กลุ่มพนักงานในบริษัทไอทีของฝรั่งเศสได้เฮกันลั่น หลังจากเพิ่งมีการออกกฎใหม่ห้ามบริษัทส่งอีเมลหรือข้อความอิเล็กทรอนิกส์ใดที่เกี่ยวกับเรื่องงานถึงลูกจ้างในช่วงเวลาหลังเลิกงาน
อันที่จริงแล้วใครหลายคนคงนึกฝันอยากไปทำงานในฝรั่งเศสกันแทบจะทันทีหากได้รู้ว่าโดยปกติแล้ว มนุษย์เงินเดือนที่นั่นทำงานเพียง 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และได้วันหยุดพักร้อน (แน่นอนว่ายังได้เงินเดือนด้วย) ไม่ต่ำกว่า 5 สัปดาห์ต่อปี ซึ่งนี่เป็นกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานของฝรั่งเศสที่หวังจะเพิ่มอัตราการจ้างงาน โดยให้แต่ละคนทำงานไม่หนักมาก (แม้ว่าจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก ดังที่ตัวเลขอัตราการว่างงานได้ฟ้องเอาไว้ที่ 10.2%) และกฎใหม่นี้คงยิ่งทำให้ใครหลายคนเหล่านั้นฝันหวานมากยิ่งขึ้น
กฏดังกล่าวเป็นการลงนามข้อตกลงร่วมกันระหว่างกลุ่มตัวแทนบริษัทไอทีผู้เป็นนายจ้างและตัวแทนของสหภาพลูกจ้าง โดยมีการห้ามมิให้บริษัทติดต่อเรื่องงานผ่านอีเมลถึงพนักงานในเวลาหลังเลิกงาน (โดยนัยแล้วคือช่วงหลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป) ซึ่งชัดเจนว่าข้อตกลงนี้ถูกนำเสนอขึ้นโดยฝ่ายกลุ่มลูกจ้าง
และถ้าจะว่ากันให้ชัดลงไปในรายละเอียดยิ่งขึ้น แนวคิดของกฎใหม่นี้จริงจังถึงขนาดกำหนดไว้ว่าเหล่าพนักงานลูกจ้างจะถูกสั่งให้ปิดสมาร์ทโฟนเครื่องที่เอาไว้ใช้ทำงานและให้หลีกเลี่ยงการอ่านเอกสารหรืออีเมลเรื่องงานในแท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ฝ่ายนายจ้างต้องทำให้แน่ใจว่าลูกจ้างจะไม่ถูกกดดันให้คอยเช็คอีเมลหรือเอกสารเรื่องงานนอกเวลาทำงาน
แน่นอนว่าการบังคับใช้กฏใหม่นี้ทำให้เหล่าพนักงานบริษัทไอทีเกือบล้านคนที่ได้รับอานิสงส์ล้วนยินดีกันถ้วนหน้า แต่ผลกระทบในทางลบย่อมต้องมีแน่นอนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมไอทีต่างๆ ที่ต้องเดินหน้าให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน
ที่มา - Engadget, The Australian
Comments
Server Down หลังเลิกงานนี่จบเลย ต่างประเทศติดต่อไม่ได้
โทร มาเลยไงครับ
เย้
"แต่ผลกระทบในทางลบย่อมต้องมีแน่นอนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมไอทีต่างๆ ที่ต้องเดินหน้าให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน" <--- ก็จ้างหลายกะ จ่ายเงินให้สอดคล้องกับค่าแรงในช่วงกะดึก รวมไปถึงจ่ายค่าล่วงเวลาตามกฎหมายก็น่าจะจบมั้ง ไม่น่าจะเป็นประเด็นสักเท่าไหร่
+1
ไม่ได้ครับ ประเทศนี้ กฏหมายเรื่องแรงงานโหดมาก
คุณเป็นเจ้าของกิจการ คุณจะทำงานเกินเวลา จะเปิดร้านเช้า ปิดร้านดึกยังไม่ได้เลย
ต้องเป็นกิจการที่ พิเศษมาก ถึงจะมีหลายกะ หรือว่าล่วงเวลาได้
งานที่ต้อง operate ตลอด 24 ชั่วโมงไงครับ พวก network / datacenter / ...
