Tags:
Node Thumbnail

ชาวเกมเมอร์สายวินโดวส์น่าจะพอทราบว่า การเล่นเกมแบบเต็มหน้าจอ (fullscreen) กับการย่อในหน้าต่าง (windowed) มีผลต่อประสิทธิภาพของเกม ด้วยเหตุผลหลักๆ คือวิธีการเรนเดอร์เฟรมของกราฟิก (presentation mode) และยังมีประเด็นว่าการเล่นแบบหน้าต่างอนุญาตให้แสดงหน้าต่างอื่นหรือการแจ้งเตือนทับบนหน้าต่างเกมอีกที ในขณะที่เกมแบบเต็มหน้าจอได้ทรัพยากรเครื่องแบบไม่ต้องแบ่งให้ใคร

ไมโครซอฟท์มีวิธีเรนเดอร์เฟรม 2 แบบคือ blt แบบดั้งเดิม (ก่อน Windows 7) และ "flip model" ที่เริ่มใช้ใน Windows 7 แล้วพัฒนามาเรื่อยๆ (รายละเอียดบนเว็บไมโครซอฟท์)

ในยุค Windows 10 ไมโครซอฟท์เริ่มทำ Fullscreen Optimizations เพิ่มฟีเจอร์กราฟิกใหม่ๆ อย่างการลด latency ในการแสดงผล, Auto HDR, Variable Refresh Rate (VRR) รายละเอียด แต่การปรับแต่งทั้งหมดยังจำกัดเฉพาะโหมดเล่นเกมแบบเต็มหน้าจอเท่านั้น (เป็น flip model)

No Description

ล่าสุดบน Windows 11 Insider (Build 22545 ขึ้นไป) ไมโครซอฟท์เพิ่มตัวเลือก Optimizations for windowed games เข้ามาแล้ว ในทางเทคนิคแล้วคือการเปลี่ยน presentation mode ของการเล่นเกมแบบหน้าต่าง จาก blt มาเป็น flip เพื่อให้เกมแบบหน้าต่างได้การปรับแต่งแบบเดียวกับ Fullscreen Optimizations ด้วย

ไมโครซอฟท์ย้ำว่าเกมที่ไม่ได้ใช้กราฟิก v-sync อาจเจอปัญหา screen tearing หรือภาพเฟรมถัดไปเรนเดอร์เสร็จพร้อมแสดงผลก่อนเฟรมก่อนหน้า ทางแก้คือการเปิด v-sync หรือถ้าเกมนั้นไม่รองรับ ก็สามารถเลือกปิด Optimization เป็นรายเกมได้เช่นกัน (Per-App Opt-Out)

ที่มา - Microsoft via TechRadar

Get latest news from Blognone

Comments

By: KuLiKo
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 21 February 2022 - 03:10 #1241175
KuLiKo's picture

นี่มันโคตรแห่งฟีเจอร์ ฉันจะได้เล่น Valorant สู้คนเล่น Full Screen ได้ซักที