Tags:
Node Thumbnail

ปกติการสัมภาษณ์ทีมงานบริษัทสตาร์ตอัพใน Blognone มักจะสัมภาษณ์ทีมที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หรือทีมที่ได้รับทุน แต่ Page365 เป็นทีมที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษจากโมเดลธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือเป็นบริการสำหรับผู้ค้าเป็นหลักดังนั้นคนทั่วไปคงไม่ได้ใช้บริการนี้โดยตรง นับเป็นโมเดลธุรกิจกิจสตาร์ตอัพที่เจาะกลุ่มเฉพาะสำหรับคนทำการค้า

Page365 เคยแนะนำบริการของตัวเองลง Blognone ไปแล้วแต่โดยรวมมันคือระบบจัดการร้านค้า ที่ทำให้การคอมเมนต์สั่งซื้อเป็นเหมือนการเปิดการซื้อขายในหน้าเว็บอีคอมเมิร์ซ รวมไปถึงการถามคำถามก็จัดเข้าหมวดหมู่ให้เหมือนลูกค้าเข้าไปโพสในหน้าซัพพอร์ต โดยลูกค้าไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง

เรามารู้จักกับทีม Page365 กันเลยครับ

alt="upic.me"

Blognone: ทีมงานรวมตัวกันได้ยังไง

ฬุศรัณย์: ก็เจอกันครั้งแรกที่ AIS Startup Weekend ครั้งที่ 1 ก็มารวมทีมเดียวกันครับ ในงานก็มีคนพิตซ์ไอเดียแล้วใครชอบไอเดียใครก็ฟอร์มทีมกันขึ้นมา ตอนนั้นก็รวมเข้าทีมหนึ่งประมาณสิบกว่าคน ก็ยากมากที่จะทำสตาร์ตอัพกันได้จริงด้วยจำนวนคนในทีมถึงสิบกว่าคน แต่ในความเป็นจริง Startup Weekend ก็นับเป็นงานที่ประสบความสำเร็จมาก มีบริษัทที่ออกมาทำธุรกิจได้จริงเยอะมาก อย่าง Shopspot (สัมภาษณ์ใน Blognone)

จบงานนั้นเราก็ออกจากโปรเจคนั้นมา ตอนนั้นผม ยังเรียนอยู่ พอเรียนจบก็ Startup Weekend ครั้งที่สอง ก่อนนั้นเราก็มาคุยกันก่อนว่าแนวการทำงานตรงกันไหม แล้วก็ไปรวมตัวกันในงาน

ประธาน: ก่อนหน้านั้นเราก็คุยไอเดียกันว่ามีไอเดียอะไรกันบ้าง แล้วก็ไปร่วมกันใน Startup Weekend ที่ต้องไปเริ่มตอนนั้นเพราะตอนนั้นมีงานประจำอยู่ ก็หาโอกาสไปร่วมงานกัน ตอนนั้นก็ไปรวมกันทีมที่มีคอ่นเป็นเจ้าของไอเดียอีกเหมือนกัน ก็ได้ไปรวมกันในทีมทำโซเชียลเน็ตเวิร์คสำหรับสัตว์เลี้ยง ให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงมารวมตัวกัน ก็จะมีตลาดสำหรับอาหารสัตว์อยู่

Blognone: แล้วทำไมไม่ทำทีมนั้นต่อ

ประธาน: ตอนนั้นเราทำ Page365 ก่อน และทีมนั้นเองเราก็เป็นสมาชิกในทีม ตอนนั้นเราคุยกันก็ดูน่าสนุกดีแต่พอทำจริงแล้วก็ไม่ได้ขนาดที่หวังก็กลายเป็นเว็บอีคอมเมิร์ซขายอาหารสัตว์ ผมก็เลยบอกกับทีมว่าผมลาออก แต่ก็ยังมีทีมที่ทำโปรเจคนี้อยู่และตอนนี้ก็ได้ทุนแล้ว

Blognone: เงินจาก VC ในเอเชียส่วนมากไปลงกับเว็บอีคอมเมิร์ซ?