แสดงว่าเข้าใจความหมายผมผิดนะ
ที่บอกให้จ้างหลายกะ คือทำระบบกะกลางวัน กลางคืน อะไรแบบนี้ ทำเป็นข้อตกลงไป จ่ายไปตามกฎหมาย เกินกว่าที่กำหนดก็ให้คนอื่นรับช่วงต่อไป และกิจการที่พิเศษมากๆ ก็พวกที่คุณ icez ด้านบนบอกนั้นแหละครับ ที่ควรทำ ซึ่งผมก็หมายถึงแบบนั้น และข่าวนี้ก็ มุ่งเน้นเนื้อหาอาชีพไอทีอยู่แล้ว
คุณ Ford AntiTrust เขาหมายถึงการอิงตามสัญญาจ้างและไม่ขัดกฏหมายแรงงานครับ
ถ้ากฏหมายบอกว่าทำงานได้วันละ 7 ชั่วโมงเท่านั้น
ก็ใช้การจ้างงาน 3 กะโดยแต่ละกะพนักงานคนเป็นคนกันครับ ซึ่งพนักงานทุกคนก็จะต้องทำงานไม่เกินที่กฏหมายกำหนดเช่นกัน
ก็จะเหลือ gap แค่ 3 ชม. (3*7 = 21)
ผมว่าแบบนี้ต้องมีกะทั้งหมด 4 กะนะครับ
ผมว่าร้านอาหารร้านขายของ คงไม่ส่งอีเมล์หาลูกจ้างหรอกครับ
"โปรดเช็คซอสมะเขือเทศยี่ห้อ..... เรียบเรียงหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วเขียนรายงานส่งให้ด่วนที่สุด"
ผมใส่เนื้อความอธิบายมุมมองไม่ครบเองฮะ
คือผมมองว่าพอมีข้อจำกัดเรื่องเวลาทำงาน ก็ต้องมีการเพิ่มกะ เพิ่มบุคคลากรเพื่อมาหมุนเวียนทำงาน ทำให้องค์กรต้องการลูกจ้างเพิ่มมากขึ้น เช่นเดิมอาจใช้ 20 คน ก็อาจต้องเพิ่มเป็น 30 คน
ซึ่งผมเองคิดว่า การจ้างคนเพิ่มขึ้น มันจะเพิ่ม fix cost และค่าใช้จ่ายสวัสดิการอื่น มากกว่าการจ้างคนจำนวนที่น้อยกว่าหน่อยที่ทำงานต่อวันมากกว่า (อันนี้มุมมองจากงานที่ผมทำอยู่เองนะครับ)
ไหนจะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับตลาดแรงงานอีก ซึ่งเมื่อความต้องการบุคคลากรเพิ่มมากขึ้น ก็ย่อมเลี่ยงปัญหานี้ไม่พ้น
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ในมุมผม ผมขอมองต่างสักนิดในฐานะมุมมองตอนนี้เป็นทั้งหุ้นส่วนธุรกิจและลูกจ้างอยู่เช่นกัน
การจัดระเบียบการทำงานเป็นกะ และทำให้ต้องเพิ่มคนเพื่อสะท้อนความเป็นจริงว่า การให้ลูกจ้างในบริษัทได้ใช้ชีวิตตามความเป็นจริงของสังคมเป็นสิ่งที่พึงกระทำ ซึ่งบริษัทในฐานะผู้ว่าจ้างควรจะต้องคำนึงถึง และสะท้อนออกไปสู่ต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งสุดท้ายลูกค้าก็ต้องจ่ายด้วย คือเรื่องนี้มันถกเถียงกันได้ว่าความเหมาะสมมันอยู่ตรงไหน แน่นอน ในสภาวะของโลกที่เน้นต้นทุนการจ้างงานเหล่านี้ให้ถูกเข้าว่า การเอารัดเอาเปรียบในประเทศโลกที่สาม หรือในประเทศที่กฎหมายแรงงานยังมองลูกจ้างถูกเอาเปรียบได้ด้วยความไม่รู้ของผู้ถูกจ้าง สภาวะจำยอม และผู้ว่าจ้างก็ไม่ได้ให้ความรู้ ในหลายๆ ประเทศนั้น กลับเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรสนับสนุนนะครับ
ใช่ครับ เรื่องนั้นผมเห็นด้วย
แต่ในกรณีนี้ ผมว่าพวกบริษัทข้ามชาติ จะมองว่าการจ้างงานเพื่อให้ทำงานแบบเดียวกันในฝรั่งเศสต้องใช้คนมากกว่าในประเทศอื่น (ไม่ว่าจะสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นในยุโรป) เพราะฝรั่งเศสแกเล่นลิมิตชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์ไว้ต่ำสุดในโลกที่ 35 ชม./สัปดาห์
ซึ่งผมก็มองไปว่า สำหรับบริษัทข้ามชาติพวกนั้นก็คงมองกฎใหม่ตามข่าวนี้ว่าให้ผลเชิงลบกับเขามากกว่า (มั้งครับ)
(อันนี้ผมไม่ได้เทียบกับบ้านเรานะ ซึ่งทัศนคตินายจ้างบางแห่ง กับบริบทกฎหมายเกี่ยวกับการจ้างงานในไทยมันก็...นั่นล่ะครับ)
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
สุดท้ายมันจะสมดุลในเชิงการค้าเมื่อการต่อรองของแรงงานทำให้บริษัทขาดการแข่งขันและทำให้บรัษัทอยู่ไม่ได้ สุดท้ายคงทำให้อัตราชั่วโมงในการทำงานสูงขึ้นตามสภาพเองแหละครับ ซึ่งผมว่าดีนะสมเหตุสมผลดี
เห็นด้วยเรื่องการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงครับ
เพราะในแวดวง IT โดยเฉพาะแถบบ้านเราการทำงานล่วงเวลาแทบจะไม่ได้ OT เลย จะมีก็แต่ "โอฟรี"
ซึ่งนายจ้างก็มักจะเอาเปรียบด้วยการบอกว่ามันเป็น effort ที่คุณต้องทำอยู่แล้วเพื่อให้งานสำเร็จ
ซึ่งสุดท้ายมันสะท้อนมาที่ต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ ผลประกอบการสูง แต่สิ่งเหล่านั้นมาจากคุณภาพชีวิตของพนักงานที่ย่ำแย่ครับ
ไม่ใช่แค่เฉพาะในฝรั่งเศสนะ จากประสบการณ์ส่วนตัว การดีลกับลูกค้าแม้แต่ในแคนาดาเอง(ส่วนของฝรั่งเศส Quebec กะ Ontario) เป็นเรื่องลำบากมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องดีลกับไอ้กฏหมายของฝรั่งเศสที่แปลกประหลาดกว่าชาวบ้านมากๆๆ นี่แหละ อย่างเช่นห้ามเปิดใช้งานฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยบางตัวที่แทบอีก 99% ของทั้งโลกใช้กันเป็นมาตราฐานเหตุเพราะขัดกฏหมาย
เคยเจอเหมือนกันคัรบ ปวดหัวเลย ต้อง sign กันวุ่นวาย T_T
Quebec นี่ตัวปวดหัวเลยครับ (เช่น QESI เป็นต้น...)
สวีเดนเริ่มนำร่องให้พนักงานทำงานวันละ 6 ชั่วโมง แต่มีข้อแม้ว่าประสิทธิภาพต้องเท่าเดิม
ได้ยินว่า เค้ามีให้นอนตอนกลางวัน ก่อนทำงานช่วงบ่ายด้วย อยากให้ที่ทำงานมีแบบนี้บ้าง (^_^)
ที่ทำงานเก่าผมมีห้องนอนให้พนักงานครับ เป็นโซฟากับหมอนพร้อมอ่างล้างหน้าเวลาตื่น ^^"
ขอใบสมัครอย่างด่วนเลยครับ ฮ้า..ฮ้า..
