กระแสของ Internet of Things กำลังรุกคืบในทุกทิศทาง ต่อเนื่องจากประเด็นที่คุณ lewcpe เคยเล่าถึงในบทความ Internet of Things: ความฝันถึงโลกที่แตกต่างในยุคต่อไป โอกาสนี้ผมมีรีวิวของ Mi Smart Home Kit จาก Xiaomi ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชุดอุปกรณ์ที่นำพาที่พักอาศัยได้มีความสะดวก ปลอดภัย ผ่านอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และใช้งานผ่าน Wi-Fi และสมาร์ทโฟน
Xiaomi เป็นอีกแบรนด์จีน (ผมเคยเขียนประวัติของแบรนด์นี้ไว้) ที่ขยับมาสร้างสินค้าหลากหลายชนิดนอกจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต สินค้าหนึ่งในนั้นคือสิ่งนี้ Mi Smart Home Kit คือชุดเซ็นเซอร์ที่ทำงานผ่านเกตเวย์ตรงกลาง มีอะไรบ้าง มาไล่เรียงกันตั้งแต่กล่องเลยครับ
หน้าตา
Mi Smart Home Kit มาในบรรจุภัณฑ์เรียบง่ายแน่นหนา มีการ์ตูนแนะนำวิธีการใช้งานแบบพอกรุบกริบ เป็นแบรนด์จีนที่เอาใจใส่เรื่องบรรจุภัณฑ์ดีมาก
อุปกรณ์ในกล่อง Smart Home Kit มีเพียงคู่มือภาษาจีนล้วน เทปกาวสองหน้าสำรองไว้ทดแทนของเดิมที่ติดอยู่ที่ชุดเซ็นเซอร์ (หากอยากเปลี่ยนที่ในอนาคต) และชุดเกตเวย์กลาง (Multifunction Gateway) เซ็นเซอร์คู่ ไว้ติดที่ขอบประตู-หน้าต่าง เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และแป้นกด เป็นปุ่มสวิตช์จังหวะเดียว ใช้ตั้งค่าการทำงานเป็นแบบต่างๆ ได้ ค่าเดิมจากโรงงานคือเป็นออดครับ
ชุดเซ็นเซอร์ที่สามารถติดตามขอบประตูหน้าต่างจะมีแถบกาวสองหน้าติดมาให้พร้อมใช้งาน โดยมีแรงแม่เหล็กดูดกันเบาๆ เวลาติดตั้งคือชิ้นหนึ่งติดวงกบ อีกชิ้นติดที่ตัวบานในตำแหน่งที่หากประตูหรือหน้าต่างปิดสนิท จะต้องอยู่ชิดติดกัน
ตัวเกตเวย์กลางทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ทั้งหมดในชุด และเป็นลำโพง มีไฟ LED เรืองแสงระเรื่อรอบตัว เลือกสีได้ 16 ล้านสี และต้องเสียบกับเต้ารับตลอดเวลา
ในที่นี้เป็นรุ่นจำหน่ายในประเทศจีน จึงมีรูปแบบของขาเต้าเสียบไม่เหมือนบ้านเรา แต่ก็เสียบผ่านตัวแปลงและใช้งานได้ตามปกติครับ อาจดูทุลักทุเลสักนิด
ทำอะไรได้บ้าง
ภาพจาก xiaomi-mi.com
บอกก่อนเลยว่า Mi Smart Home Kit ตั้งค่าใช้งานได้หลากหลายมาก จากแหล่งข้อมูลที่สืบค้นและลองหาวิธีใช้ก็พบว่าสามารถพลิกแพลงใช้งานเซ็นเซอร์เหล่านี้ได้หลายรูปแบบตามใจนึก ผ่านการกำหนดสูตรคล้าย IFTTT บนแอพ Mi Smart Home เช่น
ลองใช้งาน-อุปสรรคที่พบ
การติดตั้ง Mi Smart Home Kit ไม่ใช่เรื่องยากนัก หากแต่ต้องมีแอพ Mi Smart Home ติดตั้งให้ได้ (หาได้ในสโตร์ของ MIUI หรือหาไฟล์ .apk มาติดตั้ง และมีบน iOS) และเราท์เตอร์ Wi-Fi ที่ผมใช้งานได้ต้องเป็นของ Xiaomi ด้วยกันเท่านั้น ผมลองกับเราท์เตอร์ D-Link และ Humax ของทรู ตัวแอพสแกนเจอตัวเกตเวย์แต่ใช้งานต่อไม่ได้