ฬุศรัณย์: ใช่เพราะเขาอยากได้เงินเร็ว บ้านเราไม่เหมือนฝั่ง Silicon Valley เค้าต้องการอะไรที่มีตัวเลขหนุนหลังมากๆ

ประธาน: บริการอื่นๆ บ้านเราก็มีความพยายามเปิดให้บริการกันมา แต่พอไม่มีโมเดลรายได้บางทีก็ยาก อย่าง Facebook เองคงยังพอมองออกว่าจะขายโฆษณา แต่อย่าง Instagram นี่ยาก

alt="upic.me"

Blognone: แต่ทีมงานก็มีโปรเจคอื่นอยู่ แล้วทำไมจึงมารวมตัวกันทำ Page365

ฬุศรัณย์: ตอนที่ผมเสนอไอเดีย ผมเสนอทั้ง Page365 และ ThaiBitCoin ผมก็เลยทำ ThaiBitCoin เป็นไซด์โปรเจค ก็หาเพื่อนมาช่วยทำ

ประธาน: ต้องเริ่มจากไอเดียแรกก่อน คือมีแม่ค้ามาคุยกับคุณฬุศรัณย์ ก่อนว่ามีปัญหาในการจัดการลูกค้า ก็เลยทำแอพพลิเคชั่นทดลองให้แม่ค้ารายนั้นใช้ไป ปรากฎว่ามันแก้ปัญหาได้จริง แม่ค้ารายนั้นเข้าใช้ทุกวัน เราเลยเห็นว่าเค้าเป็นเพียงแม่ค้ารายหนึ่งจากที่มีอยู่มากในเฟซบุ๊ก ตลาดนี้น่าจะมีศักยภาพ ทุกวันนี้เขาก็ยังใช้อยู่ ทั้งๆ ที่เขาลองมาทุกรูปแบบแล้ว

ฬุศรัณย์: แม่ค้าคนนี้พยายามทำให้จัดการลูกค้าได้ง่ายขึ้น พยายามดึงลูกค้าไปใช้เว็บอีคอมเมิร์ซ ปรากฎว่าพอพยายามดึงไปแล้วลูกค้าหาย สุดท้ายเราเปลีี่ยนพฤติกรรมของลูกค้าไม่ได้เราก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเอง

Blognone: โมเดลเริ่มต้นคือเป็นการรับงานมา

ประธาน: ใช่ครับ ช่วงนั้นจริงๆ ก็ยังรับโปรเจคอยู่ แต่ตั้งแต่ต้นปีมาก็หยุดรับโปรเจคอื่นทั้งหมดมาทุ่มกับโปรเจคนี้อย่างเดียว ตอนนั้นบริษัทตั้งมาก่อนโดยคุณฬุศรัณย์ ไว้ทำงานรับเป็นที่ปรึกษา

ฬุศรัณย์: ก็เหมือนกับการปิดบริษัทเดิม แล้วเริ่มกับ Page365 ใหม่

Blognone: เริ่มโปรเจคกันช่วงไหน

ประธาน: เริ่มโปรเจคกันจริงๆ ก็ช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ช่วงนั้นผมก็เริ่มแจ้งลาออกจากที่ทำงานเก่า แล้วก็คุยกันเรื่องหาเงินทุน ผมเองก็ลงเงินส่วนหนึ่งแต่ถ้ามีเงินทุนมาก็จะจ้างนักพัฒนาได้ ช่วงนั้นมีโครงการของกลุ่ม incubator เราก็ไปคุยกับเค้า ที่เขาจะแนะนำเราให้เรามีแผนการธุรกิจดีพอที่จะคุยกับนักพัฒนาได้ แล้วค่อยเข้าไปคุยกับนักลงทุน แล้วให้เวทีเราพรีเซนต์

เราก็เอาแผนธุรกิจ เอาการคาดการณ์ทางการเงิน เขาก็แนะนำเราว่าตรงไหนสำคัญตรงไหนนักลงทุนไม่สนใจ

Blognone: แล้วเงินลงทุนที่ได้มาตอนนี้เป็นรูปแบบไหน

ประธาน: เรียกว่าเป็นอันดับที่สอง ไม่ใช่คนที่เราพรีเซนต์ให้ฟังโดยตรง แต่เขารู้จักกับกลุ่มอื่น ก็ชวนเราไปนำเสนอ เขาอยากเห็นโครงการเราไปต่อก็ลงทุนกับเราส่วนตัวเป็น convertible debt ก็ทำให้เราอยู่มาได้ระยะนึง ก็มีเงินจ้างนักพัฒนากับเช่าออฟฟิศ