จะกลายเป็นเน้นให้บริษัทเหล่านี้ไปเปิดสาขาในประเทศต่าง Timezone กัน (เช่นไทย) เพื่อให้ทำงานได้ 24ชม. มากขึ้น
บ.เก่าผมมาเปิดในไทยเพราะตรงข้ามกับusaอยู่12ชม.ครับ
กำลังคิดว่า ถ้าเกิดบ.สาขาใหญ่อยู่ US ส่งเมล์หาสาขาที่ FR จะกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายไหม ส่งไปตอนหลังเวลางานของ FR ไปแล้ว
หรือว่าต้องตั้ง Mail Server ให้เก็บเมล์ที่ส่งระหว่างเวลานั้นไว้ แล้วส่งไปตอน 9.00น.วันรุ่งขึ้นแทน ?
แล้ว ถ้า boss อยู่ต่างประเทศ เมล์มานี่ต้องดูเวลาด้วยหรือเปล่า ว่าจะ mail ไปได้ไหมเพราะที่ฝรั่งเศษ เป็นเวลาเลิกงาน
// ขอบคุณสำหรับข่าวนะครับ
ผมว่าในระยะยาวแล้ว จะไม่เป็นผลดีต่อฝรั่งเศสเองนะครับ
ผมมีเพื่อนเป็นเจ้าของกิจการในฝรั่งเศส เขาบอกว่าลูกจ้างฝรั่งเศสสบายมากๆ รัฐมีสวัสดิการนู่นนี่นั่นให้เยอะแยะมากมาย ในขณะเดียวกันคนที่เป็นเจ้าของกิจการ(หรือนายจ้าง) ที่นั่นลำบากสุดๆ เหมือนกัน เพื่อนผมยังเปรยๆ ว่าสงสัยในอนาคตอาจจะเลิกทำแล้วก็เป็นได้ ไปเป็นลูกจ้างเขาดีกว่า
ปล. ข่าวนี้จะเป็นเรื่องเล็กไปเลย ถ้าคุณรู้ว่าสวัสดิการอื่นๆ ที่ฝรั่งเศสมีให้ลูกจ้างนั้นมีอะไรบ้าง
นโยบาย "ลูกจ้างนิยม" ไม่รู้เลือกตั้งรอบหน้าใกล้หรือยัง
ในไทยไม่มีนโยบายช่วยคนทำงานนะครับ
มีแต่นโยบายแจกเงินคนทำงานบ้างไม่ทำบ้าง
ข้าราชการไทยหลายๆ หน่วยงานผมว่าก็ไม่ต่างกับฝรั่งเศสเท่าไหร่มั้งครับ เห็นเข้างานแปดโมง แต่กว่าจะได้เริ่มทำงานจริงๆ เก้าโมงครึ่ง ทำได้สองชั่วโมงหายตัวไปพักเที่ยงแล้ว กลับมาอีกทีบ่ายโมงครึ่ง ทำอีกสองชั่วโมงเตรียมเก็บของนั่งเม้ามอยกับเพื่อนจนสี่โมงก็ออกอะไรงี้
เห็นแล้วเหนื่อยไปว่าไม่ได้นะเค้าจะบอกว่า "ก็ระบบมันเป็นแบบนี้ห้ามแก้ห้ามปรับ" เออออออออออ....เจริญ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
การให้สวัสดิการ หรือรายได้นั้นก็คงบอกไม่ได้ว่าจะได้ผลตามคิด และคาดหวังไหม แต่สุดท้ายมันก็จะมีวิถีทางของมันเอง