หน้าหลักของแอพ Mi Smart Home หลังจากเข้าใช้ผ่านบัญชี Mi เพิ่มอุปกรณ์เข้ามาในบัญชีและจัดการการทำงานต่างๆ ได้แล้ว ยังสามารถทำงานเป็นรีโมทคอนโทรลอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านช่องอินฟราเรดของสมาร์ทโฟนที่รองรับได้ด้วย ค่าดั้งเดิมของแอพจะบอกอุณหภูมิ ความสะอาดของอากาศและน้ำของกรุงปักกิ่ง
หลังจากมะงุมมะงาหราอยู่พักใหญ่ ให้แอพค้นหาตัวเกตเวย์ จากนั้นกรอกรหัสของ SSID ที่เชื่อมอยู่ส่งให้มัน รอประมาณ 25 วินาทีก็สามารถใช้สมาร์ทโฟนควบคุมการทำงานของเกตเวย์ตัวนี้ได้แล้ว ฟังก์ชั่นเบื้องต้นคือการปรับสีไฟนั่นเอง
ตัวแอพเกือบ 90% เป็นภาษาจีนล้วน จึงเป็นเรื่องลำบากมากที่จะไล่ดูและลองทุกฟังก์ชั่น (ปาดเหงื่อรัวๆ) แต่ลูกเล่นพื้นฐานอย่างหนึ่งที่ผมได้ลองใช้คือการตั้งค่าชุด Mi Smart Home Kit ให้ทำงานในโหมด Security Mode รูปโล่สีเขียว เมื่อเราปิดหน้าต่าง วางเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวในห้องเรียบร้อย เมื่อเปิดโหมดนี้ แอพจะให้เวลาเรา 60 วินาทีก่อนออกจากบ้าน เมื่อทุกอย่างปิดสนิท หากประตูถูกเปิด หรือตรวจจับการเคลื่อนไหวใดๆ ได้ ลำโพงจะร้องเตือนเสียงดัง และแอพในมือ (ติ๊งต่างว่าคุณอยู่นอกบ้าน นอกวง Wi-Fi ไปแล้ว) ก็จะแจ้งเตือนถึงการบุกรุกทันที และมี log บันทึกสถานะเซ็นเซอร์แต่ละชิ้นด้วย
สรุป
นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับ Xiaomi กับอุปกรณ์กลุ่ม IoT ที่ไว้ใช้งานตามบ้าน ในราคาทั้งชุดเพียงพันกว่าบาทก็ทำให้เราได้เข้าใจกลไกของเทคโนโลยีใหม่ที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันเรามากขึ้น เกิดการหลอมรวมการทำงานของสรรพสิ่งให้ควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนในมือ สิ่งที่ไม่ได้ลองทดสอบคือระยะและกำลังส่ง ซึ่ง Mi Smart Home Kit ใช้ Zigbee เป็นโปรโตคอลคุยกันระหว่างเซ็นเซอร์และตัวเกตเวย์ ที่ข้อมูลจากฟอรั่มใน MIUI ระบุว่าเซ็นเซอร์อยู่ห่างกันได้ราว 7 เมตรในระยะกว้าง 170 องศา และแบตเตอรี่ในตัวเซ็นเซอร์อยู่ได้เป็นปีๆ ด้านแอพ ถ้ามีรุ่นภาษาอังกฤษล้วนในเร็ววันจะยิ่งดีงาม
ส่วนตัวรู้สึกโอเคกับเทคโนโลยีจำพวกนี้มาก แต่ว่าถ้าบ้านหลังหนึ่งอยู่อาศัยกันหลายท่าน และมีสมาชิกเป็นผู้สูงวัย อาจเหนื่อยสอนท่านใช้งานมากกว่าสอนท่านเล่น LINE (อย่างน้อยก็ในตอนนี้) เพราะมันตั้งค่าได้หลากหลายเหลือเกิน
Comments
router tp-link ใช้งานได้นะครับ