Blognone: ตอนนี้ทั้งทีมมีกี่คนแล้ว

ฬุศรัณย์: อีกสองคนครับ รวมทั้งทีมมีสี่คน

Blognone: ใช้เวลาพัฒนารวมประมาณ ครึ่งปีแบ่งงานกันยังไง

ประธาน: ทุกคนในทีมของเรามีพื้นวิศวกรรมทั้งหมด แต่คุณฬุศรัณย์จะไปโฟกัสกับทุกอย่างที่ไม่ใช่การพัฒนา ทั้งการธุรกิจ บัญชี รวมไปถึงความสัมพันธ์กับนักลงทุน

Blognone: ตอนนี้ผู้ใช้เยอะแค่ไหน

ฬุศรัณย์: พอเราออกจากเซฟโหมด ลงข่าวทั้ง Tech in Asia และ Blognone ก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ อย่างตอนลง Blognone ก็มีลูกค้าเข้ามาสมัครเพิ่มประมาณ 20 กว่าร้าน ถ้านับลูกค้าทั่วไปที่เราต้องจัดการจริงๆ มีเยอะมาก เพราะลูกค้าแต่ละร้านก็มีลูกค้าของเค้า คนที่เข้ามาใช้ในระบบเราโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ก็มีข้อความที่เราช่วยจัดการไปเกินล้านข้อความแล้ว

ประธาน: ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ประกาศหาลูกค้าตรงๆ เราแค่ประกาศตามเว็บบอร์ด แล้วก็มีแม่ค้าเข้ามาสมัครเยอะจนเราต้องจำกัดจำนวน ช่วงนี้ก็มีคนใช้งานจริงเกือบร้อยแล้ว แต่ทั้งหมดเป็นร้านค้า ช่วงที่ผ่านมาเราไม่ประกาศตัวเองมากนักเพราะเราไม่มั่นใจว่าเซิร์ฟเวอร์รองรับไหวแค่ไหน ตอนนี้เรามั่นใจระดับนึงแล้ว

Blognone: ตอนนี้ใช้เซิร์ฟเวอร์อะไร

ประธาน: วาง colo ในประเทศครับ แล้วก็ใช้ Debian พัฒนาบน Ruby on Rails หน้าบ้า่นใช้ Angular.js เซิร์ฟเวอร์ใช้ MySQL และส่วนวิเคราะห์ภาษาใช้ Python เพราะว่ามีส่วนที่เป็น NLP

Blognone: มี NLP ไว้ทำอะไร

ประธาน: เราต้องมีส่วน NLP ไว้วิเคราะห์คอมเมนต์ แล้วแยกว่าเป็นคำถาม หรือเป็นคำสั่งซื้อ เจ้าของร้านจะได้จัดลำดับได้ว่าอันไหนต้องตอบก่อน อีกอย่างคือเราเตรียมฟีเจอร์ตอบอัตโนมัติได้ เช่น คำถามว่าโอนเงินที่ไหน ที่ร้านต่างๆ เจอกันจำนวนมาก ถ้ามีคอมพิวเตอร์มาตอบแทนให้ก็สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง ไม่หลับ ไม่พลาด

ฬุศรัณย์: ปัญหาของร้านค้าที่เจอกันตอนนี้ ในร้อยคำถามจะเจอคำถามที่ควรหาคำตอบกันได้เอง 40 คำถาม คุณมาเสียพลังงานให้กับ 40 คำถามนี้ทำไม การทำงานต่อเนื่องก็เป็นที่มาชื่อ Page365 ที่ทำงานได้ไม่หยุดทั้งปี ในส่วน NLP เป็นจุดสำคัญของเราที่หากมีคนมาทำแข่งกับเราก็ต้องพัฒนาส่วนนี้ที่ยากและต้องใช้เวลาและเงิน

Blognone: อย่างนั้นตัววิเคราะห์ก็น่าจะขายแยกได้?