ขอยกตัวอย่าง มีบริษัทเล็กๆที่ผมรู้จักเจ้าของที่หนึ่งได้ทำชิ้นส่วนรถยนต์ ผลิตชิ้นส่วนโลหะป้อนให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งทางบริษัทญี่ปุ่นเห็นว่าราคาและคุณภาพนั้นถูกดีจึงสั่งซื้อ ทำให้กิจการดำเนินได้ด้วยดี ต่อมามีเหตุการณ์ทางการเมือง, ปัญหาน้ำท่วม, และปรับค่าครองชีพ ทำให้เงินในการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นนี้ย้ายการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่นเวียดนาม และพม่า โดยเฉพาะพม่านั้นประเทศไทยได้สร้างสาธารนูปโภคพื้นฐานไฟฟ้า, น้ำ ,และถนนเป็นอย่างดีเพื่อให้กลับมาขายประเทศไทย กลายเป็นว่าไฟฟ้า และน้ำของพม่าดีมากพอที่บริษัทญี่ปุ่นนำเงินไปลงทุน ยิ่งเมื่อเปิด AEC แล้วกำแพงภาษีสินค้านั้นไม่มี จึงเป็นเหตุให้บริษัทญี่ปุ่นจึงได้เริ่มย้ายฐานการผลิต แม้บริษัทญี่ปุ่นจะบอกว่ามั่นใจ และไม่ได้ย้ายไปไหน แต่การกระทำมั่นดูเหมือนไม่ใช่ กลับมาที่บริษัทที่ผมรู้จัก เมื่อเริ่มมีการย้ายฐานการผลิตทำให้บางชิ้นส่วนรับผลกระทบยกเลิกการสั่ง แม้ว่าจะหางานจากที่อื่นป้อนก็ไม่พอ เพราะคำสั่งผลิตของบริษัทญี่ปุ่นมันมากเกินกว่าที่จะหาทดแทนได้ง่าย สุดท้ายปิดกิจการทำให้คนตกงานกว่าครึ่งร้อย ได้ข่าวว่าหลายๆบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนให้บริษัทญี่ปุ่นนี้ก็กำลังมองย้ายโรงงานตามไปที่พม่า แรงงานนั้นถ้าไม่ตามไปก็จ่ายให้ตามกฏหมาย และตกงานไป ค่าแรงเพิ่มขึ้นแต่ตกงาน(ไม่ทุกบริษัทนะครับ) อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น กำลังซื้อก็ลดลง เศรษฐกิจก็ไม่ดี มันเป็นวัฏจักรผลกระทบครับ
ผมไม่ได้บอกว่าไม่ควรมีสวัสดิการ หรือไม่ควรเพิ่มสวัสดิการนะครับ หลายครั้งที่สวัสดิการเป็นการลงทุนที่ทำให้บริษัทน่าดึงดูดจากแรงงาน ที่ผมต้องการจะบอกคืออย่าประมาทกับสิ่งที่จะทำนะครับเพราะสุดท้ายมันจะกลับมาหาเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ
ส่วนเรื่องฝรั่งเศสเพิ่มกฎห้ามบริษัทส่งอีเมลและข้อความเรื่องงานถึงลูกจ้างหลังเวลางาน นั้นอาจจะทำให้อาชีพรับจ้างไอทีอิสระเพิ่มขึ้น(เพราะที่กฏหมายบังคับแค่ลูกจ้าง) และระบบระบบคลาวด์เข้ามาในประเทศเร็วขึ้น(อยู่ต่างประเทศก็เปิดบริการได้ และถ้าบริการได้ดีกว่า) ซึ่งสุดท้ายจะเป็นการลดอัตราจ้างงานลูกจ้างไอทีโดยรวมในประเทศเองเพื่อเป็นการลดต้นทุนใช้ในการแข่งขันกับบริการเดียวกัน และก็จะเข้าสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงานแล้วเป็นไปตามวัฏจักร
ที่เขียนมาเป็นการคาดการณ์ครับ
กฏหมายไม่ได้ห้ามให้ลูกค้าห้ามส่ง
จริงด้วย O.o
จบเลยแบบนี้