กูเกิลเผยข้อมูลในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 2/2014 ว่ายอดขาย Chromebook ในภาคการศึกษาสูงถึง 1 ล้านเครื่องต่อไตรมาสแล้ว
David Andrade ซีไอโอของเขตการศึกษา Bridgeport ในรัฐ Connecticut ที่มีนักเรียนในสังกัดกว่า 23,000 คน ให้ความเห็นว่าเขตการศึกษาของเขามีงบประมาณจำกัด นักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ไม่มีฐานะและต้องรับทุนค่าอาหารกลางวัน มีจำนวนคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนน้อย ส่งผลให้การจัดหาคอมพิวเตอร์ต้องพิจารณาให้เหมาะสม
เขตการศึกษา Bridgeport เลือก Chromebook ด้วยเหตุผลว่าราคาเครื่องถูก (ถูกกว่า iPad) และดูแลรักษาง่าย นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับ Google Apps for Education ทำให้นักเรียนทุกคนมีอีเมลใช้งาน และแชร์ไฟล์งานผ่าน Google Drive ได้สะดวกกว่าเดิม
ต้องรอดูว่าแผนโน้ตบุ๊กราคาถูก 199 ดอลลาร์ของไมโครซอฟท์จะออกมาหยุดความร้อนแรงของ Chromebook ได้หรือไม่ครับ
ที่มา - Google Enterprise Blog, TechCrunch
Comments
อ่าดีจริงๆ นะในไทยน่าจะเอามาทำกันบ้าง ดีกว่า Tablet ไม่ต้องให้เอากลับบ้าน
เครื่องใครถึงชั่วโมงก็ใช้กันไป
ใครเอาเข้ามขายที
กินส่วนแบ่งไปเรื่อยๆแบบนี้ MS มีหนาวๆร้อนๆล่ะคราวนี้
ถ้าเน็ตล่มล่ะทำไง พิมพ์งานออฟไลน์ได้มั้ย แล้วถ้าไม่มีเนตเปิดเครื่องทำงานได้มั้ยครับแบบว่าดูหนังฟังเพลงไรงี้
ครับ ผมก็เคยคิดแบบนี้
แต่ว่า ผมคำนวนเล่นๆ โอกาสที่เน็ตจะล่ม มีน้อยคุ้มค่าครับ
Let me Google that for you.
[ผู้ใช้คนนี้ถูกแบนเพราะใช้คำพูดไม่สุภาพ]
เงื่อนไขการปฏิบัติตัวของสมาชิก
บอทเราดูแลกฎระเบียบได้ด้วยแล้ว (^.^)d
เยี่ยมจริงๆ เป็นบอทที่เยี่ยมยอด 'w')b
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เตรียมตัวปลิวในไม่ช้า
จริงๆ ผมก็ไม่ได้เห็นข้อความต้นฉบับนะ
แต่ผมว่าคำถามมันพื้นมากๆ ซึ่งถ้าสนใจในผลิตภัณฑ์จริงๆ ผมเลยแสดงให้ดูว่ามันไม่ได้ยากเลยที่จะหา ก็เท่านั้นเอง
ทำอะไรได้นอกจากเล่นเน็ตเนี่ย ดูหนังฟังเพลงได้มั้ยครับแบบว่าเป็นไฟล์หนังไฟล์เพลงที่ไม่ใช่สตรีมจากออนไลน์
คำว่า "ไม่มีฐานะ" ผมว่าถ้าเป็นภาษาพูดก็เข้าใจได้อยู่ แต่สำหรับภาษาเขียนใช้ว่า "ฐานะไม่ดี", "ฐานะยากจน" ไปตรงๆ น่าจะดีกว่านะครับ
มีอ้างอิงไหมครับว่าอันไหนเป็นภาษาพูด อันไหนเป็นภาษาเขียน
ถ้ายึดตามความหมายที่แท้จริงแล้ว ในโลกนี้ไม่มีคนที่ "ไม่มีฐานะ" หรอกครับ คนเราล้วนมีฐานะกันทั้งนั้น ส่วนจะฐานะดี-ไม่ดี, รวย-จน ก็เป็นอีกเรื่อง
ผมว่าคำว่า มีฐานะ ค่อนข้างความหมายรับรู้กว้างขวางว่าแปลว่ารวยนะครับ ฉะนั้นไม่มีฐานะจึงความหมายตรงกันข้าม แม้จะไม่สามารถแปลตรงๆ ได้ตามตัวอักษรก็ตาม
คนมีฐานะเคยได้ยิน แต่คนไม่มีฐานะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เห็นด้วยครับ ส่วนตัวมองว่าทุกคนมี"ฐานะ" หรือ"สถานะ" ที่แตกต่างกัน แต่เรามาใช้ในแง่ผู้มีมากกว่าผู้อื่น จนเข้าใจผิด