ไม่กล้าเพราะภาษาจีนจากประสบการณ์การใช้ xiaoyi night vision กับ mi band ก็ต้องขอบายกับแบรนด์นี้ครับ
Ooh
night vision มีปัญหาอะไรเหรอครับ ผมใช้อยู่ทั้งบ้านที่ต่างประเทศ และ เมืองไทย ผมว่ามันโอเคเลยนะ
set ครั้งเดียว ก็อยู่ยาวเลย ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย (มี hang บ้าง วันสองวัน แต่ก็กลับมาปกติเอง)
ส่วน mi band นี่ ไม่โอเคจริง คือ ปลุกเบา แล้วก็เสียบ่อย เคลมไปสองสามรอบ ตอนนี้เก็บใส่กล่องไปละ ดีว่าราคาถูก ซื้อมาลองขำๆ
ปัญหา night vision
1.ภาษาจีน
2.ปัญหา timezone แก้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยน timezone มือถือเป็นจีน
ปัญหา mi band
1.แอป feature น้อย ได้แค่เก็บข้อมูลดิบ ไม่มีการวิเคราะห์ ฯลฯ
2.sync กับ apple health ใน iOS ไม่ได้ (มีปัญหา timezone ด้วย)
3.sync hearthrate กับ google fit ไม่ได้ (mi band 1s)
4.app version playstore feature น้อยกว่า xiaomi market
Ooh
ขอบคุณครับ
ตอนเพิ่มเริ่มใช้ เมื่อสัก ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา นี่ iOS มี แอปภาษาอังกฤษแล้วครับ
ส่วนเรื่อง timezone ต้อง สั่ง script echo "GMT+1" > /etc/TZ ไปแก้ครับ
แต่ก็นั่นแหละ หวังว่า มันจะมี firmware อัปเดท ให้ปรับได้ง่ายกว่านี้
ส่วน mi band นี่ ก็ตามราคาเลยครับ ทำอะไรไม่ค่อยได้ 55
echo "GMT+1" > /etc/TZ
ทำแล้วมันก็แค่แก้เวลาที่กล้องให้ถูกต้อง แต่เวลาใช้ app ยังไงก็ต้องเปลี่ยน timezone ที่มือถืออยู่ดี
Ooh
ตอนนี้ sync กับ apple health ใน iOS ได้แล้วนะครับผมใช้อยู่ แต่บันทึกค่าได้นิดหน่อยตามที่มันจับได้นั้นแหละครับ
ถ้าลองสั่งซื้อผ่าน aliexpress เหมือนบางเจ้าจะมีคู่มือภาษาอังกฤษให้
บีเบี้ยวกับบีบึ้ง
ฝึกภาษาจีนสิครับ นิดหน่อยเอง
แนะนำเหล่าซือให้สักนางครับ
มันต่อได้กี่จุดครับ
มีใครเจอปัญหาแบบผมบ้าง ตอนนี้ผมมี
-mi smart home kit x1 set
-mi smart plug(wifi) x2
-mi universal IR x1
ซึ่งทั้งหมดเจอปัญหาคล้ายๆกันคือ connect ยากมาก timeout บ่อย
หลังจาก connect ติดใช้ไปสักพักก็เจอ devices offline ก็ต้อง connect ใหม่อีก
โดยเฉพาะตัว smart home kit นี่บ่อยเลยครับ
ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของปัญหาเลย
เป็นเหมือนกับผมเลย ตัว smart home kit ปัญหาเดียวกัน
ตอนแรกว่าจะซื้อ smart plug เลยไม่กล้าซื้อเลยครับ เข็ด
เป็นเหมือนกันเลยครับ เพิ่มอุปกรณ์ไม่ได้เลย time out ตลอด
ผมใช้ตัว yi home cam 2ตัว อยู่ๆก็ offline ทั้งๆที่เครื่องเปิดปกติ ไฟปกติ
ผมเลยสรุปปนเดามั่วว่า เป็นที่ Server ของ Xiaomi ครับ
อยากรู้ว่าถ้าเอาอุปกรณ์ zigbee แบรนด์อื่นๆมาต่อจะได้ไหม
Ooh