แล้วที่ใส่กระเป๋าหน้า นั่งขับรถ แล้วงอล่ะครับ

ตามข่าวเก่า ปัญหามันเริ่มที่ผู้ใช้ปรกติพบปัญหาเครื่องงอ เลยเกิดการทดสอบดังกล่างนะ

ผู้ใช้คนนึง ใส่เครื่องกระเป๋ากางเกงด้านหน้า ขับรถไป เข้างาน กลับบ้านพบว่าเครื่องงอแล้ว อย่างนี้คนใช้ผิดรึเปล่าครับ

"หรืออย่างการนั่งทับมือถือตัวเองมันก็ไม่น่าจะเรียกว่าเกิดจากการใช้งานปกตินะ"

เอิ่ม เพลียคะ ฉันก็ใช้แอปเปิลมาตลอดนะ แต่นีไม่ไหววะคะ เลิกแถเถอะ
ใครที่นั่งทับนิดๆหน่อยๆหรือยัดใส่ในกางเกงแล้วงอ นี่เกินจะบรรยายจริงๆ
ก็ทำมาไม่ดีเองอะค่ะ ชั้นซื้อมือถือมาเครื่องละสามหมื่นกว่า เพื่อให้ชีวิตสะดวกขึ้น! ง่ายขึ้น!
แต่นี่!!!... ชั้นต้องมาคอยดูแลมันเยี่ยงบ่าวประคบประหงมนาย ซื้อมาเพื่อให้เป็นภาระเพิ่มขึ้น?
ไม่ไหวจะเคลียร์คะ

โดนด่าในเรื่องนี้ เพราะทำมาไม่ดี ก็สมควร จะได้รีบปรับปรุงแก้ไข
ต่อให้ขภายใน(software)ดีเริศประเสริฐศรี? แต่ภายนอก(hardware)เปาะบาง!
ก็ไม่มีประโยชน์อันใดค่ะ

ไม่ต้องส่ง Link ให้ไปถามแอปเปิลนะคะ

/บัยส์!

เดี๋ยวนะครับ นั่งอ่านคำตอบคุณ แล้วที่คุณตอบคนอื่นแล้วผม งงๆ นะครับ

Clip ที่ทดสอบการงอ คือเริ่มมาจากมีคนสังเกตว่าเอา iPhone ใส่กระเป๋า เข้าใจว่าไม่ว่าจะกระเป๋าหน้า หรือกระเป๋าหลัง ก็งอหมด เลยมีคนมางอด้วยมือให้ดู ว่ามันงอได้ค่อนข้างง่ายจริงๆ

คุณ sunback ก็เลยสงสัยว่า Apple ชี้แจงแบบนี้ แปลว่าคนทำเครื่องงอก็ใช้งานแบบไม่ทั่วไป ซึ่งการใส่กระเป๋าหน้า นี่ถือว่าเป็นการใช้งานแบบทั่วไปนะ (จริงๆส่วนตัวผมรวมกระเป๋าหลังด้วยนะ)
แล้วคุณเอง ก็มาบอกว่า "ผมเห็นด้วย" บริบท ผมเข้าใจว่า คุณเห็นด้วยกับสิ่งที่ Apple บอกว่า คนทำ iPhone งอคือคนที่ใช้งานไม่ปกติ
แล้วคุณตะโร่งโต่ง กับ คุณmanster ก็เหมือนจะสอบถามว่า แล้วคนใช้งานแบบใส่กระเป๋าหน้า ถือว่าใช้งานปกติหรือป่าว "ในมุมมองของคุณ" นะเพราะความเห็นของคุณคือ คนใช้ iPhone งอเป็นการใช้งานแบบ "ไม่ปกติทั้งหมด"
แต่คุณกลับไล่ให้ไปถาม พนักงาน Apple และให้อ่านข่าวเก่า

ผมแค่งงวิธีการตอบของคุณเฉยๆ นะครับ 55+

• A: พูดซะคนทำเครื่องงอกลายเป็นกลุ่ม ใช้งานแบบ "ไม่ใช่ทั่วไป" ไปเลย
• B: ผมว่าเค้าก็พูดจริงนะ
• C: แล้วที่ใส่กระเป๋าหน้า นั่งขับรถ แล้วงอล่ะครับ
• B: สอบถาม Apple โดยตรงเลยครับ
• D: ผู้ใช้คนนึง ใส่เครื่องกระเป๋ากางเกงด้านหน้า ขับรถไป เข้างาน กลับบ้านพบว่าเครื่องงอแล้ว อย่างนี้คนใช้ผิดรึเปล่าครับ
• B: ก็ไปถาม Apple สิครับ

