Tags:
Node Thumbnail

สำหรับมือใหม่ที่พึ่งหัดตัดต่อวิดีโอ มักพบเจอปัญหาไม่รู้ใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโออะไรดี ครั้นจะไปใช้โปรแกรมตระกูล Adobe อย่าง Premiere Pro ก็ต้องเสียเงินใช้เป็นรายเดือน เดือนละหลายบาท จะใช้ของก็อปก็ผิดกฎหมาย เสี่ยงโดนค่าปรับที่ไม่คุ้มกันอีก วันนี้เราเลยจะมาแนะนำโปรแกรมตัดต่อเบื้องต้นแบบที่ใช้ง่าย ฟังก์ชั่นหลากหลาย ได้ภาพสวยคมชัด และที่สำคัญคือ ใช้ฟรี! จนไม่ต้องง้อ Premiere Pro ก็ได้ ถ้าอยากรู้แล้วว่ามีโปรแกรมอะไรบ้างมาเริ่มที่โปรแกรมแรกกันเลย

สำหรับกลุ่มเริ่มต้น (Best for beginners)

1. Adobe Creative Cloud Express (ชื่อเดิม Adobe Spark)

Adobe Creative Cloud Express จัดเป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่เหมาะอย่างมากสำหรับมือใหม่ เนื่องจากลักษณะโปรแกรมจะเป็นแบบสำเร็จรูป เบื้องต้นใช้ตัดต่อวิดีโอ ปรับสีตามได้ตามใจชอบ และที่สำคัญเราสามารถเลือก ธีม (Theme) เพื่อปรับแต่งนิดหน่อยก็ได้เป็นวิดีโอชิ้นหนึ่งแล้ว ซึ่งช่วยประหยัดเวลาเราได้มากทีเดียว นอกจากการใช้งานที่ง่ายแล้ว เรายังสามารถ Save เพื่อฝากไฟล์ได้อีกด้วย

แม้จะเป็นโปรแกรมที่รวมเครื่องมือทั้งหมดไว้ในโปรแกรมขนาดเล็กสุดกะทัดรัด แต่ก็มีข้อจำกัดที่ความล่าช้าในบางที หรือตัวอักษรและเครื่องมือมีให้เลือกน้อย จึงเหมาะสำหรับออกแบบวิดีโอเล่น ๆ ทั่วไป

รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows, Mac และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี

No Description

2. VideoPad

VideoPad จัดเป็นโปรแกรมทางเลือกที่ดีตัวหนึ่งสำหรับตัดต่อวิดีโอคุณภาพสูงสักชิ้นหนึ่งในแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องปรับค่าอะไรมากมาย เนื่องจาก User Interface ของโปรแกรมได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย จึงหมดปัญหามือใหม่ที่กำลังหัดตัดแต่งวิดีโอ ส่วนฟีเจอร์ที่สามารถใช้งานได้ในขั้นพื้นฐานอย่างเช่น การใส่ Special Effect การใส่ตัวอักษรเข้าไป การ Transition ในรูปแบบต่าง ๆ ร่วมกับการสามารถปรับสีวิดีโอให้ได้สีสันตามใจต้องการ พร้อม Export ไฟล์ไปยัง Social Media อย่าง YouTube, Facebook, Google Drive หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่ทั้งง่ายและรวดเร็ว

นอกจากนี้ VideoPad ยังสามารถใช้ตัดต่อวิดีโอแบบ 3D หรือจะเป็นการจัดเก็บ Sound Effect ต่าง ๆ เพื่อเรียกใช้ปรับแต่งวิดีโอของเราให้ได้สไตล์ที่เรากำหนดในระดับเบื้องต้นได้ แต่สำหรับใครที่ต้องการความละเอียดของวิดีโอในระดับสูงกว่า 4K ตัวนี้ยังไม่ตอบโจทย์นัก 

รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows และ Mac
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี

No Description

สำหรับผู้ใช้ระดับปานกลาง (Best for intermediate editors)