ประธาน: ก็มีแผนอยู่ว่าจะไลเซนส์ให้เจ้าอื่นไปบริการต่อว่ามีความเป็นไปได้ไหม

ฬุศรัณย์: รูปแบบอาจจะเป็นการเปิด API ให้เข้ามาใช้งาน แต่ตอนนี้ที่เจอคือแม้แต่แบรนด์ใหญ่ๆ ก็ยังไม่มากพอ แบรนด์ใหญ่ๆ อาจจะมีคนเข้ามาคอมเมนต์ทุกๆ 5 นาที ซึ่งเอาเข้าจริงก็ยังไม่เยอะเกินกว่าจะจ้างคนมาตอบคำถาม มันจะขึ้นมาเฉพาะช่วงโปรโมชั่น แต่เราก็ยังคิดว่าเรามีบริการบางอย่างที่เราให้กับรายอื่นได้

Blognone: เตรียมซัพพอร์ตอย่างอื่นนอกจาก Facebook บ้างไหม

ประธาน: ในแง่เทคนิคเรามองตัวเองเป็น Siri สำหรับข้อความ เราสามารถโต้ตอบกับคอมเมนต์ในทุกที่ ทั้ง Facebook, Instagram หรือกระทั่ง LINE เราก็มองอยู่ว่าเป็นไปได้ไหม เพราะทุกวันนี้ร้านค้าติดต่อการซื้อขายด้วย LINE แม่ค้าเองก็บอกว่าลูกค้ารู้สึกว่า LINE มันเร็วกว่า และ LINE ก็ทำให้แม่ค้าส่งข้อความไปหาลูกค้าได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็น Facebook แม่ค้าจะส่งข้อความไปไม่ได้ ทุกวันนี้แม่ค้าก็ต้องหาทางเปิดทุกช่องทาง หลายครั้งก็เป็นลูกค้าที่ไม่มีทั้ง LINE, หรือ Facebook ก็โทรมาสั่งสินค้าเอา

Blognone: ประเทศอื่นเขาเป็นอย่างนี้ไหม

ฬุศรัณย์: เป็นในกลุ่มประเทศรอบๆ เรา อินโดนีเซีย, เนปาล, ไต้หวัน อะไรที่ระบบจ่ายเงินกับอีคอมเมิร์ซมันยังไม่พัฒนา คนไม่วางใจระบบ ก็จะหันไปวางใจคนมากกว่า คงยกเว้นเวียดนามที่บล็อคเฟซบุ๊ก ก็ไปใช้อีเมลกันแทน

ประธาน: ในเวียดนามก็สตาร์ตอัพอันหนึ่งรับจัดการปัญหาคนไม่จ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ ก็มีคนส่งของให้แล้วรับเงินสดมาจ่ายให้ร้านค้าอีกทีเป็นมอเตอร์ไซต์วิ่งทั่วเมือง คนซื้อก็ได้จ่ายเงินสด

Blognone: ตอนนี้เริ่มเก็บเงินลูกค้ารึยัง

ฬุศรัณย์: เก็บเงินครับ เราเชื่อว่าสินค้าเราดีพอที่คนจะจ่าย ก็เปิดให้ใช้ฟรีหนึ่งเดือนแล้วถ้าอยากใช้ต่อจากนั้นก็ต้องซื้อ ยกเว้นลูกค้ากลุ่มแรกๆ ซึ่งก็ไม่ค่อยอยู่ใช้งานจนวันเริ่มเก็บเงินเพราะประสบการณ์ของเค้าจะแย่มาก แต่ลูกค้ากลุ่มที่เข้ามาช่วงเดือนมีนาถึงเมษายนจะเริ่มอยู่มาจนถึงช่วงเก็บเงินแล้ว เราก็บอกเขาว่าใช้ฟรี 60 วันในตอนนั้น อันนี้ยกเว้นร้านหนึ่งที่ให้ไอเดียเราแต่แรก

ช่วงที่เราจะเปลี่ยนลูกค้าเป็นลูกค้าจ่ายเงินเราก็ลุ้นเหมือนกัน มาถึงวันที่เราประกาศว่าจะหมดช่วงทดลองเราก็ต้องกลั้นใจปิดบัญชีคนใช้ ทั้งที่เข้ามาแทบทุกวัน เราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเรามีคุณค่าพอที่เขาจะจ่ายเงิน

