Tags:
Node Thumbnail

ปีที่แล้ว รัฐบาลมีแผนการใหญ่เรื่องไอซีที ทั้งกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัลชุดใหม่, โครงสร้างหน่วยงานแบบใหม่ และการตั้ง "คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ"

แต่หลังเปลี่ยนตัวรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ข้อเสนอนี้ดูจะเงียบหายไปจากหน้าสื่อ แต่ทางคณะทำงานของกระทรวงไอซีที ยังเดินหน้ารวบรวมความเห็นเพื่อจัดทำ แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาโดยตลอด และวันนี้ (12 ก.พ.) ทางคณะทำงานก็จัดประชุมรับฟังชี้แจงสาระสำคัญและรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนฉบับนี้แล้ว (มีถ่ายทอดสดบนเว็บกระทรวงไอซีทีตอนบ่ายวันนี้ เผื่อใครสนใจ)

ตัวเอกสารเผยแพร่บนเว็บไซต์ Digital Economy Thailand เรียบร้อยแล้ว และเราขอเชิญทุกท่านมาร่วมอ่านข้อมูลในแผนฉบับนี้กันครับ

เพื่อความง่ายและประหยัดเวลา ขอเริ่มจากเอกสารนำเสนอเป็นสไลด์ของทางคณะทำงานก่อน

ตัวแผนแบ่งออกเป็น 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้

  1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
  2. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
  3. สร้างสังคมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
  4. ปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
  5. พัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
  6. สร้างความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

No Description

ระยะเวลาการขับเคลื่อนแบ่งออกเป็น 4 ระยะในอีก 20 ปีข้างหน้า

  1. ระยะ Digital Foundation กินเวลา 1.5 ปี
  2. ระยะ Digital Thailand I: Inclusion กินเวลา 5 ปี
  3. ระยะ Digital Thailand II: Full Transformation กินเวลา 10 ปี
  4. ระยะ Global Digital Leadership กินเวลา 10-20 ปี

No Description

ส่วนคนที่อยากอ่านตัวแผนฉบับเต็มก็ข้างล่างนี้ครับ (เนื้อหาส่วนแผนเริ่มที่หน้า 25)

ถ้าใครอยากได้ไฟล์ PDF โหลดไปอ่านกันเองก็เข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ Digital Economy Thailand ครับ

ขั้นถัดไปคือทางคณะทำงานจะรับฟังความเห็นต่อแผนฯ เพื่อปรับปรุง ก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และนำร่าง พ.ร.บ.ดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไปในเดือนมีนาคม 2559

No Description

Get latest news from Blognone

Comments

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 12 February 2016 - 13:39 #884058

1.5 ปีแรกไปเน้นโครงสร้างพื้นฐานซะส่วนใหญ่เลย (ซึ่งจริง ๆ กสทช. เขาก็ทำหน้าที่เขาอยู่ ซึ่งก็ดีในระดับหนึ่งนะ และกลไกการตลาดมันบังคับพอสมควรอยู่แล้วว่าต้องขยายไปเรื่อย ๆ) ผมกลับมองว่าส่วนที่ต้องเร่งด่วนสุด ๆ คือหน่วยงานภาครัฐนี่แหละ เปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิตอล 100% หรือซัก 70-80% ก็ยังดี ขอร้องล่ะ ซึ่งจะเปลี่ยนได้ระดับนั้น ต้องเริ่มให้เร็วที่สุด ไม่งั้นเอกสารกระดาษก็จะกองสุมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ผ่านไป ค่าใช้จ่าย (ทั้งแรงงาน เงิน และเวลา) ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

ซึ่งหน่วยงานรัฐไม่พร้อมเรื่องดิจิตอล หน่วยงานเอกชนก็ทำอะไรลำบากเป็นบ้า เพราะไปติดความล่าช้าและยุ่งยากที่หน่วยงานรัฐนี่ล่ะ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าไปกรมที่ดิน ต่อให้มีเอกสารพร้อม ก็ต้องรอเจ้าหน้าที่เข้าห้องไปค้นหาโฉนดที่ดิน (ข้างเคียงหรือไม่ก็ยืนยันต้นฉบับว่าตรงกันอะไรทำนองนี้) อีกอย่างนาน เอกสารตรงนี้เสร็จ เอาไปยื่นชั้นบนนะ นัดเจ้าหน้าที่รังวัด กลับลงมาจ่ายเงินชั้นล่าง เอาใบเสร็จไปยืนยันชั้นบนใหม่ บลาๆๆ

หมดวัน... ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Zootopia เลยให้ตายสิ แต่ผมไม่ได้โทษเจ้าหน้าที่เขาหรอกนะ ผมโทษระบบที่มันวางมาแบบนี้ ซึ่งมันแก้ได้ด้วยดิจิตอลนี่แหละ ขั้นตอนจะลดลงเยอะมาก และรวดเร็วขึ้นมากเลย ลองคิดดูว่าถ้าทุกหน่วยงาน ทุกระบบของรัฐมันดิจิตอลได้หมดแล้ว ต่อไปจะง่ายขนาดไหน เผลอ ๆ ทำที่บ้านได้เลย (เหมือนระบบภาษี) แล้วเศรษฐกิจจะไม่ดีขึ้นได้ยังไง ในเมื่ออะไรมันก็ง่ายและรวดเร็ว


