจะบ่งบอกได้ครับ "ถ้าการสุ่มดีพอ"
หืมมมมมมม!!!
นี่ผู้ถูกสำรวจเค้าไม่รู้ถึงผลกระทบหน่อยเหรอ
ปัญหาคือตัวโพลครับ โพลถามว่า Apple ควร unlock เครื่องผู้ต้องหาให้หรือไม่(Apple should unlock the San Bernardino suspect’s iPhone to aid the FBI’s ongoing investigation) ซึ่งถ้าถามตามนี้คนส่วนมากจะเห็นด้วยก็ไม่แปลก(ผมก็เห็นด้วย)
ถ้าตัวโพลถามว่า Apple ควรสร้าง backdoor ให้ FBI ใช้งานได้กับมือถือทุกเครื่องหรือไม่นี่คงไม่ใช่โพลนี้ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
กะลังจะตอบเลย
อยู่ที่ คำถาม จริงๆครับ
ตามนี้เลยครับ คนทั่วไปคงไม่เข้าใจถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพวกนี้
เห็นด้วยครับ... เวลาอ่านข่าวก็ต้องตั้งสติกันหน่อยละครับ
แต่ผมสงสัยครับว่า ถ้า flash รอมเครี่องผู้ต้องหา แล้วข้อมูลจะหายมั้ย
เคสนี้ผมมองว่า FBI หวัง "ส้มหล่น" จากการทำให้มันหลงประเด็นมากกว่า
เอาจริงๆ กุญแจถอดรหัสอยู่ในเครื่อง ถ้าไม่ไปทำมันพังก็คงไม่มีปัญหา น่าจะถอดได้
นึกถึงโพลไทย ถามคลุมเคลือมาก ไม่ก็ถามคนที่ไม่มีความรู้เรื่องนั้นๆ
อืมมม
พอมาอ่านคำถามละเอียดอีกที ก็จริงอย่างที่ว่าครับ
ขอบคุณครับผม
+1 ถ้าถามแบบนี้ผลน่าจะเห็นด้วย 90% ด้วยซ้ำ นี่ได้มาแค่ 51%
การที่ Apple unlock ให้ FBI ก็เป็นดาบสองคมครับ
มันหมายความว่า Apple สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวลูกค้าได้
ผมว่า Apple เลยไม่ทำ ทางจบที่สวยผมว่าต้องเป็น คนนอก Hack ครับ
คนนอก Hack ผมว่ามันจะใช้เป็นหลักฐานในศาลไม่ได้น่ะสิครับ
ไม่รู้ว่าผมคิดไปคนเดียวหรือเปล่าว่าเบื้องลึกของเหตุการณ์นี้คือต้องการดัน Back Door Act (ไม่รู้ว่าชื่อร่างจริงๆ คือชื่ออะไร แต่เห็นบางที่เรียกแบบนี้เลยเรียกตาม) โดยอ้างเรื่องกราดยิงที่เมือง San Bernardino มาบังหน้า ซึ่งถ้าร่างที่ว่าผ่านเป็นกฎหมายจริงๆ เราอาจจะได้เห็นมือถือ 'Malrica version (มี back door มาตั้งแต่โรงงานและเอาออกไม่ได้) วางขายในสหรัฐอเมริกาครับ
Such a misleading question...
ชัดเลยว่ามันเป็นการทำโพลเล่นกับคำถาม แถมตัวอย่างประชาชนกรน้อยจัง อารมณ์เหมือนโพลประเทศไทยสำรวจคนกรุงเทพฯ 1 พันคนแต่ผลนี้ออกข่าวหน้าหนึ่งยังกะสำรวจทั้งประเทศ น่าจะมีองค์กลางที่ทำการวิจัยเพื่อวัดความเที่ยงตรงโพลของแต่ละสำนักทั่วโลกด้วย แต่ผลนี้ยังน่าห่วงน้อยกว่ากว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประเทศกะลาแลนด์นะครับ พึ่งพอใจ 99.5% #อย่างนี้ก็ได้หรอ!!
อันนี้ที่อ่านดูมันคือการ Unlock เครื่องของคนที่ "ต้องสงสัย" นี่ครับ
ถ้าเป็น Unlock เครื่องของ "ผู้ต้องหา" อันนั้นผมเห็นด้วยนะ
โพลแบบนี้ เชื่อถือไม่ได้ครับ เพราะตัวอย่างที่น้อยและคนตอบไม่ทราบถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคต หรือแม้แต่รายละเอียดเลยด้วยซ้ำ
ผมว่าโพลนี้เกิดขึ้นมาเพื่อเล่นกับข่าวนี้โดยเฉพาะ สร้างแรงจูงใจและเรียกร้องความสนใจให้กับคนทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีและ FBI เต็มๆ
Get ready to work from now on.
