Tags:
Node Thumbnail

เมื่อเดือนกรกฎาคม Facebook ได้ปล่อยงานวิจัยหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง "สิ่งที่เราเห็นใน Social Network มีผลกระทบกับอารมณ์ของเราหรือไม่" (ดูงานวิจัยได้ที่นี่) งานวิจัยนี้ถูกโจมตีอย่างหนักในเรื่องของจริยธรรมในการทดลองกับความคิดความรู้สึกของคน (ถึงแม้ว่าไม่ผิดกฎหมาย เพราะในการสมัคร Facebook ตอนแรกผู้ใช้ต้องยินยอมให้ Facebook นำข้อมูลเราไปทำการวิจัยหรือทดลองได้ก็ตาม)

ที่ผ่านมามีตัวแทน Facebook ออกมาพูดแก้ไขสถานการณ์อยู่ไม่กี่คน เช่น Adam Kramer นักวิจัยของ Facebook และ Sherryl Sandberg ที่ออกมากล่าวว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่ดี แต่อย่างไรก็ดี Facebook ก็ได้ออกมาชี้แจงและเตรียมปรับปรุงเงื่อนไขในการทำวิจัยในครั้งต่อๆ ไปแล้ว โดยสาระในการชี้แจงมีดังนี้

Facebook ทำวิจัยในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • การปรับปรุงโครงสร้างระบบ (system infrastructure)
  • การเสริมประสบการณ์การใช้งาน (user experience)
  • การสร้างปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence)
  • การวิจัยด้านสังคมศาสตร์ (social science)

Facebook ทำวิจัยเพื่อหาว่าควรทำอะไรต่อไป และทำมันอย่างไร เป้าหมายคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตัวเองให้ดีขึ้น บริษัทมีภารกิจวิจัยเพื่อให้ Facebook ดีขึ้น แต่กระบวนการทำวิจัยก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในปี 2011 มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าถ้าผู้ใช้ได้เห็นโพสต์แง่บวกจากเพื่อน จะทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดี และ Facebook คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสมมติฐานนี้ และดูว่ามีมีสิ่งใดที่ Facebook สามารถเปลี่ยนแปลงได้บ้าง

เหตุผลข้างต้นทำให้ Facebook ทำงานวิจัย (ที่เป็นปัญหา) ออกมาในปี 2014 ผลการวิจัยแตกต่างจากงานวิจัยชิ้นแรก โดยพบว่าถ้าผู้ใช้เห็นโพสต์แง่บวกจากเพื่อน จะทำตอบสนองต่อโพสต์นั้นในแง่บวกกลับไป

Facebook ไม่คิดว่างานวิจัยดังกล่าวจะถูกวิจารณ์มากขนาดนี้ แต่ก็รับฟังเสียงวิจารณ์ และเรียนรู้ว่าสามารถทำกระบวนการบางอย่างให้ต่างไปจากเดิมได้ เช่น มีงานวิจัยหัวข้อเดียวกัน ที่ไม่ต้องใช้วิธีทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง และควรให้นักวิจัยคนอื่นๆ ในแวดวงตรวจสอบงานวิจัยก่อนเผยแพร่ให้มากกว่านี้

นอกจากนี้ Facebook ก็ยอมรับว่าสื่อสารเรื่องงานวิจัยชิ้นนี้ได้ไม่ดีว่าทำเพราะอะไร และใช้วิธีอะไรในการทดลอง

ดังนั้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา Facebook จึงทบทวนกระบวนการทำวิจัยใหม่ และกำหนดกรอบการทำวิจัยใหม่ซึ่งมีผลกับงานวิจัยภายในบริษัท และงานวิจัยที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณะในอนาคต

  • กำหนดแนวทางการวิจัยที่ชัดเจนกว่าเดิม เช่น ถ้ามุ่งเน้นศึกษากลุ่มประชากรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือ ถ้างานวิจัยเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกคนหรือเป็นเรื่องส่วนบุคคล จะต้องมีการตรวจสอบก่อนเริ่มทำงานวิจัย และถ้างานวิจัยต้องทำร่วมกับนักวิจัยภายนอก ก็ต้องมีกระบวนการตรวจสอบที่ละเอียดกว่าเดิม
  • ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบงานวิจัย โดยประกอบด้วยนักวิจัยที่อาวุโสที่สุดของ Facebook ในประเด็นนั้นๆ รวมถึงบุคลากรจากฝ่ายวิศวกรรม วิจัย กฎหมาย ความเป็นส่วนตัว และนโยบาย มาร่วมตรวจสอบงานวิจัยด้วย
  • Facebook จะนำเนื้อหาด้านระเบียบวิธีวิจัยไปใส่ในคอร์สอบรมมาตรฐานของวิศวกรใหม่ และนำเนื้อหาด้านการวิจัยไปใส่ในคอร์สอบรมด้านความปลอดภัย-ความเป็นส่วนตัวประจำปี ที่ทุกคนในบริษัทต้องเข้าอบรม
  • กำหนดเว็บไซต์ปล่อยงานวิจัยของ Facebook คือ เว็บนี้ และจะมีการปรับปรุงสม่ำเสมอ

ที่มา - Facebook Newsroom

Get latest news from Blognone

Comments

By: lingjaidee
ContributoriPhoneAndroid
on 4 October 2014 - 00:27 #750209
lingjaidee's picture

เหมือนเฟซฯ เป็นองกรณ์รัฐของประเทศโลกเลยแฮะ -..-'


my blog

By: LinkWii1GT
iPhoneAndroidWindows
on 4 October 2014 - 03:21 #750237 Reply to:750209
LinkWii1GT's picture

เป็นมานานแล้วนิครับ :-)

ระบบสมองกลของหุ่นยนต์ที่ฉลาดที่สุดในโลก ก็น่าจะพัฒนาและเรียนรู้จากมนุษย์ได้มากสุดก็เพราะเฟสบุ๊คนี่ล่ะครับ