3. OpenShot

สำหรับผู้ใช้ที่พอมีประสบการณ์มาบ้าง OpenShot เป็นตัวหนึ่งที่ตอบโจทย์การใช้ได้พอสมควร ซึ่งนอกจากจะใช้ตัดต่อวิดีโอพื้นฐานแล้ว ยังแถมเครื่องมือสำหรับใช้งานในระดับที่ซับซ้อนขึ้น ด้วย Interface ที่ได้รับการดีไซน์แบบง่าย ๆ แต่ครบเครื่องแบบสุด ๆ ซึ่งเหมาะอย่างมากกับธุรกิจเล็ก ๆ ที่ใช้สำหรับปรับขนาด ตัดต่อหัวท้ายทั้งภาพและเสียงหรือจะขยายสั้นยาวก็ใช้ได้ พร้อมด้วยฟีเจอร์ Preview เพื่อดูวิดีโอและแก้ไขแบบ Real-time โดยสามารถส่งไฟล์ที่มีความละเอียดระดับ 4K UHD 60fps และนอกจากนี้ยังสามารถใช้ออกแบบวิดีโออนิเมชั่นได้อีกด้วย แต่ภาพที่ได้อาจไม่ละเอียดนัก หากใช้สำหรับอนิเมชั่นที่ฉายในโรงหนัง

รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows, Mac และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี

No Description

4. WeVideo

ตัวที่สามที่เหมาะจะใช้ตัดต่อเพื่อลงสื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, IG, Line, TikTok คือ WeVideo ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปแทบทุกกลุ่ม มีฟังก์ชั่นสำหรับตัดต่อวิดีโอที่ใช้ง่าย และสะดวกในการลงแชร์บนโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถเก็บไฟล์วิดีโอไว้ในโปรแกรมบนระบบ Cloud ได้ไม่จำกัด รวมทั้งสามารถแชร์ไฟล์ให้กับทีมได้สะดวกไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม

รองรับระบบปฏิบัติการ : Chromebook, Mac, Windows, iOS และ Android
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : $4.99 หรือตกเฉลี่ย 167 บาท/เดือน

No Description

สำหรับผู้ชำนาญและกลุ่มมืออาชีพ (Best for advanced Editors)

5. Blender (เหมาะกับ 3D)

Blender จัดเป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ใช้ฟรี ซึ่งทำมาเพื่อใช้ออกแบบ 3D โดยเฉพาะ เหมาะอย่างมากสำหรับใครที่ต้องการใช้สร้างและเรนเดอร์อนิเมชั่นแบบ 3 มิติ โดยตัวซอฟต์แวร์ได้รับการออกแบบร่วมกับนักพัฒนาหลายร้อยคนจากทั่วโลกทีเดียว

ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานนั้นครอบคลุมทั้งระดับพื้นฐานและระดับมืออาชีพ ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ใช้งานในระดับหนึ่ง  

รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows, Mac และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี

No Description

6. Kdenlive

Kdenlive เป็นโปรแกรมตัดต่อแบบ opensource อีกตัวที่ใช้งานได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพดี แม้ตัว UI จะดูไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้เท่าไร อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควร แต่ในหน้าเว็บไซต์ก็มีคู่มือผู้ใช้ เป็นภาษาอังกฤษสำหรับมือใหม่อยู่

หลังใช้จนคล่องมือแล้ว ผู้ใช้จะพบว่าความสามารถของ Kadenlive ก็ไม่ด้อยไปกว่าโปรแกรมอื่น อีกทั้งความสามารถในการจัดการทรัพยากรเครื่องเมื่อเปิดไฟล์ใหญ่ๆ อาจดีกว่าหลายๆ โปรแกรมฟรีอื่นด้วย แถมยังสามารถปรับแต่ง UI รวมถึงคีย์ลัดเพิ่มเติมได้เอง รวมถึงมีระบบแบ็คอัพไฟล์อัตโนมัติ และมีเครื่องมืออย่าง Audio Meter, Histogram, Waveform, Vectorscope และ RGB Parade มาให้อย่างครบครัน ถือเป็นอีกโปรแกรมฟรีที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานระดับสูงขึ้นมาอีกนิด

รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows, Mac และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี

No Description

7. Davinci Resolve

Davinci Resolve จัดเป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอตัวถัดมาที่ใช้ได้เหมือนกับ Adobe Premiere Pro โดยสามารถหยิบเครื่องมือมาใช้ได้ง่ายและสะดวก อีกทั้งได้รับการใช้อย่างแพร่หลายใน Youtuber จนกระทั่งถึงวงการภาพยนตร์ระดับโลกเลยทีเดียว เหมาะอย่างมากสำหรับทำภาพยนตร์หรือทำหนังสั้นส่งประกวด หรือโอกาสต่าง ๆ จุดเด่นคือ สามารถใช้ปรับ Color Grading สีของวิดีโอให้สวยและได้ความคมชัดระดับ Ultra-HD และหากใครต้องการใช้ทำงานในระดับสูงขึ้น ไร้ลายน้ำไร้สะดุด ก็สามารถอัพเดตเป็นแบบ Pro ได้ เพียง 8,987 บาท

เพื่อประสิทธิภาพของภาพที่ใช้ตัตต่อวิดีโอ หากใช้คู่กับคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือแลปท็อปที่มีเกรดซีพียู ตั้งแต่ Inter Core i5, i7 ถึง i9 กับการ์ดจอที่ให้ความละเอียดสูง ตรงตามค่าคาริเบท เมื่อทดลองใช้ถ่ายทอดวิดีโอกับอุปกรณ์ตัวอื่น เช่น สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ เป็นต้น โดยสามารถเข้าไปอ่านบทความ 

“แนะนำ 5 โน๊ตบุ๊คทำงาน ราคาไม่เกิน 20,000 บาท ประจำปี 2022 เสปกครบ จอชัด เชื่อมต่อดี เพิ่มเติมได้เลยครับ

รองรับระบบปฏิบัติการ : Mac, Windows และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : $269 หรือตกเฉลี่ย 8,987 บาท เมื่ออัพเดตเพื่อใช้งานแบบ Full Studio Version

No Description

8. HitFilm Express

HitFilm จัดเป็นโปรแกรมตัดต่อภาพระดับท็อปในวงการศิลปินและชาว Video Editor ในระดับโลก แต่สามารถหยิบมาใช้ได้ฟรีอย่างจุใจ ด้วยรูปแบบการจัดวางแถบคู่มือฟังก์ชั่นได้ดี (User Interface) ทำให้ผู้ใช้เรียนรู้การใช้งานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว ตัดต่อลื่นไหลไร้สะดุด และหากใครต้องการใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอสำหรับรีวิวสินค้า ใช้ประกอบการทำบล็อก หรือใช้ลงสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊คให้คนรู้จัก การใช้เวอร์ชั่นฟรีถือว่าเพียงพอระดับหนึ่งเลย โดยเครื่องมือพื้นฐานที่เราจะได้ใช้มีหลากหลายตัวอย่าง เครื่องมือสำหรับตัดต่อภาพและเสียงจวบจนกระทั่งสร้างงาน 3D หรือ 4K ที่มีความซับซ้อนได้ เรียกได้ว่าครบจบในหนึ่งเดียว

นอกจากนี้หากใครสนใจใช้งานในระดับสูงกว่านี้ ก็สามารถซื้อการใช้งานแบบ Pro ได้ในราคา $369 หรือตกราคา 11,660 บาท/เดือน ซึ่งเหมาะกับงานอนิเมชั่น หรือผู้รับงานตัดต่อระดับสูงอย่างภาพยนตร์ระดับ High-end แน่นอนว่าคุณจะได้เครื่องมือปรับค่าแสงสีที่ละเอียดพอสำหรับการแสดงผลของมิติ ภาพ สี และความสว่างที่มีความละเอียดระดับที่มากกว่า 8K

รองรับระบบปฏิบัติการ : Mac และ Windows
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : $349 หรือตกเฉลี่ย 11,660 บาท

No Description

อ้างอิง: Edit Videos Like a Pro : The 13 Best Free Video Editing Software for 2022

Get latest news from Blognone

Comments

By: ZeaBiscuit
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 10 January 2022 - 12:57 #1236849
ZeaBiscuit's picture

Davinci Resolve นี่ของโคตรดี หา Tutorial ง่าย Ref เยอะ

By: checkmate95
ContributorAndroid
on 10 January 2022 - 13:35 #1236855
checkmate95's picture