ผมว่าสังคมอเมริกัน เป็นสังคมที่ผ่านการก่อการร้ายใหญ่ ๆ มาอย่าง 911 เลยค่อนข้างมีความกลัวอยู่มาก จนบางครั้งยอมสละเสรีภาพเพื่อชีวิตได้
น่าจะเปลี่ยนจาก PEW เป็น FEW RESEARCH CENTER
ผมว่าเป็น F***ED UP RESEARCH CENTER น่าจะเหมาะกว่า
Get ready to work from now on.
1.สงสัยทำไมสมาชิกใน Blognone ส่วนใหญ่ชอบคิดแทนคนอเมริกันว่าเขาไม่รู้ว่าการกระทำอย่างนั้นเป็นการเสี่ยงเกี่ยวการเปิด Back Door
แต่จากการสอบถามเพื่อนที่ทำงานบริษัท ซอฟต์แวร์ Topthree ของโลกที่อเมริกานะครับ เขาบอกว่าสังคมที่นั่นเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง และ คนที่นั่นคนยอมเสียความเป็นส่วนตัวดีกว่าเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ครับ
ใครจะไปรู้ว่าภายในโทรศัพท์ของผู้ก่อการร้ายนั้นอาจมีเครือข่ายอีกนับร้อยนับพันที่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไปอีกมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเป็นลูกเป็นหลานเป็นพ่อเป็นแม่ตัวเองก็ได้
2.Apple ไม่ใช่โง่นะครับ ที่ทำอย่างนี้เพราะหวังผลการตลาด ที่มี แต่ Win Win
จริงๆตามเงื่อนไข ทางผู้ขอเขาแจ้งว่า ขอเป็น Case By Case ซึ่งแน่นอนว่าถ้ามี Back Door หลุดมาจริงๆ Apple อาจโดนฟ้องถึงขั้นล้มละลายได้ ซึ่งแน่นอนว่า Apple ยอมไม่ได้
มองตัวคำถามก็รู้แล้วครับว่าชี้นำ ไม่ต้องเป็นคนอเมริกันก็โดนคำถามแบบนี้หลอกได้
คนตั้งคำถามสมควรถูกยึดปริญญาบัตรมากๆ (ถ้าจบสาขาที่ต้องทำวิจัยนะ)
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่ได้คิดแทนครับ แต่แค่เห็นหัวคำถามก็รู้สึกได้แล้วว่ามันชี้นำให้ตอบสนับสนุน ถึงแม้คนอเมริกันจะสนับสนุนอยู่แล้วก็ตาม
ถ้าเพื่อนที่ทำงานบริษัทซอฟท์แวร์ Topthree ของคุณเป็นเพียงพนักงานทั่วไปไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มีอิทธิพลหรือเป็น CEO Google, Microsoft, Facebook, Twitter, Whatsapp ก็อาจจะเป็นเพียงแค่ความเห็นของคนธรรมดาทั่วๆ ก็ได้มั้งครับ
คนอเมริกันธรรมดา นี่ซิครับเป็นเสียงที่สำคัญเพราะสะท้อนถึงความคิดเห็นของคนทั่วไป แน่นอน ว่าถ้าไปถาม CEO ของ Google,Apple,MS ร้อยทั้งร้อยก็ต้องไม่ยอมรับเงื่อนไขที่อาจทำให้ User ที่ใช้งานทั้งโลกเกิดความคลางแคลงใจในผลิตภัณฑ์ของตัวเองว่ามีความปลอดภัยแค่ไหน
เช่นลองนึกภาพว่าถ้า CEO Facebook บอกแก่สื่อมวลชนว่า เชิญเลย FBI เดี๋ยวฉันจะทำช่องทางพิเศษให้คุณเข้าไปสำรวจ User ที่คุณสงสัยได้ตามสะดวกเลยนะ ทั้งที่ความจริงอาจมีการทำไปบ้างแล้วก็ได้ แต่จะยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
ในแง่นี้ Apple ฉลาดมากที่ประกาศเรื่องนี้ออกมาเพราะเป็นการบีบให้ ทุกผู้เล่นต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่ตัวเองทำ
และจะเห็นว่า Donald Trump ก็เกาะมุกนี้มาเล่นด้วย แต่แกเน้นไปที่มวลชนแทนและหันมาโจมตี Apple ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า Donald Trump เล่นมุกนี้ได้ผลและมีลุ้นขึ้นมาเป็นคู่แข่งหลัก ของ Hillary ซะด้วย
เขาเรียกว่า เกมใครเกมมันครับ ใครได้ใจประชาชน คนนั้นชนะ
ใช่ว่าคนอเมริกันทุกคนจะมีวิจารณญาณ หลายคนยังเชื่อโอบาม่าเป็นมุสลิม
จะมีโพลถามว่า "FBI ควรให้ Mcafeeลองปลดล็อก iPhone ของผู้ต้องสงสัยหรือไม่?" ไหมนะ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ลองลองทำPollให้Voteใน
https://discussions.apple.com
ดูสิ
สำหรับผู้สนใจรายละเอียดของโพลนะครับ