ประธาน: ความต่างระหว่างศูนย์กับหนึ่งนี่มันเยอะมาก ว่าเรามีประโยชน์จริง ถ้าเรามีประโยชน์จริงคนก็จะจ่ายที่เหลือคือเราต้องทำตลาดให้มากพอที่เราจะหารายได้มาให้มากพอ อย่างตอนนี้ถ้าเขาไม่ใช้เราก็ต้องจ้างคนมาช่วยดูเพจให้อยู่ดี

Blognone: จะออกจากเมืองไทยไหมครับ

ฬุศรัณย์: ก็ต้องจับตลาดในไทยให้แข็งก่อน อย่างในไทยมีร้านในเฟซบุ๊กหลักหมื่นร้าน ถ้าได้ 10% ผมถือว่าในไทยเราแข็งแล้ว

ประธาน: ที่จริงแล้วเรามีแผนจะบุกหลายส่วนมาก ทั้งธุรกิจแนวอื่น เช่นหน้าเพจที่ไม่ได้ขายสินค้าอยู่เดิม หรือเพจแบรนด์ใหญ่ๆ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของการลงทุนด้วย นักลงทุนเองก็อยากลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มจะโตได้เยอะมากๆ เราก็ต้องบุกทั้งแพลตฟอร์มอื่น อย่าง LINE, Instagram รวมถึงการทำระบบจ่ายเงิน รวมถึงอาจะทำลอจิสติกได้ด้วย

Get latest news from Blognone

Comments

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 25 July 2013 - 09:25 #601442
PaPaSEK's picture

อ่านแล้วเห็นความแตกต่างทางบุคลิคของทั้งสองคนดีครับ

  • คุณฬุศรันย์จะถนัดการนำเสนอ พูดดึงดูดนักลงทุนได้ดีมาก นำเสนอจุดแข็งในของสิ่งที่ตัวเองทำ ว่าช่วยแก้ปัญหา และลดภาระให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างไร

  • คุณประธานจะมองอะไรเป็น logic + เชิงวิศวกรรมมากๆ

มารวมกันสองคนแล้วสุดยอดมากๆ ครับ

By: 21Aki
ContributorAndroidWindows
on 25 July 2013 - 10:07 #601461
21Aki's picture

คุณประธานนี่ชื่อ ประธานใช่ไหมครับ ผมนึกว่าว่า เป็นประธานบริษัท แฮะๆ

By: EThaiZone
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 25 July 2013 - 10:36 #601493 Reply to:601461
EThaiZone's picture

+1 ไม่อ่านผมก็คิดไปแล้วเหมือนกัน -


มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 25 July 2013 - 11:40 #601531 Reply to:601493
PaPaSEK's picture

ประธานชื่อ ธนานาถ

By: NgOrXz
iPhoneAndroidWindows
on 25 July 2013 - 12:21 #601554
NgOrXz's picture

แพงไปหน่อย Page Manager ก็ทำได้อยู่แล้วอะนะ

By: thumb6455
Android
on 29 July 2013 - 19:34 #603301 Reply to:601554

จะต่างกันตรงที่ เราออกแบบให้ Page365 ทำในสิ่งที่ Page Manager ทำไม่ได้ครับผม (โดยมากคือฟีเจอร์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับร้านค้าใน Facebook จริงๆ)
ส่วนเรื่องราคาเริ่มต้นจากประมาณ ฿ 260 บาท ต่อเดือน ครับผม

By: iammeng
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 25 July 2013 - 12:22 #601555
iammeng's picture

มันคือ App ที่ไว้ใช้ติดต่อกับลูกค้าหรอครับ โดยมีการตอบคำถามอัตโนมัติในคำถามที่ถามบ่อยๆ?

By: thumb6455
Android
on 29 July 2013 - 19:38 #603305 Reply to:601555

มองว่าเป็นผู้ช่วยดีกว่าครับ เพราะนอกจากการช่วยตอบ มันก็ทำงานอย่างอื่นด้วย เช่นรื้อประวัติมาดูว่าลูกค้าเราเคยสั่งอะไรบ้าง เคยไปคอมเมนท์ที่ไหนบ้าง หรือ search ข้อความจากคำในข้อความได้เลย ครับ

By: lingjaidee
ContributoriPhoneAndroid
on 29 July 2013 - 02:35 #602946
lingjaidee's picture

ส่วนตัวคิดว่าถ้าต้องการระดับแมส ควรหาดีไซน์เนอร์อย่างแรงนะครับ -..-'


my blog