ถ้างานระดับ นศ ทำส่งอาจารย์ ไปจนถึงเบื้องต้นประมาณ 2-3 layer แนะนำ kdenlive เลยครับ โปรแกรมค่อนข้างเล็ก และทำงานได้เร็ว UI ผมถือว่าค่อนข้างใช้ง่าย เผลอๆจะคลีนและง่ายกว่า Davinci ด้วย

ส่วน blender แค่หาโหมดตัดต่อวีดีโอเจอก็เก่งแล้วครับ

By: mementototem
ContributorJusci's WriterAndroidWindows
on 10 January 2022 - 18:07 #1236897 Reply to:1236855
mementototem's picture

Blender เขาย้ายเมนูมาอยู่ที่ startup dialog ให้เรียกใช้ได้ง่าย ๆ แล้วนะครับ แต่ก็นั่นแหละ ใช้ตัวอื่นดีกว่ามั้งงง


Jusci - Google Plus - Twitter

By: big50000
AndroidSUSEUbuntu
on 10 January 2022 - 21:20 #1236915 Reply to:1236897
big50000's picture

ตั้งแต่ Blender 2.8 เป็นต้นมา ทุกอย่างก็ดีงามไปหมด เสียอยู่อย่างผู้ใช้เก่าบ่นกันอุบเลย

By: specimen
Windows PhoneAndroid
on 10 January 2022 - 18:25 #1236901 Reply to:1236855
specimen's picture

+1 ให้ kdenlive ครับ
ในรายการลองมาเกือบครบ จบที่ kdenlive ครับ

เปิดไฟล์ขนาดยักษ์ ๆ ไม่สะดุดด้วยซ้ำไป ืในขณะที่อีกหลายโปรแกรม เปิดไฟล์เดียวกันแล้ว freeze

By: GyG on 10 January 2022 - 15:37 #1236876
GyG's picture

ไปลองใช้ Davinci แล้วเลิกใช้ของฝั่ง Adobe ไปเลย

ปล. ว่าแต่ Vegas เป็นไงบ้างหว่า แต่ก่อนก็ชอบใช้ แต่พี่เขาเล่นออกรุ่นใหม่แล้วต้องซื้อใหม่ไปเรื่อย ๆ เลยเลิกใช้ไปนานละ

By: BouncingBreasts
AndroidUbuntuWindows
on 10 January 2022 - 17:05 #1236888
BouncingBreasts's picture

แปลกใจ ในนี้ไม่มี Shotcut เลยเหรอครับ ? มีใครพอทราบข้อดีข้อเสียเมื่อเปรียบเทียบกันบ้างมั้ยครับ ? (คือใช้มาสักพักละ ไม่ใช่แฟนบอยมันหรอก บางฟีเจอร์ใน Vegas 13 กลับไม่มีใน ShotCut บางทีก็ลำบากครับ)

By: specimen
Windows PhoneAndroid
on 10 January 2022 - 18:28 #1236902 Reply to:1236888
specimen's picture

เคยใช้ shotcut มาก่อนแต่เปิดไฟล์ใหญ่ค้าง ใช้งานปกติ ค้าง อะไร ๆ ก็ค้าง เครื่อง ram32 Ryzen 7 นะครับ

ย้านไป kdenlive แล้วขีวิตดีครับ ลื่น ๆ เบา ๆ เลย

By: BouncingBreasts
AndroidUbuntuWindows
on 11 January 2022 - 13:49 #1237010 Reply to:1236902
BouncingBreasts's picture

เดาว่าผมน่าจะกำลังเจออย่างเดียวกันอยู่ครับ
คือยิ่งทำ ยิ่งโปรเจ็คใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นอกจาก preview lag ยังมี zoom-in / zoom-out lag มาก น่ารำคาญมากครับ

By: wegang
ContributorAndroid
on 10 January 2022 - 23:19 #1236930
wegang's picture

ในลิสต์นี้รู้จัก (เคยได้ยินชื่อ) แค่ Blender โปรแกรมเดียว ?

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 11 January 2022 - 08:23 #1236944
TeamKiller's picture

สมัยเรียนทำไมไม่รู้จักอะไรแบบนี้เนี่ย