เปลี่ยนเป็น "ผู้มีรายได้น้อย" ก็ได้
ใช้งาน Chromebook แบบออฟไลน์
Chromebook ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณทำงานได้รวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น คุณจะสามารถเข้าถึงไฟล์ของคุณได้ด้วยการเชื่อมต่อระบบคลาวด์ที่ปลอดภัยในตัว และใช้แอปพลิเคชันเว็บที่มีประสิทธิภาพในการสร้างเอกสาร แก้ไขรูปภาพ และฟังเพลง สำหรับช่วงเวลาน้อยครั้งที่คุณไม่ได้เชื่อมต่อกับเว็บ คุณยังสามารถใช้ Chromebook ทำงานต่างๆ ได้มากมาย ดังนี้
เขียนอีเมล Gmail Offline ถูกสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแบบออฟไลน์ ทำให้สามารถอ่าน ตอบกลับ ค้นหา และเก็บถาวรอีเมลได้โดยไม่ต้องมีการเข้าถึงเครือข่าย หลังจากการเปิดครั้งแรก Gmail Offline จะซิงค์ข้อความโดยอัตโนมัติ และเข้าคิวการทำงานทุกครั้งที่ Chrome กำลังทำงาน และมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ดูการนัดหมาย ด้วยการเข้าถึงแบบออฟไลน์จากแอป Google ปฏิทิน คุณสามารถดูเวอร์ชันอ่านอย่างเดียวของปฏิทินได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน
ดู สร้าง และแก้ไขเอกสาร แอป Google ไดรฟ์ ทำให้คุณสามารถดูและแก้ไขไฟล์ Google เอกสาร สไลด์ และภาพวาดได้ และสามารถดูไฟล์เครื่องมือแก้ไขสเปรดชีต Google ได้ด้วย
ดูและแก้ไขรูปภาพ Chromebook มาพร้อมกับโปรแกรมตกแต่งภาพในตัว คุณจึงสามารถดูและแก้ไขรูปภาพที่บันทึกอยู่ในเครื่องได้
ฟังเพลง คุณสามารถเล่นเพลงที่จัดเก็บไว้ในที่จัดเก็บข้อมูลภายใน Chromebook เมื่อคุณกำลังออฟไลน์ได้ เพียงคัดลอกไฟล์เพลงไปไว้ในอุปกรณ์โดยตรงจากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น อุปกรณ์ USB หรือการ์ด SD
ดูไฟล์ Microsoft Office และไฟล์ .pdf ของ Adobe คุณสามารถใช้ Chromebook เพื่อดูไฟล์ Microsoft Office หรือ Adobe ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
จดบันทึก ด้วย Google Keep คุณจะสามารถจดและบันทึกบันทึกสั้นๆ ที่จะซิงค์ไปยังระบบคลาวด์ในครั้งถัดไปที่คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
อ่านหน้าเว็บแบบออฟไลน์ หากคุณได้บันทึกหน้าเว็บเพื่อดูในแบบออฟไลน์ในภายหลัง หน้าเว็บดังกล่าวจะเปิดอย่างราบรื่นใน Google Chrome บน Chromebook ของคุณ
ใช้แอปที่สามารถใช้งานในแบบออฟไลน์ เว็บแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพบางแอปมีสำเนาแบบออฟไลน์ และคุณสามารถค้นหาแอปเหล่านี้ได้ใน Chrome เว็บสโตร์ แอปเหล่านี้บางส่วนประกอบด้วย The New York Times และ Cloud Reader จาก Amazon
เล่นเกม Chrome เว็บสโตร์เป็นศูนย์รวมของเกมนับร้อนเกม ซึ่งหลายเกมสามารถเล่นได้ในแบบออฟไลน์ เช่น Angry Birds และ Cube Slam
ที่มา
ใช้งาน Chromebook แบบออฟไลน์
กว่า MS จะขยับตัวก็ Google ก็นำตลาดไปได้เยอะแล้ว
เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับ Microsoft นะ
ต้องดีกว่า ChromeBook
แต่ต้องไม่ดีไปว่า จนไปตีตลาดเดิมของตัวเอง
และต้องดูคู่ค้าด้วยว่าจะเอาด้วยหรือเปล่า
+1 เป็นเงื่อนตายครับ ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย
มันไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดอย่างนั้นครับ
อย่างซัมซุงผมเคยคุยกับหลายคนข้างใน แนวคิดของเขาก็ชัดเจนว่าถ้าตลาดมันเปลี่ยน ขอให้เปลี่ยนโดยสินค้าของเขาเองดีกว่าคู่แข่งมาออกสินค้าเปลี่ยนให้
อย่าง Galaxy Note ไม่ได้ขายดีเพราะปากกาเสมอไป แต่เพราะลูกค้าจำนวนหนึ่งแค่อยากได้จอใหญ่ๆ ซัมซุงก็เลือกออกรุ่นถูกจอใหญ่ออกมาขาย ทั้งที่ถ้าไม่ออกรุ่นเหล่านั้นมา Note ซึ่งมีราคาแพงกว่าก็น่าจะขายได้ดีกว่าเดิมพอสมควร
lewcpe.com, @wasonliw
Samsung คิดถูกครับ แต่คนละสถานการณ์ คือ ตลาดมือถือขยาย เพิ่มรุ่นถึงแม้สินค้าจะกินกันเอง มันก็อาจไม่เป็นไร ส่วนตลาด pc หด ผมเองยังตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าผมจะกล้าทำมั้ย เพราะถ้าทำเท่ากับขาดทุนครั้งใหญ่ ถูกด่า ถูกไล่ออก และก็ไม่รู้ว่า ms จะทำกำไรจาก os ต่อไปได้ยังไง ในเมื่อคู่แข่งฟรี และดีขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนว่า กำลังจะกลืนทั้งหมด ดีไม่ดีสุดท้ายคงต้องแจก windows ฟรี หรือเปล่า?
Microsoft ก็กำลังพยายามทำตาม Google อยู่นี่ไงครับ แต่ไปเริ่มทดลองจากตลาดมือถือก่อน (คงเพราะถือว่าตัวเองมีส่วนแบ่งน้อย ไม่กระทบกับรายได้บริษัทโดยรวมนัก) เริ่มแจก license ฟรีๆ สำหรับมือถือ Windows Phone รุ่นล่างๆ แล้วไปหารายได้จากส่วนแบ่งการขายสินค้าใน Store แทน แต่... ทำทีหลังเค้า มันยังไม่เกิด (หรืออาจจะไม่มีทางเกิด)
ถ้าใจถึงหน่อย แจกฟรีมันสำหรับทุกรุ่นไปเลย ผมว่า Momentum น่าจะเหวี่ยงได้แรงๆ เลย ทำแบบที่ทำอยู่มันดูเหมือนจะกล้าๆ กลัวๆ นะ ทีนี้พอโมเดลที่ว่าลองกับมือถือแล้วมันไม่เกิด ก็เลยไม่กล้าเอาไปทำกับ PC
แต่ผมก็เข้าใจ M$ นะ บริษัทขนาดยักษ์ ตัวมันใหญ่จะขยับตัวทำอะไรทีคงไม่ค่อยสะดวก รายได้ที่เป็นอยู่ก็พอจะหลอกตัวเองว่าเป็นเจ้าตลาดไปได้อีกนานด้วยล่ะครับ
ที่เตรียมปลดพนักงานกว่าหมื่นเจ็ดพันคนนี่ ก็คงเป็นโอกาสที่ดีที่จะปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
ผมกลัวแต่จะสายเกินไปนี่ล่ะครับ
ที่ผ่านมา ms รู้ตัวและพยายามแก้ไขปัญหามาตลอด แบบที่คุณว่า และผมก็เอาใจช่วย รวมถึงการเปลี่ยน ceo ด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขาแพ้มาตลอด แพ้ทุกตลาด ตั้งแต่ มือถือ แทปเล็ต ตอนนี้กำลังลามเข้า notebook และต่อไปคงเป็น desktop (นี่ยังไม่นับรวม office ที่อาจจะโดน office ฟรี เล่นงาน) ถึงตอนนี้ รอท่าอันติ พลิกเกม อย่างเดียวครับ (ซึ่งผมคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะทำอะไรได้ อาจต้องยอมรับสภาพไป)