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: nrml
ContributorIn Love
on 12 February 2016 - 16:21 #884142 Reply to:884058
nrml's picture

เพิ่งเจอกับตัวเลยครับ ตอนไปสำนักงานที่ดิน สำหรับคนที่ไม่ได้เข้าไปใช้บริการบ่อยคงจะงงกับขั้นตอนเหมือนกันไปถ่ายเอกสารที่มีให้บริการในสำนักงาน ยื่นเรื่อง > พิจารณา > ถ่ายเอกสารเพิ่มเติมเนื่องจากเอกสารไม่เพียงพอ > จ่ายเงิน > รับใบเสร็จ > ยื่นใบเสร็จสีเหลือง (มีสองในแนบมาด้วยกันจำไม่ได้ชัวร์ๆ ว่าสีอะไร) เพื่อดำเนินการต่อ คร่าวๆ น่าจะประมาณนี้

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 12 February 2016 - 20:32 #884204 Reply to:884058

เจอมากะตัวพาเพื่อนไปโรงพยาบาลรัฐ ใช้สิทธิ์ 30 บาท แล้วปรากฏว่ารอหลายชม.เพราะเจ้าหน้าที่ตกหล่นไม่หยิบสมุดประวัติผู้ป่วยมาให้จนโดนลัดคิว ทั้งที่มีระบบประวัติผู้ป่วยในคอมฯแล้วประวัติก็ใช้เป็นกระดาษให้หมออ่าน พอหมอคนละคนอ่านลายมืออ่านยากสั่งจ่ายเลือดผิดหมู่ โชคดีพยาบาลเห็นก่อนเกือบตายฟรีแล้ว

By: จักรนันท์ on 13 February 2016 - 03:18 #884293 Reply to:884058

ผมเห็นด้วย และขอเล่าประสบการณ์ idiot ที่เจอล่าสุดบ้าง

ปีที่แล้ว ผมไปดำเนินการโอนสิทธิบัตรให้เป็นของนิติบุคคล (บริษัท) ซึ่งต้องไปดำเนินการที่กรมทรัพย์ ชั้น 1 ที่กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ ถ้าใครเคยไปติดต่อธุรกรรมที่นั่น จะทราบว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็อยู่ที่นั่น ชั้น 1 เช่นเดียวกัน ในตึกเดียวกัน ประตูอยู่ตรงข้ามกัน เป็นกระจกใสๆ ทั้งสองกรม เห็นกันชัดๆ ตรงๆ ที่สำคัญ ทั้งสองกรมอยู่ภายใต้กระทรวงเดียวกันอยู่แล้ว แต่... ที่ผมเจอคือ...

  • ให้แนบหนังสือรับรองนิติบุคคลไปด้วย ณ เวลายื่นเอกสาร

โอเค เข้าใจได้ครับ ก็เดินออกประตูมาประตูตรงข้าม ขอหนังสือรับรอง จ่ายตังค์ รอแป้บ ก็ได้หนังสือรับรองแล้ว อันนี้ต้องขอชม ว่าเร็วกว่าสมัยก่อนมากๆ

ที่นี้ ขอให้ผู้อ่านทำความเข้าใจกันสักนิด ว่าหนังสือรับรอง คืออะไร? มันคือเอกสารรับรองการมีตัวตนของนิติบุคคล (บริษัท) อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งเราผู้เป็นเจ้าของบริษัท ไม่สามารถรับรองบริษัทของตัวเองได้อยู่แล้ว มันต้องเป็นกระทรวงพาณิชย์นี่แหละรับรอง

เอาล่ะ แค่ตรงนี้ผมก็ตะหงิดแล้ว ว่าผมมายื่นเรื่องที่กรมทรพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกลับต้องแนบหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ของกระทรวงพาณิชย์ (เดียวกัน) ไปด้วย

ไม่เป็นไร แค่ตรงนี้ผมยังพอเข้าใจได้ ว่ามันอาจเป็นเพราะว่าต่าง "กรม" กัน กรมทรัพย์อาจไม่มีสิทธิ์เข้าถึงฐานข้อมูลของกรมพัฒน์ฯ เพื่อเช็คได้ว่า ไอ้บริษัทเลขทะเบียนเนี้ยนะ มันมีตัวตนจริงๆ ในฐานข้อมูลหรือไม่? (แค่ SELECT เดียวเนี่ยแหละ ก็ไม่มีสิทธิ)

แต่ที่ผมว่า idiot ก็คือต่อจากนี้ครับ...

หลังจากนั้น ผมก็ข้ามฝั่ง Floor กลับมากรมทรัพย์ฯ เพื่อยื่นเอกสารที่ขาด ซึ่งก็คือหนังสือรับรอง เจ้าหน้าที่กลับขอให้ผมและผู้มีอำนาจลงนามคนอื่น เซ็นต์รับรองพร้อมประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย!

