หลัง Apple บังคับแอปต่างๆ ว่าต้องขออนุญาตผู้ใช้งานก่อนติดตามข้อมูลผู้ใช้ ตามนโยบาย App Tracking Transparency ของ iOS 14.5 และทำให้การเก็บข้อมูลของ Google และ Facebook ทำได้ยากขึ้น โดยอ้างว่าทั้งหมดทำไปเพื่อผู้ใช้งาน ล่าสุด Apple ได้เปิดขายโฆษณาในหมวด Search ของ App Store ซะเอง โดยยิงโฆษณาจากข้อมูลที่เก็บมาจากผู้ใช้
ก่อนหน้านี้ Apple ใช้ข้อมูลที่เก็บจากพฤติกรรมดาวน์โหลดและใช้งานแอปของผู้ใช้ เพื่อแสดงโฆษณาใน Apple Search อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นล่าสุดนี้คือช่องโฆษณาแอปด้านบนสุดของหมวด Suggested ซึ่งนักพัฒนาแอปจะสามารถซื้อโฆษณาเจาะกลุ่ม (targeted ads) ตามข้อมูลผู้ใช้จาก Apple ได้
ข้อแตกต่างของการเก็บข้อมูลนี้คือ Apple ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Search Ads ว่าจะไม่แชร์ข้อมูลกับบริษัทอื่น และจะไม่สร้างโปรไฟล์สำหรับใช้ในการยิงโฆษณา แต่จะใช้การแบ่งผู้ใช้ออกเป็นกลุ่ม (segment) ต่างๆ ตามพฤติกรรมการใช้งานแอป และผู้ซื้อโฆษณาจะสามารถยิงโฆษณาเจาะกลุ่มได้ เมื่อมีผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมคล้ายกันอยู่ในกลุ่มนั้นเกิน 5,000 คนขึ้นไป
เห็นได้ชัดว่า Apple เองก็ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อยิงโฆษณาเช่นกัน แม้จะมีข้อแตกต่างด้านการเก็บข้อมูลและแชร์ข้อมูลจาก Google และ Facebook แต่การออกนโยบาย App Tracking Transparency เพื่อทำให้แอปอื่นเก็บข้อมูลผู้ใช้ได้ยากขึ้น ก่อนจะเพิ่มช่องทางขายโฆษณาใหม่ในเวลาไม่นาน ก็ค่อนข้างน่าสงสัย และมีทีท่าว่า Apple อาจเพิ่มช่องทางโฆษณาบนแพลตฟอร์ม iOS ที่ตัวเองครอบครองข้อมูลผู้ใช้มากสุดแค่เพียงผู้เดียวมากขึ้นในอนาคต
ที่มา - Mobile Dev Memo
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
จริง ๆ มันพอมีวิธีลดตัว target ads ของแอปเปิลอยู่ (นิดหน่อยนะ) ไปที่ Settings => Privacy => Apple Advertising แล้วปิด Target Ads
แต่เอาเข้าจริง มันก็ดูทะแม่ง ๆ นะ เพราะยังไงก็ยัง target บางส่วนจากบัญชีได้อยู่ดี
Coder | Designer | Thinker | Blogger
รอโดนฟ้องต่อ
เอเปิลยังต้องใช้โฆษณา เพื่อขายของแบบบริษัทอื่นอีกเหรอ นึกว่าเน้นขายแต่อุปกรณ์
ขายโฆษณาในแอพสโตร์(?)
เค้กใครเค้กมัน ใครไม่อยากให้ Apple ทำก็ไปใช้ android (ได้ของกูเกิ้ลแทน)
ตอนงดแจกอแดปเตอร์เพราะประหยัดต้นทุนก็บอกว่าลดโลกร้อน
ตอนที่บอกว่าปกป้องสิทธิผู้ใช้ก็คงไม่ได้มีอะไรมากกว่าไปกำจัดคู่แข่ง
ปล.แอปเปิ้ลเปิดเผยข้อมูลว่าเก็บอะไรบ้างนะครับในเว็บนี้ - https://www.apple.com/privacy/labels/
แล้วที่เข้าใจอันนนี้ก็ไม่ได้มีการติดตามผู้ใช้ข้ามแอพแบบ google/facebook pixel แต่เก็บจากในแอพ เหมือน amazon ที่มีข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนอยู่ในมือไม่ต้องแทร็คจากข้างนอก
สรุปคือแอปเปิ้ลก็ทำตามนโยบายที่ตัวเองออกมาอยู่นี่ครับ?