แหม่ ... ไม่ค่อยเลย ทีตอนแรกไม่ถามแอปเปิลก่อนตอบล่ะพ่อ

ผมเห็นด้วยนะ ส่วนใครสงสัยก็ลองโทรถาม Apple ดูสิ คุณ iToffy ก็ไม่ใช่พนักงาน Apple การแสดงความคิดเห็นที่นี่คงไม่ทำให้ตกเป็นจำเลย ที่สำคัญใครไม่ชอบผลิตภัณฑ์ของ Apple ก็ไม่ต้องซื้อใช้ การ comment ไม่สร้างสรรค์ทำให้เสียเวลาอ่านมาก ผมพยายามอ่านเพื่อหาประโยชน์ครับ ถ้าชอบ Drama ไป http://drama-addict.com เลย มันส์กว่าเยอะ

หวังว่าไม่มี drama ต่อจาก comment อันนี้นะครับ คุณพ่อขอร้อง

ปล. ชอบสโลแกนเวป blognone : tech news that's worth อยากให้ comment is ALSO ด้วยครับ เที่ยวนี้คุณแม่ขอร้อง

ปล2. ก่อนโดนด่าผ่าน comment ขอแจ้งว่าผมใช้ htc desire android 2.2 , nexus with kitkat และ nokia 620 ไม่ได้ใช้ iPhone เลยตั้งแต่ iPhone 4 เป็นต้นมา ตอนนี้เตรียมสั่งซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6+ ไปแล้วทั้งคู่

แค่อยากพูดกับตัวเองไม่เห็นต้องพิมพ์ให้เสียเวลาเลยนี่

น่าจะชื่อ Bruce Banner มากกว่านะครับ

/me เอามือทาบอกแล้วอุทานเบาๆ ว่า "โอ้ คุณพระ..."

มันก็เหมือนซื้อสุนัขสักตัวมาเลี้ยงแหละครับ ยิ่งซื้อมาแพง แล้วก็รักมากด้วย สุนัขกินอาหารจากเชฟอาหารหมาฝีมือดีราคาแพงๆ แต่เจ้าของกิน มาม่า ก็มีเยอะแยะ ที่ผมยกมาเป็นรูปแบบนึง แต่บอกว่าเรื่องพวกนี้มันใช้ได้ทั้งสิ่งมีชีวิตแล้วก็สิ่งไม่มีชีวิตนะ ความรักกับหวงแหนเนี่ย

อย่างผม Macbook Pro นี่หวงจะตายห้ามใครแตะ แต่สำหรับบางคนอาจเอามาลงเครื่องปั่นเล่น เอาน้ำมาสาด หรือเอาไปโยนเข้าเตาหลอมก็ได้ แต่แล้วความชอบของบุคคล

ส่วนโทรศัพท์ตอนผมยังเด็กๆ(มัธยม) เพื่อนมันคุยโทรศัพท์ทะเลาะกับแฟนก็ ปาลงพื้นปาเข้ากำแพงแตกกระจาย นี่คือสิ่งไม่มีชีวิตนะ แต่สมัยนี้เริ่มมีลงกับสัตว์เลี้ยงบ้างแล้ว คนเราถ้ารักแล้วให้ความสำคัญกับอะไรมากๆ จะคอยดูแลเอาใจใส่สิ่งนั้นๆอย่างดีครับ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่ถ้ามีสิ่งอื่นสำคัญกว่าเขามาก็เพราะถูกทิ้งถูกทำลายได้เสมอ สรุปที่ผมจะบอกก็คือปัญหามันขึ้นอยู่กับการรักษาของ ของแต่ละบุคคลด้วย บางคนซื้อเครื่องป้องกัน ให้ iPhone อย่างกับมันเป็นอัศวินยุคกลางด้วยซ้ำ(ใส่ของป้องกันซะเวอร์มาก) ของของคนพวกนั้นจะมีโอกาศของใช้พังยากสุดครับ มันอยู่ที่ว่าคนจะเลือกปรับตัวไปหาสิ่งที่มีปัญหา หรือจะให้สิ่งที่มีปัญหาปรับตัวมาหาคนคนนั้นเอง มันก็มีอยู่เท่านี้แหละ แล้วก็ใช้ได้กับทุกสิ่งในโลกนี้ด้วยตรับ หลักๆก็ปรับหากันทั้งคู่ซะดีที่สุด

It's just a matter of time.