  • คนอื่นไม่ได้ไปด้วย
  • ตราประทับไม่ได้เตรียมไป

ผมใบ้กินครับ... หนังสือรับรองของอีกกรมหนึ่ง ในกระทรวงเดียวกับคุณ มันควรชัดเจนแล้วในการรับรองตัวตนของบริษัท ไอ้ลายเซ็นต์เจ้าของพร้อมตราประทับมันไม่ควรมีอิทธิฤทธิ์ไปรับรองหนังสือรับรองนั้นได้อีกที

ที่จริงหนังสือนั้นต่างหาก ที่รับรองอำนาจของเจ้าของบริษัทและตราประทับ

ผมขำไม่ออกครับ ต้องกลับออกมา เสียเวลาไปถึงสนามบินน้ำ ต้องกลับมาให้ผู้มีอำนาจลงนามกันครบ+ประทับตรา แล้วให้ลูกน้องบึ่งรถไปยื่นแทนในอีกเดือนครึ่งต่อมา (เพราะหาเวลาไปเองอีกไม่ได้ จนเอกสารมันจะ expire เลยต้องให้คนอื่นไปแทน)

=== เพิ่มเติม ===

อันที่จริง ผมคิดว่า เฉพาะส่วนของการรับรองนิติบุคคลนี้ มันคือข้อมูลที่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะชนอยู่แล้ว เราต้องยินยอมตั้งแต่เมื่อตอนที่เราจัดตั้งบริษัทโน่นแล้ว ผมคิดว่า ควรยกเลิกเรื่องหนังสือรับรอง (อันเป็นกระดาษ) บ้าบอคอแตกนี่ได้แล้ว ตัวบริษัทผมเอง ผมไม่ได้ขอดูหนังสือรับรองของคู่ค้าเลยมาได้ราว 4-5 ปีแล้ว เพราะบนเวปของกรมพัฒนาธุรกิิจการค้าก็มีให้สมัครสมาชิก แล้วก็สามารถตรวจสอบได้ทุกบริษัทอยู่แล้ว ผมจึงไม่มีความจำเป็นต้องขอให้คู่ค้าส่งหนังสือรับรองใดๆ อีก คงเหลือแต่ให้ส่งใบสำคัญ ภพ.30 แสดงการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ กรมสรรพากร ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงพาณิชย์เหมือนกัน น่าจะทำให้ตรวจสอบจากเลขประจำตัวผู้เสียภาษีบนเวปได้แล้วเช่นกัน จะได้ไม่ต้องมาขอให้ส่งเอกสารแบบนี้อีกต่อไป

กว่าจะเปิด PO กันได้ ต้องมารอเอกสารเหมือนยุค 2520 โน่นเนี่ยนะ!

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 13 February 2016 - 10:51 #884350 Reply to:884058

มาเลยครับ จัดมากันเยอะ ๆ สามคอมเมนต์ สามวงการเลย ผมเชื่อว่ามีแทบทุกวงการนั่นแหละ ราชการไทยยังคงอนุรักษ์ระบบการทำงานเดิม ๆ แม้โลกจะหมุนไปเป็นล้านรอบแล้ว อ่านแต่ละคอมเมนต์แล้วละเหี่ยใจจริง ๆ


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: tontpong
Contributor
on 12 February 2016 - 13:43 #884060

มาแปะให้อีกอัน, เผื่อใครสนใจดูควบคุ่กันไป .. (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2559 - 2561), โดย สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ./EGA

https://www.ega.or.th/th/content/890/8323/

via .. https://www.facebook.com/groups/OpenDataInTh/993253347387412/

By: nottoscale
Windows Phone
on 13 February 2016 - 01:59 #884287

พูดถึงระบบไอที ในวงราชการดูจะไม่ค่อยชอบอ้างว่ายุ่งยากต้องปรับวิธีการทำงานให้เข้าระบบไม่งั้นการนำอุปกรณ์มาใช้ก็เสียเปล่า เท่าที่เห็นมาคือถ้าระบบมาเต็มตัวเจ้าหน้าที่จะรู้สึกหมดคุณค่า(หมดอำนาจ ปกติแฟ้มต้องถูกขนมารอที่โต๊ะ รอพิจารณา รอแล้วรอ) ถูกลดทอนไปโดยกระบวนการพิจารณาแบบอัตโนมัติตามประมวลกฎหมาย กรณีไม่เปิดให้ใช้ดุลยพินิจจนท.อาจจะลงแดง 55

By: tontpong
Contributor
on 13 February 2016 - 21:30 #884444

กูเกิลจะ "คำนึงถึงความรู้สึกดีๆ" รึยังน้า.. ใช้บริการของกุเกิลแทบจะทั้งเวบเลย :P

จิงๆ ถ้าใช้ youtube ด้วยก้อน่าจะดี.. ของ CAT นี่ดูย้อนหลังยังไงหว่า ?