หรือแอปเปิ้ลต้องไม่ทำ targetAd ครับ? เพราะออก ATT มา?
ผมก็มองว่ามันเป็นการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานภายใน App (ในที่นี้คือ App Store) มากกว่าการไป Track จาก App อื่นในเครื่องเหมือนกันครับ เค้ารู้อยู่แล้วว่าคุณโหลดอะไร ไม่ต้องไปดูเลยว่าในเครื่องคุณมีอะไรอยู่
มันอารมณ์ประมาณเปลี่ยนกติกาให้ตัวเองชนะครับ
คือถ้าไม่เปลี่ยนนโยบายนี้ โฆษณาของ Apple อันนี้ก็จะขายไม่ออก ก็เลยเปลี่ยนกติกาให้เจ้าอื่นทำได้ยากขึ้น แล้วขายของตัวเองแทนครับ
ตอนนี้คือแอปที่ต้องปรับตัวตามนโยบาย ถ้าไม่เปลี่ยนโมเดลเป็นแบบเสียตังที่ Apple ได้ส่วนแบ่งด้วย ก็ต้องซื้อโฆษณาของ Apple แทน กลายเป็นว่า Apple กินรวบเลยนั่นเอง
กองอวยเจ้าของตลาด เจ้าของที่ต้องมาแล้ว
ผมก็รอดูกองอวยผู้ใช้ได้ประโยชน์ไม่เห็นจะต้องแคร์เหมือนกันครับ 55+
Apple ได้เค้กก้อนใหญ่ขึ้น มันก็เหลือแค่เรากับผู้ให้บริการแล้วล่ะว่าใครจะได้เค้กก้อนเล็กกว่าเดิม (แต่ผู้ให้บริการเป็นคนแบ่งเค้กก้อนที่เหลือนะ)
อันนี้ค่อนข้างสงสัย ว่าด้วยมาตรฐานแอปเปิลแบบนี้ ถ้าไม่ match ผู้ใช้ด้วย email, เบอร์โทร, cookie (ซึ่งเป็นการเจาะจงตัว แม้แพลตฟอร์มทั้งหลายจะบังคับให้ต้อง match ทีละหลักพัน) ก็แสดงว่าสามารถ match ด้วยข้อมูลอื่นๆ ได้แบบเดียวกับแอปเปิล?
Facebook ก็จะขาย targeted ads โดยระบุผู้ใช้กว้างๆ ว่า เป็นคนไทย, ชอบช่าวไอที ฯลฯ อะไรแบบนั้นได้คล้ายๆ เดิม แค่ถอดบาง context ออกก็จะไม่ต้องขออนุญาตผู้ใช้ล่วงหน้าอีกต่อไป
lewcpe.com, @wasonliw
ผมพยายามมองต่างมุมนะ
App Store เก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า "ภายใน" app ของตัวเองเพื่อนำไปใช้ เช่น download app ประเภทไหนบ้าง ซื้อประเภทไหนบ้าง เป็นต้น
Facebook เก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า "ภายใน" app ของตัวเองเพื่อนำไปใช้ เช่น อ่าน post ไหนบ้างนานแค่ไหน comment ใครบ้าง ซึ่งนำไปสู่ suggested feed เป็นต้น
Google เก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า "ภายใน" app ของตัวเอง เช่น เนื้อหาใน email คำค้นที่ใช้ใน search engine เพื่อนำไปขายโฆษณา เป็นต้น
3 case นี้ต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร ? ผมว่ามันไม่ต่างกันนะ หรือผมอาจจะเข้าใจผิด
That is the way things are.
ในเพจ facebook มีแต่พวกอ่านพาดหัวข่าวและลงบรรเลงแป้นพิมพ์ด่าแบบโง่ๆ
default มันปิดนะ และมันก็เลือกได้ ไม่ใช่ขู่ว่าจะบังคับเก็บเงิน นิ ?
หนี โฆษณาจาก มา IOS ก็เจอโฆาณาอยู่ดี เห้อ โฆษณาใน appstore น่าลำใยมากจริงๆ